บทที่ 49 พยายามกีดกัน“นี่...อย่ามาพูดแบบนี้นะ ถ้าดูแลสองคนนั่นดี ๆ ก็หมายความว่าไม่มีฉันน่ะสิ” นางหลิวอี้ที่นึกขึ้นมาได้ก็ตาขวางใส่สามีทันที“ก็ตอนที่แม่ของเพ่ยหลันยังอยู่ ฉันเองก็ยังไม่มีเธอนี่ หากว่าตอนนั้นเลือกได้ ฉันก็คงเลือกที่จะรักษาแม่ของเพ่ยหลันเอาไว้ เผื่อได้สมบัติอย่างพวกตระกูลซ่งอย่างไรเล่า ไม่อย่างนั้นตอนนี้ฉันคงกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารไปแล้ว คิดแล้วน่าเสียดายชะมัด” หลินตงยังคงพูดความในใจออกมาไม่หยุด โดยไม่สนใจว่าภรรยาใหม่จะคิดอย่างไร“หลิงตง หยุดพูดเดียวนี้นะ นี่จะไม่เห็นหัวฉันกับเสี่ยวหรงแล้วหรือยังไง” นางหลิวอี้พูดจบก็คว้าอะไรข้างกายได้ก็โยนใส่หลินตงด้วยความโมโห“แล้วนี่เธอจะเป็นบ้าอะไร ฉันแค่พูดเฉย ๆ มันไม่ได้เป็นจริงสักหน่อย แม่ของหลินเพ่ยหลันก็ตายไปแล้ว” หลินตงตะคอกกลับมาเมื่อถูกปาของใส่จนหลบแทบไม่ทันบรรยากาศจากที่คุยกันดี ๆ กลายเป็นทะเลาะกันใหญ่โตไปแล้ว นางกู้ซินที่เป็นตัวต้นเรื่องคาบข่าวมาบอกนั้น ก็ต้องไปเป็นกรรมการห้ามศึกระหว่างสองผัวเมีย ส่วนหลินเสี่ยวหรงที่กลับมาถึงบ้าน ก็มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความงุนงงกลับมาที่บ้านซ่งเวลานี้พวกเขายังคงพูดคุยกันต่อ คนภายน
บทที่ 50 เดินทางมาปักกิ่ง“เอาตามที่ลูกสะใภ้พูดมาก็แล้วกัน พวกเราจะทุ่มสุดตัวเพื่อรักษาตาของเพ่ยหลันให้หาย พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ซ่งตงลี่พูดขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยวเหมือนกัน“ขอบคุณทุกคนนะคะ” หลินเพ่ยหลันบอกขอบคุณคนบ้านซ่งด้วยความดีใจที่พวกเขายืนเคียงข้างเธอ“แต่หากหลานไปกับพวกเรา หลานจะได้รับการรักษาที่ดีกว่าอย่างแน่นอนนะ” นายท่านผู้เฒ่าจงพูดขึ้นมาอีกครั้งหลินเพ่ยหลันเองก็อยากจะตอบตกลงตาของเธอเช่นกัน แต่ขอยื่นข้อเสนอว่าต้องให้ซ่งเฟยหลงติดตามไปด้วย หญิงสาวกุมมือของสามีเอาไว้แน่นแล้วหันมาพูดกับตาของเธออย่างจริงจัง“ฉันก็อยากไปกับคุณตานะคะ แต่ฉันมีข้อเสนอ และข้อเสนอของฉันก็คือให้พี่เฟยหลงติดตามไปด้วย และให้เขาอยู่กับฉันตลอดเวลา คุณตารับข้อเสนอนี้ได้ไหมล่ะคะ” หลินเพ่ยหลันถามออกไปและจ้องไปทิศทางที่คิดว่านายท่านผู้เฒ่าจงนั่งอยู่ด้วยความมุ่งมั่นนายท่านผู้เฒ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าเขาไม่มีทางเลือกจึงได้แต่พยักหน้าตกลง “ได้ ให้เขาตามไปด้วยก็ได้ ระหว่างที่เพ่ยหลันรักษาตาอยู่ที่ปักกิ่ง ตาจะให้เขาอยู่กับหลานตลอดเวลาอย่างที่หลานต้องการ”“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจฉัน เพราะสำหรับฉันแล้ว พี่เฟยหลงเป็
บทที่ 51 คิดหาทางกลั่นแกล้งตอนนี้พวกเขาต่างก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้อาหารเย็นกินกันดึกหน่อย เพราะกว่าที่พวกหลินเพ่ยหลันจะมาถึงก็ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว แต่ทุกคนต่างก็รอด้วยความเต็มใจ เพราะอยากจะเห็นหน้าตาหลินเพ่ยหลันว่าจะเหมือนจงหลันฮวามากแค่ไหน“เพ่ยหลัน มานั่งตรงนี้ มานั่งข้าง ๆ พี่” จงซุนเทียน พี่ชายคนรองเรียกให้น้องสาวมานั่งใกล้ ๆ ตนเองพร้อมทั้งยกเก้าอี้ให้เธอ“นั่งก่อนนะ เดี๋ยวให้คุณปู่พร้อมก่อน พวกเราถึงจะกินอาหารได้” จงเซียนหยางพี่ชายคนที่สามบอกธรรมเนียมแก่น้องสาวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม“เดินทางมาไกล เหนื่อยไหม ดื่มน้ำก่อนได้นะ” จงกว่างชวนพี่ชายคนที่สี่บอก จากนั้นเขาก็หันหน้าไปบอกแม่บ้าน “ลี่หลิน รินน้ำให้เพ่ยหลันหน่อย”“พวกแกพอก่อน น้องเพิ่งเดินทางมาเหนื่อย ๆ จะไปเร่งเร้าเธอทำไม ให้เธอได้พักผ่อนก่อนดีกว่า” จงจื่อหลงเอ็ดน้องชายทั้งสามเล็กน้อย“ขอบคุณพี่ ๆ มากเลยนะคะ ที่ใส่ใจฉัน” หลินเพ่ยหลันพยักหน้าให้พวกเขาอย่างนอบน้อมเหมือนว่าซ่งเฟยหลงจะถูกลืมไว้ข้างหลัง เมื่อบรรดาพี่ชายเห็นน้องสาวของตัวเองแล้ว ก็มุ่งความสนใจไปที่เธออย่างเดียว ไม่ได้สนใจน้องเขยที่เดินทางมาด้
บทที่ 52 ดวงตามองเห็นแล้ว“ได้ครับ ผมจะรักษาอย่างเต็มที่ ตอนนี้ผมต้องพาคุณเพ่ยหลันไปตรวจอาการด้วยเครื่องมืออย่างละเอียดก่อนนะครับ ให้ญาติสามารถตามไปดูแลได้หนึ่งคน ไม่ทราบว่า...” หมออธิบายออกมาถึงการรักษาและกำลังจะถามว่าใครจะติดตามหลินเพ่ยหลันไปดีจังหวะนั้นซ่งเฟยหลงก็รีบตอบในทันที “ผมเองครับ ผมเป็นสามีของเธอ”“อ๋อ..ได้ครับ” หมอพยักหน้ารับ แม้จะแปลกใจที่คนไข้สาวสวยคนนี้มีสามีแล้วจงหยวนต้าส่ายหัวให้กับความห่วงใยมากเกินกว่าเหตุของซ่งเฟยหลง ก่อนจะพูดกับเขา “ฝากด้วยล่ะ ฉันจะให้ลูกน้องรออยู่ที่ชั้นล่างสองคน หากว่าต้องการอะไรก็บอกกับพวกเขาได้”“ขอบคุณครับ” ซ่งเฟยหลงค้อมตัวให้กับลุงของภรรยาทีหนึ่งอย่างให้เกียรติ ก่อนจะรีบเดินประคองเธอไปห้องตรวจหลินเพ่ยหลันได้รับการตรวจร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าทุกอย่างปกติและสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ทันทีที่พร้อมทั้งหลินเพ่ยหลันและซ่งเฟยหลงดีใจมาก เขารีบให้คนส่งข่าวไปบอกคนตระกูลจงทันทีว่าหลินเพ่ยหลันพร้อมที่จะได้รับการผ่าตัดแล้ว“เพ่ยหลัน ใกล้จะผ่าตัดแล้ว ตื่นเต้นไหม” ชายหนุ่มถามภรรยาด้วยความตื่นเต้น“ตื่นเต้นมากเลยค่ะ ยิ่งเมื่อคิดถึงตอนที่จะได้เ
บทที่ 53 งานเลี้ยงตระกูลจงคำตอบของเขาทำเอาหลินเพ่ยหลันถึงกับเขินอายไม่เป็นท่า เธอผลักอกสามีเล็กน้อยแล้วพูดว่า “จะมีลูกตั้งสามคนเลยเหรอ จะเลี้ยงกันไหวหรือเปล่า”“ต้องไหวสิ พี่จะช่วยเพ่ยหลันเลี้ยงลูกเอง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นก๊อก ๆ ก๊อกๆทั้งคู่ยังไม่ทันจะได้พูดเรื่องอื่นต่ออยู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง“มีอะไรเหรอครับ” ซ่งเฟยหลงเป็นคนตะโกนถามออกไป“ท่านเจ้าบ้านให้มาเชิญคุณเพ่ยหลันลงไปประชุมกันที่ห้องรับประทานอาหารค่ะ” เสียงหญิงวัยกลางคนที่อยู่หน้าประตูตอบกลับมา“ได้ครับ เดี๋ยวพวกเราตามไป” ซ่งเฟยหลงตอบกลับไปอีกครั้ง“ลุงใหญ่เรียกประชุมจะต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ๆ เลย พวกเรารีบไปกันเถอะ” หลินเพ่ยหลันลุกขึ้นจากเตียงไปจูงมือสามีให้เดินออกไปด้วยกันซ่งเฟยหลงทำท่าทางเหมือนไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร เพราะในความรู้สึกตอนนี้เหมือนกับว่าเขาเป็นส่วนเกินในตระกูลจง ก็เลยคิดว่าตัวเองไม่ควรจะไปเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้“เพ่ยหลันไปเถอะ พวกเขาไม่ได้เรียกพี่ ถ้าพี่ไปคิดว่าคงไม่เหมาะเท่าไร” เขาพูดออกมาเบา ๆ“ไปด้วยกันเถอะค่ะ พี่เป็นสามีของฉัน ถ้าเรื่องไหนเกี่ยวกับฉัน ก็แสดงว่าต้องเกี่ยว
บทที่ 54 ของขวัญล้ำค่าจากหลาเขยตระกูลจงเป็นตระกูลใหญ่ และทรงอิทธิพลในปักกิ่ง ทำให้แขกที่มาร่วมงานนั้นล้วนเป็นคนใหญ่คนโต ของขวัญที่พวกเขานำมามอบให้นายท่านผู้เฒ่าจง ก็ล้วนเป็นของขวัญที่ล้ำค่าหายาก“เผลอแป๊บเดียวพวกเราก็หกสิบกันแล้วนะ ไม่คิดว่าเวลาจะผ่านไปรวดเร็วขนาดนี้” นายท่านเหลียวพูดกับสหายซึ่งเป็นเจ้าของงานวันเกิดในวันนี้ เขากวักมือเรียกลูกชายคนโตให้เอาของขวัญเข้ามา“นี่เป็นกาน้ำชาที่ฉันหาซื้อมาอย่างยากลำบากเลยนะ ตั้งใจเอามาให้นายโดยเฉพาะ” เขาพยักพเยิดไปทางลูกชาย นายท่านเหลียวรุ่นที่สอง ก็ยื่นของขวัญนั้นมอบให้แก่นายท่านผู้เฒ่าจงเมื่อเปิดกล่องของขวัญออก นายท่านผู้เฒ่าจงก็ถึงกับยิ้มเพราะถูกใจมาก กับของขวัญที่สหายมอบให้ “กาน้ำชาสมัยราชวงศ์ชิงตอนปลาย นายไปได้มาจากไหน” เขาถามอย่างตื่นเต้น“ประมูลมาตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้วน่ะ เห็นว่านายอยากได้ ก็เลยตั้งใจประมูลมาให้” นายท่านผู้เฒ่าเหลียวพูดพลางหัวเราะอย่างชอบใจ“นายนี่รู้ใจฉันเสมอ” นายท่านผู้เฒ่าจงก็หัวเราะออกมาเช่นกันเนื่องจากตระกูลจงกับตระกูลเหลียวคบหากันมานานหลายสิบปี ตั้งแต่สมัยที่นายท่านผู้เฒ่าจงกับนายท่านผู้เฒ่าเหลียวยังหนุ่ม พว
บทที่ 55 ตัดสินใจเข้ากองทัพในห้องไม่ได้มีเพียงแต่นายท่านผู้เฒ่าจง ยังมีลูกชายทั้งสามอยู่ด้วย ดังนั้นคำพูดของนายหญิงผู้เฒ่าจึงไม่เพียงแต่สื่อสารกับสามี แต่ยังคงกระทบถึงบรรดาลูกชายด้วย“ก็คนอย่างซ่งเฟยหลงนั่นไม่เหมาะสมกับหลานสาวของเราแม้แต่น้อย ที่จริงก็ควรจะให้เงินเขาไปสักก้อน แล้วให้กลับชนบทไปเสีย เท่านี้ก็ถือว่าเราเมตตามากแล้ว” นายท่านผู้เฒ่าตอบกลับมาอย่างที่เขาคิด“นั่นน่ะสิครับ ผมเองก็เห็นด้วยกับพ่อ” จงหยวนต้าพูดสนับสนุนทันที“แล้วคิดว่าหลานสาวของเราจะยอมหรืออย่างไร นี่เธอก็มาอยู่กับเราหลายเดือนแล้ว ยังมองไม่ออกเหรอว่าพวกเขารักกันมากขนาดนี้ แม่จะบอกให้นะ ผู้หญิงอย่างเพ่ยหลันน่ะ ไม่เห็นความสะดวกสบายดีกว่าคนที่เคียงข้างกันมาตลอดอย่างสามีของเธอหรอก เพราะฉะนั้นใครก็ไม่สามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้” นายหญิงผู้เฒ่าพูดออกมาอย่างที่เห็นนางกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ก่อนจะหันไปจ้องสามีอย่างเอาเรื่องและพูดขึ้นอีกครั้ง “อีกอย่างนะ หากว่ายังทำอย่างนี้อีก ต่อไประวังประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยนะ อยากสูญเสียเพ่ยหลันไปเหมือนกับที่สูญเสียหลันฮวาไปอย่างนั้นเหรอ”คำพูดของนายหญิงผู้เฒ่าทำเอาทุกคนในห้องถึงกับสะอ
บทที่ 56 ต่างทำหน้าที่ของตัวเองหลังจากที่ซ่งเฟยหลงเข้าไปอยู่ในกองทัพแล้ว แน่นอนว่าการดูแลของพี่ชายทั้งสามของภรรยาก็ดุเดือดเอามาก ๆ เรียกได้ว่าชายหนุ่มถึงกับสะบักสะบอมทุกวัน เดิมทีการฝึกของกองทัพก็โหดมากพออยู่แล้ว เมื่อต้องมาเจอกับบรรดาพี่ชายของหลินเพ่ยหลัน ที่พาเขาฝึกนอกเวลาอีก ก็ยิ่งโหดขึ้นเป็นหลายเท่าตัว“รอบที่สามสิบสอง” ซ่งเฟยหลงตะโกนเสียงดัง เมื่อวิ่งผ่านพี่ชายทั้งสามหลายรอบแล้วเขาถูกสั่งลงโทษให้วิ่งรอบสนามหนึ่งร้อยรอบในข้อหาเชือกผูกรองเท้าไม่เรียบร้อย ซึ่งคนที่สั่งลงโทษก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นจงซุนเทียนพี่ชายคนรองของหลินเพ่ยหลันนั่นเอง ซึ่งตอนนี้เขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยฝึกทหารใหม่ ในเมื่อน้องเขยเข้าร่วมกองทัพมาแล้ว ด้วยอำนาจที่เขามี จึงขอสั่งสอนสักหน่อย“วิ่งช้าขนาดนั้นเมื่อไรจะครบหนึ่งร้อยรอบล่ะ เดี๋ยวก็เลยเวลากินข้าวเย็นกันพอดี” จงกว่านชวนตะโกนบอกอย่างดุดัน“ครับ ผมจะวิ่งให้เร็วกว่านี้” ซ่งเฟยหลงตะโกนตอบกลับมา“ดี วิ่งต่อไป” จงเซียนหยางออกคำสั่งเสียงดังสามพี่น้องนั่งเฝ้าซ่งเฟยหลงวิ่งอยู่ พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าน้องเขยคนนี้พอจะมีดีอยู่บ้าง อย่างน้อยก็มีความอดทน เข้มแข็ง น
ตอนพิเศษ 5 ปีผ่านไปซ่งเจียหยวนกับซ่งเจียอี้ ตอนนี้อายุได้ห้าขวบแล้ว เป็นวัยที่เริ่มกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก หลินเพ่ยหลันเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม จึงตัดสินใจชวนลูกชายฝาแฝดทั้งสองคนไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพเช้าวันนั้น หลินเพ่ยหลันเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างพร้อมสำหรับการเดินทาง จัดเตรียมเสื้อผ้าที่อบอุ่นและอาหารว่างไว้ให้ลูก ๆ พร้อมทั้งเตือนพวกเขาให้ปฏิบัติตัวดี ๆ เมื่อไปถึงที่กองทัพ เป็นสิ่งที่เธอทำเองทั้งหมด ใช่แล้ว เธอเลี้ยงลูกแฝดทั้งสองคนด้วยตัวเอง แม้นายท่านผู้เฒ่าทั้งสองจะเคยส่งพี่เลี้ยงมาให้ แต่เธอก็ปฏิเสธไปเพราะอยากใกล้ชิดกับลูกๆ มากกว่าใคร ๆ “แม่ครับ เราจะได้เจอพ่อเมื่อไหร่ครับ” เสียงใส ๆ ของซ่งเจียหยวนถามด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขาอยู่ในชุดทหารที่ลุงๆ ซื้อมาฝาก“เย็นนี้ก็ได้เจอแล้ว พ่อจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่เห็นพวกเรามาเยี่ยม” หลินเพ่ยหลันตอบพร้อมกับยิ้มให้ลูกชายลูกชายทั้งสองของเธอดีใจกันมาก ที่ได้ยินข่าวว่าจะได้ไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพ พวกเขาต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ และไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นไว้ได้
บทส่งท้าย ครอบครัวสมบูรณ์หลินตงยืนนิ่งไม่พูดอะไร เขารู้ว่าเขาคงไม่มีทางเลือก เขาต้องทำเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกฆ่า“ต้องทำแบบนี้... ถ้าไม่ทำ... ฉันตายแน่ ฉันไม่ผิด” หลินตงพูดขึ้นมาเบา ๆ“ตายก็ยังดีกว่าทำแบบนี้!” นางหลิวอี้ตวาดเสียงดัง ก่อนจะวิ่งไปหยิบมีดที่วางอยู่บนโต๊ะในครัว แล้วตรงเข้ามาหาหลินตง“แกไม่รู้แกทำผิดหรืออย่างไร ลูกสาวตัวเองไม่ใช่ตัวช่วยที่จะเอามาขัดดอก แกตายซะเถอะ” นางหลิวอี้พูดจบก็เอามีดไล่ฟันไปที่สามีหลินตงตกใจและกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว “นังบ้า จะฆ่ากันเลยเหรอ หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เขายืนสั่นด้วยความกลัวมีดในมือของภรรยา“แกทำให้ชีวิตของพวกเรามันพังหมดแล้ว พังหมด ไม่เหลืออะไร” นางหลิวอี้ยังคงกราดเกรี้ยว ทั้งที่มีดในมือสั่นไปตามอารมณ์ “แม้แต่กับลูกสาวของตัวเองแกก็ยังทำแบบนี้ได้ นี่แกเป็นพ่อประสาอะไร”“แล้วแกล่ะ ตั้งแต่แต่งกับฉันมา แกเคยช่วยอะไรฉันบ้างไหม มีแต่ใช้เงินไปวัน ๆ ที่เสี่ยวหรงมันต้องเป็นแบนี้ แกก็มีส่วนเหมือนกัน”หลินตงตะโกนสวนกลับ และขยับหลบมีดที่ภรรยาเหวี่ยงมาหาเขาอีกครั้ง “หากเป็นไปได้ ฉันก็จะไม่ทำแบบนี้เลย แต่มันไม่มีทางเลือก”นางหลิวอี้สบถคำหยาบคาย “แกจะหนี
บทที่ 64 จากลากันอีกครั้งหลินเพ่ยหลันยิ้มบาง ๆ และพยักหน้าเล็กน้อยเธอรู้สึกโล่งใจที่ปัญหาในวันนี้จบลงได้โดยไม่เกิดความรุนแรง เธอหันกลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ซ่งเฟยหลงดูแลเรื่องราวที่เหลือซ่งเฟยหลงมองตามหลังภรรยาของเขาด้วยความรักและความห่วงใย เขารู้ว่าคนท้องไม่ควรเครียด และเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้หลินเพ่ยหลันได้มีความสุขและสบายใจในช่วงเวลานี้เมื่อหลินเพ่ยหลันเข้าไปพักผ่อนในบ้าน ซ่งเฟยหลงก็หันกลับมามองชาวบ้านที่ยังคงยืนอยู่รอบ ๆ เขายิ้มและกล่าวกับพวกเขาอย่างสุภาพ “ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจและสนับสนุนครอบครัวของเรานะครับ ผมขอให้ทุกคนกลับบ้านกันอย่างสงบสุข”ชาวบ้านพยักหน้ารับและเริ่มทยอยกลับบ้าน บรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้งหลังจากที่เรื่องวุ่นวายทุกอย่างผ่านพ้น บ้านซ่งก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ทุกคนในครอบครัวรู้สึกโล่งใจและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข ในช่วงเทศกาลตรุษจีน บ้านซ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นพวกเขาใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ ทั้งการไปไหว้พระที่วัด เพื่อขอพรให้ปีใหม่นี้เต็มไปด้วยความสุขและความเจริญรุ่งเรือง ทั้งกินอาหารมงคลร่วมกัน แ
บทที่ 63 จบปํญหาเมื่อหลินตงเอ่ยปากขอเงินจากหลินเพ่ยหลัน แต่หญิงสาวกลับมีท่าทีลังเลไม่ตอบรับในทันที หลินเพ่ยหลันมองไปยังแม่เลี้ยงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล‘กลัวว่าเงินที่ให้ไป พ่อกับน้องของเพ่ยหลันจะไม่ได้ใช้น่ะสิ แม่เลี้ยงคนนี้คงจะยึดไปหมดแน่ ๆ’ เธอยืนคิดอยู่ในใจว่าจะให้ไปดีหรือไม่ นางหลิวอี้เห็นดังนั้นก็โวยวายขึ้นมาทันที“หลินเพ่ยหลัน แกมันคนอกตัญญู พ่อของแกมาขอเงินแค่นี้ก็ไม่ยอมให้เหรอ จะต้องให้พ่อและน้องของแกอดตายก่อนใช่ไหม” น้ำเสียงของนางหลิวอี้เต็มไปด้วยความโกรธและเกรี้ยวกราด เธอพูดเสียงดังเพื่อกดดันอีกฝ่าย“ทุกคนดูสิหลินเพ่ยหลันที่ทุกคนเคยชื่นชมนักหนา พอร่ำรวยแล้วก็ไม่ยอมให้เงินพ่อของตัวเองเลย พ่อของเธอไม่มีเงินจนจะอดตายอยู่แล้ว” นางหลิวอี้พูดเสียงดัง พรัอมกับหันไปมองชาวบ้านที่เริ่มมารวมตัวกันด้วยความสงสัยชาวบ้านบางคนเริ่มซุบซิบและมองไปทางหลินเพ่ยหลันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป“จริงเหรอ หลินเพ่ยหลันทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” เสียงพูดคุยเบา ๆ เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆหลินเพ่ยหลันรู้สึกอับอายและเสียใจมากที่ถูกแม่เลี้ยงของตัวเองใส่ร้ายเช่นนี้ เธอจึงพยายามจะอธิบาย “ฉันไม่ได้หมายความว่าอ
บทที่ 62 บ้านหลินมาอีกแล้ว“ขอบใจนะอาเฟยที่สานฝันแทนพ่อ แค่นี้พ่อก็ภูมิใจในตัวลูกมากแล้วล่ะ แต่ถ้าหากมันลำบาก ก็อย่าหักโหมเกินไปนักนะ ความก้าวหน้าสำคัญก็จริง แต่ว่าความสุขของตัวเองก็สำคัญเหมือนกันนะลูก” ซ่งตงลี่พูดขึ้นมาอย่างห่วงใย “ครับพ่อ” ซ่งเฟยหลงพยักหน้ารับคำ “แล้วเพ่ยหลันละ เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่นู่นสบายดีไหม” คราวนี้เป็นนางหยางเจี่ยที่หันมาถามลูกสะใภ้ โดยซ่งตงลี่ก็หันมาเพื่อรอฟังคำตอบด้วยหลินเพ่ยหลันยิ้มให้พ่อแม่ของสามี ก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง “ฉันสบายดีค่ะ อยู่ที่บ้านตระกูลจง ฉันได้ช่วยงานคุณตากับคุณลุงที่ห้างสรรพสินค้าของตระกูลด้วย ทุกอย่างก็ราบรื่นดีค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพวกพี่ก็ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยน่ะสิ คนหนึ่งอยู่ชายแดน คนหนึ่งอยู่ปักกิ่ง” ซ่งชุนเป้ยถามขึ้นมาอย่างกังวล เธอเห็นใจพี่ชายกับพี่สะใภ้ไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน“ใช่แล้ว ช่วงแรก ๆ พี่เฟยหลงฝึกหนักมาก แล้วยังมีภารกิจที่ต้องไปทำนอกกองทัพอีก พวกเราก็เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร มีพักหลัง ๆ ที่พี่เฟยหลงพอจะว่างได้กลับมาปักกิ่ง และพี่ก็ไปหาพี่เฟยที่เมืองชายแดนบ้าง ตอนนี้คุณตาจัดรถพร้อมคนขับไว้ให้โดยเฉพาะ
บทที่ 61 ท้อง 4 เดือนแล้ว“แล้วนี่จะมาอยู่กี่วันล่ะ อยู่นาน ๆ นะ แม่จะทำของอร่อยให้กิน” นางหยางเจี่ยถามขึ้นมา เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรลูกชายกับลูกสะใภ้ก็ต้องกลับไปที่ปักกิ่ง แต่ก็อยากให้อยู่ด้วยกันสักหลายวันก่อน“นี่ก็เป็นเวลานานแล้วที่ผมกับเพ่ยหลันไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ตรุษจีนปีที่แล้วที่ไม่ได้กลับมา ก็เพราะว่าผมมีภารกิจที่ชายแดน ครั้งนี้พวกเราจึงตัดสินใจว่าจะพักอยู่ที่บ้านหลายวันหน่อย เพื่อเป็นการชดเชยให้กับครอบครัวครับ” ซ่งเฟยหลงตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ดี ๆ จะได้มาด้วยพี่ขายของด้วย เพราะตอนนี้ที่ร้านยุ่งมาก ฮ่า ๆ” ซ่งชุนเหยาพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข“ที่ร้านยุ่งมากเหรอคะ” หลินเพ่ยหลันขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ“จะให้ไม่ยุ่งได้อย่างไรล่ะคะพี่สะใภ้ ตอนนี้พี่ใหญ่ขยายร้านค้าไปในเมืองใกล้ ๆ อีกสองสาขา แต่ละวันแค่วิ่งไปเติมสินค้าแต่ละสาขาก็แทบจะไม่มีเวลาแล้ว ยังดีที่ตอนนี้ซื้อรถยนต์แล้วและมีลูกจ้างที่ขยันและซื่อสัตย์ ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ท่าจะแย่” ซ่งชุนเป้ยเป็นคนตอบคำถามนี้ของพี่สะใภ้ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ตอนนี้กิจการของบ้านซ่งเป็นไปได้ดีมาก ซ่งชุนเหยาได้ขยายสาขาร
บทที่ 60 กลับมาเยี่ยมบ้านพวกเขาอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันอยู่นาน ดื่มด่ำกับความรู้สึกของความคิดถึงที่รอคอยมานาน ขณะนั้นเสียงลมหายใจของทั้งสองคลอเคลียกันอย่างอบอุ่น“พี่รู้ไหมว่าเวลาไม่กี่เดือนสำหรับฉันแล้ว เหมือนมันนานเป็นหลายปีเชียวล่ะ” หลินเพ่ยหลันกล่าวเบาๆ“พี่เข้าใจ ต่อไปพี่จะพยายามกลับมาหาเพ่ยหลันให้มากขึ้น ถ้าทำภารกิจเสร็จ พี่ก็จะขอลาหยุดแล้วมาหาภรรยาเลยครับ” ซ่งเฟยหลงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นหลินเพ่ยหลันยิ้มทั้งน้ำตาและสัมผัสแก้มของซ่งเฟยหลงอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ฉันอยากให้พี่ทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานของพี่มากกว่า อยู่ทางนี้ต่อให้คิดถึงพี่มากแค่ไหน ฉันก็ทนได้”“ไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าหน้าที่จะสำคัญ แต่ว่าครอบครัวก็สำคัญเหมือนกัน ต่อไปนี้พี่จะพยายามทำทั้งสองอย่างให้ดีนะ” ซ่งเฟยหลงยืนยันด้วยความรักอันยิ่งใหญ่พวกเขานั่งลงข้างกันบนเตียง จับมือกันแน่น และแลกเปลี่ยนคำพูดหวาน ๆ ที่สะท้อนความรักและความผูกพันที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความคิดถึง หัวใจของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกัน และรู้ว่าความรักที่มีต่อกันนั้น
บทที่ 59 ผู้กองซ่งหลินเพ่ยหลันมาถึงห้างสรรพสินค้าตอนบ่ายกว่า ๆ ก็ตรงขึ้นมาที่ห้องประชุมเลย เธอบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเป็นผู้น้อยไม่ควรจะมาสาย และให้เหล่าผู้บริหารอาวุโสรอนาน มาถึงเธอก็จัดแจงเรื่องสถานที่ประชุมต่าง ๆ อย่างเสร็จสรรพการประชุมครั้งนี้เป็นความคิดของเธอเอง ที่จะเสนอให้ห้างสรรพสินค้าของตระกูลจงไปเปิดสาขาที่เมืองอื่นด้วย ก่อนหน้าที่เธอยื่นเสนอเรื่องนี้ไป ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งจงหยวนต้าและเหล่าผู้บริหารอาวุโสต่างก็เห็นด้วยและเชื่อใจเธอ เพราะผลงานที่ผ่านมาของเธอนั้นสร้างกำไรให้กับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มากมาย จึงได้มีการเปิดประชุมเพื่อชี้แจงแผนงานอย่างละเอียดในบ่ายวันนี้“สวัสดีค่ะผู้บริหารทุกท่าน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะคะ อย่างที่ได้พูดคุยกันบ้างอย่างไม่เป็นทางการก่อนหน้านี้แล้วว่า ฉันอยากจะเสนอให้ห้างสรรพสินค้าของเราไปเปิดสาขาที่เมืองอื่น” หลินเพ่ยหลันเปิดการประชุมอย่างตรงไปตรงมา“ว่ามาเถอะเพ่ยหลัน พวกเราตื่นเต้นอยากฟังแล้ว” จงหวง ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเธอรอฟังอย่างใจจดใจจ่อหลินเพ่ยหลันบอกให้เลขาแจกจ่ายเอกสารที่เธอทำเป็นชุด ๆ ไว้ให้ผู้บริหารแต
บทที่ 58 เป็นที่ยอมรับของทุกคนหลินเสี่ยวหรงถึงแม้ว่าจะไม่ชอบหลินเพ่ยหลัน แต่ครั้งนี้ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของแม่ตัวเอง จึงพูดออกมาว่า“จะบ้าเหรอแม่ ใครเขาจะรับพวกเราไปอยู่ด้วยกัน อย่าลืมสิว่าพวกเราไม่ได้ดูแลนังเพ่ยหลันดีสักเท่าไร แถมมันก็คงจะคิดว่าที่มันตาบอดเพราะพวกเราไม่สนใจไยดีพามันไปหาหมอ แล้วแบบนี้มีเหรอนังเพ่ยหลันมันจะยอมรับเรา มีเหรอคนตระกูลจงจะยอมให้พวกเราไปอยู่ด้วย”“แต่ตอนนี้มันรักษาตาจนกลับมามองเห็นแล้วนะ และถ้ามันจะอกตัญญูต่อพ่อก็ให้มันรู้ไปสิ ถ้าถึงขั้นจะทิ้งพ่อมันได้ลงคอ ก็คอยดูว่าฉันจะประจานมันยังไง” นางหลิวอี้พูดเสียงดังลั่น ทำให้ทั้งหลินตงและหลินเสี่ยวหรงต่างก็ส่ายศีรษะให้กับความดื้อดึงของนางหลิวอี้แต่ที่สุดแล้วหลินตงก็ทนความกดดันจากภรรยาไม่ไหว จนต้องเดินมาที่บ้านซ่งเพื่อขอที่อยู่ของหลินเพ่ยหลัน“แกจะเอาที่อยู่ของเพ่ยหลันไปทำอะไร” ซ่งตงลี่ถามหลินตงออกไป“ฉันก็แค่คิดถึงลูกสาวไม่ได้หรืออย่างไร เห็นว่าเพ่ยหลันไปรักษาตัวที่ปักกิ่ง ฉันก็จะเขียนจดหมายไปถามข่าว” หลินตงตอบกลับไปตามที่ได้ซักซ้อมกันมากับนางหลิวอี้“หึ อย่ามาโกหกเลย ฉันรู้หรอกว่าจะเขียนไปขอเงินเพ่ยหลันล่ะส