“ไป๋ฮูหยิน!” ฉู่จวินถิงเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “ในเมื่อท่านมิใช่มารดาแท้ๆ ของจื่อมู่ การที่เขาพูดถึงมารดาผู้ล่วงลับ ท่านก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดแทรก”หลี่ว์เหวินซิ่วที่กำลังจะกล่าวตำหนิไป๋จื่อมู่ต่อ เมื่อถูกฉู่จวินถิงตักเตือนขึ้นมา นางก็สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจหากเป็นวันอื่น นางคงไม่กล้าพูดมากต่อหน้าฉู่อ๋อง แต่วันนี้เป็นเรื่องภายในของตระกูลไป๋ ต่อให้ฉู่อ๋องจะมีอำนาจสูงส่งเพียงใด ก็ไม่อาจแทรกแซงเรื่องครอบครัวได้“ท่านอ๋อง เรื่องนี้เป็นเรื่องในจวนของพวกเรา…” หลี่ว์เหวินซิ่วเอ่ยอย่างลังเล“ก็เพราะเป็นเรื่องของตระกูลไป๋ ข้าจึงไม่ได้พูดมากกว่านี้ มิเช่นนั้นไป๋ฮูหยินคิดหรือว่าการกระทำที่ไร้มารยาทเช่นนี้จะยังยืนอยู่ที่นี่ได้?”ฉู่จวินถิงกวาดตามองหลี่ว์เหวินซิ่วด้วยสายตาเย็นชา ดวงตาที่เยือกเย็นของเขาแฝงด้วยความเคร่งขรึมและดุดันหลี่ว์เหวินซิ่วถึงกับพูดไม่ออก นางรีบปิดปากเงียบในทันที นึกในใจว่าอำนาจและบารมีของฉู่จวินถิงช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้ว่าไป๋จื่อมู่ไปทำบุญด้วยอะไร ถึงได้ติดตามรับใช้ฉู่อ๋องเมื่อไป๋โหวเดินเข้ามาใกล้และเห็นจดหมายในมือของไป๋จื่อมู่ รวมถึงสิ่งของในกล่อง เขาก็เริ่มน้
หลี่ว์เหวินซิ่วสังเกตเห็นซ่งรั่วเจินตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใด เพียงเพราะรูปลักษณ์ของนางที่โดดเด่นจนยากจะมองข้ามแม้นางจะไม่รู้จักซ่งรั่วเจิน แต่เมื่อเห็นว่าซ่งรั่วเจินอยู่เคียงข้างฉู่อ๋อง ก็พอคาดเดาฐานะของนางได้ไม่ยาก เพียงแค่สตรีที่ใช้ความงามเพื่อรับใช้ผู้คน แต่กลับกล้าสอดมือเข้ามาในเรื่องของตระกูลไป๋เช่นนี้หรือ?“แม่นาง คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“ไป๋ฮูหยิน ท่านรู้ดีว่าตนเองเคยทำอะไรลงไป หากไม่ใช่เพราะคำโกหกและการใส่ร้ายป้ายสีของท่านในตอนนั้น มารดาของคุณชายไป๋ก็คงไม่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานเช่นนี้”หลี่ว์เหวินซิ่วสีหน้าถอดสี “เจ้ารู้อะไรถึงได้พูดจาเหลวไหลเช่นนี้!”ซ่งรั่วเจินไม่สนใจกับความโกรธของหลี่ว์เหวินซิ่ว “ไป๋ฮูหยิน ข้าขอเตือนด้วยความหวังดี หน้าผากท่านดำคล้ำ ดวงตาลึกโบ๋ ช่วงนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของคน ทำให้วิญญาณอาฆาตตามทวงชีวิต”“หากไม่แก้ไขโดยเร็ว ภายในสามวันท่านคงไม่รอด”“ส่วนเรื่องที่ท่านอ้างว่าป่วยเพราะเรือนของคุณชายไป๋ส่งผลร้ายต่อท่านนั้น ล้วนเป็นคำพูดเหลวไหล บาปกรรมที่ท่านก่อขึ้นต่างหากที่ทำให้ท่านต้องรับผลเช่นนี้”“คนตายหรือ?”ทุกคนในที่นั
ไป๋จื่อมู่ขมวดคิ้วแน่น แม่นมสวีเป็นคนที่ปฏิบัติต่อเขาดีมาโดยตลอด การจากไปอย่างกะทันหันของนางทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เขาจึงพยายามสืบหาความจริงเพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่ได้รายละเอียดที่มีประโยชน์อะไร“ก็แค่แม่นมคนหนึ่งเท่านั้น นางอยู่ในเรือนของท่านแม่ ข้าก็แปลกใจที่นางป่วยและตายกะทันหัน แต่เพราะสภาพศพของนางน่ากลัวมากและนางยังทิ้งคำสั่งเสียไว้ก่อนตาย ท่านแม่จึงสั่งให้ทำเช่นนั้น มีอะไรแปลกตรงไหน?”ไป๋จวิ้นอวี่รีบพูดออกมา อยากจะกล่าวหาซ่งรั่วเจินว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋น แต่คำพูดยังไม่จบก็เห็นสายตาเย็นชาของฉู่อ๋อง คำพูดเหล่านั้นก็ถูกกลืนกลับไปทันทีเขาไม่กล้ากล่าวหาแขกคนสำคัญของฉู่อ๋อง มิเช่นนั้นหากทำให้ฉู่อ๋องพิโรธขึ้นมา ผลลัพธ์ที่ตามมาเขาย่อมรับไม่ไหว“พี่ใหญ่ แม้ท่านจะโกรธท่านแม่เพราะเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ควรปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อกล่าวหาท่านแม่นะ!”“ท่านแม่เป็นคนมีเมตตา จู่ๆ ท่านแม่จะไปฆ่าแม่นมสวีทำไม?”ไป๋จวิ้นอวี่ไม่กล้ากล่าวโทษซ่งรั่วเจิน แต่กลับไม่กลัวที่จะต่อกรกับไป๋จื่อมู่ในเมื่อเรื่องชาติกำเนิดของไป๋จื่อมู่ถูกเปิดเผยแล้ว เขาก็อยากทำให้เรื่องบานปลายยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าจื่อมู่
แม่ลูกคู่นี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้พบกันและพูดคุยกันอย่างจริงจัง คงเป็นเรื่องที่อวี้เยว่หลิงเสียใจที่สุดส่วนการคลี่คลายพลังอาฆาตและส่งอวี้เยว่หลิงไปเกิดใหม่ ค่อยพูดคุยกันหลังจากที่แม่ลูกได้พบกันแล้ว วันนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก“ขอบคุณแม่นางซ่งมาก”ไป๋จื่อมู่รับธูปดอกนั้นด้วยความขอบคุณ ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับลูกชายตระกูลต่ง ซึ่งเล่ากันอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ว่าในใจเขายังไม่ปักใจเชื่อเต็มที่ว่าจะเป็นความจริงแต่ในเวลานี้ เมื่อได้ธูปนี้มา ความคาดหวังก็เกิดขึ้นในใจอย่างท่วมท้นหากเขายังมีโอกาสได้พบกับท่านแม่อีกครั้ง นั่นคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!ไป๋เฉิงหงที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็สว่างวาบ รีบถามออกมาทันที “แม่นางซ่ง ข้าขอธูปสักดอกได้หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองไปที่อวี้เยว่หลิง เห็นนางส่ายศีรษะเบาๆ นางจึงตอบว่า “นางไม่อยากพบท่าน”ไป๋เฉิงหงรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของซ่งรั่วเจิน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ “นางอยู่ที่นี่หรือ? เจ้าเห็นนางได้หรือ?”“เจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินไม่ปฏิเสธดวงตาของไป๋เฉิงหงเริ่มแดงก่ำ “แม่นางซ่ง ข้าขอร้องเถิด ให้ข้าได้พบหน้า
บนรถม้า ฉู่จวินถิงมองสำรวจหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ แววตาดำขลับลึกล้ำแฝงความสงสัยอยู่หลายส่วน“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าหากไป๋ฮูหยินไม่พูดความจริง ภายในสามวันนางจะต้องตาย นั่นเป็นเรื่องจริงหรือ?”“ท่านอ๋องคิดว่าข้าจงใจพูดลวงหรือ?” ซ่งรั่วเจินยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับถามกลับ“เวลาสอบสวนผู้ต้องหา บางครั้งก็ใช้วิธีการหลอกลวง หากใช้อย่างเหมาะสมก็อาจได้ผลดี แต่จากที่ข้ามองดูสิ่งที่เจ้าพูดมา ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องโกหก”ฉู่จวินถิงที่ได้เห็นซ่งรั่วเจินคำนวณด้วยนิ้วมือและสามารถล่วงรู้ความลับในตระกูลไป๋มากมายเช่นนั้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าสตรีผู้นี้เป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริงความสามารถเช่นนี้ หากนำไปใช้ในด้านอื่นก็คงมีประโยชน์มากทีเดียว“ท่านอ๋องเคยได้ยินคำว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วหรือไม่เพคะ? ไม่ใช่ว่าจะไม่โดนกรรมตามสนอง เพียงแค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น”“ไป๋ฮูหยินเดิมทีก็ก่อกรรมไว้มากมาย นางทำลายชีวิตของอวี้เยว่หลิงเพื่อรักษาตำแหน่งของตนเอง และเพื่อให้บุตรชายของนางได้สืบทอดบรรดาศักดิ์ นางจึงวางแผนจะฆ่าคุณชายไป๋”“แม่นมสวีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอวี้เยว่หลิง นางได้รับคำฝากฝังให้มาที่จวนตระกูลไป๋
“จริงหรือ?” ซ่งรั่วเจินประหลาดใจ “เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ!”“ไป๋โหวสมควรโดนอยู่แล้ว” ฉู่จวินถิงแววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “ทำร้ายสตรีบริสุทธิ์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เขาอยากรับอนุภรรยาให้กำเนิดทายาท มีคนมากมายที่ยินดี แต่กลับมาทำร้ายคนอื่นเช่นนี้”“ข้าคิดว่าอวี้เยว่หลิงไม่ควรให้อภัยเขา ไป๋ฮูหยินย่อมน่าแค้นใจ แต่คนที่ทำทุกอย่างคือไป๋โหว”“เจ้าให้ไป๋โหวไปคืนนี้ เพราะคิดว่าอวี้เยว่หลิงจะยอมพบเขางั้นหรือ?”“พูดยากเพคะ” ซ่งรั่วเจินมีท่าทางครุ่นคิด “อวี้เยว่หลิงแค้นเคืองไป๋โหว แต่คนที่นางเป็นห่วงคือคุณชายไป๋”“ส่วนไป๋โหว ชั่วชีวิตนี้ไม่ต้องพบกันอีก ปล่อยให้เขาสำนึกเสียใจไปตลอดกาลก็ดีเหมือนกัน”“แต่ท่านอาจไม่ทราบ ผีบางตนตอนยังมีชีวิตก็มีนิสัยตรงไปตรงมา ผีบางตนพอตายไปแล้วถึงค่อยปลงตก”“ถ้านางเจอคุณชายไป๋แล้วเกิดปลงตก อยากด่าไป๋โหวหนักๆ สักครั้ง หรือข่มขู่ให้ไป๋โหวดูแลคุณชายไป๋ดีๆ มิฉะนั้นแล้วจะเอาชีวิตเขาเล่า?”“เรื่องนี้ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เกิดเรื่องกับหลี่ว์เหวินซิ่วแล้ว ไป๋โหวจะต้องหวาดกลัวจนเสียขวัญอย่างแน่นอน พวกไป๋จวิ้นอวี่สองคนนั้นคิดจะก้าวข้ามคุณชายไป๋ย่อมเป็นไปไม่ไ
“เหยาฮูหยิน วันนี้พวกข้าตั้งใจมาเยี่ยมชิงอิน ในอดีตลูกชายข้าผิดต่อชิงอินจริงๆ ตระกูลลั่วจะต่อว่าพวกข้าเช่นไร พวกข้าล้วนยอมรับ”“แต่ตระกูลซ่งของข้าไม่ได้ผิดต่อตระกูลเหยา ระหว่างเยี่ยนโจวกับคุณชายเหยาก็ไม่มีความขัดแย้งใดต่อกัน ท่านไม่จำเป็นต้องมาตำหนิติติงเช่นนี้ พวกข้าก็ไม่มีทางยอมด้วย”หลิ่วหรูเยียนได้ยินวาจาเสียดสีของสวี่ซืออี้ก็มีสีหน้าไม่พอใจตระกูลลั่วตำหนิพวกตนเป็นเรื่องชอบด้วยเหตุผล แต่ตระกูลเหยามาตำหนิก้าวล่วงกันเช่นนี้ออกจะน่าขันเกินไปแล้วสวี่ซืออี้หน้าเปลี่ยนสี “ท่าทีของพวกท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่? เห็นได้ชัดว่าพอหย่าร้างก็หันมาหมายตาชิงอิน”“จงใจก่อกวนการพบกันระหว่างลูกชายข้ากับชิงอิน ใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ พวกท่านก็ยังไม่ยอมรับอีก?”“เหยาฮูหยิน ตระกูลต่งเชิญพวกข้าไปร่วมงานเลี้ยงชมดอกท้อ พวกข้าไปร่วมไม่เหมาะสมตรงไหน?” ซ่งเยี่ยนโจวถามกลับหลิ่วหรูเยียนยังกล่าวว่า “ถ้าชิงอินหมั้นหมายกับครอบครัวพวกท่านแล้ว พวกข้ามาคราวนี้ย่อมไม่เหมาะสม แต่ชิงอินยังไม่ได้หมั้นหมายกับพวกท่าน”“กุลสตรีดีพร้อมเป็นที่ใฝ่ปองของวิญญูชน ต่อให้ลูกชายข้ามีใจเช่นนั้นจริงก็ไม่เกี่ยวอันใดกับพวก
เหยาจิ่นเฉิงตวัดสายตามองซ่งเยี่ยนโจว “สมัยที่ยังแข็งแรงไม่พิการก็ทำผิดต่อชิงอิน ตอนนี้กลายเป็นคนพิการไม่มีโอกาสยืนขึ้นมาได้อีกแล้ว ยังจะมาทำให้นางเสียเวลาชีวิตอีก”“ซ่งเยี่ยนโจว ชิงอินติดค้างอะไรเจ้ากันแน่ เจ้าถึงได้เอาแต่ทำร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้?”“ขาของข้าสามารถรักษาให้หายดีได้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเป็นห่วง” แววตาซ่งเยี่ยนโจวเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง “กลับเป็นเจ้าเสียอีก ได้ยินว่าตอนภรรยาคนก่อนเสียชีวิต บนตัวมีบาดแผลอยู่หลายแห่งเลยนี่” ใบหน้าเหยาจิ่นเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”สวี่ซืออี้ก้าวเข้ามาขวางเหยาจิ่นเฉิงไว้ข้างหลัง หัวเราะเยาะเอ่ยว่า “ซ่งฮูหยิน ถึงพวกท่านริษยาจิ่นเฉิงก็ไม่ควรปั้นน้ำเป็นตัวมาใส่ร้ายกันแบบนี้ จะต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“ความจริงเป็นอย่างไรย่อมสามารถตรวจสอบได้ไม่ช้าก็เร็ว” ซ่งเยี่ยนโจวสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาหันไปทางเยี่ยนชิงอวี้ “ท่านป้า หวังว่าท่านจะตรวจสอบให้ดี อย่าให้ชิงอินแต่งให้ผิดคน”เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “คุณชายเหยาดีต่อภรรยาคนก่อนอย่างมากมาโดยตลอด เรื่องนี้ทุกคนล้วนทราบดี”“ท่านแม่ เรื่องที่เหยาจิ่นเฉิงทำให้หวงโต้วตาย ท่านลืมไปแล้ว
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน