พูดจับ นางก็มองดูซูหวั่นอย่างภาคภูมิใจ ซูหวั่นยิ้มๆ ไม่มีอารมณ์และไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับพวกนาง โดยแค่พูดออกไปว่า “ซูหรง เจ้าคิดว่าข้ากลัวงั้นรึ?” นางไม่กลัวว่าแม่เฒ่าเซี่ยงหรือคนอื่นๆจะพูดอะไรที่เสียหายออกไปทั้งนั้น ไม่แม้แต่จะกลัวฝีปากกล้าของซูหรง ซูหรงรู้สึกหงุดหงิดกับสายตาเหย
ซูหรงสัมผัสกิ๊บติดผมและไม่สามารถวางลงได้ และก็พูดอย่างไม่ต้องคิดว่า “ข้ารู้ค่ะ” …… หลังจากปิดประตู ซูหวั่นก็เข้าไปในห้องครัวและหยิบสมุนไพรแห้งออกมา และก็นำมันไปบดที่ลานบ้านอีกครั้ง หลังจากเติมสบู่ ไขมัน และสารอื่นๆ ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า กรอง ล้าง ก็ใช้เวลานานในการทำเป็นสบู่เพื่อคว
ใครกัน? ซูหวั่นจำนางไม่ได้ นางจึงแค่เช็ดน้ำออกจากมือ แล้วเดินไปพูดว่า “ข้าคือซูหวั่นค่ะ ท่านมีธุระอะไรกับข้าหรือเปล่าคะ?” ผู้หญิงคนนั้นมองซูหวั่นขึ้นๆ ลงๆ สีหน้าของนางจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ นางสวมชุดผ้าไหมและผ้าแพรซึ่งแตกต่างจากชุดผ้าลินินที่หยาบมาก เมื่อยืนอยู่ในลานนี้ นางก็ดูไม่เข้
ก่อนที่จะมา พวกนางคิดว่าซูหวั่นเป็นเทพเซียนผู้เชี่ยวชาญ เพราะท้ายที่สุดแล้ว นางสามารถรักษาโรคของถังเสี่ยวจิ่วได้ หลังจากที่ได้พบจึงรู้ว่าซูหวั่นเป็นเพียงหญิงชาวไร่ธรรมดาๆคนหนึ่ง ความหวังของจื่อหวนก็พังทลายลงทันที แม่นมกู่กวาดตามองจื่อหวนด้วยสายตาเย็นชา พูดอย่างเย็นชาว่า “ช่างมีตาหามีแววไ
ในห้อง ซูหวั่นจ้องไปยังใบหน้าที่แดงระเรื่อของถังเสี่ยวจิ่วด้วยความพึงพอใจ นางเก็บเข็ม และวางสิ่งของพวกนั้นไว้ในพื้นที่จินตนาการ จากนั้นนางก็เดินไปที่ประตูอีกครั้ง มองไปทางรถม้าแล้วพูดว่า "ขอสมุนไพรยาหน่อยนะคะ" แม่นมกู่แหวกม่านหน้าต่าง แล้วหยิบยามายื่นส่งให้ "หนูซู อยู่ในห่อนั่นทั้งหมดแล้
และตระกูลถังก็เหมาะกับมาตรฐานนี้เป็นอย่างดี ซูหวั่นวางแผนในใจเอาไว้อย่างชัดเจน และก็นึกถึงเงินที่หลั่งไหลเข้ามาหาตัวเองแล้ว ถังเสี่ยวจิ่วขมวดคิ้วและคิดอย่างรอบคอบอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็พยักหน้า "พี่อาหวั่น ข้าสามารถช่วยพี่ฟรีๆได้ ไม่ต้องให้ส่วนแบ่งข้าหรอก ข้ามีเงินมากมายใช้ไม่หมดหรอกนะ"
ในบ้านตระกูลถัง ถังเสี่ยวจิ่วจะได้รับการดูแลในเรื่องอาหารการกินทุกวันโดยเฉพาะ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นเด็กที่เลือกกินมาก นายหญิงถังจะต้องเข้ามาเกลี้ยกล่อมถึงจะยอมกินไปสองสามคำได้ พ่อครัวส่วนตัวของเขาเปลี่ยนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ไม่มีใครอยู่ได้นานเลยสักคน นอกจากนี้ พิษที่เหลืออยู่ในร่าง
นางพึมพำ "หนูซูคะ ข้าน้อยขอโค้งคำนับเพื่อการขอโทษ ขออภัยหนูซูจริงๆนะคะ!" ขณะที่พูด นางก็งอเข่าและคุกเข่าต่อหน้าทุกคน เสียงนั้นดังเป็นอย่างมาก แม้แต่หน้าผากก็มีรอยแดงเป็นปื้นใหญ่ ประกอบกับพื้นมีก้อนหินอยู่ มันจึงทำให้หน้าผาของนางมีเลือดซึมออกมาด้วย เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูหวั่นก็หรี่ตาลงเล็กน้
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห