การคุยกับท่านหมอเกอไม่เป็นผล ท่านหมอจึงสั่งให้อาเฟยหลับพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยมาคิดกันว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ซึ่งอาเฟยก็เห็นด้วยเพราะตอนนี้มันเป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว เขาได้นอนอยู่ข้างๆเตียงนอนของท่านหมอเกอ มีผ้าห่มบางๆห่มร่าง แต่หน้าแปลกที่ไม่หนาวเลย ทั้งๆที่ภายนอกหิมะกำลังตกและมีอาการที่หนาวเย็นมาก แต่ภายในเต็นท์นอนขนาดใหญ่นี้กลับอบอุ่น วันรุ่งอรุณ อาเฟยตื่นเช้าขึ้นด้วยความเมื่อยล้า ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่หนาวแต่พื้นแข็งมาก เล่นเอาเขาปวดหลังจนกระดูกลั่นก๊อบแก๊บไปหมด อาเฟยมองดูเตียงนอนของท่านหมอเกอ ปรากฏว่าท่านหมอเกอตื่นไปแล้ว เขาจึงทำการเก็บที่หลับที่นอนของตัวเอง แล้วเดินออกจากสิ่งที่เขาเรียกว่ากระโจม เป็นที่พักชั่วคราวที่เขาเคยเห็นผ่านๆตาประมาณในหนังจีนโบราณ ทันทีที่เขาเดินออกมาภายนอกทำให้อาเฟยถึงกับตาค้าง [อะไรกันเนี่ย] อาเฟยถึงกับอุทานในใจ ด้านนอกเขาเห็นคนใส่ชุดทหารนับร้อยนับพันคนวิ่งสวนกันไปมา ทุกคนถืออาวุธครบมือ ที่นี่เป็นกองทัพจริงๆด้วย ไม่ใช่ศูนย์วิจัยอย่างที่เขาเข้าใจ แล้วยุคนี้มันจะมีได้อย่างไรกองทัพแบบนี้ อาเฟยพยายามรวบรวมสติและสิ่งที่เขาเจอมาทั้งหมด สิ่งที่เขาคิดว่ามันเป็นการแกล้
อาเฟยมองคนที่ทุกคนเรียกว่าอ๋องหลี เมื่อคืนปล่อยผมแถมยังใส่เสื้อบางเบา วันนี้ใส่ซะเต็มยศ ไม่ร้อนหรือยังไง"หาก็หาสิ ทำไมจะต้องมาขึ้นมงขึ้นมันด้วย"อาเฟยพูดขึ้นก่อนที่จะถูกท่านหมอเกอดุอีกครั้ง"เจ้าควรพูดให้มีสัมมาคารวะบ้างนะเจ้าหนุ่ม ให้รู้ไว้ว่านี่คือท่านอ๋องหลี ท่านไม่ใช่คนที่เราจะสามารถใช้คำหยาบคายได้"คำพูดของท่านหมอเกอทำให้อาเฟยต้องเงียบปากลง เพราะยังไงซะท่านหมอเกอก็อุตส่าห์ออกหน้าช่วยรักษาชีวิตเขาไว้"ท่านหมอเกอจะทำอะไรก็ออกไปทำเถอะ ปล่อยมันไว้ที่นี่แหละ วันนี้ข้าไม่ออกจากกระโจมอยู่แล้ว อยากจะพักผ่อนสักหน่อย" อ๋องหลีพูดขึ้นทำให้ท่านหมอต้องโค้งคำนับแล้วรีบออกจากกระโจมตามคำสั่งทันทีโดยทิ้งอาเฟยเอาไว้"เจ้าชื่ออะไร" "ชื่ออาเฟย" อาเฟยตอบในขณะที่ยืนนิ่งอยู่กลางกระโจมใหญ่"แล้วทำไมยังไม่รีบหาอีก หรือจะต้องโดนหวายลงหลังสักทีสองทีถึงจะหาได้" คำสั่งของอ๋องหลีทำให้อาเฟยทำปากขมุกขมิบด่าอยู่ในใจ[ไอ้คนเผด็จการ]อาเฟยก้มหาตามโต๊ะทำงานของอ๋องหลี เป็นหยกสีเขียวมรกตมีรูปร่างกลมๆขนาดไม่ใหญ่นัก เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเขายืนที่จุดนี้พร้อมกับกำลังดูหยกอยู่แต่แล้วก็ตกใจเสียงคนบ้านั่นทำให้หยกหลุดออกจากมื
อ๋องหลีมองดูคนตัวเล็กที่นั่งตรงข้ามกับเขา ถึงแม้จะแต่งตัวแปลกประหลาดแต่กลับใช้ตะเกียบได้คล่องแคล่ว และดูเหมือนว่าจะยังไม่มีมารยาทในการกินสักเท่าไหร่ แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ถือกับเรื่องนี้"เจ้าจะบอกข้าได้หรือยังว่าเจ้ามาจากที่แห่งใด" คำถามของอ๋องหลีทำให้อาเฟยถึงกับชะงักตะเกียบที่กำลังคีบเต้าหู้เข้าปาก"ผมไม่รู้หรอกว่าผมมาที่นี่ได้ยังไง ผมรู้แต่ว่าตอนนี้ผมต้องหาวิธีกลับบ้านให้ได้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ผมควรอยู่เลยจริงๆ" อาเฟยพูดพร้อมกับคีบของเข้าปากต่อไป เพราะตอนนี้ท้องของเขากำลังประท้วงว่าหิว ถ้าขืนยังคุยกับไอ้อ๋องคนนี้สงสัยต้องได้กินหัวเขาแทนข้าวแน่นอนอ๋องหลีวางตะเกียบไว้บนถ้วยข้าวของตัวเองก่อนที่จะนั่งมองเจ้าโจรแคระกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ถึงจะเป็นคนแปลกไปเสียหน่อย แต่ก็ดูไม่มีพิษสง ดูๆแล้วน่าจะไม่เป็นวิทยายุทธด้วย "เจ้ามาเป็นผู้ติดตามให้ข้าได้ไหม" "ผู้ติดตามที่คุณว่าหมายถึงอะไรล่ะ หมายถึงทหารน่ะเหรอ ผมทำไม่ได้หรอก ผมเป็นนักโบราณคดีไม่ได้เป็นทหาร" อาเฟยตอบปฏิเสธทันที จะให้เขาไปถือดาบวิ่งไล่ฟันใครก็คงไม่ได้เขาเป็นนักวิจัยเป็นนักโบราณคดีทำได้แค่ตรวจสอบวัตถุโบราณเท่านั้นแหละ"ไม่ต้อ
การประลองเริ่มต้นขึ้น อาเฟยเดินลงสู่สนาม สีหน้าท่าทางของอาเฟยไม่ได้ดูกลัวคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่าหลายเท่าตัว พอลงไปเทียบกันชัดๆจะเห็นได้ชัดเลยว่าอาเฟยตัวเล็กกว่ามาก แต่ใบหน้าไม่ได้มีความหวาดกลัวหรือความหวั่นใจอยู่เลยทำให้อ๋องหลีสนใจกับการประลองครั้งนี้มากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่วาย แอบกระซิบกับทหาร ให้คู่ประลองของอาเฟยเบามือลงด้วยเขากลัวว่าเจ้าโจรแคระจะเจ็บเกินไป"ย๊าก!!" อาเฟยเลือกใช้คาราเต้ในการต่อสู้ในยกแรกเขาร้องเพื่อเรียกขวัญของตัวเองตามแบบฉบับของคาราเต้ทำให้ทุกคนในสนามถึงกับตกใจยิ่งคู่ประลองด้วยแล้วถึงกับสะดุ้งอาเฟยใช้ท่าทางของคาราเต้เขาไม่ได้ใช้อาวุธอะไรเลยทำให้คู่ประลองถึงกับสับสนว่าควรต่อสู้ต่อดีหรือไม่ แต่พอหันไปเจอท่านอ๋องหลีที่พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเขาจึงจับดาบของตัวเองไว้แน่น การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ทั้งสองพุ่งเข้าหากัน อ๋องหลีรู้สึกตื่นเต้นกับการต่อสู้ครั้งนี้เพราะเจ้าโจรแคระเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดทั้งรูปร่างและการที่ไม่ใช้อาวุธเลย แต่ดูเหมือนว่าความตัวเล็กของเจ้าโจรแคระจะทำให้ได้เปรียบอยู่มาก เพราะทหารของเขาไม่สามารถใช้ดาบฟันไปที่ตัวของเจ้าโจรแคระได้เลย แต่อย่างนั้นเขาก็ลุ้
ในระหว่างที่ท่านอ๋องรับชมการประลองในคู่ต่อไป ทหารก็วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น"ท่านอ๋องขอรับ กองกำลังของดินแดนโจวเดินมาประชิดกองทัพของเราแล้วขอรับ ดูเหมือนว่าจะส่งทหารมาส่งสารให้กับท่านอ๋องขอรับ"อ๋องหลียกสัญญาณให้การประลองหยุดลงทันทีพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน ก่อนที่จะทำมืออนุญาตให้ทหารทางดินแดนโจวเข้าเฝ้า"เจ้ายกพลมาแค่ 2000 คนกะจะมาตีกองกำลังของข้าอย่างนั้นรึ" อ๋องหลีถามพลทหารที่เดินเข้ามาพร้อมกับทำความเคารพเขา"ได้หาเป็นเช่นนั้นไม่ท่านอ๋อง ดินแดนโจวของเรา ไม่ได้อยากเป็นปรปักษ์กับท่าน การมาครั้งนี้ ข้าน้อยเพียงแต่มาส่งสารจากท่านแม่ทัพของข้าน้อย ส่งตรงให้ท่านอ๋องเท่านั้นขอรับ"ทหารของท่านอ๋องหลีรับเอาสารจากพลทหารก่อนที่จะนำมาส่งให้ถึงมือของอ๋องหลี อ๋องหลีเปิดอ่านทันที ด้านในเป็นสัญญาสงบศึก แสดงว่าดินแดนโจวไม่ได้อยากทำศึกกับอาณาจักรฉินในระหว่างที่ท่านอ๋องนั่งอ่านสารที่มาจากดินแดนโจว อาเฟยเดินกลับมาด้วยเครื่องแต่งกายแบบจีน ถึงแม้ผมจะสั้น แต่กลับสร้างรัศมีแผ่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้อ๋องหลีที่กำลังอ่านสารเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ แม้แต่พลทหารที่อยู่โดยรอบก็จ้องมองอาเฟยกันเป็นตาเดียวก
"โอ๊ยยยย!" เสียงร้องของอาเฟยทำให้อ๋องหลีหันกลับมามอง เขาเห็นรอยช้ำพลาดไปทั้งหน้าท้องจนถึงแผ่นหลังทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจ เขาสั่งแล้วสั่งอีกว่าอย่ารุนแรงแต่ก็ยังไม่วายทำให้อาเฟยเจ็บตัว "เจ้าทาไม่ถนัดหรอก เอายามานี่เดี๋ยวข้าทาให้เอง" อ๋องหลีรู้สึกหงุดหงิดใจกับท่าทางทายาของอาเฟยจึงแย่งยามาถือไว้ในมือแล้วเริ่มทาให้เอง เขาใช้สายตาขู่บังคับให้อาเฟยยินยอม"นี่แหละนะปากดันเก่ง มันเป็นแค่การประลองปะมือของบุรุษเท่านั้นเจ้าจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายทำไมกัน""จะมาพูดมากทำไม ก็คนของคุณไม่ใช่เหรอที่ทำกับผมแบบนี้ แล้วก็เป็นตัวคุณเองที่มาดูถูกผมก่อนไม่ใช่หรือไง""ข้าไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น ข้าขออภัยถ้าทำให้เจ้าคิดไปถึงขนาดนั้นก็แล้วกัน"อ๋องหลีพูดในขณะที่ทายาให้จนเสร็จ พร้อมกับดึงเสื้อขึ้นไว้ที่เดิม"พรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับวังหลวงกันแล้วเตรียมตัวให้ดีล่ะ แต่ถ้าเจ็บแบบนี้ก็คงขี่ม้าไม่ได้หรอกเดี๋ยวข้าจะให้คนเตรียมรถม้าให้ก็แล้วกัน"อ๋องหลีพูดพร้อมกับเดินออกไปจากกระโจมทำให้อาเฟยมองด้วยความสงสัย ต่อให้เขาไม่เจ็บเขาก็ขี่ม้าไม่เป็นอยู่ดีนั่นแหละ เขาก็เลยไม่ปฏิเสธกับคำพูดของอ๋องหลีที่บอกว่าจะไปเตรียมรถม้าให้เช้าว
ขบวนกองทัพของท่านอ๋องหลีเดินทางมาหลายชั่วยามจึงได้หยุดพักอยู่ริมแม่น้ำเพื่อตั้งค่ายพักแบบชั่วคราว"ห่าวววว..ง่วงชะมัดเลย เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่าการนั่งรถม้านานๆมันเมื่อยขนาดนี้" อาเฟยบิดขี้เกียจทันทีที่ได้ลงจากรถมา เป็นการนั่งรถที่ทรมานแสนทรมาน หลับไปไม่รู้กี่รอบ ทำไมยุคนี้สมัยนี้ถึงไม่มีรถไฟแรงสูงหรือไม่ก็เครื่องบินนะ จะได้ไม่ต้องนั่งนานขนาดนี้"ไปล้างหน้าล้างตาที่ลำธารสักหน่อยเถอะ เจ้านอนน้ำลายไหลยืดมาตลอดทาง สกปรกชุดข้าหมดแล้วเห็นไหมเนี่ย" อ๋องหลีพูดขึ้นทำให้อาเฟยหันกลับไปมองตาขวาง"ใครนอนน้ำลายไหลยืดกัน อย่ามาว่ากันมั่วๆนะ เป็นอ๋องก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ติดตามจะตบไม่ได้นะ"อ๋องหลีหัวเราะให้กับโจรแคระที่ชอบต่อต้านเขา แต่เขาไม่เคยโกรธเลยแม้แต่ครั้งเดียว กลับมองว่ามันน่าขบขัน"นอกจากเจ้าจะนอนน้ำลายไหลยืดแล้วเจ้ายังนอนกรนเสียงดังลั่นรถม้า จะถามทหารม้าที่ควบคุมม้าหรือไม่ ข้าจะได้เรียกมาให้เจ้าสอบถาม"คำตอบของอ๋องหลีทำให้อาเฟยพูดไม่ออก เพราะเขาไม่รู้ตัวว่าตอนหลับเขาได้กรนจริงๆหรือเปล่า"ไม่ต้อง ผมไม่ได้อยากรู้สักหน่อย แล้วเมื่อไหร่จะถึง จะต้องนั่งรถมาอีกกี่วันกว่าจะถึงวังหลวง" "พรุ
อาเฟยยอมรับว่าความรู้สึกแปลกใหม่มันเกิดขึ้นภายในใจเขา เขายอมเปิดปากให้อ๋องหลีเข้ามารุกล้ำภายในโพรงปากของเขาเอง"อืมมม"เสียงครางที่ดังภายในลำคอ ทำให้อ๋องหลีพอใจ นี่เป็นการมอบจุมพิตครั้งแรกที่เขามอบให้กับบุรุษเพศ แต่แปลกใจคือมันหวานถูกใจเขามาก เขาไม่รู้สึกรังเกียจถึงแม้ว่าร่างกายนี้จะเป็นชาย ทั้งที่ปกติแล้วเขาจะมีความสัมพันธ์แค่เพียงสตรีเท่านั้น อ๋องหลีรู้สึกขัดใจกับเสื้อผ้าของอาเฟย เป็นเสื้อผ้าที่ขนาดพอดีตัวทำให้เขาไม่สามารถใช้มือล้วงเข้าสู่ด้านในได้ เขาพยายามจะแกะสิ่งที่พันอยู่รอบเอวให้หลุดออก แต่ดูเหมือนว่ามันจะชั่งยากเย็นเหลือเกิน"ทำอะไร" อาเฟยถามด้วยน้ำเสียงกระเส่าอย่างสงสัยเมื่อผละริมฝีปากออกจากกัน "ทำไมเจ้าต้องใส่ที่คาดเอวนี้ด้วย มันแน่นเสียจนข้าดึงไม่ออก""เขาถอดแบบนี้ต่างหากล่ะ"อาเฟยพูดพร้อมกับถอดเข็มขัดของตัวเองออก ซึ่งอ๋องหลีมองตามด้วยความสนใจ มันคือสิ่งแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยเห็น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเครื่องแต่งกายแบบนี้มันสามารถอยู่บนตัวของคนได้ด้วยอาเฟยที่อยู่ในสภาพที่นั่งกึ่งนอน แผ่นหลังของเขาอยู่ในอ้อมแขนของอ๋องหลี ดูเหมือนว่าอารมณ์ของอาเฟยจะพุ่งสูง จนหน้าขาวแดงไปหมด เขาก
บรรยากาศในจวนอ๋องหลีเงียบสงบ เมื่อเจ้าของจวนอยู่ในอาการโศกเศร้า นั่งอยู่ในห้องด้วยท่าทีนิ่งเงียบ บนเตียงนอนยังคงเป็นว่าที่พระชายาของอ๋องหลี รอคอยการแก้พิษ "อ๋องหลีขอรับ ทหารที่ไปนำยามาถึงแล้วขอรับ"ทันทีที่ได้ยินเสียงทหารของตนรายงานว่าทหารที่ไปนำยามาถึงจวนเรียบร้อยแล้ว อ๋องหลีถึงกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความดีใจ"ไปตามท่านหมอเกอมา!" อ๋องหลีออกคำสั่งทันที ท่านหมอเกออยู่ดูแลอาเฟยตลอด 2 วันที่ผ่านมา เพิ่งจะกลับไปพักที่ห้องรับรองที่เขาจัดให้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ทันทีที่ท่านหมอเกอมาถึง จัดการผสมยาแล้วจับกรอกเข้าไปในปากของอาเฟยทันที"เป็นยังไงบ้างท่านหมอเกอ คนรักของข้าจะหายหรือไม่""ตอนนี้แล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วท่านอ๋อง เราทำทุกอย่างเต็มความสามารถแล้ว มันก็อยู่ที่ว่าร่างกายของว่าที่พระชายาจะสามารถซึมซับเอาตัวยาเข้าไปรักษาพิษได้มากน้อยแค่ไหน"คำพูดของท่านหมอเกอทำให้อ๋องหลีถึงกับเซ ไม่มีคำยืนยันจากท่านหมอเกอว่าอาเฟยจะฟื้น อ๋องหลีรีบถลาไปที่เตียงนอนพร้อมกับจับมือคนรักขึ้นแนบแก้มทันที"กลับมานะอาเฟย กลับมาหาพี่ พี่รู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนในโลกของพี่ พี่รู้ว่าเจ้าสามารถกลับไปได้ทุกเมื่อ แต่ได้โปรดเถ
"อาเฟยลูก"เสียงนี้อีกแล้ว เสียงที่เหมือนแม่เรียกคำพูดเดิมที่เคยได้ยิน แต่เขาไม่รู้เลยว่าเสียงนี้มันคือเสียงใครกันแน่ คราวที่แล้วเสียงนี้เรียกเขาให้เดินตามไปจนในที่สุดเขาก็หลงเข้าไปในยุคโบราณ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็เกือบปีแล้ว เขายังคงได้ยินเสียงนี้อยู่อีก"อาเฟยลูก"อาเฟยลืมตาขึ้น ก่อนที่จะมองไปรอบๆ "อาเฟย" เสียงเรียกย้ำทำให้อาเฟยหันกลับไปมอง"แม่!" สิ่งที่เขาเห็นนั่นคือแม่ของเขาที่เสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก แม่คนเดิมที่ใจดีของเขา"คนดีของแม่ เหนื่อยไหมลูก""ไม่เหนื่อยเลยครับแม่ ผมมีความสุขมากๆเลยที่ได้อยู่กับท่านพี่ แต่ทำไมตอนนี้บรรยากาศมันดูแปลกๆนะครับ มันเกิดอะไรขึ้น""มันไม่ได้เกิดอะไรขึ้นหรอก แม่แค่อยากถามลูก ว่าระหว่างชีวิตในยุคปัจจุบันของลูกกับชีวิตที่กำลังเป็นพระชายาของอ๋องหลี ลูกชอบชีวิตแบบไหน"อาเฟยคิ้วขมวดทันที นั่นสินะ เขาใช้ชีวิตกับอ๋องหลีมาเกือบ 1 ปี จนลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นคนในยุคปัจจุบันไม่ใช่ยุคอดีต ลืมตัวตนการเป็นอาเฟย ศักดินามนตรี ไปซะสนิทเลย "ทำไมแม่ถามผมแบบนี้ล่ะครับ หรือว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับยุคปัจจุบันแล้วเหรอ" น้ำเสียงที่เศร้าใจของลูกชายทำให้ผู้
ข่าวการแต่งตั้งพระชายาเป็นบุรุษเพศแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรฉิน ข่าวนี้ทำให้ชิงชิงไม่พอใจ นางคิดว่าท่านลุงของนางที่เป็นเสนาบดีจะสามารถช่วยบังคับให้ฮ่องเต้แต่งตั้งนางเป็นพระชายาของอ๋องหลีได้ แต่ปรากฏว่าเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่นางต้องการ กลับกลายเป็นตอนนี้มีพระราชโองการแต่งตั้งอาเฟยเป็นพระชายาอย่างถูกกฎหมาย ไม่มีใครสามารถคัดค้านได้"พอเถอะนะชิงชิง ลุงพยายามแล้ว แต่ไม่สามารถขัดพระราชโองการของฝ่าบาทได้ ถ้าเรายังคัดค้านอยู่แบบนี้ตระกูลของเราคงไม่พ้นถูกประหารตามพระราชอาญาแน่นอน""แต่ท่านลุงเจ้าคะ ชิงชิงเสียศักดิ์ศรีในจวนอ๋องไปตั้งหลายปี ไม่มีใครอยากร่วมหอลงๆกับชิงชิง ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ล่ะเจ้าคะ"ชิงชิงร้องไห้ด้วยความเสียใจ ใครๆก็รู้ว่าเขาเป็นคู่หมั้นของอ๋องหลี ใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องหลีมานานหลายปี คอยปรนนิบัติพัดวีหลีฮูหยินไม่เคยขาดตกบกพร่อง แต่นี่คือสิ่งที่นางได้รับ ความอยุติธรรมที่อ๋องหลีไม่เคยสนใจใยดีกับความดีของนาง"แล้วเจ้าจะให้ลุงทำอย่างไร พระราชโองการแต่งตั้งอาเฟยก็ออกมาแล้ว ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเราทำก็เท่ากับขัดพระราชโองการเชียวนะ""ก็แล้วถ้าอาเฟยไม่ได้อยู่รับราชองค์การล
อ๋องหลีและอาเฟยยังคงใช้ชีวิตเยี่ยงคนรักในจวนอ๋อง ถึงแม้ข่าวนี้จะกระจายแพร่ไปทั่วแต่มันก็ไม่ได้มีผลเสียอะไร การรักกับบุรุษเพศด้วยกันมันไม่ได้ถือเป็นการผิดธรรมเนียมประเพณี เพียงแต่มันจะมีกลุ่มคนบางส่วนที่ต่อต้าน ซึ่งเอาเรื่องนี้ขึ้นทูลต่อฮ่องเต้ เพื่อให้ปลดตำแหน่งอ๋องหลีออกจากการเป็นอ๋อง "แล้วท่านพี่จะทำอย่างไรต่อไป" อาเฟยเอ่ยถามคนรัก เขาคิดว่าเรื่องนี้มันน่าจะหลุดไปกับชิงชิงแน่ๆ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะกลัว แถมตอนนี้ใบหน้าของอ๋องหลีก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจต่อราชโองการที่มาถึง"เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องแค่นี้พี่จัดการได้ ตำแหน่งอ๋องหลีของพี่ไม่ได้มาเพราะฝีปาก พี่ได้มาเพราะความสามารถ เพราะการนำทัพที่ตรากตรำสู้เพื่อราชวงศ์ฉินมาหลายปี พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพี่ถูกปลดออกจากการเป็นแม่ทัพและตำแหน่งอ๋องหลี ใครจะเป็นคนนำทัพถ้ามีศึกสงครามเข้ามา""ผมมีแผนแล้วครับ ใช้แผนของผมรับรองว่าไม่มีใครกล้าปลดท่านพี่แน่นอน"อ๋องหลีมองหน้าคนรักก่อนจะยิ้มออกมา เจ้าแสนซนของเขาคงจะคิดเรื่องดีๆออกอีกแล้ว ตั้งแต่ที่อาเฟยมาอยู่กับเขา เขารู้สึกว่ามีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นในชีวิต เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวต่ออุปส
ถึงแม้โทษของหลีฮูหยินจะมีแค่การนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ในห้องพระเท่านั้น แต่โทษนั้นมันไม่ได้ครอบคลุมไปสำหรับชิงชิง เมื่อสาวใช้มารายงานว่าท่านอ๋องยกการลงโทษนี้ให้กับอาเฟยทำให้ชิงชิงรู้สึกกลัว"ข้าจะทำเช่นไรดี ถ้าปล่อยให้มันเป็นผู้ลงโทษมันต้องลงโทษข้าจนตายหรือไม่ก็เสียโฉมแน่ๆ ข้าไม่อยากเจอสภาพแบบนั้น""เราต้องหนีเจ้าค่ะคุณหนู ไม่สามารถอยู่จวนอ๋องได้อีกแล้ว ถ้าคุณหนูยังอยู่ที่นี่จะต้องถูกลงโทษจนตายแน่ๆเลยเจ้าค่ะ"สาวใช้เสนอวิธีรอดแก่ชิงชิง"จะให้ข้าหนีไปที่ไหนเล่า บ้านข้าแตกสาแหลกขาดมาหลายสิบปีแล้ว ข้าถูกท่านย่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย มีความหวังที่จะขึ้นเป็นพระชายาของอ๋องหลี ถ้าข้าออกจากจวนข้าก็ไม่มีที่ไปเลย"ชิงชิงคิดหนักทันที การออกจากจวนอ๋องหลีก็เหมือนการให้นางไปตายอยู่ดี สตรีที่ไม่มีวิทยายุทธ ไม่มีผู้ชายคุ้มกะลาหัวจะอยู่ด้านนอกได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้เลยเช้าวันรุ่งขึ้น อาเฟยมาที่จวนหลังซึ่งเป็นที่พักของหลีฮูหยินและชิงชิง "ข้าแปลกใจนะเนี่ย ข้านึกว่าเจ้าจะหนี แต่ไม่ยักหนีแฮะ แสดงว่ารู้ตัวใช่ไหมว่าวันนี้ข้ามาที่นี่ด้วยเหตุอะไร เจ้ายอมรับโทษของเจ้าแล้วหรือยัง"อาเฟยดัดแปลงประโยคให้ชิ
ทันทีที่ทหารทั้งสองคนตายด้วยความผิดที่ลักพาตัวคนรักของอ๋องหลี ทำให้อาเฟยถึงกับตกใจ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนเข้มแข็ง แต่เขาก็ไม่เคยเห็นใครตายต่อหน้าต่อตาสยดสยองขนาดนี้ ทำให้อ๋องหลีต้องหมุนเอาตัวอาเฟยเข้ามาซบอกเพื่อไม่ให้เห็นภาพตรงหน้า"กลัวก็ไม่ต้องดู พี่ขอโทษนะที่มาช้าจนเกินไป เกือบทำให้เจ้าเป็นอันตราย" "ไม่เป็นไรเลย ผมไม่ได้เป็นอันตรายอะไร แต่ผมไม่เข้าใจเลยทำไมพวกเขาจึงต้องจงเกลียดจงชังผมนัก ผมไม่เคยไปทำอะไรให้พวกเขาเลย" "ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว พี่อธิบายทุกอย่างให้กับท่านย่าฟังหมดแล้ว หลังจากกลับไปพี่จะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นพระชายา มันจะได้สิ้นเรื่องสิ่งราวไปเสียที""ได้ยังไงล่ะ พระชายาแต่งตั้งผู้หญิงไม่ใช่เหรอ ผมเป็นผู้ชายจะเป็นพระชายาได้อย่างไร ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีการตัดชายเสื้อ แต่ผมก็คิดว่ามันไม่สมควร""ตัดชายเสื้อหรือ?"อ๋องหลีงงกับคำพูดของอาเฟยจึงเอ่ยถามขึ้น"ที่บ้านผม ถ้ามีบุรุษกับบุรุษรักกัน ชาวจีนจะเรียกกันว่าตัดชายเสื้อ"ถึงแม้จะไม่เข้าใจกับคำพูดของอาเฟยได้สักเท่าไหร่ แต่อ๋องหลีก็เลือกที่จะดึงเอาโจรแคระของเขาเข้าสู่อกกว้างเพื่อปลอบขวัญ"ถึงแม้เจ้าจะได้เป็นพระชายาหรือไม่ก็ตาม แต่เจ
อาเฟยลืมตาขึ้น เขารู้สึกมึนหัวไปหมด ความจำสุดท้ายคือเขากำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนภายในจวนของอ๋องหลี ก่อนจะหมดสติไปโดยไม่รู้สาเหตุ ตื่นขึ้นมาอีกทีปรากฏว่าตัวเองอยู่ในถุงกระสอบ เหมือนกำลังจะถูกใครสักคนแบกอยู่ "ข้าว่าไกลพอแล้วแหละ จัดการฆ่ามันเสียแล้วหมกป่าไป ถ้าเราหายนานกว่านี้ข้ากลัวว่าท่านอ๋องจะจับพิรุธได้!"อาเฟยได้ยินการสนทนา แต่เขาเลือกที่จะไม่ดิ้นรนและปล่อยให้ถูกแบกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาถูกวางลงแล้วถูกแก้มัดออกจากถุงกระสอบ ทันทีที่ทหารดึงถุงกระสอบออกจากตัวของอาเฟย ก็เห็นว่าคนที่ถูกจับมานั้นลืมตาพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก"กำลังคันไม้คันมืออยากกระทืบคนอยู่พอดี ขอบใจนะที่มาเล่นด้วย" อาเฟยพูดขึ้นพร้อมกับตวัดขาเตะพลทหารทั้งสองคนคงล้มกลิ้งลง พร้อมกับลุกขึ้นยืนตั้งหลักทันที"เข้ามาสิ!" อาเฟยท้าทายทหารทั้งสอง เขาจำได้ว่าคนทั้งสองคนเป็นทหารของอ๋องหลี น่าจะได้รับสินบนจากใครสักคนหนึ่งเพื่อมากำจัดเขาแน่นอน เขาจะไม่ยอมเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่หรอก ทหารทั้งสองคนกระโจรเข้าหาอาเฟย เพราะถ้าปล่อยอาเฟยกลับไปที่จวนของท่านอ๋องได้ นั่นหมายความว่าชีวิตของเขาก็คงจะหาไม่ การต่อสู้ 2 ต่อ 1 จึงเกิดขึ้นทันที ทหารทั้งส
อ๋องหลีมาที่จวนของหลีฮูหยิน เขาเดินเข้าไปด้วยสีหน้าบึ้งตึงแสดงอาการไม่พอใจอย่างเด่นชัด ทำให้หลีฮูหยินที่นั่งอยู่ รู้ทันทีว่าหลานชายมาด้วยเหตุอันใด"เอาคนของหลานคืนมา ถ้าไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าหลานไม่เตือนนะขอรับท่านย่า""นี่เจ้ากำลังขู่ข้ารึเทียนหยู!""หลานไม่อยากใช้อำนาจที่หลานมี บีบบังคับท่านย่าหรอกนะขอรับ แต่ท่านย่าก็คงจะรู้ดีว่าหลานมีตำแหน่งเป็นอ๋องหลีของอาณาจักรฉิน ศักดินาคงหลานสูงกว่าท่านย่ามาก หลานมีอำนาจจะสั่งเฆี่ยนหรือสั่งประหารท่านย่าด้วยซ้ำ อย่าบังคับหลานเลยนะขอรับ ส่งตัวคนของหลานคืนมา หลานจะถือว่าเรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"คำขู่ของหลานชายทำให้หลีฮูหยินไม่พอใจ สิ่งที่นางทำก็เพื่อหลานชายของนางทั้งนั้น นางต้องการแยกบุรุษผิดเพศคนนั้นออกจากหลานชายของนาง เพื่อให้หลานชายของนางยังดำรงอยู่ในฐานะอ๋องหลีต่อไป"เจ้ารู้หรือไม่เทียนหยู ว่าการที่เจ้ารักชอบกับบุรุษเพศมันมีผลตามมาเป็นเช่นใดบ้าง หากฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้ เจ้าจะต้องถูกลงโทษ ย่าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้านะ""ถ้าหลานสนใจเรื่องนี้ หลานคงไม่เลือกอาเฟยตั้งแต่แรก หลานบอกแล้วไงขอรับ ว่าหลานจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ท่านย่าไม่จำเป
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นอ๋องหลีและอาเฟยก็มีความสัมพันธ์ที่ดีเกิดขึ้น อาเฟยยอมอยู่ในจวนอ๋องหลีด้วยความเต็มใจ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่มีใครมาทำให้ลำบากใจอีก ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมอยู่ ซึ่งอ๋องหลีสั่งให้ทหารคุมบริเวณรอบจวนอย่างเข้มงวดไม่ให้ผู้ใดก้าวล้ำเข้ามาในบริเวณจวนได้โดยเด็ดขาด"ท่านพี่ พวกบ่าวไพร่คุยกันว่าข้างนอกมีงานเหรอครับ พาผมไปดูหน่อยได้ไหม ผมอยากเห็นงานที่ว่านั่น อยากรู้ว่ามันเหมือนกับงานวิจัยของผมหรือเปล่า ผมอยากเห็นด้วยตาตัวเอง ได้ไหม"อาเฟยพูดขึ้นหลังทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว เมื่อเช้านี้เขาได้ยินพวกบ่าวไพร่พูดกันว่าคืนนี้จะมีงานที่ตลาด เขาอยากเห็นว่างานที่ว่านั่นเป็นงานอะไรแล้วจัดแบบไหน เหมือนกับที่เขาเล่าเรียนมาหรือเปล่า"เจ้าหมายถึงเทศกาลง่วนเซียวน่ะเหรอ"วันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติของจีนเป็นเทศกาลง่วนเซียว เป็นเทศกาลสำคัญหลังจากวันตรุษจีน ซึ่งมีเอกลักษณ์เด่นที่สุดคือ ชมโคมไฟโบราณ ชาวบ้านจะทำโคมไฟแบบโบราณชนิดต่างๆ เมื่ออาทิตย์ตกดิน เด็กๆ ในหมู่บ้านพากันจุดเทียนในโคมไฟ แล้วออกจากบ้านไปชุมนุมกันเป็นขบวน สร้างบรรยากาศคึกคักและอบอุ่น"เทศกาลง่วนเซียว....ที่มีโคมแ