นางหลี่หยุดการเปิดฝาหม้อ และมองไปยังห้องหลักอย่างสับสนเพราะเสียงเอะอะโวยวายของทางนั้นสามารถได้ยินไปครึ่งค่อนหมู่บ้านนิสัยของแม่เฒ่าเซี่ยงเป็นอย่างไร นางเป็นลูกสะใภ้มานานหลายปีขนาดนี้แล้วก็รับรู้ได้โดยปริยาย ด้านนอกต้องเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน ควรจะไปดูสักหน่อยไหม?ซูหวั่นกำลังโยนฟืนเข้าไปในเตา แน่น
เจ้าเด็กเหลือขอพวกนี้กินเนื้อก็ไม่ได้เหลือไว้ให้พวกแม่ได้กินเลย เนื้อไก่ที่หอมเตะจมูกจานนั้นถูกเด็กพวกนี้กินหมดจนเหลือแต่เศษกระดูกเท่านั้นและแม้แต่ซุปก็ถูกกินไปหมดเกลี้ยง!แต่นางก็ไม่อาจทนเห็นลูกชายของตัวเองถูกแม่เฒ่าเซี่ยงทุบตีจนตายด้วยเช่นกัน ดังนั้นนางจึงรีบพูดเกลี้ยกล่อมออกไปว่า“ท่านแม่ ไหนๆก็ก
เมื่อแม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางหวางพูดแบบนั้นดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย และถลึงตามามองนางหลี่อย่างเย็นชา โดยไม่สนใจเด็กชายตัวน้อยบ้านสามที่แอบขโมยของกินอีกต่อไปสะใภ้รองดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆเมื่อก่อนตอนกินอะไรก็มักจะนึกถึงพ่อและแม่ก่อนเสมอ แต่ตอนนี้เพิ่งจะแยกออกไปก็กลับไม่ถามไถ่อะไรเลย
ปัง!แม่เฒ่าเซี่ยงขว้างตะเกียบ พร้อมกับก่นด่าออกมาว่า“อยากกินเนื้อเหรอ เจ้าก็ไปถามเมียและลูกชายของเจ้าสิ!”โดยปกติแล้วซูฉางโซว่นั้นพูดเก่งเอาเสียมากๆ และในเวลาสำคัญแบบนี้สมองของเขาก็ฉับไวด้วยเช่นกันเขาเห็นว่าลูกชายของเขาทั้งสามคนไม่ได้อยู่ที่โต๊ะอาหาร ก็สามารถเดาอย่างคร่าวๆได้ว่าเนื้อไก่พวกนั้นจะต้
ในค่ำคืนนี้ คนในบ้านสกุลซูมีความคิดที่แตกต่างกันออกไปแม่เฒ่าเซี่ยงนอนคร่ำครวญอยู่บนเตียงอิฐไฟด้วยความโกรธ และพลิกตัวไปมาเกือบจะทั้งคืนพอคิดถึงเรื่องที่นางหลี่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับนางก็โกรธขึ้นมาทันที ไหนจะนังเด็กสารเลวซูหวั่นนั่นเอง ตามที่คาดเอาไว้นังเด็กผู้หญิงแบบนี้เก็บเอาไว้ไม่ได้จริงๆดูเหมือน
แน่นอนว่านางจางย่อมรู้ดีว่าเรื่องนี้จะล่าช้าไม่ได้แต่ตอนนี้พ่อเฒ่าซูอยู่ที่บ้าน นางไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรมาก และทางด้านสกุลเจียงก็ยังไม่ได้ส่งจดหมายมาแต่อย่างใดซึ่งซูยวี้ที่อยู่ในเมืองก็ไม่ได้ส่งข่าวคราวอะไรกลับมาเลย และเจียงถงลู่นั้นก็ราวกับตายไปแล้วยังไงยังงั้น!นางจางประคองซูฝูให้นั่นตัวตรงแล้วพ
วันรุ่งขึ้น ซูหวั่นก็ได้ไปพบกับป้าฟาง เพื่อขอให้ซูชิงสามีของป้าฟางช่วยหาคนงานที่มีความสามารถมาสักสองสามคนและป้าฟางก็ตกปากรับคำอย่างรวดเร็วครึ่งชั่วโมงต่อมา ซูชิงก็พาเหล่าบรรดาพวกผู้ชายไปช่วยสร้างห้องครัวและห้องส้วมให้กับนาง โดยที่ซูหวั่นเข้าป่าไปโดยลำพังและก็เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ กระต่ายหนึ่งตัวแ
เขาคิดแค่ว่าซูหวั่นกำลังพูดเล่น และก็เยาะเย้ยเขาอยู่“นังเด็กบ้า เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่?”“ข้าก็ต้องรู้อยู่แล้ว เสี่ยวเฮยต้าน หากข้าพูดไม่ผิดละก็ เนื่องจากพิษตอนที่ท่านแม่คลอดท่านออกมา ท่านก็เลยมีผิวที่ดำแบบนี้”ซูหวั่นพูดจาฉะฉาน และพูดอย่างมั่นใจว่า“ให้เวลาข้าหนึ่งเดือน แล้วข้าจะรักษ
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห