ชีวิตที่เหมือนพล็อตละครน้ำเน่านี่มันอะไรกัน
“ออกไป”
น้ำเสียงเคร่งขรึมเอ่ยพร้อมกับแรงมือที่ผลักอย่างไม่ออมแรงจนหญิงสาวที่หมายพุ่งตัวเข้าไปในรถกระเด็นออกมา ร่างงามระหงของบัวรัตนาเซถลาตามแรงส่ง ก่อนจะล้มลงบนพื้นถนนคอนกรีตร้อนจัดจนแทบแผดเผาผิวขาวเนียนของเธอให้เป็นรอยแดง ทว่าในหัวใจของหญิงสาวนั้นเย็นเยียบลงด้วยความเย็นชาของเขา
“ทำไม...คุณจะหย่าจริง ๆ งั้นเหรอ”
เสียงสั่นเทาเอ่ยถาม ข่มความปวดร้าวในอกแล้วกลืนลงไป
ชายหนุ่มผู้นั่งอยู่ในรถคันหรูคือนรกานต์—สามีตามนิตินัยของเธอ รูปหน้าหล่อเหลาคมเข้มรับกับคิ้วรูปดาบพาดเฉียงเหนือดวงตาสีนิล ซึ่งบัดนี้กำลังเดือดระอุด้วยอารมณ์โกรธกรุ่น
“ยังต้องให้ผมบอกอีกเหรอ ก็ผมไม่เคยรักคุณ”
“เพราะงั้นคุณเลยจะหย่างั้นสิ คุณสอง” บัวรัตนาเอ่ยเสียงเย็น
เมื่อเช้าหลังจากเธอตื่นนอนขึ้นมา หญิงสาวก็พบเพียงที่ว่างข้างตัวอันว่างเปล่าและใบหย่าซึ่งวางไว้ตรงหัวเตียง ฝ่ายชายลงชื่อเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่ชื่อของบัวรัตนาเท่านั้น นั่นทำให้โทสะของเธอปะทุขึ้นมา
แรกเริ่มเดิมที การแต่งงานระหว่างนรกานต์กับบัวรัตนาเกิดขึ้นเพราะมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งพวกเรายังเป็นอัลฟ่าทั้งคู่ ก่อนแต่งงานบัวรัตนาจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับความรักทะนุถนอมจากอีกฝ่าย เธอเพียงหวังให้สามีให้เกียรติในฐานะภรรยา และเอาใจใส่กันบ้างตามประสาคนร่วมเรียงเคียงหมอน
แต่ทุกอย่างมันกลับผิดพลาดไปหมด
“เรื่องแค่นี้ต้องให้อธิบายด้วยเหรอ?” นรกานต์ปรายตามองเธออย่างเย็นชา สีหน้าราบเรียบปานไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น
“ทำไม? ฉันถามว่าทำไม! ในเมื่อฉันให้คุณได้ทุกอย่าง เงินทอง ที่ดิน หนี้สินของครอบครัวคุณฉันก็เป็นคนจัดการให้ แล้วเพราะอะไร?” บัวรัตนาพยายามเค้นเสียงออกมา ในใจเธอจุกจนแทบพูดไม่ออกแล้วแท้ ๆ แขนขาก็อ่อนแรงไปหมด กระนั้นก็ยังพยายามออกแรงจับเขาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เขาได้หนีไปไหน
“ก็เพราะว่าหมดแล้วไง” พูดจบร่างสูงก็สลัดมือของเธอทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
“เดี๋ยว!—”
นรกานต์เปิดประตูรถพร้อมกับแทรกตัวเข้าไปนั่งก่อนจะปิดมันลงอย่างรวดเร็ว จนบัวรัตนาที่พยายามเอื้อมมือออกไปเกือบโดนหนีบไปด้วย! บัวรัตนาไม่ยอมแพ้ เธอพยายามเปิดประตูรถแต่มันกลับถูกล็อกไว้แล้วจากด้านใน เธอทั้งทุบและตีอยู่แบบนั้น สายตาจากคนรอบข้างเริ่มจับตามองเหตุการณ์ ถึงเธอจะตกเป็นเป้าสายตาและต้องอับอายแค่ไหน เธอจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ
“เปิดเถอะนะคุณสอง เรื่องนี้เราคุยกันได้นะ โอเค ฉันอาจจะเรียกร้องกับคุณเยอะไปหน่อย แต่ฉันจะพยายามปรับตัวให้นะ คุณเปิดประตูมาคุยกันก่อนเถอะ...” เธอลดระดับเสียงเป็นอ้อนวอนขอความเห็นใจ แต่ความเคลื่อนไหวภายในรถคันนั้นก็ยังคงนิ่งอยู่
แต่แล้วกระจกดำทึบก็ถูกเลื่อนลง เผยให้เห็นคนด้านใน ใบหน้าของนรกานต์ยังคงเรียบเฉยและเย็นชาเช่นเดิม สายตาที่ทอดมามีแต่ความรู้สึกสมเพชอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกถึงความเย้ยหยันที่เขามีต่อเธอ
“คุณสอง...”
เจ้าของชื่อเรียกถอนหายใจแรงคล้ายเหนื่อยระอาเต็มทน หากเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกระตุกแผ่วเบาตรงชายเสื้อ คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันก็พลันคลายลง
นรกานต์หันไปมอบรอยยิ้มที่เรียกได้ว่าแสนจะอ่อนโยนให้เจ้าของร่างบางข้างกาย ชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าก้มหน้างุดหลบสายตาร้อนแรงนั้น ก่อนเบือนหน้ามาทางหญิงสาวที่นั่งพังพาบอยู่บนพื้นถนนอันร้อนระอุด้วยสีหน้าเห็นใจปนสงสาร
ดวงตากลมใสวาวรื้นด้วยหยาดน้ำ น่าแปลกตรงที่แม้อีกฝ่ายจะนับเป็นชายหนุ่มผู้เรียกได้ว่าเติบโตเต็มที่แล้ว ทว่าเมื่อแสดงอากัปกิริยาเช่นนี้กลับยังให้ความรู้สึกว่าน่าเอ็นดู น่าทะนุถนอมนัก
ก็เรื่องความสามารถในการดึงดูดเพศอัลฟ่า นับเป็นข้อได้เปรียบของโอเมก้านี่นะ
กระทั่งในสายตาของอัลฟ่าอย่างบัวรัตนายังเห็นเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องนับว่านรกานต์จะหน้ามืดตามัวสักแค่ไหน
“ผมจะบอกคุณชัด ๆ อีกครั้งนะคุณบัว ผมไม่อยากให้สัญญาแต่งงานงี่เง่านี่รั้งพวกเราเอาไว้ด้วยกันอีกแล้ว คนที่ผมรักสมควรได้รับสิ่งที่ควรได้อย่างแท้จริงเสียที”
“คนที่คุณรัก เฮอะ ส่วนฉันมันก็แค่ภรรยาในนามใช่ไหม...”
หลังจากที่ได้เจอกับชลธารอีกครั้งในวันแต่งงานของเรา นรกานต์ก็เอาแต่เริ่มตามตื้อโอเมก้าคนนั้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา จนไม่สนใจภาพลักษณ์หรือหน้าตาในสังคมใด ๆ เลย หลายครั้งที่เธอพยายามเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แต่ทุกครั้งก็ต้องจบลงด้วยความเงียบ เพราะเธอทำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ ทั้งที่สิ่งที่เธอต้องการก็มีเพียงแค่การรักษาฐานะสามีภรรยาให้คงอยู่เท่านั้นเอง
“รู้ดีแล้วก็จำไว้ คนที่ผมรักมีแค่ธารเท่านั้น นี่คือความจริงและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
สิ้นคำพูดประโยคนั้น สามีของเธอก็สั่งให้คนขับรถเคลื่อนตัวออกทันที บัวรัตนาไม่ยอมแพ้ เธอวิ่งตามรถคันหรูสีดำนั่นอย่างไม่ลดละ แม้จะรู้ดีว่าคงไม่อาจตามทันก็ตาม แต่เธอก็ยังคงวิ่งต่อไปไม่ลดละ ราวกับการวิ่งตามครั้งนี้คือการไขว่คว้าบางสิ่งที่หลุดมือไปแล้วให้กลับมาเป็นของเธออีกครั้ง
หญิงสาวตะโกนเรียกชื่อนรกานต์ไม่หยุด ขณะที่ร่างกายอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัวว่าเธอวิ่งตามรถคันนั้นจนมาถึงถนนใหญ่
เสียงแตรรถดังสนั่นรอบตัว ปลุกสติที่กระจัดกระจายของบัวรัตนาให้กลับมา แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป รถคันหนึ่งพุ่งชนเธอเต็มแรง ร่างของเธอถูกกระแทกจนลอยกระเด็นออกไปตามแรงปะทะ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนชาทุกส่วน เสียงรอบข้างที่เคยดังก้องค่อย ๆ เลือนหายไปในความมึนงง
ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะค่อย ๆ จมลงเข้าสู่ความมืดสนิท...
“เฮือก!” บัวรัตนาลืมตาขึ้นอย่างตื่นตระหนก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือกระจกบานใหญ่ และเธอก็ยืนอยู่ตรงนั้นในชุดแต่งงานสีขาวสะอาดตา ประดับด้วยประกายมุกและลายลูกไม้แสนประณีต ร่างกายของเธอยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หลงเหลือ แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกตะลึงคือภาพสะท้อนในกระจกเธอค่อย ๆ หมุนตัวไปมา มองตัวเองในกระจกอย่างไม่เชื่อสายตา ความสงสัยและความสับสนพลุ่งพล่านในใจ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ความทรงจำสุดท้ายก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาในตอนนี้คือความเจ็บปวดจากการถูกชน แต่กลับกลายเป็นว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้ ในชุดเจ้าสาวที่ดูสวยงามราวกับอยู่ในฝันหรือว่าทั้งหมดนี่เป็นเพียงความฝัน? เธอค่อย ๆ ยื่นมือไปแตะที่กระจกเงาเย็น ๆ บานนั้น ความรู้สึกที่กลับมาคือช่างเหมือนจริง ทั้งความรู้สึกของผ้าไหมที่สัมผัสกับผิวของเธอ ทุกอย่างชัดเจนเกินกว่าที่จะเป็นเพียงภาพลวงตาหรือความฝัน...แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?บัวรัตนากวาดตามองไปรอบ ๆ ห้อง จากนั้นจึงตระหนักได้ว่านี่คือห้องแต่งตัวเดียวกับในวันแต่งงานของเธอ แต่มันเกิดขึ้นได้ยังไง? เธอแต่งงานไปแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วเธอก็ยังจำได้ชัดเจนว่าเธอวิ่งตามรถของนรกานต์ก่อนจะถูกรถชนอย่างจัง...
บัวรัตนาเคยพบพ่อกับแม่ของนรกานต์มาก่อน อดีตท่านชายปิยวัฒน์ มีใบหน้าหล่อเหลาสมกับการเป็นบิดาของชายหนุ่มที่ทำให้บัวรัตนาประทับใจตั้งแต่แรกพบ แต่ชีวิตของปิยวัฒน์กลับพลิกผันเมื่อเขาแต่งงานกับสามัญชน ถูกตระกูลลอยแพ และเมื่อบริหารธุรกิจผิดพลาด เขาก็ไม่เหลือที่พึ่งนอกจากเพื่อนรักในวัยเยาว์ที่ยังคงคบหากันมาแม้ท่านพ่อของบัวรัตนาจะไม่ได้เรื่องนักในบทบาทของพ่อ แต่ในฐานะนักธุรกิจ ท่านชายวรชัยกลับเฉียบคมและรอบคอบอย่างยิ่ง เขาสามารถทำให้ธุรกิจครอบครัวงอกเงยขึ้นหลายเท่าในรุ่นของตน บัวรัตนาก็ได้รับสืบทอดความสามารถนี้มาอย่างครบถ้วน ขาดเพียงสิ่งเดียวคือเธอเกิดมาเป็น ‘ผู้หญิง’ แทนที่จะเป็นอัลฟ่าชายผู้แข็งแกร่งตามอุดมคติของบิดาสัญญาแต่งงานถูกร่างขึ้น ใช่แล้ว ต่อให้เป็นเพื่อนรักกัน แต่พ่อของเธอไม่ได้ช่วยเหลือฟรี ๆ ทั้งสองตระกูลจึงตกลงเกี่ยวดองกันด้วยการทำสัญญาขึ้นมาหนึ่งฉบับ ใจความหลักคือ นรกานต์ ลูกชายคนรองของตระกูลเจริญผลวัฒนาต้องแต่งงานเข้ามาเป็นลูกเขยของตระกูลก้องเกษมทรัพย์ โดยไม่สามารถข้องเกี่ยวใด ๆ กับตระกูลเดิมได้อีก พ่อของเธอตอบแทนด้วยการชำระหนี้สินทั้งหมดของตระกูลเจริญผลวัฒนาให้แทนการรับสินสอด
“คุณบัวคะ ถึงเวลาแล้วนะคะ”ออแกไนซ์สาวเร่งเตือนอีกครั้ง หล่อนไม่อยากให้ตารางของงานแต่งล่าช้าไปกว่านี้ แต่ในตอนนี้บัวรัตนากำลังใช้ความคิดอย่างหนักถ้าเหตุการณ์เป็นไปตามเนื้อเรื่องในนิยาย หลังจากนี้เธอจะต้องขึ้นเวทีไปพร้อมกับนรกานต์ กล่าวขอบคุณแขกและแสดงความรักอันหวานชื่น แต่ในวันนั้นเองมีโอเมก้าคนหนึ่งเกิดเจ็บท้องคลอดขึ้นมากลางงานแต่งของเธอ เขาก็คือชลธาร—คนรักของนรกานต์ในปัจจุบัน นรกานต์รีบพาชลธารไปโรงพยาบาลทันที ทำให้ข่าวหน้าหนึ่งพาดหัวว่า ‘ทายาทสาวตระกูลดังถูกเจ้าบ่าวเทกลางงานแต่ง’นั่นคือครั้งแรกที่เธอได้เจอกับชลธารเช่นกันบัวรัตนารู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวหมุนวนไปหมด หัวใจเธอเต้นระรัวกับความคิดที่ประเดประดังเข้ามา เธอรู้ดีว่านี่เป็นจุดสำคัญที่อาจจะเปลี่ยนแปลงอนาคตที่เธอจำได้จากนิยาย แต่คำถามคือ เธอจะทำอย่างไร? จะยอมให้เหตุการณ์ซ้ำรอย หรือจะลองทำอะไรที่ต่างออกไป?“คุณบัวคะ?” เสียงออแกไนซ์สาวดังขึ้นอีกครั้ง กระตุ้นให้บัวรัตนาตัดสินใจ เธอลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ สูดหายใจลึกแล้วหันไปสบตากับหญิงสาวคนนั้นพร้อมพยักหน้า“ฉันพร้อมแล้วค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามเก็บซ่อนความสั่นไหว แล้วเดิ
งานยังคงดำเนินต่อไป เมื่อถึงช่วงเวลาเปิดตัว Wedding Presentation ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวความรักของบัวรัตนาและนรกานต์ แม้จะเป็นเพียงการสร้างภาพที่จอมปลอม แต่นรกานต์ก็แสดงออกอย่างยอดเยี่ยม ราวกับว่าพวกเขาคบหากันมานานและเต็มไปด้วยความรักอันหวานชื่น ภาพและเสียงที่ถ่ายทอดออกมานั้นช่างดูสมจริง จนยากที่ใครจะสังเกตเห็นว่ามันเป็นเพียงการแสดงเมื่อคลิปสิ้นสุดลง เสียงปรบมือดังกึกก้อง บัวรัตนาและนรกานต์ต้องเดินเคียงคู่กันอีกครั้งบนพรมสีแดง ท่ามกลางสายตาจับจ้องของแขกผู้มีเกียรติ บัวรัตนายิ้มหวานให้กับเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปด้วยความคิดและแผนการที่เธอเตรียมไว้อย่างดี แผนการแก้แค้นที่กำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้านี้“คุณบัว” นรกานต์ยื่นมืออกมา และเธอก็วางมือของตัวเองลงไปอย่างนุ่มนวล แม้จะยิ้มออกมาอย่างสดใส แต่ใจของบัวรัตนาเต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะเอาคืน เธอรู้ดีว่าเกมนี้ยังไม่จบ และเธอจะไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเกมที่ตัวเองไม่ได้เลือกเล่น“ในลำดับถัดไป ขอเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกล่าวแสดงความรู้สึกให้กับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมแสดงความยินดีในงานพิธีสมรสในวันนี้...”ขณะพิธีกรชา
บรรยากาศในโรงพยาบาลเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทีมบุคลากรทางการแพทย์ต่างรีบเร่งจัดการกับการคลอดก่อนกำหนดที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน สถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครปรารถนาจะเผชิญ แต่พวกเขาก็ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถบัวรัตนานั่งรออยู่หน้าห้องคลอดด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวล มือของเธอประสานกันแน่น พลางภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นดำเนินไปตามเนื้อเรื่องนิยาย ชลธารจะคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัยโดยมีนรกานต์คอยดูแล แต่ครั้งนี้เธอเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงชะตากรรมด้วยตัวเอง จึงไม่อาจรู้ได้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรความไม่แน่นอนเข้าครอบงำจิตใจของบัวรัตนา เธอไม่อาจรู้ได้เลยว่าเหตุการณ์จะดำเนินไปในทิศทางเดิมหรือไม่ ลูกของชลธารที่คลอดก่อนกำหนดจะปลอดภัยหรือเปล่า? ภายใต้ความกังวลของอัลฟ่าสาว ยินเสียงเครื่องมือแพทย์ดังขึ้นเป็นระยะ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความกดดัน บัวรัตนานั่งนิ่ง เฝ้ารออย่างทรมานในความไม่แน่นอนนี้เสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นด้านหลังบัวรัตนา ทว่าเธอไม่ได้นึกสนใจในตอนแรก ด้วยคิดเพียงว่าคงเป็นญาติของผู้ป่วยคนอื่น ๆ“ดูสิแก หน้าห้องคลอดมีแค่เจ้าส
ภายในห้อง VIP ของโรงพยาบาลที่ชลธารถูกย้ายมาพักฟื้นหลังคลอด เขารู้สึกสับสนกับหลาย ๆ เรื่อง ไม่เพียงแค่ลูกของเขาจะคลอดก่อนกำหนด แต่ยังได้รับการดูแลจากแพทย์ฝีมือเยี่ยมในโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ อีกทั้งยังถูกย้ายมาอยู่ในห้อง VIP อีก เขาพยายามบอกพยาบาลว่าขอห้องธรรมดาก็พอ แต่ไม่มีใครฟังเขาเลย แล้วทีนี้เขาจะหาเงินจากไหนมาจ่ายค่ารักษา?ขณะที่เขากำลังคิดหนักประตูก็ถูกเปิดออก แต่ไม่ใช่แพทย์หรือพยาบาลอย่างที่เขาคิดไว้ กลับเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยโฉบเฉี่ยว สวมชุดสีขาวที่ยังคงเป็นชุดเดียวกับที่เธอใส่ในงานแต่งงานเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขาไม่เคยเจอหน้าเธอมาก่อนด้วยซ้ำ แล้วเธอคือใคร?หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่ชลธารรู้สึกว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้าย แม้ตั้งแต่ในงานแต่งงานแล้ว มิหนำซ้ำเธอยังอาสาพาเขามาส่งที่โรงพยาบาลอีกด้วย“ดีขึ้นหรือยังคะคุณธาร? ฉันเรียกชื่อเล่นคุณได้ไหม?”“ดะ...ได้ครับคุณ...” ชลธารตอบกลับอย่างลังเล ทิ้งจังหวะเล็กน้อยให้บัวรัตนาได้ตอบกลับ“บัวรัตนาค่ะ เรียกสั้น ๆ ว่าบัวก็ได้”“คุณบัว...ทำไมถึงช่วยผมไว้เหรอครับ แล้วงานแต่งของคุณล่ะ...” ชลธ
หลังจากวันงานแต่งผ่านพ้นไป บัวรัตนาไปกลับระหว่างบ้านและโรงพยาบาลเป็นประจำ เธอคอยดูแลชลธารเพื่อไม่ให้เขาเหงาและเดียวดาย หลายวันมานี้ พ่อของเธอเรียกให้เข้าไปคุยหลายครั้ง แต่บัวรัตนายังคงอ้างว่าเธอต้องดูแลชลธาร ความจริงคือเธออยากทำให้ทุกอย่างดูแนบเนียนที่สุดเมื่อเธอคิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว วันนี้อัลฟ่าสาวจึงยอมไปพบพ่อที่บ้านเพื่อเคลียร์เรื่องราวทั้งหมด ในใจรู้ดีว่าเธอจะต้องเผชิญกับคำตำหนิ พ่อของเธอไม่มีทางเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอทำไปง่าย ๆ แน่ แต่เธอรู้ว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้บัวรัตนาหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในบ้านที่เธอคุ้นเคย ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความกดดัน เธอรู้ว่าพ่อจะต้องดุด่าเธออย่างแน่นอน แต่เธอก็เตรียมตัวมาแล้วสำหรับทุกคำตำหนิ“มาแล้วเหรอ ยัยลูกตัวดี” น้ำเสียงเข้มดุดังขึ้นทันทีที่บัวรัตนาเดินเข้ามาในคฤหาสน์และมาถึงห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่พ่อของเธอชอบนั่งผ่อนคลายทุกวัน“น้ำเสียงดูไม่เอนจอยเลยนะคะคุณพ่อ เช้านี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” บัวรัตนาพูดอย่างใจเย็น เธอเดินผ่านพ่อไปนั่งลงบนโซฟาด้านข้าง สีหน้าไม่แสดงความทุกข์ร้อนใด ๆ“ก็เรื่องแกนั่นแหละ! รู้ไหม
หลังจากเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดก็ถึงวันที่ทีมแพทย์อนุญาตให้ชลธารและเจ้าตัวน้อยกลับบ้านได้ บัวรัตนาตื่นแต่เช้ากว่าปกติ อัลฟ่าสาวรีบตรงไปยังโรงพยาบาลทันทีโดยไม่สนใจเรื่องอื่นใด นี่คือวันที่เธอเฝ้ารอมานาน วันที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับชลธารและลูกน้อยของพวกเขาเมื่อวานนี้ ผลตรวจดีเอ็นเอถูกส่งมาถึงคฤหาสน์ ท่านชายวรชัยเป็นคนแรกที่ได้เปิดอ่าน เขานิ่งเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาให้เห็น ท่าทีที่สงบนั้นช่วยให้บัวรัตนารู้สึกโล่งใจขึ้นมาก แม้พ่อของเธอจะยังคงมีข้อกังขาอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เห็นผลตรวจแล้ว เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้ ต่อให้ในใจจะยังรู้สึกไม่เต็มใจยอมรับก็ตามนอกจากนี้ พ่อของบัวรัตนายังตัดสินใจให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับบริษัทของตระกูลเจริญผลวัฒนาเพิ่ม ด้วยเหตุผลว่าทั้งสองตระกูลได้เกี่ยวดองกันแล้ว การช่วยเหลือครั้งนี้เป็นการป้องกันไม่ให้ตระกูลเจริญผลวัฒนาประสบปัญหาทางการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทั้งสองฝ่ายในอนาคต พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นการจ่ายค่าปิดปากอย่างแนบเนียนนั่นแหละบัวรัตนารู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าพ่อของเธอได้ยอมรับสถานการณ์ แม้เขาจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต
ที่บ้านพักตากอากาศสุดหรูแบบพูลวิลล่าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดริมทะเลภูเก็ตซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ทั้งคนไทยและต่างชาตินิยมมาพักผ่อน แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นก็ตาม คนไทยที่มีฐานะส่วนใหญ่ ถ้าชื่นชอบการเที่ยวทะเล มักจะซื้อบ้านพักตากอากาศไว้ตามที่ต่าง ๆ บางคนถึงกับลงทุนหลายล้านเพื่อครอบครองที่ดินและบ้านพักริมทะเลที่ตนเองชอบนรกานต์ บัวรัตนา และชลธารเดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ในช่วงค่ำ เนื่องจากบัวรัตนามีงานสำคัญในช่วงกลางวันที่ต้องจัดการก่อน แม้ว่าทั้งสามคนจะตกลงกันไว้แล้วว่าจะมาฮันนีมูนที่นี่ แต่สำหรับบัวรัตนา งานก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยบ้านหลังนี้เป็นบ้านของบัวรัตนาที่เธอตัดสินใจซื้อไว้หลังจากถูกใจบ้านนี้เข้าเต็มเปา แต่ด้วยงานที่รัดตัว ทำให้เธอแทบไม่มีเวลาได้มาใช้ชีวิตในบ้านพักหลังนี้เลย ทั้งที่เธอเคยเป็นคนชอบเที่ยวทะเลมาก นอกจากนี้ บัวรัตนายังเป็นหุ้นส่วนในรีสอร์ทที่มีพูลวิลล่าหลายหลังอีกด้วยเมื่อมาถึง บัวรัตนาก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน นรกานต์มองดูเธอด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย เพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นบัวรัตนาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าแบบนี้บ่อยนัก งานที่เธอเผ
เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กลับกลายเป็นความจริงในโลกของบัวรัตนา จากความสับสนและความไม่แน่นอนที่เคยบดบังเส้นทางของเธอไป เมื่อเวลาผ่านไป เธอได้เรียนรู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้น รวมถึงคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างในชีวิต ความเข้าใจนี้ทำให้เธอตระหนักว่าเธอรักทั้งนรกานต์และชลธารพร้อมกันอย่างแท้จริงความเคียดแค้นที่เคยมีต่อนรกานต์ได้ถูกลบล้างจนหมดสิ้น เมื่อบัวรัตนาเริ่มเห็นความเปราะบางในตัวเขาแทนที่ความเย่อหยิ่ง ความรู้สึกเหล่านี้เปลี่ยนเป็นความรักและความปรารถนาที่จะดูแล ส่วนชลธารที่เริ่มต้นด้วยความสบายใจ กลับค่อย ๆ พัฒนาเป็นความรักที่มั่นคงและลึกซึ้งยิ่งขึ้นการใช้ชีวิตร่วมกันทั้งสามคน แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาและท้าทาย แต่กลับเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตของพวกเขาอย่างที่ไม่เคยคาดคิด แต่ละคนมีบทบาทเฉพาะในการช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย จนทำให้ความสัมพันธ์นี้ก้าวสู่ความสมบูรณ์แบบ ความรักของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกที่แบ่งปัน แต่เป็นการหล่อหลอมให้กลายเป็นหนึ่งเดียวที่แน่นแฟ้น“ธาร อย่าลืมกระเป๋าใบนั้นนะ มันสำคัญมาก!” บัวรัตนาเอ่ยกำชับ พร้อมชี้ไปยังกระเป๋าถือขนาดกลางที่วางตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง“ทำไม
“แต่ฉันจริงจัง...”คำพูดนั้นทำให้นรกานต์รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ความหนาวเย็นไหลวูบผ่านสันหลัง เขาเริ่มตระหนักว่าเขาอาจจะพูดจาไม่คิด และตอนนี้คงหาเรื่องใส่ตัวตั้งแต่เช้าเข้าให้แล้ว ความรู้สึกกังวลพลันเข้ามาครอบงำเขาอย่างรวดเร็วนรกานต์พยายามเบี่ยงเบนความเครียดด้วยการเล่นมุก เขาเอื้อมมือไปดึงแก้มบัวรัตนาเบา ๆ “อย่าคิดมากสิ คุณบัว ขำ ๆ น่า อย่าหน้าบึ้งเลย” เขาพยายามดึงรอยยิ้มจากเธอ แต่บัวรัตนากลับหัวเราะเบา ๆ เพียงชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น“จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากจะเริ่มต้นใหม่กับคุณ?” บัวรัตนาถามขึ้น ทำให้นรกานต์ชะงักไป เขาไม่เข้าใจแน่ชัดว่าหมายความว่ายังไง“หมายความว่ายังไงนะ ผมไม่เข้าใจ” นรกานต์ขมวดคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความกังวลบัวรัตนาสูดหายใจลึก เธอรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดความในใจ “ฉันคิดดูแล้ว... ฉันไม่อยากให้เรายึดติดกับสถานะคู่แต่งงานใช้หนี้บ้า ๆ บอ ๆ นั่น ตอนนี้คุณสองก็รักฉัน ฉันก็รู้สึกดีกับคุณเหมือนกัน แต่...”“แต่...?” นรกานต์ถามต่อด้วยความสงสัย สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่สำคัญมากกำลังจะถูกพูดออกมา“แต่...อะไรล่ะ? ถ้าคุณบัวพูดแบบนี้ ฟัง
บัวรัตนายืนฟังทุกอย่างอยู่ที่หน้าประตูห้องเลี้ยงเด็ก ทุกคำพูดของนรกานต์และชลธารสะท้อนเข้ามาในความคิดของเธออย่างชัดเจน ทั้งสองคนกำลังเปิดเผยความในใจต่อกันอย่างตรงไปตรงมาเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จและตั้งใจจะมาเล่นกับเจ้าตัวน้อยเหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาที่แฝงความรู้สึกเจ็บปวดนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากความเชื่อเดิม ๆ ที่เคยมีมา สุดท้ายบัวรัตนาก็ตัดสินใจถอยออกมาก่อนเงียบ ๆ ปล่อยให้นรกานต์และชลธารได้คุยกันต่อตัวเธอเองก็ต้องใช้เวลานี้เพื่อพิจารณาความรู้สึกของตัวเองด้วยบัวรัตนาเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองด้วยฝีเท้าเบาหวิว ก่อนปิดประตูลงแผ่วเบา อัลฟ่าสาวเดินไปนั่งอยู่หน้ากระจก มองดูเงาสะท้อนของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในบานกระจกใส เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของตัวเอง รู้สึกได้ถึงความสับสนและคำถามที่ค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาเธอครุ่นคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในชาติที่แล้ว ตอนที่เธอตัดสินใจตกลงแต่งงานกับนรกานต์ ทุกอย่างตอนนั้นมันดูเต็มไปด้วยความหวัง แต่หลังจากนั้นเธอพบว่าความรักที่เธอวาดฝันไว้นั้นกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง การแต่งงานครั้งนั้นพังทลายลงเพราะความเชื่อผิด ๆ และความคาดหวังที่ไม่เป็นจริง
ความทรงจำเกี่ยวกับชลธารหวนกลับมาเล่นงานนรกานต์อีกครั้ง ภาพในหัวของเขาพาให้คิดย้อนกลับไปถึงวันที่เขาขืนใจชลธาร มันไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากความรักหรือความผูกพันใด ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความรุนแรงและการบังคับ ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้าใส่ เมื่อเขาตระหนักว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่คล้ายกัน การถูกบีบให้ต้องแบกรับสิ่งที่ไม่คาดคิดและความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับมันเขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ชลธารจะรู้สึกอย่างไรตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนั้น? จะรู้สึกทุกข์ทรมานเหมือนกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้หรือไม่? นรกานต์ได้ยินมาว่าชลธารยังคงทำงานต่อไปแม้จะตั้งท้อง แม้ต้องแบกรับน้ำหนักของท้องที่ใหญ่ขึ้นทุกวัน เขายังคงพยายามทำงานตลอดเก้าเดือนที่ยาวนานในที่สุดนรกานต์ก็เริ่มยอมรับในความแข็งแกร่งของชลธาร ความอดทนและความพยายามของโอเมก้าคนนี้เกินกว่าที่เขาเคยประเมินไว้มาก เขาไม่เคยคิดว่าโอเมก้าที่เขาเคยมองว่าอ่อนแอ จะมีความอดทนและหัวใจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มันทำให้เขาเริ่มมองเห็นความผิดพลาดของตัวเองในอดีตมากขึ้น ความโกรธ ความรุนแรง และความเย่อหยิ่งที่ทำให้เขาทำลายทุกอย่าง ตอนนี้กลับมากัดกร่อนหัวใจของเขาเอง
เวลาผ่านไปหลายเดือน เรื่องการตั้งครรภ์ของนรกานต์ยังคงเป็นความลับที่รู้กันเฉพาะในครอบครัว บัวรัตนาจัดการทุกอย่างอย่างรอบคอบ เธอให้เหตุผลกับบริษัทว่านรกานต์ต้องไปดูงานที่สาขาใหม่ในต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยในการหายตัวไปชั่วคราวของเขา แต่ในความเป็นจริง นรกานต์ต้องอยู่ภายใต้การดูแลใกล้ชิดเนื่องจากภาวะแท้งคุกคามที่ทำให้เขาไม่สามารถทำงานหนักได้การตั้งครรภ์ทำให้ชีวิตของนรกานต์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเป็นอัลฟ่าที่ทรงพลังและทำงานเก่ง ตอนนี้เขาต้องประสบกับความยากลำบากในการเดินหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แม้แต่การขึ้นบันไดก็กลายเป็นภาระ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะบัวรัตนาไม่เคยห่างเขา เธอมักหาเวลามาดูแล ทั้งก่อนออกไปทำงานและหลังเลิกงาน และในวันที่เธอไม่ได้เข้าบริษัท เธอก็จะใช้เวลาอยู่กับนรกานต์ให้มากที่สุดแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จะยังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความขัดแย้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาได้ใช้ร่วมกันก็ทำให้บัวรัตนาเริ่มคิดทบทวนหลาย ๆ อย่างในชีวิต ความผูกพันที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างการดูแลนรกานต์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ทำให้
แต่ก่อนที่เธอจะตอบอะไร เสียงของหมอที่เดินเข้ามาใกล้ก็ดังขึ้น เรียกสติของเธอกลับมา“ญาติคนไข้ หมอขอคุยด้วยหน่อยครับ” หมอพูดขึ้นพร้อมกับสบตากับบัวรัตนา“ค่ะคุณหมอ ฉันเป็นญาติคนไข้เองค่ะ” บัวรัตนาลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่หมอเรียก เธอรู้สึกถึงความตึงเครียดในอากาศ ขณะที่หมอเตรียมจะบอกข่าว เธอเองก็เตรียมใจรับฟังสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่ในใจ“ผลการตรวจของคนไข้...” หมอเริ่มพูดช้าๆ อย่างระมัดระวัง “พบว่าคุณนรกานต์กำลังตั้งครรภ์อยู่ในระยะแรกครับ”คำพูดนั้นดังก้องในหูของบัวรัตนา ใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะควบคุมไม่อยู่ มันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดฝัน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น เธอเป็นอัลฟ่า นรกานต์ก็เป็นอัลฟ่า แล้ว...เป็นไปได้ยังไง?“หมอ...หมายความว่ายังไงคะ?” บัวรัตนาถามเสียงเบา ใจหนึ่งอยากให้คำตอบนั้นเป็นเพียงความผิดพลาด แต่อีกใจก็รู้ดีว่าหมอคงไม่พูดเล่นเรื่องแบบนี้หมอถอนหายใจเบาๆ ก่อนอธิบาย “จากการตรวจเบื้องต้น ผลเลือดของคุณนรกานต์บ่งชี้ว่าเขากำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในอัลฟ่า แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้”เธอพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง “แต่ว่า...เขาเป็นอัล
หลังจากการทะเลาะกันยืดเยื้อระหว่างสามีภรรยา ความเย็นชาระหว่างพวกเขาก็กลายเป็นกำแพงสูงที่ไม่มีใครยอมก้าวข้ามใบหน้าของนรกานต์ที่เคยหล่อเหลาค่อย ๆ ดูทรุดโทรมขึ้นทุกวัน ความเครียดสะสมและความโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจ ทำให้เขาซูบผอมลงและไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นทุกที ทว่าไม่มีใครสนใจเขามากพอที่จะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น อาจเพราะเขาไม่ได้อยู่ในบ้านของตัวเองอย่างแท้จริง ใครจะมาใส่ใจหรือห่วงใยเขาได้?เช้าวันนี้ นรกานต์ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เตรียมตัวไปทำงานเช่นทุกวัน แม้ว่าร่างกายจะรู้สึกอ่อนแรงและเวียนหัว ซึ่งอาการนี้เป็นมาหลายวันแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจจะดูแลตัวเอง จนกระทั่งวันนี้ เขาเดินลงบันไดด้วยความไม่มั่นคง และทันทีที่ก้าวพลาด ความหน้ามืดเข้าครอบงำ ร่างของเขาลอยวูบลงสู่บันได ความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะตกบันไดแน่แล้วโชคดีที่ชลธารเดินผ่านมาในจังหวะนั้นพอดี เมื่อเห็นเหตุการณ์เขาไม่คิดอะไรมาก รีบพุ่งเข้าไปช่วยทันที ร่างของนรกานต์ถูกพยุงไว้ในนาทีสุดท้าย“คุณ!” แต่เมื่อชลธารรู้สึกตัวว่าเขาเพิ่งช่วยใคร หัวใจของเขาก็สั่นสะท้านจนเผลอปล่อยมืออย่างไม่ตั้งใจ ร่างนรกานต์หล่นกระแทกกับพื้
“คุณบัว คุณรักใครกันแน่?” นรกานต์ถามเสียงเข้ม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดันและความคาดคั้น ดวงตาของเขาจ้องบัวรัตนาอย่างไม่ลดละ รอคอยคำตอบที่เขาอยากจะได้ยินบัวรัตนาเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ก่อนจะทวนคำถามของเขาอีกครั้ง “คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ” แม้จะได้ยินคำถามชัดเจน แต่เธอกลับไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขานรกานต์กัดฟันแน่น หงุดหงิดที่บัวรัตนาไม่ตอบตรงประเด็น เขาจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดกว่าเดิม “ธารล่ะ คุณรักเขาหรือเปล่า?”คำถามนั้นทำให้บัวรัตนานิ่งไปชั่วครู่ รู้สึกเหมือนถูกต้อนให้จนมุม เธอพยายามอ่านความรู้สึกที่แท้จริงของนรกานต์จากท่าทางที่ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจ และยิ่งเธอไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาเป็นแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ“ถะ...ถามทำไม” บัวรัตนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความลังเลในใจของเธอแสดงออกมาชัดเจนในเวลานี้“แค่ตอบมาว่าคุณรักเขาหรือเปล่า!” นรกานต์ไม่ลดละ เขาตะคอกกลับมาเสียงดังจนบัวรัตนาสะดุ้ง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความคาดหวังอยากได้ยินคำตอบทิ่มแทงบัวรัตนา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันจนไม่อาจทนไหว“ไม่รู้! ฉันไม่รู้!” บัวตะโกนกลับด้วย