นางได้วางสมุนไพรบางอย่างเอาไว้ที่นี่ และกลิ่นเนื้อไม้ก็ไม่ได้แรงขนาดนั้น “ลุงชิงคะ พรุ่งนี้ลุงช่วยพาคนงานมาขุดห้องใต้ดินสองแห่งที เงินค่าจ้างได้รับตามเดิมค่ะ” ซูหวั่นล้างมือ และมองไปที่ซูชิง “ห้องใต้ดินจะต้องลึกและกว้างมากกว่านี้นะคะ” นี่เป็นสิ่งที่ซูชิงทำเป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อเลี้ยงดูโ
นางหลี่ไม่คัดค้านต่อข้อเสนอของซูหวั่นอยู่แล้ว นางกำลังร้อยด้าย แต่เข็มเริ่มทื่อเล็กน้อย นางจึงนำเข็มมาขูดไปที่ศีรษะสองที แล้วพูดว่า“พ่อและแม่ฟังเจ้านะ เจ้าลงมือทำอย่างสบายใจเถอะ ไม่ว่าจะได้กำไรหรือไม่ พวกเราจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ” ซูหวั่นรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้ นางหัวเร
ซูลิ่วหลางกัดผ้าในปากเอาไว้แน่น โดยที่ฟันกระทบดังกรอดๆ เขาสั่นไปทั้งตัวด้วยความเจ็บปวด ท่านพี่บอกว่า การรักษาจะเจ็บปวดมาก แต่เขาไม่คิดว่าจะเจ็บปวดขนาดนี้ เขารู้สึกเพียงว่าสมองแทบจะระเบิดออกมาแล้ว! รู้สึกเหมือนเลือดข้างในไหลย้อนกลับ และกลิ้งไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน! “ท่านพี่ ข้าทนไม่ไหวแ
ซูหวั่นแต่งตัวเสร็จแล้ว เปิดประตูแล้วออกมา นางมองเห็นซูลิ่วหลางยืนอยู่ที่ประตูด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น โดยที่นางหลี่ก็ยืนอยู่ไม่ไกลเช่นกัน ด้านนอก มีเสียงอื้ออึงเต็มไปหมด ซูหวั่นเดินออกไปทันที โดยไม่มีเวลาแม้จะเทน้ำออกเสียด้วยซ้ำ จากนั้นก็เรียกให้คนขายเนื้อขนเครื่องในหมูเข
ใบหน้าของนางหวางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ นางปีนลงมาจากกำแพงด้วยความโกรธ และรับไม้กวาดของแม่เฒ่าเซี่ยงที่โยนมาแบบเต็มๆ นางหลบไม่ทัน หลังจากถูกเคว้งไม้กวาดมาโดน นางก็บุ้ยๆปาก กัดฟันแล้วพูดว่า“ท่านแม่ นี่มันอะไรกัน?” ขณะที่พูด นางก็ก้มไปหยิบไม้กวาดขึ้นมา และคิดที่จะเคว้งมันกลับไปที่แม่เฒ่า
แม่เฒ่าเซี่ยงรู้สึกว่าสิ่งที่ซูหวั่นพูดนั้นไม่ถูกต้องมากนัก ทำไมต้องไปขอที่เจ้าของร้านหลิวของเค่อเยว่ด้วย? “นังหนูหวั่น เจ้าหมายความว่ายังไง?” ซูหวั่นใช้เจ้าของร้านหลิวเป็นโล่ แล้วพูดว่า “ท่านย่า ข้าไม่กลัวที่จะบอกกับท่านย่าหรอกนะ แต่สูตรลับนี้ เจ้าของร้านหลิวเป็นคนบอกข้ามา เขาบอกข้าว่าห
ซูหวั่นหัวเราะเสียงต่ำ ไม่คิดว่าป้าฟางจะโจมตีคนเก่งขนาดนี้ มองแต่หน้าก็ไม่รู้เลยจริงๆ“ป้าฟางพูดถูกค่ะ น้าสามคะ น้าอยากจะมาช่วยเรามั้ย แม้ว่างานนี้ จะสกปรกและเหนื่อย แต่น้าก็เป็นน้าสามของข้า น้าจะมาช่วยเราแน่นอนใช่ไหมคะ?” นางหวางบีบนิ้ว แล้วพูดด้วยสายตาหลบเลี่ยง“อาหวั่น ไม่ใช่ว่าน้าสามจะไ
แม้ว่าในใจจะคิดแบบนั้น แต่ปากก็กลับขายตัวเองออกมาอย่างตรงไปตรงมา ซูหวั่นมองจากด้านข้าง และรู้จักขบขัน น้องชายคนนี้ ช่างน่ารักเสียจริงๆ โก่วต้านพูดด้วยความประหลาดใจ“เจ้านับเลขเป็นแล้วรึ?แล้วเจ้าทำบัญชีเป็นหรือเปล่า ใครเป็นคนสอนเข้า?” “ทำบัญชีข้าก็กำลังเรียนอยู่ มากเกินไปข้าก็คิดไม่ออก” ซู
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห