งานยังคงดำเนินต่อไป เมื่อถึงช่วงเวลาเปิดตัว Wedding Presentation ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวความรักของบัวรัตนาและนรกานต์ แม้จะเป็นเพียงการสร้างภาพที่จอมปลอม แต่นรกานต์ก็แสดงออกอย่างยอดเยี่ยม ราวกับว่าพวกเขาคบหากันมานานและเต็มไปด้วยความรักอันหวานชื่น ภาพและเสียงที่ถ่ายทอดออกมานั้นช่างดูสมจริง จนยากที่ใครจะสังเกตเห็นว่ามันเป็นเพียงการแสดง
เมื่อคลิปสิ้นสุดลง เสียงปรบมือดังกึกก้อง บัวรัตนาและนรกานต์ต้องเดินเคียงคู่กันอีกครั้งบนพรมสีแดง ท่ามกลางสายตาจับจ้องของแขกผู้มีเกียรติ บัวรัตนายิ้มหวานให้กับเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปด้วยความคิดและแผนการที่เธอเตรียมไว้อย่างดี แผนการแก้แค้นที่กำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้านี้
“คุณบัว” นรกานต์ยื่นมืออกมา และเธอก็วางมือของตัวเองลงไปอย่างนุ่มนวล แม้จะยิ้มออกมาอย่างสดใส แต่ใจของบัวรัตนาเต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะเอาคืน เธอรู้ดีว่าเกมนี้ยังไม่จบ และเธอจะไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเกมที่ตัวเองไม่ได้เลือกเล่น
“ในลำดับถัดไป ขอเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกล่าวแสดงความรู้สึกให้กับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมแสดงความยินดีในงานพิธีสมรสในวันนี้...”
ขณะพิธีกรชายกล่าวบทพูดยืดยาว บัวรัตนาก็สอดสายตาหาโอเมก้าชายท้องแก่คนนั้น แต่ไม่ว่าเธอจะเพ่งมองแค่ไหนก็ไม่พบเขาเลย หรือว่าเขาออกจากงานนี้ไปแล้ว?
ชลธารเดินกลับมาประจำจุดของตัวเองหลังจากจัดการโซนทำอาหารเรียบร้อย แต่ทันทีที่เขามากลับเข้ามาในงานก็ได้พบกับภาพเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในงานวันนี้เต็มตา ผู้ชายในชุดสูทสีขาว ผมดำสนิท ตาเฉี่ยวคม และเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคนนั้น
อัลฟ่าที่ทำให้เขาท้องคืนนั้นคือคนเดียวกับเจ้าบ่าวในวันนี้!
หัวใจของชลธารเต้นเร็วและแรงจนแทบจะระเบิด ความทรงจำในค่ำคืนที่ฮีตจนไม่ได้สติหวนกลับมาทำร้ายเขาอีกครั้ง ถ้าวันนั้นเขาควบคุมตัวเองได้บ้าง ก็คงไม่ต้องเป็นขี้ปากคนและไม่ต้องท้องโดยไม่มีพ่อของลูก! ความตกใจทำให้ในท้องของเขาเจ็บแปลบ ครรภ์หนักอึ้งเริ่มปวดหน่วงอย่างหนักราวกับกำลังจะคลอด ชลธารยืนกุมท้องใหญ่ ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวดที่เกินทานทน
บัวรัตนาสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติทันที สายตาของเธอจับจ้องไปยังร่างของโอเมก้าท้องแก่ที่กำลังเจ็บท้องคลอด ทันทีที่เห็นใบหน้าคนที่มีส่วนในการทำลายชีวิตเธอในอดีต ความรู้สึกโกรธแค้นแล่นก็ผ่านเข้ามาในใจ ทว่าบัวรัตนาไม่ใช่คนเดิมที่ถูกควบคุมด้วยเส้นเรื่องในนิยายอีกแล้ว หนนี้เธอตัดสินใจทำสิ่งที่แตกต่างออกไป
ร่างระหงในชุดเจ้าสาวกระโดดลงจากเวทีอย่างไม่ลังเล ท่ามกลางเสียงฮือฮาของแขกในงานและพิธีกรที่ดูตกตะลึง เธอรีบวิ่งตรงไปประคองร่างของชลธารที่กำลังคู้ตัวทรมานอยู่บนพื้น ก่อนจับมือของเขาไว้อย่างอ่อนโยน ราวกับว่าพวกเขารู้จักกันมานาน
“อดทนก่อนนะ ใจเย็น ๆ ฉันจะเรียกรถพยาบาลให้”
บัวรัตนาเอ่ยด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยปนร้อนใจ พยายามปลอบโยนอีกฝ่ายแม้ตัวเองจะร้อนรนไม่ต่างกัน แม้จะรู้ดีว่าสถานการณ์นี้อาจทำให้ทุกอย่างพังทลาย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ เธอก็ยังเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะหากถอยออกมามองในมุมคนนอก ชลธารเองก็นับเป็นเหยื่อคนหนึ่งจากการกระทำของนรกานต์เหมือนกัน
ไม่เพียงแต่แขกในงานเท่านั้นที่อึ้งกับเหตุการณ์นี้ นรกานต์เองก็เช่นกัน เขายืนอึ้งอยู่บนเวที ทำอะไรไม่ถูก แขกในงานเริ่มมามุงดู ทำให้สถานการณ์ยิ่งวุ่นวาย
“บัว เกิดอะไรขึ้น? ลูกลงมาจากเวทีทำไม!” คุณหญิงกัลยา แม่ของบัวรัตนา เข้ามาดูสถานการณ์ด้วยความตกใจ แม้เธอจะตกใจเรื่องมีคนจะคลอดในงาน แต่การที่บัวรัตนาลงมาด้วยตัวเองเช่นนี้ยิ่งทำให้งานยุ่งเหยิง
“รถพยาบาลมาหรือยัง!”
“คงใกล้มาแล้วมั้ง คนนี้เป็นใคร ทำไมลูกต้องมาดูเขาด้วยตัวเอง?” ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ แม่ของเธอยังมีแก่ใจมาถาม
“ไว้บัวจะอธิบาย ต้องรีบพาเขาไปรอรถพยาบาลก่อน!”
บัวรัตนายังไม่ทันได้เคลื่อนย้ายชลธาร เสียงไซเรนของรถพยาบาลก็ดังขึ้นนอกห้องจัดงาน ไม่นานเจ้าหน้าที่สองนายรีบฝ่าฝูงชนเข้ามาหาชลธาร พวกเขารีบยกเขาขึ้นเปลและเข็นออกไปด้านนอกเพื่อส่งโรงพยาบาล บัวรัตนาไม่ลังเลที่จะตามไป แต่แม่ของเธอกลับรั้งไว้
“บัว ไม่ต้องไปก็ได้ลูก อยู่จัดงานให้เสร็จก่อน” แม่ของเธอเห็นว่ามีรถพยาบาลมารับแล้ว และอีกไม่นานก็จะถึงมือหมอ จึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่บัวรัตนาต้องตามไป
“ไม่ไปไม่ได้ค่ะแม่ คนคนนี้สำคัญกับบัวมาก บัวฝากแม่ดูแลในงานแทนด้วยนะคะ” บัวรัตนาพูดจบก็รีบขึ้นรถตามชลธารไปทันที
“อดทนหน่อยนะ ชลธาร จะถึงโรงพยาบาลแล้ว อดทนไว้ก่อน!”
เมื่อรถพยาบาลเคลื่อนตัวออกไป แขกในงานเริ่มซุบซิบกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างก็พากันถามหาเจ้าสาวกันอย่างวุ่นวาย ครั้นญาติฝั่งเจ้าสาวยืนยันว่าจะตามไปที่โรงพยาบาลด้วย ทำให้ฝ่ายตระกูลเจริญผลวัฒนาต้องอยู่รับหน้าสถานการณ์และแก้ไขข่าวเบื้องต้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบด้านลบตามมา ครอบครัวที่ห่วงแต่หน้าตาจึงต้องรับมือกับแขกที่เหลืออย่างเลี่ยงไม่ได้
บรรยากาศในโรงพยาบาลเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทีมบุคลากรทางการแพทย์ต่างรีบเร่งจัดการกับการคลอดก่อนกำหนดที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน สถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครปรารถนาจะเผชิญ แต่พวกเขาก็ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถบัวรัตนานั่งรออยู่หน้าห้องคลอดด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวล มือของเธอประสานกันแน่น พลางภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นดำเนินไปตามเนื้อเรื่องนิยาย ชลธารจะคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัยโดยมีนรกานต์คอยดูแล แต่ครั้งนี้เธอเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงชะตากรรมด้วยตัวเอง จึงไม่อาจรู้ได้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรความไม่แน่นอนเข้าครอบงำจิตใจของบัวรัตนา เธอไม่อาจรู้ได้เลยว่าเหตุการณ์จะดำเนินไปในทิศทางเดิมหรือไม่ ลูกของชลธารที่คลอดก่อนกำหนดจะปลอดภัยหรือเปล่า? ภายใต้ความกังวลของอัลฟ่าสาว ยินเสียงเครื่องมือแพทย์ดังขึ้นเป็นระยะ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความกดดัน บัวรัตนานั่งนิ่ง เฝ้ารออย่างทรมานในความไม่แน่นอนนี้เสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นด้านหลังบัวรัตนา ทว่าเธอไม่ได้นึกสนใจในตอนแรก ด้วยคิดเพียงว่าคงเป็นญาติของผู้ป่วยคนอื่น ๆ“ดูสิแก หน้าห้องคลอดมีแค่เจ้าส
ภายในห้อง VIP ของโรงพยาบาลที่ชลธารถูกย้ายมาพักฟื้นหลังคลอด เขารู้สึกสับสนกับหลาย ๆ เรื่อง ไม่เพียงแค่ลูกของเขาจะคลอดก่อนกำหนด แต่ยังได้รับการดูแลจากแพทย์ฝีมือเยี่ยมในโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ อีกทั้งยังถูกย้ายมาอยู่ในห้อง VIP อีก เขาพยายามบอกพยาบาลว่าขอห้องธรรมดาก็พอ แต่ไม่มีใครฟังเขาเลย แล้วทีนี้เขาจะหาเงินจากไหนมาจ่ายค่ารักษา?ขณะที่เขากำลังคิดหนักประตูก็ถูกเปิดออก แต่ไม่ใช่แพทย์หรือพยาบาลอย่างที่เขาคิดไว้ กลับเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยโฉบเฉี่ยว สวมชุดสีขาวที่ยังคงเป็นชุดเดียวกับที่เธอใส่ในงานแต่งงานเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขาไม่เคยเจอหน้าเธอมาก่อนด้วยซ้ำ แล้วเธอคือใคร?หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่ชลธารรู้สึกว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้าย แม้ตั้งแต่ในงานแต่งงานแล้ว มิหนำซ้ำเธอยังอาสาพาเขามาส่งที่โรงพยาบาลอีกด้วย“ดีขึ้นหรือยังคะคุณธาร? ฉันเรียกชื่อเล่นคุณได้ไหม?”“ดะ...ได้ครับคุณ...” ชลธารตอบกลับอย่างลังเล ทิ้งจังหวะเล็กน้อยให้บัวรัตนาได้ตอบกลับ“บัวรัตนาค่ะ เรียกสั้น ๆ ว่าบัวก็ได้”“คุณบัว...ทำไมถึงช่วยผมไว้เหรอครับ แล้วงานแต่งของคุณล่ะ...” ชลธ
หลังจากวันงานแต่งผ่านพ้นไป บัวรัตนาไปกลับระหว่างบ้านและโรงพยาบาลเป็นประจำ เธอคอยดูแลชลธารเพื่อไม่ให้เขาเหงาและเดียวดาย หลายวันมานี้ พ่อของเธอเรียกให้เข้าไปคุยหลายครั้ง แต่บัวรัตนายังคงอ้างว่าเธอต้องดูแลชลธาร ความจริงคือเธออยากทำให้ทุกอย่างดูแนบเนียนที่สุดเมื่อเธอคิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว วันนี้อัลฟ่าสาวจึงยอมไปพบพ่อที่บ้านเพื่อเคลียร์เรื่องราวทั้งหมด ในใจรู้ดีว่าเธอจะต้องเผชิญกับคำตำหนิ พ่อของเธอไม่มีทางเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอทำไปง่าย ๆ แน่ แต่เธอรู้ว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้บัวรัตนาหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในบ้านที่เธอคุ้นเคย ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความกดดัน เธอรู้ว่าพ่อจะต้องดุด่าเธออย่างแน่นอน แต่เธอก็เตรียมตัวมาแล้วสำหรับทุกคำตำหนิ“มาแล้วเหรอ ยัยลูกตัวดี” น้ำเสียงเข้มดุดังขึ้นทันทีที่บัวรัตนาเดินเข้ามาในคฤหาสน์และมาถึงห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่พ่อของเธอชอบนั่งผ่อนคลายทุกวัน“น้ำเสียงดูไม่เอนจอยเลยนะคะคุณพ่อ เช้านี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” บัวรัตนาพูดอย่างใจเย็น เธอเดินผ่านพ่อไปนั่งลงบนโซฟาด้านข้าง สีหน้าไม่แสดงความทุกข์ร้อนใด ๆ“ก็เรื่องแกนั่นแหละ! รู้ไหม
หลังจากเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดก็ถึงวันที่ทีมแพทย์อนุญาตให้ชลธารและเจ้าตัวน้อยกลับบ้านได้ บัวรัตนาตื่นแต่เช้ากว่าปกติ อัลฟ่าสาวรีบตรงไปยังโรงพยาบาลทันทีโดยไม่สนใจเรื่องอื่นใด นี่คือวันที่เธอเฝ้ารอมานาน วันที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับชลธารและลูกน้อยของพวกเขาเมื่อวานนี้ ผลตรวจดีเอ็นเอถูกส่งมาถึงคฤหาสน์ ท่านชายวรชัยเป็นคนแรกที่ได้เปิดอ่าน เขานิ่งเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาให้เห็น ท่าทีที่สงบนั้นช่วยให้บัวรัตนารู้สึกโล่งใจขึ้นมาก แม้พ่อของเธอจะยังคงมีข้อกังขาอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เห็นผลตรวจแล้ว เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้ ต่อให้ในใจจะยังรู้สึกไม่เต็มใจยอมรับก็ตามนอกจากนี้ พ่อของบัวรัตนายังตัดสินใจให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับบริษัทของตระกูลเจริญผลวัฒนาเพิ่ม ด้วยเหตุผลว่าทั้งสองตระกูลได้เกี่ยวดองกันแล้ว การช่วยเหลือครั้งนี้เป็นการป้องกันไม่ให้ตระกูลเจริญผลวัฒนาประสบปัญหาทางการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทั้งสองฝ่ายในอนาคต พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นการจ่ายค่าปิดปากอย่างแนบเนียนนั่นแหละบัวรัตนารู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าพ่อของเธอได้ยอมรับสถานการณ์ แม้เขาจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต
ก่อนที่จะออกจากบ้าน บัวรัตนาสังเกตเห็นรถหรูคันสีดำแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน เธอจำรถคันนั้นได้ดี มันเป็นคันเดียวกันกับที่เธอต้องวิ่งตามจนโดนรถชน ความทรงจำจากวันนั้นหวนกลับมา ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นความตึงเครียดในอากาศเริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อเธอรู้ว่าการเผชิญหน้ากับอดีตที่ยังค้างคาใจอาจกำลังจะเกิดขึ้น“นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็คุณบัวนี่เอง กลับมาบ้านได้สักทีนะครับ” เมื่อประตูรถด้านหลังถูกเปิดออก ร่างสูงของนรกานต์ก็ก้าวขายาว ๆ ลงมาจากรถ เขายืนจ้องหน้าบัวรัตนาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยทัก“แหม ก็นึกว่ารถใครที่ไหน...วันนี้ไม่ออกไปทำงานเหรอคะ คุณสอง” บัวรัตนายืนกอดอกแน่น สายตาของเธอสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัว รองเท้าคู่ใหม่ คงจะเอาเงินที่ได้ไปปรนเปรอตัวเองตามสันดานเดิม ช่วงเวลาบ่ายแบบนี้ คงพึ่งกลับมาจากการช็อปปิ้ง บรรดาคนใช้ในบ้านต่างกรูกันมาเพื่อหยิบของจากหลังรถ“คุณเองก็ไม่ได้เข้าบริษัทนี่ครับ อ้อ ช่วงนี้คุณคงกำลังยุ่งกับลูกสินะ” นรกานต์กัดฟันพูดเรื่องนั้นออกมา ความไม่พอใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงอย่างชัดเจน ความรู้สึกสับสนและเจ็บปวดที่เขาพยายามปิดซ่อนไว้ปะทุขึ้นมา เมื่อคิดถึงสิ่ง
เมื่อรถจอดนิ่งสนิท คนรับใช้ก็รีบกรูกันออกมาต้อนรับพร้อมกับเปิดประตูให้ ชลธารรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยกับการปฏิบัติที่หรูหราและสุภาพเช่นนี้ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับการต้อนรับแบบนี้ ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ลืมกล่าวขอบคุณแม่บ้านที่เปิดประตูให้เหล่าคนรับใช้พากันสงบปากสงบคำ แม้จะมีคำถามมากมายอยู่ในใจ แต่พวกเขารู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน พวกเขารู้เรื่องที่คุณหนูอัลฟ่าของพวกเขาทำโอเมก้าข้างนอกท้อง และวันนี้ก็เป็นวันที่บัวรัตนาออกไปรับโอเมก้าคนนั้นเข้ามาในบ้าน แม้จะมีความรู้สึกไม่อยากยอมรับ แต่เมื่อเป็นคำสั่งจากเจ้านาย พวกเขาก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีข้อโต้แย้งชลธารเองรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่แฝงความระแวงอยู่บ้าง แต่ก็พยายามคงท่าทีสุภาพและเป็นมิตรไว้ เขารู้ว่าการเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตใหม่ของเขากับลูกน้อยเป็นไปอย่างราบรื่น“รีบพาลูกเข้าบ้านกันเถอะ แดดมันแรง” บัวรัตนาเดินเข้ามาเคียงข้างผู้มาใหม่ เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใยก่อนพาเขาเดินเข้ามาภายในบ้าน ชลธารมองรอบ ๆ ด้วยความตะลึง ใจของเขาแทบไม่เชื่อสายตา
ช่วงเวลาแรก ๆ ที่ชลธารเลี้ยงเจ้าตัวน้อย เขาแทบไม่เจอปัญหาอะไรเลย ลูกชายของเขาเลี้ยงง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่งอแงร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุ บัวรัตนาเองก็มักสละเวลามาอยู่เป็นเพื่อนและช่วยเลี้ยงเจ้าตัวเล็กแทบจะตลอดเวลา หากเธอไม่อยู่บ้าน เธอก็จะให้พี่เลี้ยงเข้ามาช่วยเหลือชลธารทันที เพราะเธอไม่ต้องการให้ชลธารต้องเลี้ยงลูกคนเดียวจนร่างกายโทรมไป แม้จะมีทุกอย่างพร้อมแล้วก็ตามในช่วงวันแรก ๆ นรกานต์ไม่รู้เรื่องของชลธารและพศินเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาบังเอิญเดินผ่านห้องของชลธารในชั้นสองแล้วได้ยินเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อยดังลอดประตูออกมา ทำให้นรกานต์หยุดชะงัก อัลฟ่าหนุ่มยืนฟังอยู่ครู่หนึ่ง ในใจของเขาสับสนและเต็มไปด้วยความสงสัย“เสียงเด็กในห้องชั้นสอง...เป็นลูกใครกัน?” เขารำพึงกับตัวเอง ความรู้สึกในใจเริ่มปั่นป่วนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกนรกานต์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะอดเก็บความข้องใจไว้กับตัวไม่ได้ เขาตัดสินใจเรียกคนรับใช้ที่อยู่แถวนั้นมา “ทำไมมีเสียงเด็กในห้องชั้นสอง?”คนรับใช้ที่อยู่ใกล้ ๆ มองหน้ากันเล็กน้อยด้วยความลังเล ไม่แน่ใจว่าจะตอบออกไปดีหรือไม่ แต่ในเมื่อคุณนรกานต์เป็นสามีของคุณบัวและอยู่บ้
“งั้นตอนบ่ายนี้เราไปเดินช็อปปิ้งกันดีไหม? ยืดเส้นยืดสายจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” บัวรัตนาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของชลธารที่ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยเต็มใจกับการกินอาหารทั้งหมด เธอคิดว่าต้องใช้อะไรบางอย่างมาล่อลวงเขาบ้าง น่ารักดีจริง ๆ“จริงเหรอครับ! ไปๆ” สีหน้าที่แสนเหนื่อยหน่ายก่อนหน้านี้ถูกสลัดทิ้งไปอย่างหมดสิ้น ชลธารเด้งตัวขึ้นจากท่านั่งหลังติดเบาะ นั่งตรงและเริ่มกินอาหารตรงหน้าหลังจากที่ตั้งครรภ์ เขาก็ต้องสวมแต่ชุดคลุมท้องตลอดเวลา เสื้อผ้าตัวเก่าที่เคยชอบใส่ก็ถูกทิ้งไว้ที่บ้านเดิมของเขา และชลธารก็ไม่ได้กลับไปเอามันอีกเลย ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังคลอดทำให้เขารู้สึกว่าเสื้อผ้าเดิม ๆ คงไม่พอดีอีกแล้ว ความคิดที่ว่าเขาควรมีเสื้อผ้าแบบใหม่สักหลายชุดเริ่มเข้ามาในหัวของชลธารสักพักแล้ว และคำชักชวนของคุณบัวก็ตรงใจพอดีบัวรัตนาเห็นแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจ เธอยิ้มบาง ๆ ก่อนจะชวนชลธารคุยไปเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้าน เรื่องลูกน้อย และเรื่องต่าง ๆ ที่ทำให้พวกเขาสนิทสนมกันมากขึ้นเมื่อช่วงบ่ายมาถึง บัวรัตนาก็พาชลธารไปเดินห้างตามที่ได้สัญญาไว้ ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันท่ามกลางบรรยากาศที่ค
ที่บ้านพักตากอากาศสุดหรูแบบพูลวิลล่าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดริมทะเลภูเก็ตซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ทั้งคนไทยและต่างชาตินิยมมาพักผ่อน แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นก็ตาม คนไทยที่มีฐานะส่วนใหญ่ ถ้าชื่นชอบการเที่ยวทะเล มักจะซื้อบ้านพักตากอากาศไว้ตามที่ต่าง ๆ บางคนถึงกับลงทุนหลายล้านเพื่อครอบครองที่ดินและบ้านพักริมทะเลที่ตนเองชอบนรกานต์ บัวรัตนา และชลธารเดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ในช่วงค่ำ เนื่องจากบัวรัตนามีงานสำคัญในช่วงกลางวันที่ต้องจัดการก่อน แม้ว่าทั้งสามคนจะตกลงกันไว้แล้วว่าจะมาฮันนีมูนที่นี่ แต่สำหรับบัวรัตนา งานก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยบ้านหลังนี้เป็นบ้านของบัวรัตนาที่เธอตัดสินใจซื้อไว้หลังจากถูกใจบ้านนี้เข้าเต็มเปา แต่ด้วยงานที่รัดตัว ทำให้เธอแทบไม่มีเวลาได้มาใช้ชีวิตในบ้านพักหลังนี้เลย ทั้งที่เธอเคยเป็นคนชอบเที่ยวทะเลมาก นอกจากนี้ บัวรัตนายังเป็นหุ้นส่วนในรีสอร์ทที่มีพูลวิลล่าหลายหลังอีกด้วยเมื่อมาถึง บัวรัตนาก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน นรกานต์มองดูเธอด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย เพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นบัวรัตนาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าแบบนี้บ่อยนัก งานที่เธอเผ
เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กลับกลายเป็นความจริงในโลกของบัวรัตนา จากความสับสนและความไม่แน่นอนที่เคยบดบังเส้นทางของเธอไป เมื่อเวลาผ่านไป เธอได้เรียนรู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้น รวมถึงคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างในชีวิต ความเข้าใจนี้ทำให้เธอตระหนักว่าเธอรักทั้งนรกานต์และชลธารพร้อมกันอย่างแท้จริงความเคียดแค้นที่เคยมีต่อนรกานต์ได้ถูกลบล้างจนหมดสิ้น เมื่อบัวรัตนาเริ่มเห็นความเปราะบางในตัวเขาแทนที่ความเย่อหยิ่ง ความรู้สึกเหล่านี้เปลี่ยนเป็นความรักและความปรารถนาที่จะดูแล ส่วนชลธารที่เริ่มต้นด้วยความสบายใจ กลับค่อย ๆ พัฒนาเป็นความรักที่มั่นคงและลึกซึ้งยิ่งขึ้นการใช้ชีวิตร่วมกันทั้งสามคน แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาและท้าทาย แต่กลับเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตของพวกเขาอย่างที่ไม่เคยคาดคิด แต่ละคนมีบทบาทเฉพาะในการช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย จนทำให้ความสัมพันธ์นี้ก้าวสู่ความสมบูรณ์แบบ ความรักของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกที่แบ่งปัน แต่เป็นการหล่อหลอมให้กลายเป็นหนึ่งเดียวที่แน่นแฟ้น“ธาร อย่าลืมกระเป๋าใบนั้นนะ มันสำคัญมาก!” บัวรัตนาเอ่ยกำชับ พร้อมชี้ไปยังกระเป๋าถือขนาดกลางที่วางตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง“ทำไม
“แต่ฉันจริงจัง...”คำพูดนั้นทำให้นรกานต์รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ความหนาวเย็นไหลวูบผ่านสันหลัง เขาเริ่มตระหนักว่าเขาอาจจะพูดจาไม่คิด และตอนนี้คงหาเรื่องใส่ตัวตั้งแต่เช้าเข้าให้แล้ว ความรู้สึกกังวลพลันเข้ามาครอบงำเขาอย่างรวดเร็วนรกานต์พยายามเบี่ยงเบนความเครียดด้วยการเล่นมุก เขาเอื้อมมือไปดึงแก้มบัวรัตนาเบา ๆ “อย่าคิดมากสิ คุณบัว ขำ ๆ น่า อย่าหน้าบึ้งเลย” เขาพยายามดึงรอยยิ้มจากเธอ แต่บัวรัตนากลับหัวเราะเบา ๆ เพียงชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น“จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากจะเริ่มต้นใหม่กับคุณ?” บัวรัตนาถามขึ้น ทำให้นรกานต์ชะงักไป เขาไม่เข้าใจแน่ชัดว่าหมายความว่ายังไง“หมายความว่ายังไงนะ ผมไม่เข้าใจ” นรกานต์ขมวดคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความกังวลบัวรัตนาสูดหายใจลึก เธอรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดความในใจ “ฉันคิดดูแล้ว... ฉันไม่อยากให้เรายึดติดกับสถานะคู่แต่งงานใช้หนี้บ้า ๆ บอ ๆ นั่น ตอนนี้คุณสองก็รักฉัน ฉันก็รู้สึกดีกับคุณเหมือนกัน แต่...”“แต่...?” นรกานต์ถามต่อด้วยความสงสัย สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่สำคัญมากกำลังจะถูกพูดออกมา“แต่...อะไรล่ะ? ถ้าคุณบัวพูดแบบนี้ ฟัง
บัวรัตนายืนฟังทุกอย่างอยู่ที่หน้าประตูห้องเลี้ยงเด็ก ทุกคำพูดของนรกานต์และชลธารสะท้อนเข้ามาในความคิดของเธออย่างชัดเจน ทั้งสองคนกำลังเปิดเผยความในใจต่อกันอย่างตรงไปตรงมาเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จและตั้งใจจะมาเล่นกับเจ้าตัวน้อยเหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาที่แฝงความรู้สึกเจ็บปวดนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากความเชื่อเดิม ๆ ที่เคยมีมา สุดท้ายบัวรัตนาก็ตัดสินใจถอยออกมาก่อนเงียบ ๆ ปล่อยให้นรกานต์และชลธารได้คุยกันต่อตัวเธอเองก็ต้องใช้เวลานี้เพื่อพิจารณาความรู้สึกของตัวเองด้วยบัวรัตนาเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองด้วยฝีเท้าเบาหวิว ก่อนปิดประตูลงแผ่วเบา อัลฟ่าสาวเดินไปนั่งอยู่หน้ากระจก มองดูเงาสะท้อนของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในบานกระจกใส เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของตัวเอง รู้สึกได้ถึงความสับสนและคำถามที่ค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาเธอครุ่นคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในชาติที่แล้ว ตอนที่เธอตัดสินใจตกลงแต่งงานกับนรกานต์ ทุกอย่างตอนนั้นมันดูเต็มไปด้วยความหวัง แต่หลังจากนั้นเธอพบว่าความรักที่เธอวาดฝันไว้นั้นกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง การแต่งงานครั้งนั้นพังทลายลงเพราะความเชื่อผิด ๆ และความคาดหวังที่ไม่เป็นจริง
ความทรงจำเกี่ยวกับชลธารหวนกลับมาเล่นงานนรกานต์อีกครั้ง ภาพในหัวของเขาพาให้คิดย้อนกลับไปถึงวันที่เขาขืนใจชลธาร มันไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากความรักหรือความผูกพันใด ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความรุนแรงและการบังคับ ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้าใส่ เมื่อเขาตระหนักว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่คล้ายกัน การถูกบีบให้ต้องแบกรับสิ่งที่ไม่คาดคิดและความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับมันเขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ชลธารจะรู้สึกอย่างไรตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนั้น? จะรู้สึกทุกข์ทรมานเหมือนกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้หรือไม่? นรกานต์ได้ยินมาว่าชลธารยังคงทำงานต่อไปแม้จะตั้งท้อง แม้ต้องแบกรับน้ำหนักของท้องที่ใหญ่ขึ้นทุกวัน เขายังคงพยายามทำงานตลอดเก้าเดือนที่ยาวนานในที่สุดนรกานต์ก็เริ่มยอมรับในความแข็งแกร่งของชลธาร ความอดทนและความพยายามของโอเมก้าคนนี้เกินกว่าที่เขาเคยประเมินไว้มาก เขาไม่เคยคิดว่าโอเมก้าที่เขาเคยมองว่าอ่อนแอ จะมีความอดทนและหัวใจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มันทำให้เขาเริ่มมองเห็นความผิดพลาดของตัวเองในอดีตมากขึ้น ความโกรธ ความรุนแรง และความเย่อหยิ่งที่ทำให้เขาทำลายทุกอย่าง ตอนนี้กลับมากัดกร่อนหัวใจของเขาเอง
เวลาผ่านไปหลายเดือน เรื่องการตั้งครรภ์ของนรกานต์ยังคงเป็นความลับที่รู้กันเฉพาะในครอบครัว บัวรัตนาจัดการทุกอย่างอย่างรอบคอบ เธอให้เหตุผลกับบริษัทว่านรกานต์ต้องไปดูงานที่สาขาใหม่ในต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยในการหายตัวไปชั่วคราวของเขา แต่ในความเป็นจริง นรกานต์ต้องอยู่ภายใต้การดูแลใกล้ชิดเนื่องจากภาวะแท้งคุกคามที่ทำให้เขาไม่สามารถทำงานหนักได้การตั้งครรภ์ทำให้ชีวิตของนรกานต์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเป็นอัลฟ่าที่ทรงพลังและทำงานเก่ง ตอนนี้เขาต้องประสบกับความยากลำบากในการเดินหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แม้แต่การขึ้นบันไดก็กลายเป็นภาระ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะบัวรัตนาไม่เคยห่างเขา เธอมักหาเวลามาดูแล ทั้งก่อนออกไปทำงานและหลังเลิกงาน และในวันที่เธอไม่ได้เข้าบริษัท เธอก็จะใช้เวลาอยู่กับนรกานต์ให้มากที่สุดแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จะยังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความขัดแย้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาได้ใช้ร่วมกันก็ทำให้บัวรัตนาเริ่มคิดทบทวนหลาย ๆ อย่างในชีวิต ความผูกพันที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างการดูแลนรกานต์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ทำให้
แต่ก่อนที่เธอจะตอบอะไร เสียงของหมอที่เดินเข้ามาใกล้ก็ดังขึ้น เรียกสติของเธอกลับมา“ญาติคนไข้ หมอขอคุยด้วยหน่อยครับ” หมอพูดขึ้นพร้อมกับสบตากับบัวรัตนา“ค่ะคุณหมอ ฉันเป็นญาติคนไข้เองค่ะ” บัวรัตนาลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่หมอเรียก เธอรู้สึกถึงความตึงเครียดในอากาศ ขณะที่หมอเตรียมจะบอกข่าว เธอเองก็เตรียมใจรับฟังสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่ในใจ“ผลการตรวจของคนไข้...” หมอเริ่มพูดช้าๆ อย่างระมัดระวัง “พบว่าคุณนรกานต์กำลังตั้งครรภ์อยู่ในระยะแรกครับ”คำพูดนั้นดังก้องในหูของบัวรัตนา ใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะควบคุมไม่อยู่ มันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดฝัน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น เธอเป็นอัลฟ่า นรกานต์ก็เป็นอัลฟ่า แล้ว...เป็นไปได้ยังไง?“หมอ...หมายความว่ายังไงคะ?” บัวรัตนาถามเสียงเบา ใจหนึ่งอยากให้คำตอบนั้นเป็นเพียงความผิดพลาด แต่อีกใจก็รู้ดีว่าหมอคงไม่พูดเล่นเรื่องแบบนี้หมอถอนหายใจเบาๆ ก่อนอธิบาย “จากการตรวจเบื้องต้น ผลเลือดของคุณนรกานต์บ่งชี้ว่าเขากำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในอัลฟ่า แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้”เธอพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง “แต่ว่า...เขาเป็นอัล
หลังจากการทะเลาะกันยืดเยื้อระหว่างสามีภรรยา ความเย็นชาระหว่างพวกเขาก็กลายเป็นกำแพงสูงที่ไม่มีใครยอมก้าวข้ามใบหน้าของนรกานต์ที่เคยหล่อเหลาค่อย ๆ ดูทรุดโทรมขึ้นทุกวัน ความเครียดสะสมและความโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจ ทำให้เขาซูบผอมลงและไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นทุกที ทว่าไม่มีใครสนใจเขามากพอที่จะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น อาจเพราะเขาไม่ได้อยู่ในบ้านของตัวเองอย่างแท้จริง ใครจะมาใส่ใจหรือห่วงใยเขาได้?เช้าวันนี้ นรกานต์ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เตรียมตัวไปทำงานเช่นทุกวัน แม้ว่าร่างกายจะรู้สึกอ่อนแรงและเวียนหัว ซึ่งอาการนี้เป็นมาหลายวันแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจจะดูแลตัวเอง จนกระทั่งวันนี้ เขาเดินลงบันไดด้วยความไม่มั่นคง และทันทีที่ก้าวพลาด ความหน้ามืดเข้าครอบงำ ร่างของเขาลอยวูบลงสู่บันได ความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะตกบันไดแน่แล้วโชคดีที่ชลธารเดินผ่านมาในจังหวะนั้นพอดี เมื่อเห็นเหตุการณ์เขาไม่คิดอะไรมาก รีบพุ่งเข้าไปช่วยทันที ร่างของนรกานต์ถูกพยุงไว้ในนาทีสุดท้าย“คุณ!” แต่เมื่อชลธารรู้สึกตัวว่าเขาเพิ่งช่วยใคร หัวใจของเขาก็สั่นสะท้านจนเผลอปล่อยมืออย่างไม่ตั้งใจ ร่างนรกานต์หล่นกระแทกกับพื้
“คุณบัว คุณรักใครกันแน่?” นรกานต์ถามเสียงเข้ม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดันและความคาดคั้น ดวงตาของเขาจ้องบัวรัตนาอย่างไม่ลดละ รอคอยคำตอบที่เขาอยากจะได้ยินบัวรัตนาเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ก่อนจะทวนคำถามของเขาอีกครั้ง “คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ” แม้จะได้ยินคำถามชัดเจน แต่เธอกลับไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขานรกานต์กัดฟันแน่น หงุดหงิดที่บัวรัตนาไม่ตอบตรงประเด็น เขาจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดกว่าเดิม “ธารล่ะ คุณรักเขาหรือเปล่า?”คำถามนั้นทำให้บัวรัตนานิ่งไปชั่วครู่ รู้สึกเหมือนถูกต้อนให้จนมุม เธอพยายามอ่านความรู้สึกที่แท้จริงของนรกานต์จากท่าทางที่ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจ และยิ่งเธอไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาเป็นแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ“ถะ...ถามทำไม” บัวรัตนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความลังเลในใจของเธอแสดงออกมาชัดเจนในเวลานี้“แค่ตอบมาว่าคุณรักเขาหรือเปล่า!” นรกานต์ไม่ลดละ เขาตะคอกกลับมาเสียงดังจนบัวรัตนาสะดุ้ง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความคาดหวังอยากได้ยินคำตอบทิ่มแทงบัวรัตนา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันจนไม่อาจทนไหว“ไม่รู้! ฉันไม่รู้!” บัวตะโกนกลับด้วย