ถังซานเดินออกมาจากไร่ด้วยเนื้อตัวมอมแมมแต่ก็ต้องสะดุดตากับหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าบ้านพักของเขา“หมอเซียว คุณ... มาทำอะไร”“ฉันเอาชุดมาคืนค่ะ”เซียวจูอินลุกขึ้นยิ้มกว้างส่งถุงกระดาษที่ด้านในใส่ชุดของพี่สะใภ้ถังซานเอาไว้คืนให้เขา ถังซานร้อนผ่าวไปทั้งตัวภาพในห้องน้ำเมื่อวันวานซ้อนทับบนเรือนร่างของเซียวจูอิน เขายื่นมือไปรับถุงกระดาษคืนด้วยอาการมือสั่นน้อยๆ ทว่าคล้ายร่างกายของเขาจะอ่อนแรงชั่วขณะ ทันทีที่เซียวจูอินปล่อยมือ ถุงกระดาษก็ร่วงลงพื้นในทันที“ขะ... ขอโทษครับ”ถังซานเอ่ยบอกด้วยอาการประหม่า ก้มลงเก็บของแต่ทว่ามือบางก็วางซ้อนทับลงมาบนหลังมือหนา ร่างกายของเขาเกร็งไปชั่วขณะรีบดึงมือของตนและถุงกระดาษกลับคืนพร้อมกับลุกขึ้นก้าวถอยหลัง สูดลมหายใจเข้าและผ่อนออกเพื่อขับไล่ไอร้อนบนหน้า เซียวจูอินมองท่าทางของเขาแล้วอมยิ้มน้อยๆ นึกถึงคำแนะนำของเฉินซิ่วลี่พี่ซานเป็นคนซื่อและขี้อายมาก หากคุณชอบเขาจริงๆ ต้องเป็นฝ่ายลงมือเองค่ะลงมือเอง? หมายถึง... จับเขาขึ้นเตียงแล้วจัดการเองหรือคะคิดถึงประโยคคำถามนี้ของตนเองแล้วเซียวจูอินก็ได้แต่อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แม้จะบอกว่าตอนนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจคิดแบบนั
“จริงด้วย เห็นทีคงต้องรบกวนใช้ห้องน้ำคุณอีกแล้วละค่ะ”ใช้ห้องน้ำเขา ประโยคราบเรียบของเซียวจูอินกลับเรียกอาการร้อนผ่าวบนใบหน้าของถังซานจนเขาเสียอาการ ก่อนจะนำทางพาเธอเข้าไปในบ้านพักส่วนตัวอีกครั้ง แต่เพราะสติเลื่อนลอยไปถึงเรื่องที่ไม่ควรคิด ตอนเปิดประตูบ้านจึงเผลอดึงมาชนเข้ากับศีรษะตัวเอง“โอ๊ย!”เซียวจูอินมองท่าทางของชายหนุ่มแล้วอดที่จะขบขันไม่ได้ ก่อนจะให้เขานั่งลงแล้วเข้ามาดูอาการของเขา หัวใจของถังซานสั่นระรัวเมื่อเซียวจูอินเข้ามาประชิดตรวจดูศีรษะของเขา ลำคอหนาเกร็งแข็ง ลมหายใจสะดุด เมื่อหางตาเห็นว่าหน้าอกที่เกินตัวของเธออยู่ใกล้ใบหน้าของเขาชนิดที่เพียงเขาขยับไปอีกเล็กน้อยปลายจมูกก็จะกดลงบนอกนุ่มๆ ของเธอแล้วอกนุ่ม ขาวเนียน ที่เขาเคยเห็นมากับตาถังซานรีบหลับตาสลัดภาพความคิดในหัว แต่ยิ่งพยายามลืม ภาพนั้นก็ยิ่งชัดเจน จนน่าโมโหตัวเอง“โชคดีที่ไม่แตกแค่บวมเล็กน้อย คุณมีน้ำแข็งไหมคะ เอามาประคบไว้พรุ่งนี้จะได้ไม่เขียวมาก”“มะ... มีในกระติกน้ำครับ”เพราะต้องทำงานกลางแจ้งที่อากาศร้อนอบอ้าว ถังซานจึงฝากให้ตงเหยาซื้อน้ำแข็งมาให้เขาทุกวัน เซียวจูอินหมุนตัวเดินไปตักน้ำแข็งใส่ผ้าเช็ดตัวห่อเอาไว้
วันต่อมาถังซานตื่นเช้าเข้าไร่ตามปกติ ช่วงนี้ใกล้หน้าฝนแล้วเขาต้องเร่งมือเพื่อให้ต้นชาพร้อมสำหรับการแตกยอดอ่อน ดังนั้นทั้งวันจึงวุ่นวายอยู่ในไร่แม้แต่มื้อกลางวันก็ไม่ได้กิน กว่าจะกลับบ้านพักตะวันก็จวนตกดินอยู่เต็มที สองขาเร่งสาวเท้ากลับบ้านพัก และทันทีที่มาถึงสายตาของเขาก็กวาดมองไปที่เก้าอี้หน้าบ้าน และพื้นที่โดยรอบ เพื่อหาคนที่บอกว่าจะมาทว่ากวาดมองจนทั่วก็พบเพียงความว่างเปล่าคนตัวโตถอนหายใจยาวพลางนึกสงสัยตัวเอง นี่เขาเป็นอะไรไปทำไมต้องรอเซียวจูอินด้วย ถังซานถอนใจอีกรอบก่อนจะเดินเข้าบ้านไปล้างเหงื่อล้างไคลออกจากตัว เพียงแต่อาบน้ำยังไม่ทันเสร็จเสียงเล็กคุ้นหูก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน“คุณถัง!”ดวงตาคมเบิกกว้างหัวใจเต้นระรัว ยินดีอย่างไร้สาเหตุ“คุณถัง! กลับมาหรือยังคะ”“ครับ ผมกลับมาแล้ว”ถังซานรีบขานรับตอบ เร่งเอาสบู่ถูตัวจนก้อนสบู่หลุดมือตกหาย แต่เขาไม่ได้สนใจ เวลานี้เพียงกังวลว่าคนหน้าบ้านจะไม่ได้ยินเสียงตอบรับของเขาแล้วกลับไปเสียก่อน ดังนั้นจึงรีบล้างตัวแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาเปิดประตู“หมอเซียว!”เซียวจูอินที่กำลังจะปั่นจักรยานไปยังบ้านพักคนงานเพื่อดูอาการเด็กน้อยเสี่ยวซือพลันห
“คุณถัง ไฟค่ะ ไฟไหม้!”ถังซานได้ยินเสียงร้องดังมาจากห้องครัวข้างบ้านพักก็รีบวิ่งออกไปด้วยท่าทางไม่มั่นคงนัก ก่อนที่หญิงสาวใบหน้ามอมแมมจะวิ่งสวนออกมาหลบที่ด้านหลังเขา“ไฟค่ะ ไฟจะไหม้แล้ว”ชายหนุ่มเดินเข้าไปในครัวมองเห็นไฟที่ลุกโชนจนท่วมเตาก็รีบดึงเอาฟืนบางส่วนออกดับ ใช้เวลาไม่นานก็ควบคุมไฟใต้เตาได้“กระทะร้อนแล้ว คุณลงมือทำอาหารได้เลย”คนขาเจ็บเอ่ยบอกพร้อมกับขยับไปยืนที่ด้านข้าง เซียวจูอินยิ้มแห้งเดินเข้ามา ก่อนจะหยิบไข่ไก่มาตอกใส่ชาม แต่เพราะไม่ชำนาญเปลือกไข่จึงตกลงในชามไปด้วย หญิงสาวตกใจเบิกตากว้างรีบตักเปลือกไข่ออก แล้วตีไข่จนขึ้นฟองอย่างที่เคยเห็นแม่บ้านทำ“หมอเซียว คุณจะทอดไข่โดยไม่ใส่น้ำมันหรือ”ถังซานร้องถามเสียงหลงเมื่อเห็นว่าเซียวจูอินจะเทไข่ในชามลงกระทะทั้งที่ไร้น้ำมัน ดวงตากลมโตหันมาสบตาเขาด้วยความสงสัยก่อนเอ่ยถามด้วยสายตาใสซื่อ“ต้องใส่น้ำมันด้วยหรือคะ”“ใส่สิครับ!”ถังซานเอ่ยบอกก่อนจะชี้ไปที่ชามน้ำมันหมู เซียวจูอินยกชามน้ำมันมาตั้งใจจะเทลงไปทั้งหมดแต่เสียงเข้มด้านหลังก็ร้องห้ามเอาไว้ก่อน“ใช้แค่ช้อนเดียวก็พอแล้วมั้งครับ”“ฉันรู้แล้วน่า... ก็จะเทแค่ช้อนเดียวนี่ไง”คนเทน้ำมั
“หมอเซียว ทำไมคุณต้องใส่ใจผมด้วย”“เพราะฉันชอบคุณค่ะ”เคล้ง! ตะเกียบในมือของถังซานพลันหลุดร่วง สองตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจกับคำสารภาพของหญิงสาวตรงหน้า“คุณล้อผมเล่นอีกแล้วไหม”“ไม่ค่ะ ฉันจริงจัง จริงจังมากๆ ด้วย”เซียวจูอินตอบเสียงหนักแน่นในทันทีโดยไร้ความลังเล ถังซานใจเต้นระรัวสองแก้มร้อนเสียยิ่งกว่าเตาไฟ เบนหน้าหลบสายตากลมที่จดจ้องเขานิ่งแล้วพูดเสียงสั่นเครือพร้อมหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหาร“คุณล้อผมเล่นอีกแล้วละสิ คนอย่างผมใครจะมาชอบ...”ถังซานพูดไม่ทันจบประโยคริมฝีปากหยักก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากนุ่ม แม้จะเป็นเพียงสัมผัสภายนอกแผ่วเบา แต่ชายบริสุทธิ์เช่นเขาก็ตื่นตกใจจนร่างกายแข็งค้าง หลงลืมแม้แต่การหายใจไปชั่วขณะ“กินข้าวเสร็จกินยาด้วยนะคะ”เซียวจูอินบอกจบก็หมุนตัวจากไปในทันที สองแก้มขาวร้อนผ่าวแดงก่ำ อับอายกับการกระทำอันบุ่มบ่ามของตนเองจนไม่กล้าอยู่สู้หน้าถังซานบ้าจริงนี่ฉันทำอะไรลงไปกันในขณะที่ถังซานถูกสัมผัสวาบหวิวจู่โจมจนสติหลุดลอย กว่าจะได้สติกลับคืนมาคนก็จากไปแล้ว ในอกพลันมีความยินดีท่วมท้นอย่างที่ไม่เคยเป็น อาหารรสชาติธรรมดาตรงหน้าก็กลับกลายเป็นเลิศรส พริบตาก็ถูกเขากลืนลงท้องจ
เซียวจูอินนั่งสรุปแผนงานประจำเดือนเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน“หมอเซียว นอนหรือยังมีเหตุฉุกเฉินครับ”น้ำเสียงเรียกด้วยความรีบร้อนพร้อมบอกสถานการณ์ของกู้เหยียนทำให้เซียวจูอินรีบออกมาเปิดประตูในทันที“มีเรื่องอะไรหรือคะ”“มีดินถล่มที่เชิงเขาท้ายหมู่บ้านทางเหนือ”เชิงเขาท้ายหมู่บ้านทางเหนือ นั่นไม่ใช่เขตไร่ชาที่ถังซานดูแลอยู่หรือไง“มีใครเป็นอะไรไหมคะ”“มีคนบาดเจ็บ 3 คนครับ คุณรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าผมจะไปเอาอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินอีก 5 นาทีเจอกันที่หน้าสถานพยาบาลนะครับ”“ค่ะ”เพราะต้องออกพื้นที่เซียวจูอินจึงต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่รัดกุม ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงเธอก็มาถึงที่เกิดเหตุ ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้วตรงหน้ามีชายหนุ่มบาดเจ็บสองคนกับหญิงชราหนึ่งคน และหนึ่งในคนบาดเจ็บก็คือ…“คุณถัง!”เซียวจูอินขยับเท้าเดินไปหาเขาโดยอัตโนมัติ ในใจเกิดความร้อนรนขึ้นมาในทันที“คุณถัง คุณเจ็บตรงไหนบ้าง”“ผมไม่เป็นไร น่าจะแค่ขาหัก”เพราะตอนที่เข้าไปช่วยคน บ้านที่ถูกดินถล่มทับไปครึ่งหลังเกิดพังลงมากะทันหัน ทำให้ขาซ้ายของเขาถูกคานไม้หล่นทับ ทว่าตอนที่เซียวจูอินกำลังจะประเมินอาการของเขาเสียงของกู้เหยียนก็ดังขึ้
“ผมไม่ตอบ เพราะฉะนั้นคุณก็ห้ามไปไหน”อารมณ์ไม่พอใจของเซียวจูอินพลันสะดุด จ้องมองคนตรงหน้าด้วยความสับสน ก่อนจะปล่อยมือจากใบหน้าเขาแล้วถอยห่าง แต่กลับถูกวงแขนของคนบนเตียงโอบรัดดึงเธอนั่งลงบนเตียง“ผมยังไม่ตอบ คุณจะไปไหนไม่ได้”“คุณถัง คุณจะทำอะไรปล่อยนะคะ”“อินอิน บอกผมทีทำยังไงคุณถึงจะชอบผมมากกว่าอาเหยียน ไม่สิ! ทำยังไงคุณถึงจะชอบผมแค่คนเดียว”เซียวจูอินได้ยินคำถามของถังซานหัวใจก็สั่นระรัว เงยหน้ามองเขาด้วยความสับสน“ใครบอกคุณว่าฉันชอบหมอกู้”คิ้วเข้มของถังซานพลันขมวดเข้าหากันจ้องมองคนในอ้อมแขนด้วยความสงสัย“ฉันไม่เคยชอบหมอกู้ ไม่ชอบแล้วก็ไม่มีวันชอบด้วยค่ะ”“หมายความว่า คุณชอบแค่ผมใช่ไหม”“คุณเห็นฉันเป็นคนยังไงกันคะ ฉันเหมือนผู้หญิงหลายใจเที่ยวชอบคนไปทั่วหรือยังไง”หัวใจของถังซานพลันเบิกบานขึ้นมา ริมฝีปากหยักยิ้มกว้างมองคนตรงหน้าด้วยสายตายินดี ก่อนจะโน้มใบหน้าคมกดจมูกโด่งเป็นสันลงบนแก้มนุ่ม“คุณถัง! ทำอะไรคะที่นี่เป็นโรงพยาบาลนะ”“อย่างนั้นถ้าเป็นที่บ้าน ผมทำได้ใช่ไหม”คนตัวโตวางใบหน้าลงบนไหล่เล็ก เอ่ยถามเสียงออดอ้อนกระซิบที่ข้างใบหู“ผมอยากกลับบ้านแล้ว อินอินคุณไปบอกพยาบาลทำเรื่องออก
ร่วมสองเดือนแล้วที่หลี่อันเฉิงถูกเรียกตัวกลับไปทำภารกิจ เฉินซิ่วลี่แม้จะใช้ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างปกติ แต่คล้ายบางสิ่งในชีวิตกลับขาดหายไป ในทุกวันเธอมักจะเผลอทอดสายตามองไปที่ประตูรั้วบ้านอยู่บ่อยๆ ราวกับรอคอยการกลับมาของใครบางคนรอ... ทำไมต้องรอกัน คนเจ้าเล่ห์แบบนั้นไม่อยู่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงสายฝนโปรยปรายอย่างหนักหน่วงพร้อมกับเสียงฟ้าที่ร้องลั่น จนเฉินซิ่วลี่ต้องลุกจากเตียงมาปิดหน้าต่างห้องนอน“พี่สะใภ้! พี่สะใภ้!”เสียงเรียกที่ดังอยู่หน้ารั้วบ้านทำให้เฉินซิ่วลี่และทุกคนในบ้านต่างลงมาที่ชั้นล่าง“อาเผย คุณมาได้ยังไงกัน”เฉินซิ่วลี่เอ่ยถามด้วยความสงสัยก่อนจะให้หวังรั่วซีไปเอาผ้าขนหนูและน้ำอุ่นมาให้เขา“ที่เชิงเขาท้ายหมู่บ้านเกิดดินถล่ม คนเล่ากันว่าพี่ซานไปช่วยคนงานที่ติดอยู่ในบ้านจนขาหักตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”“ตอนนี้ดึกมากแล้วฝนก็ตกหนัก พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปเยี่ยมเขาน่าจะดีกว่า”“แต่พรุ่งนี้มีสอบปลายภาค เด็กๆ หยุดเรียนไม่ได้นะ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะรีบกลับมาก่อนโรงเรียนเลิก แล้วค่อยพาเด็กๆ ไปเยี่ยมพี่ซานภายหลังอีกที”เช้าวันต่อมาหลังจากที่เด็กๆ ไปโรงเรียนแล้วเฉินซิ่วลี่ก็รีบเข้าเมือ
“คุณพ่อ คุณแม่ อาเหม่ยอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้”เสียงเด็กหญิงไว้ 3 ขวบร้องบอกคนเป็นพ่อและแม่ กวงซุนหลี่ยิ้มรับทว่าขณะที่กำลังจะเดินไปซื้อของให้ลูกสาวคนเล็ก มือข้างซ้ายก็ถูกดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน“อาเหม่ยเพิ่งซื้อของเล่นไปเมื่อสัปดาห์ก่อน หากจะซื้อชิ้นใหม่ต้องเป็นเดือนหน้า”เฉินซิ่วลี่ห้ามปรามเด็กหญิงตัวน้อยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้ากลมสดใสพลันสลดน้ำตาคลอก้มหน้ามองพื้น หลี่ชุนในวัย 10 ขวบรีบเข้ามาอุ้มน้องสาวตัวน้อยขึ้นแล้วเอ่ยกระซิบปลอบประโลม“ไม่เป็นไรนะอาเหม่ย เดี๋ยวเดือนหน้าพี่ซื้อให้”ด้วยฐานะทางบ้านของพวกเขาตอนนี้ แค่ของเล่นเพียงชิ้นเดียวไม่ใช่เรื่องยากที่จะซื้อหามาครอบครอง แต่เพราะพวกเขาเคยผ่านความยากลำบากมาก่อนจึงได้เรียนรู้คุณค่าของเงิน ในบ้านจึงมีกฎให้ซื้อของเล่นได้เพียงเดือนละ 1 ชิ้นเท่านั้น“ผมเอาตัวนี้ ใส่ถุงให้ด้วยครับ”เสียงเข้มราบเรียบเอ่ยบอก ทุกสายตาพลันหันมาจดจ้องที่หลี่หมิงขณะที่พนักงานขายรีบหยิบตุ๊กตาที่เด็กหญิงร้องบอกอยากได้เมื่อครู่ใส่ถุงอย่างรวดเร็ว“อาหมิงลูกกำลังจะทำลายกฎของบ้านเรา”เฉินซิ่วลี่เอ่ยบอกเสียงราบเรียบ แม้จะไม่ได้มีน้ำเสียงหรือท่าทางตำหนิ แต่สายตานั้นชัดเจ
“คืนนี้พวกเราจะได้น้องสาวแล้วใช่ไหมครับ”หลี่ชุนกระซิบเสียงเบา มุมปากของคนเป็นพ่อยกขึ้นสูงก่อนจะพยักหน้ารับด้วยสายตามุ่งมั่น“พ่อรับรองว่าเดือนหน้าน้องสาวของลูกต้องมาแน่ๆ”เมื่อได้ยินคำพูดที่หนักแน่นของคนเป็นพ่อสองเด็กชายก็ย้ายไปนอนที่ห้องถัดไป ขณะที่ร่างสูงโปร่งของกวงซุนหลี่ขยับเดินเข้าห้องลงกลอนแน่นหนาฉับไว “อื้ม...”เฉินซิ่วลี่ร้องครวญในลำคอเมื่อร่างกายถูกรบกวน ความเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะผิวกายทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนที่ดวงตาจะเปิดออก“คุณกวง! เข้ามาทำไมคะ”เพราะความแนบชิดที่ไม่เหมาะสมทำให้เธอตื่นตระหนกรีบมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง“หยุดนะคะ เดี๋ยวเด็กๆ เห็น”“เด็กๆ ย้ายไปนอนอีกห้องแล้ว”คนตัวโตที่ปลดเปลื้องผ้าของเธอจนเหลือเพียงร่างที่เปลือยเปล่าเช่นเดียวกับเขากระซิบบอกเสียงแหบพร่า แนบชิดร่างกายกำยำลงทาบทับบนตัวนุ่ม“คุณกวงหยุดก่อนค่ะ เราต้องคุยกันให้ชัดเจนก่อน”“เดี๋ยวค่อยคุยนะ”ริมฝีปากร้อนขยับจากลำคอขาวกดแนบชิดบดเบียดริมฝีปากบาง พร้อมกับวางมือบีบเคล้นอกอวบอิ่มทั้งสองข้าง ร่างกายของเฉินซิ่วลี่พลันตื่นตัวขนกายสาวลุกชัน สองเนื้อนิ่มแข็งสู้กับมือหนากวงซุนหลี่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ถอนริมฝ
“แค่ทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกก็พอ”ใบหน้าของกู้เหยียนพลันร้อนผ่าวแดงก่ำไปจนถึงลำคอ เดิมทีเขาเสนอตัวช่วยแก้ปัญหานี้ก็เพราะว่าเงื่อนไขของคุณหนูกวงเพียงแค่อยากแต่งงาน แต่ไม่ต้องการความสัมพันธ์ทั้งทางกายและใจ ให้แยกบ้านเธอก็ยินดี ในเมื่อชีวิตนี้เขาเองก็ไม่คิดแต่งงานกับใครอีกแล้ว ให้แต่งหลอกๆ เป็นหุ่นเชิดให้เธอก็ไม่นับว่าเสียหายอะไร แต่งเสร็จเขาก็กลับไปเมืองเจียงเป็นคุณหมอกู้ของชาวบ้านต้าหยางต่อไปก็เท่านั้นเพียงแต่แค่เรื่องหลอกๆ เรื่องหนึ่งทำไมต้องให้เขานอนกับเธอด้วย ทำแบบนี้กวงจือหลินย่อมต้องถูกผู้คนครหาติฉินนินทา ทว่าเขาไม่ทันได้เอ่ยปฏิเสธกวงจือหลินก็ตอบรับแผนการของกวงซุนหลี่ไปแล้ว“ได้!”“ดี! อาหย่งเอาเหล้ามา”กู้เหยียนมองเหล้าดีกรีแรงตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายฝืดลงคอ ทั้งชีวิตของเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเส้นทางอบายมุขไม่ว่าจะเป็น เหล้า บุหรี่ ฝิ่น การพนัน และผู้หญิง ล้วนไม่เคยข้องเกี่ยว ดังนั้นเมื่อกวงซุนหลี่ส่งแก้วเหล้าให้ มือหนาจึงยื่นไปรับด้วยท่าทางลังเล“อาหลี่ ฉัน... ไม่กินได้หรือไม่ นายก็รู้ว่าฉัน...”กู้เหยียนพูดยังไม่ทันจบประโยคแก้วเหล้าในมือก็ถูกกวงซุนหลี่จับจรดที่ริมฝีปากของเขา ตอนนี้แม
“นอกจากเธอฉันไม่เคยสัญญาจะแต่งงานกับใครทั้งนั้น”เฉินซิ่วลี่ขมวดคิ้วเรียวมองคนตรงหน้าด้วยสายตาสับสน กวงซุนหลี่จับมือซ้ายของเธอมากอบกุมแล้วกดจุมพิตที่หลังมือนุ่มก่อนจะสวมใส่แหวนลงไปที่นิ้วนางเธอเหมือนเดิม“คุณกวง คุณจะทำอะไร ฉันไม่ยินดีแต่งเป็นภรรยารองให้คุณหรอกนะ หรือต่อให้เป็นภรรยาเอก ฉันก็ไม่ยินดี”“เอาไว้ไปถึงบ้านฉันจะอธิบายเรื่องพวกนี้ให้เธอฟัง แต่นับจากนี้ห้ามเธอถอดแหวนวงนี้อีก และห้ามเธอทอดทิ้งฉันด้วย แค่คิดก็ไม่ได้เข้าใจไหม”น้ำเสียงกระซิบอ้อนวอนราวกับสาวน้อยถูกรังแก ทำให้ความกรุ่นโกรธในใจของเฉินซิ่วลี่จางหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น “ได้! ฉันจะรอฟังคำอธิบายของคุณ แต่ถ้าเหตุผลไม่เพียงพอเรื่องของเราก็ยังคงต้องยุติ”“ไม่ได้! ฉันไม่ยอม”กวงซุนหลี่เอ่ยบอกอย่างดื้อดึงพร้อมกับกระชับอ้อมแขนแน่น เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาวไม่คิดทำเรื่องที่เสียแรงเปล่าอย่างการดิ้นรนขัดขืนเขา รั้งรอจนรถหยุดลงกวงซุนหลี่ก็อุ้มคนลงจากรถเดินเข้าบ้านในทันที“คุณกวงปล่อยฉันนะคะ ฉันเดินเองได้”“ไม่!”เสียงเข้มหนักแน่นตอบกลับพลางก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในห้องโถงแล้วนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวโดยยังคงกอดรัดเฉินซิ่วลี่ไว้บนตักไม่ยอมปล
นี่เขาคงไม่คิดจะประกาศแต่งงานกับเธอในเวลานี้หรอกนะดวงตาคมของคนบนเวทีมองตอบกลับสอดประสานดวงตาเรียว ก่อนที่เขาจะประกาศก้องอีกครั้ง“ลี่ลี่ แต่งงานกับฉันนะ”เมื่อได้ยินกวงซุนหลี่เอ่ยชื่อหญิงสาวที่เขาต้องการแต่งงาน บรรดาแขกในงานก็ส่งเสียงวิจารณ์อื้ออึงอีกครั้ง“ลี่ลี่เหรอ ใครกัน”“นั่นสิ! คุณกวงไม่ใช่ว่ากำลังคบหาดูใจกับคุณหนูกวงจือหลินอยู่หรือ ทำไมถึงประกาศแต่งกับคนอื่นได้”“แบบนี้คุณกวงจือเหลียงจะยอมหรือ”“กวงซุนหลี่ เขาไม่รักลมหายใจของตนเองแล้วหรือไง”คำพูดของผู้คนมากมายดังก้องไปทั่วงานจนกวงซุนหลี่ขบกรามแน่น หากแต่ใครจะพูดอย่างไรเขาล้วนไม่สนใจ ที่เขาสนใจมีเพียงเฉินซิ่วลี่ที่ยังนั่งนิ่งไม่ตอบรับคำขอของเขา“ลี่ลี่ ฉันสัญญาหากเธอตกลงแต่งงานกับฉัน ฉันจะมีแค่เธอ จะปกป้องดูแลเธอและครอบครัวของเราด้วยชีวิตของฉัน”หัวใจของเฉินซิ่วลี่พลันสั่นระรัว มองสบดวงตาคมด้วยแววตาสั่นไหว ดูแลด้วยชีวิต เมื่อได้ยินคำพูดนี้ความรู้สึกในวันที่เธอคิดว่าเขาตายจากไปแล้วก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสแบบเธอ ในเมื่อมีโอกาสแล้วยังต้องยึดติดกับทิฐิและข้อสงสัยมากมายทำไมกัน เมื่อคิดได้เช่นนี้เฉินซิ่วลี่ก็โยนท
เมื่อใกล้ถึงเวลาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของกวงซุนหลี่ เฉินซิ่วลี่ก็เลือกสวมชุดสีฟ้าเข้ารูปคอสูงเพื่อปกปิดร่องรอยที่กวงซุนหลี่ทิ้งเอาไว้บนลำคอระหง แล้วออกเดินทางไปยังสถานที่จัดเลี้ยงกู้เหยียนใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็ขับรถมาถึงหน้าโรงแรมจัดเลี้ยง ชายในชุดสูทแบบตะวันตกก็เดินมาเปิดประตูรถทั้ง 4 ด้าน กู้เหยียนส่งกุญแจรถให้พนักงานตรงหน้านำรถไปจอดในสถานที่จอดรถ ส่วนตัวเขาเดินมารับเฉินซิ่วลี่ ขณะที่หลี่หมิงและหลี่ชุนเดินขนาบข้างซ้ายขวาหวังรั่วซีตามหลังคนเป็นแม่เข้างานอย่างสงบเสงี่ยมรู้ความและในทันทีที่เฉินซิ่วลี่ก้าวเท้าเข้ามาในงาน ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น จึงทำให้สายตาชายหนุ่มในงานจดจ้องมาที่เธออย่างมากมาย หากไม่เพราะข้างกายเธอมีกู้เหยียนเคียงข้างอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าคืนนี้เฉินซิ่วลี่คงไม่อาจนั่งอย่างสงบแน่นอน“คุณกวงจัดที่นั่งไว้ให้คุณเฉินและผู้ติดตามเป็นพิเศษ เชิญพวกคุณทางด้านนี้ครับ”เมื่อทุกคนในงานได้เห็นตำแหน่งที่นั่งของเฉินซิ่วลี่ผู้คนในงานต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานะความสำคัญของเธอและกู้เหยียน จวบจนกระทั่งกวงซุนหลี่ก้าวเท้าเข้ามาความสนใจของผู้คนจึงเปลี่ยนไปที่เขาแทน“สวัสดีค่ะคุณก
บทสุดท้ายเมื่อหวังรั่วซีตื่นมาตอนเช้าแล้วพบว่าเฉินซิ่วลี่หายตัวไปก็ตื่นตระหนก รีบไปแจ้งกู้เหยียนที่ห้องของเขาด้วยความร้อนใจ“รั่วซี! มาหาฉันแต่เช้ามีเรื่องด่วนอะไรหรือ”กู้เหยียนเอ่ยถามเสียงเบา เพราะเด็กชายทั้งสองยังนอนหลับอยู่บนเตียง ก่อนจะปิดประตูเดินออกมาคุยกับหวังรั่วซีที่หน้าห้อง“พี่ลี่หายตัวไปค่ะหมอกู้”เมื่อได้ยินว่าเฉินซิ่วลี่หายตัวไป กู้เหยียนก็ตื่นตระหนกจนหน้าซีดรีบหมุนตัวเปิดประตูเข้าไปหยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถในทันที“จะเป็นพวกเดียวที่ลักพาตัวอาหมิงกับอาชุนไปเมื่อคราวก่อนไหมคะ”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น เรื่องที่หลี่หมิงกับหลี่ชุน ถูกลักพาตัวไปเมื่อเดือนก่อน จนเป็นเหตุให้หลี่อันเฉิงตายจากไป เขายังจดจำไม่ลืม ดังนั้นไม่ว่าครั้งนี้จะอันตรายแค่ไหน เขาจะต้องปกป้องช่วยเหลือเฉินซิ่วลี่ให้ได้“เธอเข้าไปรอฉันในห้องกับเด็กๆ ก่อน ฉันจะไปตามหาคุณเฉิน”กู้เหยียนยืนยันเสียงหนักแน่นพร้อมกับวางเสื้อคลุมของตนเองลงบนไหล่บาง ใบหน้าของหวังรั่วซีพลันแดงก่ำเมื่อตระหนักได้ว่าตนเองสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสมนัก“ขอโทษค่ะ”“ไม่เป็นไร เธอเข้าไปรอในห้องก่อนไม่ต้องกังวลฉันจะพาคุณเฉินกลับมาอย่างปลอดภั
“ตอนนี้ฉันคือภรรยาของหลี่อันเฉิงค่ะ” กวงซุนหลี่กำมือแน่น รู้สึกอิจฉาตนเองในอดีตขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ทว่าสุดท้ายก็ยอมถอยขยับตัวลุกขึ้นนั่งที่ข้างเตียง เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาว เธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายความรู้สึกของตนเองอย่างไร สุดท้ายหลังจากหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ก็ลุกขึ้นหมายใจถอยกลับไปตั้งหลัก“ฉันกลับก่อนนะคะ”ทว่าเท้าเล็กก้าวลงเตียงแต่ไม่ทันได้ขยับเดิน เอวบางก็ถูกดึงรั้งจนเธอเซถลาลงนั่งบนตักกว้าง“อย่าไปได้ไหม”เสียงออดอ้อนแผ่วเบากระซิบที่ข้างใบหูเล็ก“ลี่ลี่ อย่าไปได้ไหม”วงแขนแกร่งกระชับแน่นมากขึ้น กดปลายจมูกลงบนไหล่เล็กแล้วกระซิบเสียงอ้อนเว้าวอน“ลี่ลี่ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ เธอจะทุบตีจะด่าทอฉันก็ได้ แต่อย่าไปจากฉันได้ไหม”เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาวก่อนจะบอกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ฉันไม่มีเหตุผลต้องอยู่ทุบตีด่าทอคุณ อีกอย่างเด็กๆ ยังอยู่ที่โรงแรมฉันไม่กลับไม่ได้ค่ะ”“เธอกลับไปตอนนี้พวกเขาก็หลับกันหมดแล้ว แต่ฉันยังไม่หลับและคงหลับไม่ลงทั้งคืนถ้าเธอจากไป ลี่ลี่... คืนนี้อยู่กับฉันนะ”หัวใจของเฉินซิ่วลี่พลันสั่นสะท้าน เม้มริมฝีปากบางอย่างสับสน หากคิดตามเหตุผลเธอไม่สมควรอยู่ต่อ แต่หากถามคว
“ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันเป็นการส่วนตัวสักทีนะคุณกวง”“ส่งคนคืนฉันมา”กวงซุนหลี่ขบกรามกำหมัดแน่นพร้อมกับเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้เหลียงเหว่ยพึงพอใจมาก มือหนากระชับไหล่บางเข้าประชิดตัวก่อนจะส่งสายตาเยาะเย้ยเขา“ไม่เอาน่าคุณกวงของดีๆ แบบนี้เราแบ่งกันเล่นสนุกดีกว่านะ”เหลียงเหว่ยพูดพลางหันไปกดจมูกลงบนแก้มนุ่ม ทว่าปลายจมูกยังไม่ทันสัมผัสผิวของเฉินซิ่วลี่ ร่างกายก็ถูกเธอจับพลิกหมุนเคว้ง รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของเขาก็กระแทกลงกับพื้นจนปวดไปทั้งตัว คนของเหลียงเหว่ยชักปืนออกมาในทันที แต่ไม่ทันได้ขยับลั่นไกปืนในมือชายคนหนึ่งก็ย้ายมาอยู่ในมือของกวงซุนหลี่แล้วปัง! ปัง! เสียงปืนดังลั่นพร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากต้นขาของเหลียงเหว่ยทั้งสองข้าง คอเสื้อด้านหลังถูกกระชากยกขึ้น ก่อนที่ขมับขวาของเขาจะเย็นวาบเพราะปลายกระบอกปืนที่จ่อแนบลงมา“เหลียงเหว่ย คุณคงรู้ว่าต้องบอกคนของตนเองยังไง”“ถอย! ถอยไปให้หมด”สิ้นคำสั่งของเหลียงเหว่ยคนนับสามสิบคนก็ขยับหลีกทางให้กวงซุนหลี่ เขาหันมาส่งสัญญาณให้เฉินซิ่วลี่เดินประกบตามหลังเขาไปที่รถยนต์ด้านหน้าตึก“ลี่ลี่ คุณขับรถได้ไหม”“ได้ค่ะ”เหลียงเหว่ยตัวสั่นสะ