ใบหน้าของนางหวางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ นางปีนลงมาจากกำแพงด้วยความโกรธ และรับไม้กวาดของแม่เฒ่าเซี่ยงที่โยนมาแบบเต็มๆ นางหลบไม่ทัน หลังจากถูกเคว้งไม้กวาดมาโดน นางก็บุ้ยๆปาก กัดฟันแล้วพูดว่า“ท่านแม่ นี่มันอะไรกัน?” ขณะที่พูด นางก็ก้มไปหยิบไม้กวาดขึ้นมา และคิดที่จะเคว้งมันกลับไปที่แม่เฒ่า
แม่เฒ่าเซี่ยงรู้สึกว่าสิ่งที่ซูหวั่นพูดนั้นไม่ถูกต้องมากนัก ทำไมต้องไปขอที่เจ้าของร้านหลิวของเค่อเยว่ด้วย? “นังหนูหวั่น เจ้าหมายความว่ายังไง?” ซูหวั่นใช้เจ้าของร้านหลิวเป็นโล่ แล้วพูดว่า “ท่านย่า ข้าไม่กลัวที่จะบอกกับท่านย่าหรอกนะ แต่สูตรลับนี้ เจ้าของร้านหลิวเป็นคนบอกข้ามา เขาบอกข้าว่าห
ซูหวั่นหัวเราะเสียงต่ำ ไม่คิดว่าป้าฟางจะโจมตีคนเก่งขนาดนี้ มองแต่หน้าก็ไม่รู้เลยจริงๆ“ป้าฟางพูดถูกค่ะ น้าสามคะ น้าอยากจะมาช่วยเรามั้ย แม้ว่างานนี้ จะสกปรกและเหนื่อย แต่น้าก็เป็นน้าสามของข้า น้าจะมาช่วยเราแน่นอนใช่ไหมคะ?” นางหวางบีบนิ้ว แล้วพูดด้วยสายตาหลบเลี่ยง“อาหวั่น ไม่ใช่ว่าน้าสามจะไ
แม้ว่าในใจจะคิดแบบนั้น แต่ปากก็กลับขายตัวเองออกมาอย่างตรงไปตรงมา ซูหวั่นมองจากด้านข้าง และรู้จักขบขัน น้องชายคนนี้ ช่างน่ารักเสียจริงๆ โก่วต้านพูดด้วยความประหลาดใจ“เจ้านับเลขเป็นแล้วรึ?แล้วเจ้าทำบัญชีเป็นหรือเปล่า ใครเป็นคนสอนเข้า?” “ทำบัญชีข้าก็กำลังเรียนอยู่ มากเกินไปข้าก็คิดไม่ออก” ซู
ทุกคนใส่หมวก แล้วก็มองหน้ากัน จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมาทันที ซูหวั่นพูดอย่างจริงจัง“ในเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว งั้นก็มาเริ่มกันเลยนะคะ เราจะขนของพวกนี้ไปที่โรงงานก่อน แล้วข้าจะจุดประทัด" “ตกลง!” หลายคนพูดพร้อมกัน และเสี่ยวไป๋ก็เหลือบมองซูหวั่น ดวงตาที่สวยงามของนางเป็นประกาย และเคอะเขิ
ซูหวั่นหันไปด้านข้าง“อยู่ด้านในค่ะ” ขณะที่เจ้าของร้านหลิวกำลังจะเดินเข้าไป ก็ถูกนางเรียกเอาไว้เสียก่อน “อย่าเข้าไปนะคะ!” “มีอะไรอย่างงั้นเหรอ?” เจ้าของร้านหลิวหันกลับมาอย่างอธิบายไม่ถูก เป็นไปได้ไหมว่าสินค้ายังไม่พร้อม? ซูหวั่นชี้ไปที่รองเท้าของเจ้าของร้านหลิว แล้วชี้ไปที่ถังไม้ที่อย
มันกลับทำให้นางหลี่และซูเหลียนเฉิงตกตะลึงมากจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น! ในช่วงชีวิตของพวกเขา ทั้งคู่ไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน! สามร้อยเก้าสิบตำลึง! เงินจำนวนนี้เพียงพอให้ลูกหลานดำรงชีพได้เลยนะ? ทันทีที่นางหลี่ตื่นเต้น นางก็บีบข้อมือของซูลิ่วหลางแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว“อาหวั่น ทำไมเงินอั
ซูหวั่นวิ่งไล่ตามเขาไปโดยไม่ต้องคิดแต่อย่างใด แต่ภายใต้แสงจันทร์ ความเย็นยะเยือกไม่มีที่สิ้นสุด มุมมืดครึ้ม ไม่มีสีอื่นนอกจากความมืด “ใครอยู่ตรงนั้น!” ไม่มีใครตอบ ซูหวั่นหยิบท่อนไม้ขึ้นมา แล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ นางขมวดคิ้ว เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใคร นางถึง
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห