โดยนางหลี่ไม่คิดสงสัยเลยแม้แต่น้อย และยังคุกเข่าลงตรงหน้าประตูใหญ่เพื่อไหว้ขอบคุณในทันทีเมื่อครู่ที่ผ่านมาตอนที่นางได้ยินว่าขาของซูเหลียนเฉิงไม่สามารถรักษาให้หายได้ นางก็เกือบจะล้มพับไปเสียแล้ว หากไม่ใช่ซูลิ่วหลางที่คอยพยุงตัวนางอยู่ข้างๆตลอดเวลาและเกรงว่าคงจะรอจนกลับไปที่ห้องฝั่งตะวันออกไม่ได้เสี
นางหวางจึงตอบรับไปว่า“มาแล้วค่ะ แต่ไปตักน้ำแล้ว”นางรู้อยู่แล้วว่า คนของห้องรองนั้นรับมือไม่ได้ง่ายๆเลย!แม่เฒ่าเซี่ยงถ่มน้ำลายลงบนพื้น“คอยเฝ้าห้องครัวเอาไว้ดีๆ อย่าให้คนของบ้านรองนั่นมาขโมยน้ำมันกับเกลือไปได้!”นางจางและนางหวางตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน และรับปากเสียงดังว่าพวกนางจะคอยจับตาดูเอาไว้ให
ซึ่งกว่าจะเติบโตขึ้นมาได้ ขออย่าให้เป็นอะไรไปเลยฝูงชนที่เข้ามาห้อมล้อมเพื่อดูเหตุการณ์เริ่มซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา และต่างก็บอกว่าป้าฟางไม่ควรจะเชื่อในคำพูดของซูหวั่นก็แค่สะอึกเอง ดื่มน้ำเยอะๆก็พอแล้ว“โว้ว!”เพียงครู่เดียว เสียงร้องไห้ของโก่วต้านก็ดังขึ้นมา พร้อมกับอ้วกเอาแกนผลไม้ป่าออกมา
ซูหวั่นก้มหน้าเพื่อคิดทบทวนสีหน้าที่จริงจังของนางทำให้ผู้คนที่กำลังมุงดูอยู่ต่างก็อดกลั้นหายใจเพื่อรอคำตอบจากนางซูหวั่นเข้าใจดีว่า วันนี้นางต้องสร้างชื่อเสียงด้านทักษะทางการแพทย์ และหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวเป็นอันดับแรก“ท่านปู่ยังสอนข้าเรื่องการรักษาอาการไอและขาอีก แล้วยังบอกว่าครั้งหน้าจะสอนข้าใน
และซูหวั่นก็ทำได้แค่ตอบตกลงกลับไปเมื่อมาถึงห้องครัว สองแม่ลูกก็ได้กลิ่นหอมของซุปไก่ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมามอง พวกผู้หญิงบ้านใหญ่ต่างก็มายืนเบียดเสียดกันอยู่ด้านนอกแม่เฒ่าเซี่ยงชำเลืองมองทั้งสองด้วยสายตาที่เฉียบคม จากนั้นก็รีบเปิดฝาหม้อทันทีแล้วตักไก่และซุปที่อยู่ข้างในขึ้นมาและก็พูดด้วยน้ำเสียงที่
นางหลี่หยุดการเปิดฝาหม้อ และมองไปยังห้องหลักอย่างสับสนเพราะเสียงเอะอะโวยวายของทางนั้นสามารถได้ยินไปครึ่งค่อนหมู่บ้านนิสัยของแม่เฒ่าเซี่ยงเป็นอย่างไร นางเป็นลูกสะใภ้มานานหลายปีขนาดนี้แล้วก็รับรู้ได้โดยปริยาย ด้านนอกต้องเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน ควรจะไปดูสักหน่อยไหม?ซูหวั่นกำลังโยนฟืนเข้าไปในเตา แน่น
เจ้าเด็กเหลือขอพวกนี้กินเนื้อก็ไม่ได้เหลือไว้ให้พวกแม่ได้กินเลย เนื้อไก่ที่หอมเตะจมูกจานนั้นถูกเด็กพวกนี้กินหมดจนเหลือแต่เศษกระดูกเท่านั้นและแม้แต่ซุปก็ถูกกินไปหมดเกลี้ยง!แต่นางก็ไม่อาจทนเห็นลูกชายของตัวเองถูกแม่เฒ่าเซี่ยงทุบตีจนตายด้วยเช่นกัน ดังนั้นนางจึงรีบพูดเกลี้ยกล่อมออกไปว่า“ท่านแม่ ไหนๆก็ก
เมื่อแม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางหวางพูดแบบนั้นดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย และถลึงตามามองนางหลี่อย่างเย็นชา โดยไม่สนใจเด็กชายตัวน้อยบ้านสามที่แอบขโมยของกินอีกต่อไปสะใภ้รองดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆเมื่อก่อนตอนกินอะไรก็มักจะนึกถึงพ่อและแม่ก่อนเสมอ แต่ตอนนี้เพิ่งจะแยกออกไปก็กลับไม่ถามไถ่อะไรเลย
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห