เมื่อหลายคนเห็นจานเนื้อไก่และน้ำซุป น้ำลายก็สอออกมาทันที โดยที่ท้องก็ร้องจ๊อกๆขึ้นมาด้วยเช่นกันเมื่อเห็นว่าพวกเขาเคอะเขินที่จะหยิบตะเกียบ ซูหวั่นก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า“ท่านลุงทุกท่านค่ะ อาหารพวกนี้เตรียมไว้ให้ทุกท่านนะคะ ท่านลุงทานเถอะค่ะ ทานอิ่มแล้วถึงจะมีกำลังช่วยบ้านข้าทำงานไงล่ะคะ”“นังหนูหวั่น
ซูหวั่นถอนหายใจ“ข้ารู้ดีว่าท่านปู่ท่านย่าเป็นคนดีที่ไม่รังเกียจของจำนวนน้อย แต่ข้าละอายใจเกินไปที่จะหยิบยื่น และพวกท่านลุงที่มาช่วยงานก็คิดว่ามันน้อยไปด้วยเช่นกันนะคะ”นางจะไม่รู้ได้อย่างไรล่ะว่าแม่เฒ่าเซี่ยงมาที่นี่ก็เพราะได้กลิ่นหอมของเนื้อไก่นั่นเองแต่ทำไมแม่เฒ่าเซี่ยงถึงไม่คิดเลยล่ะว่าเมื่อคืนท
และก่อนที่นางจางจะเดินออกไป นางยังหันมามองซูหวั่นอย่างลึกซึ้งอีกด้วยแต่ซูหวั่นกลับไม่จริงจังกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อยหลังจากปิดประตูต่อหน้านางจางแล้ว เมื่อกลับไปที่ห้องก็พบว่านางจางยังคงไม่ได้กินข้าวครึ่งชามนั้นจนหมด คาดว่านางคงฟังความเคลื่อนไหวด้านนอกอยู่ตลอดเวลานางได้กำชับเอาไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะ
ซูหวั่นเป็นกังวล หลังจากต้มยาเสร็จแล้วก็ยกเข้าไปในบ้าน หลังจากบอกกับซูเหลียนเฉิงว่า รอให้เย็นสักหน่อยแล้วค่อยดื่ม นางก็รีบขึ้นไปบนบ้านใหญ่ในทันที แต่ประตูของบ้านใหญ่ปิดอยู่ โดยที่มันถูกล็อกอย่างแน่นหนาจากด้านใน ไม่ยากเลยที่จะคิดว่า จะต้องมีคนเข้ามาล็อกประตูหลังจากที่นางหลี่ได้เดินเข้าไป
จากนั้นเลือดก็ไหลซึมออกมาจากหน้าผากอย่างต่อเนื่อง นางย่อตัวลง แต่ยังพูดต่อไปว่า“ท่านแม่ อาหวั่นไม่ผิดนะคะ นางเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง” เมื่อได้ยินดังนั้น แม่เฒ่าเซี่ยงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นางลุกขึ้นมาจากเตียงอิฐไฟ และยกเท้าเตะไปที่ท้องของนางหลี่อย่างเต็มแรง กำลังตั้งท้องอยู่ไม่ใช่รึ? นางก
“ตอนนี้มันเป็นยังไง ประคบประหงมลูกสะใภ้อย่างกับอะไร บอกว่าไม่กลัวใครเขาจะหัวเราะเยาะและเข้าใจผิดเหรอ”ยิ่งพูดแม่เฒ่าเซี่ยงก็ยิ่งอุกอาจ โดยที่ใบหน้าของพ่อเฒ่าซูนั้นกลับดำคล้ำขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็คิดว่าภรรยาเฒ่าของตัวเองช่างโง่จนเกินเยียวยาแล้วจริงๆ คำพูดอะไรก็สามารถพูดออกมาได้ทั้งนั้น “ยัยเ
แม่เฒ่าเซี่ยงขี้เกียจเกินกว่าจะฟังคำพูดของซูหวั่น ดื้อดึง ในความคิดของนาง การที่ซูหวั่นปฏิเสธที่จะแต่งงานกับตระกูลเจิ้งจนฆ่าตัวตายนั้น ก็เพื่อที่จะได้อยู่กับเจียงถงลู่นั่นเอง ตอนนี้พ่อเฒ่าซูได้กลับมาแล้ว สมองของนางก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เอะอะก็จะเล่นแต่ละครการขู่บังคับ ซูหว
ซูลิ่วหลางขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ เมื่อขอบตาเจ็บแปลบๆ น้ำตาก็ได้ไหลออกมาเป็นสาย นางหลี่ย่อตัวลง และลูบศีรษะของซูลิ่วหลางด้วยความรัก“แม่ไม่ระวังตัวแล้วไปกระแทกกับขอบโต๊ะเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่กี่วันก็หายแล้ว” ซูลิ่วหลางเอาตัวถูกับนางหลี่ไปมา พร้อมกับเป่าไปที่นางหลี่เบ
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห