มีความโหดเหี้ยมแวบเข้ามาในดวงตาของนางหวาง “แสดงว่าเจ้าไม่ไปที่นั่นทุกวันงั้นรึ?” “ข้าไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น” ซูฉางโซว่ จะไม่ปีนขึ้นไปบนภูเขาทุกวันเพื่อดูมันอย่างแน่นอน เขาสัญญาว่าจะทำทุกวัน แต่พริบตาเดียวเขาก็หาที่นอนได้แล้ว สำหรับสิ่งที่เรียกว่ากับดักล่าสัตว์บนภูเขานั้น มันก็เป็นเรื่องบังเอิ
ซูหวั่นไม่ปฏิเสธและเดินลงบันไดไม้ไป ห้องใต้ดินถูกขุดลึกมาก พื้นที่นี้มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษและมีชั้นปูนขาวโรยอยู่จึงแทบไม่มีแมลงเลย และไม่พบว่ามีความชื้นใดๆ ด้วย ยิ่งเดินเข้าไปข้างในมากเท่าไหร่ พื้นที่ก็ใหญ่ขึ้นมากเท่านั้น ด้านในสุดมีชั้นวางไม้หลายชั้น รวมถึงถังไม้ที่ซูชิงได้สร้างขึ้นมา
ซูลิ่วหลางและนางหลี่ช่วยนางบรรจุขวดและบรรจุกระปุก ภายใต้แสงจันทร์ สามแม่ลูกต่างก็ง่วนอยู่กับการทำงาน …… ในเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านใหญ่ ซูฝูลูบท้องและรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่นางฟังสิ่งที่ซูหรงพูด นางสับสนและพูดว่า “เจ้าพูดจริงหรือเปล่า? ฉ่ายอวิ๋นท้องจริงๆ? คนของตระกูลซ่งจะถอ
เสียงดังขนาดนี้ หากพ่อเฒ่าซูได้ยินขึ้นมาล่ะ? นั่นเป็นการรนหาที่ตายจริงๆ! ซูฝูค่อยๆตื่นขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงของซูหรง ใบหน้าของนางก็ซีดเซียว และมีน้ำตาไหลออกมาจากหางตา และหลังก็เปียกชุ่มไปหมด ซึ่งมันก็คือเม็ดเหงื่อเย็นๆนั่นเอง นางจับข้อมือของซูหรงเอาไว้แน่น แล้วพูดด้วยริมฝีปากที่
“เจ้าพูดว่าน้าสามและอาสามของเจ้าเป็นหัวขโมยไปได้อย่างไง ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่เลยนะ!” นางหวางบีบคอและแสร้งทำเป็นผู้อาวุโส “มันดึกมากแล้ว เจ้ายังไม่นอนอีกรึ?” เมื่อได้ยินคำพูดตะกุกตะกักของทั้งสองคน นางก็แทบจะหัวเราะออกมา ซูหวั่นเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าก็อยากจะถามน้าทั้งสองคนเหมือนกันว่า
นางหาวและกินอาหารเช้าที่นางหลี่เตรียมไว้ หลังจากนั้นนางก็ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเก็บสมุนไพรโดยแบกกระบุงหาบไว้บนหลัง ครีมฝูหรงที่นางต้องการทำต้องใช้สมุนไพรเป็นจำนวนมาก นางทำครีมฝูหรงไปขายสักหน่อย ก็จะสามารถทำเงินได้มากขึ้นแล้ว ปัง! ปั่ก! ซูหวั่นกำลังก้มลงไปขุดสมุนไพร และก็ได้ยินเสียงที่ดัง
เฉิงเจียวเหนียงดูเหมือนจะโล่งใจ เมื่อได้ยินซูหวั่นพูดเช่นนี้ จากนั้นก็ถอดผ้าคลุมมุมหนึ่งออก พึมพำออกมา และพูดด้วยความโกรธ “ดูสิ ข้าแค่อยากจะกินเผ็ดนิดหน่อยเอง นี่เป็นสิวสองเม็ด สองวันแล้วยังไม่หายสักที ข้าจะเผชิญหน้ากับคนอื่นได้อย่างไร?” สิวทั้งสองเม็ดไม่ใหญ่หรือเล็ก เม็ดหนึ่งอยู่ที่
พูดจับ นางก็มองดูซูหวั่นอย่างภาคภูมิใจ ซูหวั่นยิ้มๆ ไม่มีอารมณ์และไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับพวกนาง โดยแค่พูดออกไปว่า “ซูหรง เจ้าคิดว่าข้ากลัวงั้นรึ?” นางไม่กลัวว่าแม่เฒ่าเซี่ยงหรือคนอื่นๆจะพูดอะไรที่เสียหายออกไปทั้งนั้น ไม่แม้แต่จะกลัวฝีปากกล้าของซูหรง ซูหรงรู้สึกหงุดหงิดกับสายตาเหย
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห