บทที่ 44 ทายาทตระกูลจงก่อนนอนพวกเขายังคงพูดคุยกันถึงเรื่องที่ปักกิ่งนิดหน่อย หลินเพ่ยหลันถามเขาว่าจะไปหาข้อมูลเรื่องโรงพยาบาลที่ไหน ซ่งเฟยหลงตอบว่าคงจะไปสอบถามที่โรงพยาบาลของเมืองนี้นั่นแหละ สอบถามกับหมอที่เคยรักษาหลินเพ่ยหลัน เขาน่าจะแนะนำได้หลินเพ่ยหลันก็พอจะรู้จักชื่อเสียงของโรงพยาบาลที่ปักกิ่งอยู่บ้างจากการเรียนประวัติศาสตร์ เพราะเป็นโรงพยาบาลที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนี้ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าโรงพยาบาลในสมัยนี้จะสามารถรักษาคนตาบอดที่บอดมานานแล้วให้หายได้จริงไหมในขณะที่คนบ้านซ่งกำลังวางแผนเรื่องการรักษาตาของหลินเพ่ยหลันอยู่นั้น บ้านตระกูลจงก็มีชายคนหนึ่งกำลังรอฟังข่าวเรื่องของหลินเพ่ยหลันจากลูกน้องคนสนิทที่เขาส่งให้ไปสืบมา อยู่ ๆ ลูกน้องคนสนิทของเขาหายไปหลายวัน ก่อนที่จะกลับมาพร้อมกับข้อมูลเต็มมือ“เล่ามาคร่าว ๆ ก่อน เดี๋ยวฉันค่อยไปเปิดอ่านข้อมูลพวกนี้ทีหลัง” จงหยวนต้าบอกกับลูกน้องที่ยืนอยู่ตรงหน้า“ครับนายท่านรอง” ลูกน้องคนสนิทพยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มรายงานออกมา“ผู้หญิงคนนั้นมีชื่อว่าหลินเพ่ยหลันครับ เธอเป็นภรรยาของลูกชายคนที่สามบ้านซ่ง อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านไผ่หลิว ทางทิศตะวันออกของ
บทที่ 45 เธอคือหลานสาวนายท่านจงได้ยินคำนี้ก็รู้สึกฉุนขึ้นมา เด็กเมื่อวานซืนคนนี้กล้ามาพูดกับตระกูลจงแบบนี้ได้อย่างไร เขาจึงตอบกลับซ่งเฟยหลงไปทันทีด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเย่อหยิ่ง“พวกเราตระกูลจงมีเกียรติและศักดิ์ศรีพอ พวกเราไม่ทำร้ายใครพร่ำเพรื่อหรอก นอกจากคนคนนั้นจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเราจริง ๆ”“ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิว่าพวกคุณเป็นใคร แล้วมาที่นี่ทำไม ถ้าไม่บอกผมก็ไม่ให้เข้าไปและจะไม่ให้พบกับภรรยาของผมด้วย” ซ่งเฟยหลงยังคงยืนกรานเสียงแข็ง ด้วยความเป็นห่วงภรรยาและครอบครัวจึงทำให้เขาสู้ไม่ถอย ซ่งชุนเหยาเองก็ยืนหยัดข้างน้องชายเช่นกัน“เอาละ ๆ ฉันคือนายท่านผู้เฒ่าจง เป็นตาของหลินเพ่ยหลัน และสามคนนี้ก็เป็นลุงของเธอ ที่พวกเรามาวันนี้ ก็เพื่อที่จะมาพูดคุยกับหลานสาวของพวกเราเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร พ่อหนุ่มวางใจได้” นายท่านผู้เฒ่าเห็นว่าท่าทางเรื่องจะลุกลามไปมากกว่านี้จึงพูดขึ้นมา“แล้วผมจะเชื่อได้อย่างไร” ถึงอย่างไรซ่งเฟยหลงก็ยังคงไม่วางใจอยู่ดี เพราะนี่อาจจะเป็นแค่ข้ออ้างของคนกลุ่มนี้ เพื่อที่จะมาล่อลวงภรรยาของเขาก็ได้“ให้พวกเราเข้าไปคุยข้างในเถอะ แล้วฉันจะเล่ารายละเอียดต่าง
บทที่ 46 สงสารในโชคชะตาของหลานสาว“ตอนนั้นแม่ของหลานกำลังเป็นหญิงสาวที่งดงาม ชายหนุ่มทั่วทั้งปักกิ่งต่างก็หมายปองเธอ อีกทั้งพวกเรายังเป็นตระกูลใหญ่จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ตระกูลใหญ่อื่น ๆ ต่างก็หมายปองอยากให้หลันฮวาแต่งงานกับลูกชายของพวกเขา พวกเขาก็มาทาบทามกัน”นายท่านผู้เฒ่าจงรำลึกถึงความหลัง ตอนที่เขาพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยมากแทนที่จะดีใจที่มีคนมาชื่นชอบลูกสาวของตนคนบ้านซ่งยังคงนั่งตั้งใจฟังกันอย่างใจจดใจจ่อ ระหว่างนี้ไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวนายท่านผู้เฒ่าจงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าไปมองภรรยา อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาไม่อยากเล่าด้วยตัวเองก็ได้ ถ้าหากจะให้เดาแล้ว เขาคงรู้สึกเสียใจมากนายหญิงผู้เฒ่าที่เห็นอย่างนั้นก็เข้าใจและรับช่วงต่อทันที“ตอนนั้นพวกเราได้จัดการหมั้นหมายให้หลันฮวากับลูกชายคนโตของตระกูลฮั่ว ตระกูลฮั่วกับตระกูลจงของพวกเราเป็นพันธมิตรกันมาหลายสิบปี เราเห็นลูกชายคนโตของพวกเขามาตั้งแต่เล็ก ๆ เขาเป็นผู้ชายที่ดีมาก และก็สนใจในตัวของหลันฮวามากทีเดียว พวกเราสองตระกูลเลยตัดสินใจให้พวกเขาแต่งงานกัน”นายท่านผู้เฒ่าที่ฟังมาสักพัก เ
บทที่ 47 ไม่เหมาะสมที่จะเป็นหลานเขยแม้ว่าแท้จริงแล้วจิตวิญญาณของเธอคือนลินไม่ใช่หลินเพ่ยหลัน แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอ้างว้างและน้อยเนื้อต่ำใจ ที่เจ้าของร่างเคยเจอมาตั้งแต่เด็ก พอได้รับรู้ว่าตัวเองยังมีญาติอยู่ก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้บรรยากาศในบ้านซ่งตอนนี้เป็นไปอย่างราบรื่น พวกเขาคุยกันจนเวลาล่วงเข้าสิบเอ็ดโมงแล้ว นางหยางเจี่ยเห็นว่าคนตระกูลจงมาเหนื่อย ๆ จึงอยากจะเลี้ยงข้าวพวกเขาสักหน่อย นางรีบสั่งจ้าวจินเยว่ให้ไปเตรียมของเข้าครัวเพื่อทำอาหาร ทว่าก็ถูกนายหญิงผู้เฒ่าจงรั้งเอาไว้ก่อน“ไม่ต้องหรอก ยุ่งยากเปล่า ๆ เดี๋ยวเรื่องอาหารกลางวันพวกเราจะจัดการเอง” นายหญิงผู้เฒ่าพูดจบก็เรียกลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างนอกมาสั่งงานอะไรบางอย่าง หลังจากที่ลูกน้องคนนั้นได้รับคำสั่งแล้ว เขาก็ขับรถออกไปทันที“เพ่ยหลัน เล่าเรื่องของหลานให้พวกเราฟังหน่อยสิ สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง” นายท่านผู้เฒ่าเอ่ยถามหลานสาว“ช่วงเด็กๆ ฉันอาจจะลำบากมากจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันสบายดีค่ะ ตั้งแต่แต่งกับพี่เฟยหลง ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีพี่เฟยหลงและคนบ้านซ่งดูแลฉันดีมาก ๆ สองสามปีที่ผ่านมานี่พวกเราก็ช่วยกันทำการค้า เริ่มจากการ
บทที่ 48 ญาติที่ร่ำรวยก่อนเวลาเที่ยงเล็กน้อย ลูกน้องของตระกูลจงก็กลับมาพร้อมกับอาหารรสเลิศมากมาย พวกเขาไม่ได้ขอร้องให้คนบ้านซ่งช่วย เพียงแต่ขอยืมครัวกับอุปกรณ์เท่านั้น จากนั้นบนโต๊ะกินข้าวก็เต็มไปด้วยอาหารดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น เป็ดปักกิ่ง ห่านตุ๋นสมุนไพร ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง ข้าวผัดซาฮั่ง และอื่น ๆ รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่าสิบอย่างคนบ้านซ่งกับคนตระกูลจงต่างร่วมวงกินข้าวด้วยกัน ระหว่างนั้นซ่งเฟยหลงที่รู้ดีว่าคนตระกูลจงไม่ชอบตนเอง แต่เขาก็ตั้งใจที่จะปรนนิบัติภรรยาอย่างดี เพื่อทำให้คนตระกูลจงรู้ว่าเขากับภรรยารักกันขนาดไหน ต่อให้จะโดนดูถูกด้วยสายตาว่าไม่เหมาะสมกับหลินเพ่ยหลันก็เถอะ แต่เขาจะพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้คนตระกูลจงยอมรับให้ได้“พี่เฟยหลง ดีจังเลยที่พวกเรามีญาติที่ปักกิ่งแล้ว หากว่าไปรักษาตาจนมองเห็น พี่พาฉันไปเยี่ยมคุณตาคุณยายแล้วก็คุณลุงด้วยนะคะ ฉันอยากเห็นหน้าพวกเขา” หลินเพ่ยหลันพูดด้วยเสียงสดใส ระหว่างการสนทนา เธอเพียงแค่ฟังเสียงของพวกเขาเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าสายตาและท่าทีที่คนตระกูลจงมีต่อซ่งเฟยหลงนั้นเป็นอย่างไร จึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ซ่งเฟยหลงนั้นรู้สึกได้จากทุกคำพูดและทุ
บทที่ 49 พยายามกีดกัน“นี่...อย่ามาพูดแบบนี้นะ ถ้าดูแลสองคนนั่นดี ๆ ก็หมายความว่าไม่มีฉันน่ะสิ” นางหลิวอี้ที่นึกขึ้นมาได้ก็ตาขวางใส่สามีทันที“ก็ตอนที่แม่ของเพ่ยหลันยังอยู่ ฉันเองก็ยังไม่มีเธอนี่ หากว่าตอนนั้นเลือกได้ ฉันก็คงเลือกที่จะรักษาแม่ของเพ่ยหลันเอาไว้ เผื่อได้สมบัติอย่างพวกตระกูลซ่งอย่างไรเล่า ไม่อย่างนั้นตอนนี้ฉันคงกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารไปแล้ว คิดแล้วน่าเสียดายชะมัด” หลินตงยังคงพูดความในใจออกมาไม่หยุด โดยไม่สนใจว่าภรรยาใหม่จะคิดอย่างไร“หลิงตง หยุดพูดเดียวนี้นะ นี่จะไม่เห็นหัวฉันกับเสี่ยวหรงแล้วหรือยังไง” นางหลิวอี้พูดจบก็คว้าอะไรข้างกายได้ก็โยนใส่หลินตงด้วยความโมโห“แล้วนี่เธอจะเป็นบ้าอะไร ฉันแค่พูดเฉย ๆ มันไม่ได้เป็นจริงสักหน่อย แม่ของหลินเพ่ยหลันก็ตายไปแล้ว” หลินตงตะคอกกลับมาเมื่อถูกปาของใส่จนหลบแทบไม่ทันบรรยากาศจากที่คุยกันดี ๆ กลายเป็นทะเลาะกันใหญ่โตไปแล้ว นางกู้ซินที่เป็นตัวต้นเรื่องคาบข่าวมาบอกนั้น ก็ต้องไปเป็นกรรมการห้ามศึกระหว่างสองผัวเมีย ส่วนหลินเสี่ยวหรงที่กลับมาถึงบ้าน ก็มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความงุนงงกลับมาที่บ้านซ่งเวลานี้พวกเขายังคงพูดคุยกันต่อ คนภายน
บทที่ 50 เดินทางมาปักกิ่ง“เอาตามที่ลูกสะใภ้พูดมาก็แล้วกัน พวกเราจะทุ่มสุดตัวเพื่อรักษาตาของเพ่ยหลันให้หาย พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ซ่งตงลี่พูดขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยวเหมือนกัน“ขอบคุณทุกคนนะคะ” หลินเพ่ยหลันบอกขอบคุณคนบ้านซ่งด้วยความดีใจที่พวกเขายืนเคียงข้างเธอ“แต่หากหลานไปกับพวกเรา หลานจะได้รับการรักษาที่ดีกว่าอย่างแน่นอนนะ” นายท่านผู้เฒ่าจงพูดขึ้นมาอีกครั้งหลินเพ่ยหลันเองก็อยากจะตอบตกลงตาของเธอเช่นกัน แต่ขอยื่นข้อเสนอว่าต้องให้ซ่งเฟยหลงติดตามไปด้วย หญิงสาวกุมมือของสามีเอาไว้แน่นแล้วหันมาพูดกับตาของเธออย่างจริงจัง“ฉันก็อยากไปกับคุณตานะคะ แต่ฉันมีข้อเสนอ และข้อเสนอของฉันก็คือให้พี่เฟยหลงติดตามไปด้วย และให้เขาอยู่กับฉันตลอดเวลา คุณตารับข้อเสนอนี้ได้ไหมล่ะคะ” หลินเพ่ยหลันถามออกไปและจ้องไปทิศทางที่คิดว่านายท่านผู้เฒ่าจงนั่งอยู่ด้วยความมุ่งมั่นนายท่านผู้เฒ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าเขาไม่มีทางเลือกจึงได้แต่พยักหน้าตกลง “ได้ ให้เขาตามไปด้วยก็ได้ ระหว่างที่เพ่ยหลันรักษาตาอยู่ที่ปักกิ่ง ตาจะให้เขาอยู่กับหลานตลอดเวลาอย่างที่หลานต้องการ”“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจฉัน เพราะสำหรับฉันแล้ว พี่เฟยหลงเป็
บทที่ 51 คิดหาทางกลั่นแกล้งตอนนี้พวกเขาต่างก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้อาหารเย็นกินกันดึกหน่อย เพราะกว่าที่พวกหลินเพ่ยหลันจะมาถึงก็ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว แต่ทุกคนต่างก็รอด้วยความเต็มใจ เพราะอยากจะเห็นหน้าตาหลินเพ่ยหลันว่าจะเหมือนจงหลันฮวามากแค่ไหน“เพ่ยหลัน มานั่งตรงนี้ มานั่งข้าง ๆ พี่” จงซุนเทียน พี่ชายคนรองเรียกให้น้องสาวมานั่งใกล้ ๆ ตนเองพร้อมทั้งยกเก้าอี้ให้เธอ“นั่งก่อนนะ เดี๋ยวให้คุณปู่พร้อมก่อน พวกเราถึงจะกินอาหารได้” จงเซียนหยางพี่ชายคนที่สามบอกธรรมเนียมแก่น้องสาวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม“เดินทางมาไกล เหนื่อยไหม ดื่มน้ำก่อนได้นะ” จงกว่างชวนพี่ชายคนที่สี่บอก จากนั้นเขาก็หันหน้าไปบอกแม่บ้าน “ลี่หลิน รินน้ำให้เพ่ยหลันหน่อย”“พวกแกพอก่อน น้องเพิ่งเดินทางมาเหนื่อย ๆ จะไปเร่งเร้าเธอทำไม ให้เธอได้พักผ่อนก่อนดีกว่า” จงจื่อหลงเอ็ดน้องชายทั้งสามเล็กน้อย“ขอบคุณพี่ ๆ มากเลยนะคะ ที่ใส่ใจฉัน” หลินเพ่ยหลันพยักหน้าให้พวกเขาอย่างนอบน้อมเหมือนว่าซ่งเฟยหลงจะถูกลืมไว้ข้างหลัง เมื่อบรรดาพี่ชายเห็นน้องสาวของตัวเองแล้ว ก็มุ่งความสนใจไปที่เธออย่างเดียว ไม่ได้สนใจน้องเขยที่เดินทางมาด้
ตอนพิเศษ 5 ปีผ่านไปซ่งเจียหยวนกับซ่งเจียอี้ ตอนนี้อายุได้ห้าขวบแล้ว เป็นวัยที่เริ่มกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก หลินเพ่ยหลันเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม จึงตัดสินใจชวนลูกชายฝาแฝดทั้งสองคนไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพเช้าวันนั้น หลินเพ่ยหลันเตรียมตัวอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างพร้อมสำหรับการเดินทาง จัดเตรียมเสื้อผ้าที่อบอุ่นและอาหารว่างไว้ให้ลูก ๆ พร้อมทั้งเตือนพวกเขาให้ปฏิบัติตัวดี ๆ เมื่อไปถึงที่กองทัพ เป็นสิ่งที่เธอทำเองทั้งหมด ใช่แล้ว เธอเลี้ยงลูกแฝดทั้งสองคนด้วยตัวเอง แม้นายท่านผู้เฒ่าทั้งสองจะเคยส่งพี่เลี้ยงมาให้ แต่เธอก็ปฏิเสธไปเพราะอยากใกล้ชิดกับลูกๆ มากกว่าใคร ๆ “แม่ครับ เราจะได้เจอพ่อเมื่อไหร่ครับ” เสียงใส ๆ ของซ่งเจียหยวนถามด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขาอยู่ในชุดทหารที่ลุงๆ ซื้อมาฝาก“เย็นนี้ก็ได้เจอแล้ว พ่อจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่เห็นพวกเรามาเยี่ยม” หลินเพ่ยหลันตอบพร้อมกับยิ้มให้ลูกชายลูกชายทั้งสองของเธอดีใจกันมาก ที่ได้ยินข่าวว่าจะได้ไปเยี่ยมพ่อที่กองทัพ พวกเขาต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ และไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นไว้ได้
บทส่งท้าย ครอบครัวสมบูรณ์หลินตงยืนนิ่งไม่พูดอะไร เขารู้ว่าเขาคงไม่มีทางเลือก เขาต้องทำเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกฆ่า“ต้องทำแบบนี้... ถ้าไม่ทำ... ฉันตายแน่ ฉันไม่ผิด” หลินตงพูดขึ้นมาเบา ๆ“ตายก็ยังดีกว่าทำแบบนี้!” นางหลิวอี้ตวาดเสียงดัง ก่อนจะวิ่งไปหยิบมีดที่วางอยู่บนโต๊ะในครัว แล้วตรงเข้ามาหาหลินตง“แกไม่รู้แกทำผิดหรืออย่างไร ลูกสาวตัวเองไม่ใช่ตัวช่วยที่จะเอามาขัดดอก แกตายซะเถอะ” นางหลิวอี้พูดจบก็เอามีดไล่ฟันไปที่สามีหลินตงตกใจและกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว “นังบ้า จะฆ่ากันเลยเหรอ หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เขายืนสั่นด้วยความกลัวมีดในมือของภรรยา“แกทำให้ชีวิตของพวกเรามันพังหมดแล้ว พังหมด ไม่เหลืออะไร” นางหลิวอี้ยังคงกราดเกรี้ยว ทั้งที่มีดในมือสั่นไปตามอารมณ์ “แม้แต่กับลูกสาวของตัวเองแกก็ยังทำแบบนี้ได้ นี่แกเป็นพ่อประสาอะไร”“แล้วแกล่ะ ตั้งแต่แต่งกับฉันมา แกเคยช่วยอะไรฉันบ้างไหม มีแต่ใช้เงินไปวัน ๆ ที่เสี่ยวหรงมันต้องเป็นแบนี้ แกก็มีส่วนเหมือนกัน”หลินตงตะโกนสวนกลับ และขยับหลบมีดที่ภรรยาเหวี่ยงมาหาเขาอีกครั้ง “หากเป็นไปได้ ฉันก็จะไม่ทำแบบนี้เลย แต่มันไม่มีทางเลือก”นางหลิวอี้สบถคำหยาบคาย “แกจะหนี
บทที่ 64 จากลากันอีกครั้งหลินเพ่ยหลันยิ้มบาง ๆ และพยักหน้าเล็กน้อยเธอรู้สึกโล่งใจที่ปัญหาในวันนี้จบลงได้โดยไม่เกิดความรุนแรง เธอหันกลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ซ่งเฟยหลงดูแลเรื่องราวที่เหลือซ่งเฟยหลงมองตามหลังภรรยาของเขาด้วยความรักและความห่วงใย เขารู้ว่าคนท้องไม่ควรเครียด และเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้หลินเพ่ยหลันได้มีความสุขและสบายใจในช่วงเวลานี้เมื่อหลินเพ่ยหลันเข้าไปพักผ่อนในบ้าน ซ่งเฟยหลงก็หันกลับมามองชาวบ้านที่ยังคงยืนอยู่รอบ ๆ เขายิ้มและกล่าวกับพวกเขาอย่างสุภาพ “ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจและสนับสนุนครอบครัวของเรานะครับ ผมขอให้ทุกคนกลับบ้านกันอย่างสงบสุข”ชาวบ้านพยักหน้ารับและเริ่มทยอยกลับบ้าน บรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้งหลังจากที่เรื่องวุ่นวายทุกอย่างผ่านพ้น บ้านซ่งก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ทุกคนในครอบครัวรู้สึกโล่งใจและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข ในช่วงเทศกาลตรุษจีน บ้านซ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นพวกเขาใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ ทั้งการไปไหว้พระที่วัด เพื่อขอพรให้ปีใหม่นี้เต็มไปด้วยความสุขและความเจริญรุ่งเรือง ทั้งกินอาหารมงคลร่วมกัน แ
บทที่ 63 จบปํญหาเมื่อหลินตงเอ่ยปากขอเงินจากหลินเพ่ยหลัน แต่หญิงสาวกลับมีท่าทีลังเลไม่ตอบรับในทันที หลินเพ่ยหลันมองไปยังแม่เลี้ยงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล‘กลัวว่าเงินที่ให้ไป พ่อกับน้องของเพ่ยหลันจะไม่ได้ใช้น่ะสิ แม่เลี้ยงคนนี้คงจะยึดไปหมดแน่ ๆ’ เธอยืนคิดอยู่ในใจว่าจะให้ไปดีหรือไม่ นางหลิวอี้เห็นดังนั้นก็โวยวายขึ้นมาทันที“หลินเพ่ยหลัน แกมันคนอกตัญญู พ่อของแกมาขอเงินแค่นี้ก็ไม่ยอมให้เหรอ จะต้องให้พ่อและน้องของแกอดตายก่อนใช่ไหม” น้ำเสียงของนางหลิวอี้เต็มไปด้วยความโกรธและเกรี้ยวกราด เธอพูดเสียงดังเพื่อกดดันอีกฝ่าย“ทุกคนดูสิหลินเพ่ยหลันที่ทุกคนเคยชื่นชมนักหนา พอร่ำรวยแล้วก็ไม่ยอมให้เงินพ่อของตัวเองเลย พ่อของเธอไม่มีเงินจนจะอดตายอยู่แล้ว” นางหลิวอี้พูดเสียงดัง พรัอมกับหันไปมองชาวบ้านที่เริ่มมารวมตัวกันด้วยความสงสัยชาวบ้านบางคนเริ่มซุบซิบและมองไปทางหลินเพ่ยหลันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป“จริงเหรอ หลินเพ่ยหลันทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” เสียงพูดคุยเบา ๆ เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆหลินเพ่ยหลันรู้สึกอับอายและเสียใจมากที่ถูกแม่เลี้ยงของตัวเองใส่ร้ายเช่นนี้ เธอจึงพยายามจะอธิบาย “ฉันไม่ได้หมายความว่าอ
บทที่ 62 บ้านหลินมาอีกแล้ว“ขอบใจนะอาเฟยที่สานฝันแทนพ่อ แค่นี้พ่อก็ภูมิใจในตัวลูกมากแล้วล่ะ แต่ถ้าหากมันลำบาก ก็อย่าหักโหมเกินไปนักนะ ความก้าวหน้าสำคัญก็จริง แต่ว่าความสุขของตัวเองก็สำคัญเหมือนกันนะลูก” ซ่งตงลี่พูดขึ้นมาอย่างห่วงใย “ครับพ่อ” ซ่งเฟยหลงพยักหน้ารับคำ “แล้วเพ่ยหลันละ เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่นู่นสบายดีไหม” คราวนี้เป็นนางหยางเจี่ยที่หันมาถามลูกสะใภ้ โดยซ่งตงลี่ก็หันมาเพื่อรอฟังคำตอบด้วยหลินเพ่ยหลันยิ้มให้พ่อแม่ของสามี ก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง “ฉันสบายดีค่ะ อยู่ที่บ้านตระกูลจง ฉันได้ช่วยงานคุณตากับคุณลุงที่ห้างสรรพสินค้าของตระกูลด้วย ทุกอย่างก็ราบรื่นดีค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพวกพี่ก็ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยน่ะสิ คนหนึ่งอยู่ชายแดน คนหนึ่งอยู่ปักกิ่ง” ซ่งชุนเป้ยถามขึ้นมาอย่างกังวล เธอเห็นใจพี่ชายกับพี่สะใภ้ไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน“ใช่แล้ว ช่วงแรก ๆ พี่เฟยหลงฝึกหนักมาก แล้วยังมีภารกิจที่ต้องไปทำนอกกองทัพอีก พวกเราก็เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร มีพักหลัง ๆ ที่พี่เฟยหลงพอจะว่างได้กลับมาปักกิ่ง และพี่ก็ไปหาพี่เฟยที่เมืองชายแดนบ้าง ตอนนี้คุณตาจัดรถพร้อมคนขับไว้ให้โดยเฉพาะ
บทที่ 61 ท้อง 4 เดือนแล้ว“แล้วนี่จะมาอยู่กี่วันล่ะ อยู่นาน ๆ นะ แม่จะทำของอร่อยให้กิน” นางหยางเจี่ยถามขึ้นมา เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรลูกชายกับลูกสะใภ้ก็ต้องกลับไปที่ปักกิ่ง แต่ก็อยากให้อยู่ด้วยกันสักหลายวันก่อน“นี่ก็เป็นเวลานานแล้วที่ผมกับเพ่ยหลันไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ตรุษจีนปีที่แล้วที่ไม่ได้กลับมา ก็เพราะว่าผมมีภารกิจที่ชายแดน ครั้งนี้พวกเราจึงตัดสินใจว่าจะพักอยู่ที่บ้านหลายวันหน่อย เพื่อเป็นการชดเชยให้กับครอบครัวครับ” ซ่งเฟยหลงตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ดี ๆ จะได้มาด้วยพี่ขายของด้วย เพราะตอนนี้ที่ร้านยุ่งมาก ฮ่า ๆ” ซ่งชุนเหยาพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข“ที่ร้านยุ่งมากเหรอคะ” หลินเพ่ยหลันขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ“จะให้ไม่ยุ่งได้อย่างไรล่ะคะพี่สะใภ้ ตอนนี้พี่ใหญ่ขยายร้านค้าไปในเมืองใกล้ ๆ อีกสองสาขา แต่ละวันแค่วิ่งไปเติมสินค้าแต่ละสาขาก็แทบจะไม่มีเวลาแล้ว ยังดีที่ตอนนี้ซื้อรถยนต์แล้วและมีลูกจ้างที่ขยันและซื่อสัตย์ ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ท่าจะแย่” ซ่งชุนเป้ยเป็นคนตอบคำถามนี้ของพี่สะใภ้ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ตอนนี้กิจการของบ้านซ่งเป็นไปได้ดีมาก ซ่งชุนเหยาได้ขยายสาขาร
บทที่ 60 กลับมาเยี่ยมบ้านพวกเขาอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันอยู่นาน ดื่มด่ำกับความรู้สึกของความคิดถึงที่รอคอยมานาน ขณะนั้นเสียงลมหายใจของทั้งสองคลอเคลียกันอย่างอบอุ่น“พี่รู้ไหมว่าเวลาไม่กี่เดือนสำหรับฉันแล้ว เหมือนมันนานเป็นหลายปีเชียวล่ะ” หลินเพ่ยหลันกล่าวเบาๆ“พี่เข้าใจ ต่อไปพี่จะพยายามกลับมาหาเพ่ยหลันให้มากขึ้น ถ้าทำภารกิจเสร็จ พี่ก็จะขอลาหยุดแล้วมาหาภรรยาเลยครับ” ซ่งเฟยหลงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นหลินเพ่ยหลันยิ้มทั้งน้ำตาและสัมผัสแก้มของซ่งเฟยหลงอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ฉันอยากให้พี่ทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานของพี่มากกว่า อยู่ทางนี้ต่อให้คิดถึงพี่มากแค่ไหน ฉันก็ทนได้”“ไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าหน้าที่จะสำคัญ แต่ว่าครอบครัวก็สำคัญเหมือนกัน ต่อไปนี้พี่จะพยายามทำทั้งสองอย่างให้ดีนะ” ซ่งเฟยหลงยืนยันด้วยความรักอันยิ่งใหญ่พวกเขานั่งลงข้างกันบนเตียง จับมือกันแน่น และแลกเปลี่ยนคำพูดหวาน ๆ ที่สะท้อนความรักและความผูกพันที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความคิดถึง หัวใจของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกัน และรู้ว่าความรักที่มีต่อกันนั้น
บทที่ 59 ผู้กองซ่งหลินเพ่ยหลันมาถึงห้างสรรพสินค้าตอนบ่ายกว่า ๆ ก็ตรงขึ้นมาที่ห้องประชุมเลย เธอบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเป็นผู้น้อยไม่ควรจะมาสาย และให้เหล่าผู้บริหารอาวุโสรอนาน มาถึงเธอก็จัดแจงเรื่องสถานที่ประชุมต่าง ๆ อย่างเสร็จสรรพการประชุมครั้งนี้เป็นความคิดของเธอเอง ที่จะเสนอให้ห้างสรรพสินค้าของตระกูลจงไปเปิดสาขาที่เมืองอื่นด้วย ก่อนหน้าที่เธอยื่นเสนอเรื่องนี้ไป ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งจงหยวนต้าและเหล่าผู้บริหารอาวุโสต่างก็เห็นด้วยและเชื่อใจเธอ เพราะผลงานที่ผ่านมาของเธอนั้นสร้างกำไรให้กับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มากมาย จึงได้มีการเปิดประชุมเพื่อชี้แจงแผนงานอย่างละเอียดในบ่ายวันนี้“สวัสดีค่ะผู้บริหารทุกท่าน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะคะ อย่างที่ได้พูดคุยกันบ้างอย่างไม่เป็นทางการก่อนหน้านี้แล้วว่า ฉันอยากจะเสนอให้ห้างสรรพสินค้าของเราไปเปิดสาขาที่เมืองอื่น” หลินเพ่ยหลันเปิดการประชุมอย่างตรงไปตรงมา“ว่ามาเถอะเพ่ยหลัน พวกเราตื่นเต้นอยากฟังแล้ว” จงหวง ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเธอรอฟังอย่างใจจดใจจ่อหลินเพ่ยหลันบอกให้เลขาแจกจ่ายเอกสารที่เธอทำเป็นชุด ๆ ไว้ให้ผู้บริหารแต
บทที่ 58 เป็นที่ยอมรับของทุกคนหลินเสี่ยวหรงถึงแม้ว่าจะไม่ชอบหลินเพ่ยหลัน แต่ครั้งนี้ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของแม่ตัวเอง จึงพูดออกมาว่า“จะบ้าเหรอแม่ ใครเขาจะรับพวกเราไปอยู่ด้วยกัน อย่าลืมสิว่าพวกเราไม่ได้ดูแลนังเพ่ยหลันดีสักเท่าไร แถมมันก็คงจะคิดว่าที่มันตาบอดเพราะพวกเราไม่สนใจไยดีพามันไปหาหมอ แล้วแบบนี้มีเหรอนังเพ่ยหลันมันจะยอมรับเรา มีเหรอคนตระกูลจงจะยอมให้พวกเราไปอยู่ด้วย”“แต่ตอนนี้มันรักษาตาจนกลับมามองเห็นแล้วนะ และถ้ามันจะอกตัญญูต่อพ่อก็ให้มันรู้ไปสิ ถ้าถึงขั้นจะทิ้งพ่อมันได้ลงคอ ก็คอยดูว่าฉันจะประจานมันยังไง” นางหลิวอี้พูดเสียงดังลั่น ทำให้ทั้งหลินตงและหลินเสี่ยวหรงต่างก็ส่ายศีรษะให้กับความดื้อดึงของนางหลิวอี้แต่ที่สุดแล้วหลินตงก็ทนความกดดันจากภรรยาไม่ไหว จนต้องเดินมาที่บ้านซ่งเพื่อขอที่อยู่ของหลินเพ่ยหลัน“แกจะเอาที่อยู่ของเพ่ยหลันไปทำอะไร” ซ่งตงลี่ถามหลินตงออกไป“ฉันก็แค่คิดถึงลูกสาวไม่ได้หรืออย่างไร เห็นว่าเพ่ยหลันไปรักษาตัวที่ปักกิ่ง ฉันก็จะเขียนจดหมายไปถามข่าว” หลินตงตอบกลับไปตามที่ได้ซักซ้อมกันมากับนางหลิวอี้“หึ อย่ามาโกหกเลย ฉันรู้หรอกว่าจะเขียนไปขอเงินเพ่ยหลันล่ะส