หลังจากวันงานแต่งผ่านพ้นไป บัวรัตนาไปกลับระหว่างบ้านและโรงพยาบาลเป็นประจำ เธอคอยดูแลชลธารเพื่อไม่ให้เขาเหงาและเดียวดาย หลายวันมานี้ พ่อของเธอเรียกให้เข้าไปคุยหลายครั้ง แต่บัวรัตนายังคงอ้างว่าเธอต้องดูแลชลธาร ความจริงคือเธออยากทำให้ทุกอย่างดูแนบเนียนที่สุด
เมื่อเธอคิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว วันนี้อัลฟ่าสาวจึงยอมไปพบพ่อที่บ้านเพื่อเคลียร์เรื่องราวทั้งหมด ในใจรู้ดีว่าเธอจะต้องเผชิญกับคำตำหนิ พ่อของเธอไม่มีทางเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอทำไปง่าย ๆ แน่ แต่เธอรู้ว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
บัวรัตนาหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในบ้านที่เธอคุ้นเคย ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความกดดัน เธอรู้ว่าพ่อจะต้องดุด่าเธออย่างแน่นอน แต่เธอก็เตรียมตัวมาแล้วสำหรับทุกคำตำหนิ
“มาแล้วเหรอ ยัยลูกตัวดี” น้ำเสียงเข้มดุดังขึ้นทันทีที่บัวรัตนาเดินเข้ามาในคฤหาสน์และมาถึงห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่พ่อของเธอชอบนั่งผ่อนคลายทุกวัน
“น้ำเสียงดูไม่เอนจอยเลยนะคะคุณพ่อ เช้านี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” บัวรัตนาพูดอย่างใจเย็น เธอเดินผ่านพ่อไปนั่งลงบนโซฟาด้านข้าง สีหน้าไม่แสดงความทุกข์ร้อนใด ๆ
“ก็เรื่องแกนั่นแหละ! รู้ไหมว่าฉันต้องเสียเงินค่าปิดปากคนไปตั้งเท่าไหร่ เรื่องที่แกไปทำโอเมก้าคนอื่นท้อง! ไหนจะเรื่องวุ่นวายที่งานแต่งอีก” ท่านชายวรชัยโมโหมาก ยิ่งนึกถึงเรื่องอื่นที่ลูกสาวตัวดีเคยทำ ยิ่งปลุกอารมณ์โกรธของเขาจนแทบจะระเบิด
“อุ๊ย! นั่นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ ถ้าคนอื่นเอาเราไปนินทา คุณพ่อก็จะเสียหายไปด้วย งั้นคุณพ่อก็ทำถูกแล้วละค่ะ” บัวรัตนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แฝงด้วยความมั่นใจ ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเธอ
“แล้วไอ้คนนั้น หลังจากนี้จะเอายังไง” ท่านชายวรชัยพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความไม่พอใจ ไอ้คนนั้นที่เขาหมายถึงก็คือชลธาร คนอย่างเขาไม่ยอมรับใครง่าย ๆ แม้ภายนอกจะดูใจเย็น แต่ภายในกลับหัวแข็งและเด็ดขาด เมื่อมีเรื่องหนัก ๆ แบบนี้ เขาก็ยังคงแสดงอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่
“ช่วยให้เกียรติคนรักของบัวนิดนึงนะคะ ตอนนี้ธารก็คลอดลูกของเราแล้ว แถมน่ารักน่าชังสุด ๆ นี่ไงคะ แต่งปุ๊บก็มีทายาทปั๊บ ได้อุ้มหลานทันใจขนาดนี้ บัวคิดว่าคุณพ่อน่าจะดีใจเสียอีก” บัวรัตนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจืออารมณ์ยั่วยุเล็กน้อย
“อย่ามากวนให้มันมากนักนะบัว...เฮ้อ...พ่อก็คงต้องรับเขาเข้ามาในบ้านสินะ ช่วยไม่ได้ ลูกสาวก็แสบซะด้วย” ท่านชายวรชัยกุมขมับ ส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย อันที่จริงเขาได้คุยกับภรรยาเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แต่แค่อยากให้ลูกสาวมาย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง
“เดิมที อัลฟ่ากับอัลฟ่ามีลูกด้วยกันไม่ได้อยู่แล้ว ก็ต้องไปจ้างโอเมก้าอุ้มบุญให้อยู่ดี แบบนี้ก็ดีแล้วไงคะ” บัวรัตนายังคงพูดต่อเนื่อง โดยไม่ทันสังเกตว่าพ่อของเธอกำลังโมโหแค่ไหน
ผู้เป็นพ่อได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ว่าลูกสาวคนนี้ไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนใจง่าย ๆ และในที่สุดก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เธอเลือก แม้จะไม่พอใจก็ตาม
ท่านชายวรชัยเม้มปากเงียบ เขาพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมาในตอนนี้ แต่ลูกสาวของเขากลับสร้างเรื่องเกินกว่าจะควบคุม ทางที่ดีที่สุดคือเขาต้องขอตรวจดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันว่าเด็กคนนั้นคือลูกของบัวรัตนาจริง ๆ ไม่ได้มีใครมาแอบอ้าง แค่นี้ชื่อเสียงก็พังไปมากพอแล้ว
“ตรวจดีเอ็นเอมา แล้วพ่อจะยอมรับมัน”
“ไม่มีปัญหาค่ะ บัวยื่นตรวจเรียบร้อยแล้ว” บัวรัตนาตอบกลับด้วยความมั่นใจ นึกชมตัวเองในใจที่อ่านเกมได้ขาดลอย เธอรู้ว่าพ่อต้องพูดแบบนี้แน่ ๆ ดังนั้นในวันแต่งงานจึงได้แอบเก็บเส้นผมของนรกานต์ไว้อย่างดี พอถึงขั้นตอนการยื่นตรวจดีเอ็นเอ เธอก็แค่ให้เส้นผมของนรกานต์ไป ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะแสดงว่าเด็กคนนั้นคือลูกของเธอกับชลธาร
“ผลออกเมื่อไหร่ ให้ส่งมาที่บ้านโดยตรง พ่อจะเปิดอ่านเอง”
“แน่นอนค่ะ ตามที่คุณพ่อต้องการเลย” บัวรัตนายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ยังไงบัวต้องขอตัวไปดูแลธารก่อนนะคะ เขาน่าจะออกจากโรงพยาบาลพอ ๆ กับที่ผลตรวจถูกส่งมาที่บ้าน คุณพ่อก็อย่าลืมเตรียมต้อนรับเขาอย่างดีด้วยล่ะ”
บัวรัตนาอำลาผู้เป็นพ่ออย่างดี ทิ้งท้ายด้วยความมั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้
นอกจากท่านชายวรชัยจะต้องเสียเงินค่าปิดปากให้กับผู้รู้เห็นเรื่องที่บัวรัตนามีลูกกับโอเมก้าคนนั้นแล้ว เขายังต้องจ่ายเงินให้กับตระกูลเจริญผลวัฒนาอีกด้วย แม้งานแต่งจะล่ม แต่การเป็นสามีภรรยาของบัวรัตนากับนรกานต์ยังคงดำเนินต่อไป เรื่องที่บัวรัตนามีชลธาร เขาได้ขอให้ทางนั้นยอมรับและจ่ายเงินชดเชยให้ไปเป็นจำนวนมาก ทางตระกูลเจริญผลวัฒนาไม่เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือเงินอยู่แล้ว
หลังจากเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดก็ถึงวันที่ทีมแพทย์อนุญาตให้ชลธารและเจ้าตัวน้อยกลับบ้านได้ บัวรัตนาตื่นแต่เช้ากว่าปกติ อัลฟ่าสาวรีบตรงไปยังโรงพยาบาลทันทีโดยไม่สนใจเรื่องอื่นใด นี่คือวันที่เธอเฝ้ารอมานาน วันที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับชลธารและลูกน้อยของพวกเขาเมื่อวานนี้ ผลตรวจดีเอ็นเอถูกส่งมาถึงคฤหาสน์ ท่านชายวรชัยเป็นคนแรกที่ได้เปิดอ่าน เขานิ่งเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาให้เห็น ท่าทีที่สงบนั้นช่วยให้บัวรัตนารู้สึกโล่งใจขึ้นมาก แม้พ่อของเธอจะยังคงมีข้อกังขาอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เห็นผลตรวจแล้ว เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้ ต่อให้ในใจจะยังรู้สึกไม่เต็มใจยอมรับก็ตามนอกจากนี้ พ่อของบัวรัตนายังตัดสินใจให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับบริษัทของตระกูลเจริญผลวัฒนาเพิ่ม ด้วยเหตุผลว่าทั้งสองตระกูลได้เกี่ยวดองกันแล้ว การช่วยเหลือครั้งนี้เป็นการป้องกันไม่ให้ตระกูลเจริญผลวัฒนาประสบปัญหาทางการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทั้งสองฝ่ายในอนาคต พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นการจ่ายค่าปิดปากอย่างแนบเนียนนั่นแหละบัวรัตนารู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าพ่อของเธอได้ยอมรับสถานการณ์ แม้เขาจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต
ก่อนที่จะออกจากบ้าน บัวรัตนาสังเกตเห็นรถหรูคันสีดำแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน เธอจำรถคันนั้นได้ดี มันเป็นคันเดียวกันกับที่เธอต้องวิ่งตามจนโดนรถชน ความทรงจำจากวันนั้นหวนกลับมา ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นความตึงเครียดในอากาศเริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อเธอรู้ว่าการเผชิญหน้ากับอดีตที่ยังค้างคาใจอาจกำลังจะเกิดขึ้น“นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็คุณบัวนี่เอง กลับมาบ้านได้สักทีนะครับ” เมื่อประตูรถด้านหลังถูกเปิดออก ร่างสูงของนรกานต์ก็ก้าวขายาว ๆ ลงมาจากรถ เขายืนจ้องหน้าบัวรัตนาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยทัก“แหม ก็นึกว่ารถใครที่ไหน...วันนี้ไม่ออกไปทำงานเหรอคะ คุณสอง” บัวรัตนายืนกอดอกแน่น สายตาของเธอสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัว รองเท้าคู่ใหม่ คงจะเอาเงินที่ได้ไปปรนเปรอตัวเองตามสันดานเดิม ช่วงเวลาบ่ายแบบนี้ คงพึ่งกลับมาจากการช็อปปิ้ง บรรดาคนใช้ในบ้านต่างกรูกันมาเพื่อหยิบของจากหลังรถ“คุณเองก็ไม่ได้เข้าบริษัทนี่ครับ อ้อ ช่วงนี้คุณคงกำลังยุ่งกับลูกสินะ” นรกานต์กัดฟันพูดเรื่องนั้นออกมา ความไม่พอใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงอย่างชัดเจน ความรู้สึกสับสนและเจ็บปวดที่เขาพยายามปิดซ่อนไว้ปะทุขึ้นมา เมื่อคิดถึงสิ่ง
เมื่อรถจอดนิ่งสนิท คนรับใช้ก็รีบกรูกันออกมาต้อนรับพร้อมกับเปิดประตูให้ ชลธารรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยกับการปฏิบัติที่หรูหราและสุภาพเช่นนี้ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับการต้อนรับแบบนี้ ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ลืมกล่าวขอบคุณแม่บ้านที่เปิดประตูให้เหล่าคนรับใช้พากันสงบปากสงบคำ แม้จะมีคำถามมากมายอยู่ในใจ แต่พวกเขารู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน พวกเขารู้เรื่องที่คุณหนูอัลฟ่าของพวกเขาทำโอเมก้าข้างนอกท้อง และวันนี้ก็เป็นวันที่บัวรัตนาออกไปรับโอเมก้าคนนั้นเข้ามาในบ้าน แม้จะมีความรู้สึกไม่อยากยอมรับ แต่เมื่อเป็นคำสั่งจากเจ้านาย พวกเขาก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีข้อโต้แย้งชลธารเองรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่แฝงความระแวงอยู่บ้าง แต่ก็พยายามคงท่าทีสุภาพและเป็นมิตรไว้ เขารู้ว่าการเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตใหม่ของเขากับลูกน้อยเป็นไปอย่างราบรื่น“รีบพาลูกเข้าบ้านกันเถอะ แดดมันแรง” บัวรัตนาเดินเข้ามาเคียงข้างผู้มาใหม่ เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใยก่อนพาเขาเดินเข้ามาภายในบ้าน ชลธารมองรอบ ๆ ด้วยความตะลึง ใจของเขาแทบไม่เชื่อสายตา
ช่วงเวลาแรก ๆ ที่ชลธารเลี้ยงเจ้าตัวน้อย เขาแทบไม่เจอปัญหาอะไรเลย ลูกชายของเขาเลี้ยงง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่งอแงร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุ บัวรัตนาเองก็มักสละเวลามาอยู่เป็นเพื่อนและช่วยเลี้ยงเจ้าตัวเล็กแทบจะตลอดเวลา หากเธอไม่อยู่บ้าน เธอก็จะให้พี่เลี้ยงเข้ามาช่วยเหลือชลธารทันที เพราะเธอไม่ต้องการให้ชลธารต้องเลี้ยงลูกคนเดียวจนร่างกายโทรมไป แม้จะมีทุกอย่างพร้อมแล้วก็ตามในช่วงวันแรก ๆ นรกานต์ไม่รู้เรื่องของชลธารและพศินเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาบังเอิญเดินผ่านห้องของชลธารในชั้นสองแล้วได้ยินเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อยดังลอดประตูออกมา ทำให้นรกานต์หยุดชะงัก อัลฟ่าหนุ่มยืนฟังอยู่ครู่หนึ่ง ในใจของเขาสับสนและเต็มไปด้วยความสงสัย“เสียงเด็กในห้องชั้นสอง...เป็นลูกใครกัน?” เขารำพึงกับตัวเอง ความรู้สึกในใจเริ่มปั่นป่วนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกนรกานต์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะอดเก็บความข้องใจไว้กับตัวไม่ได้ เขาตัดสินใจเรียกคนรับใช้ที่อยู่แถวนั้นมา “ทำไมมีเสียงเด็กในห้องชั้นสอง?”คนรับใช้ที่อยู่ใกล้ ๆ มองหน้ากันเล็กน้อยด้วยความลังเล ไม่แน่ใจว่าจะตอบออกไปดีหรือไม่ แต่ในเมื่อคุณนรกานต์เป็นสามีของคุณบัวและอยู่บ้
“งั้นตอนบ่ายนี้เราไปเดินช็อปปิ้งกันดีไหม? ยืดเส้นยืดสายจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” บัวรัตนาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของชลธารที่ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยเต็มใจกับการกินอาหารทั้งหมด เธอคิดว่าต้องใช้อะไรบางอย่างมาล่อลวงเขาบ้าง น่ารักดีจริง ๆ“จริงเหรอครับ! ไปๆ” สีหน้าที่แสนเหนื่อยหน่ายก่อนหน้านี้ถูกสลัดทิ้งไปอย่างหมดสิ้น ชลธารเด้งตัวขึ้นจากท่านั่งหลังติดเบาะ นั่งตรงและเริ่มกินอาหารตรงหน้าหลังจากที่ตั้งครรภ์ เขาก็ต้องสวมแต่ชุดคลุมท้องตลอดเวลา เสื้อผ้าตัวเก่าที่เคยชอบใส่ก็ถูกทิ้งไว้ที่บ้านเดิมของเขา และชลธารก็ไม่ได้กลับไปเอามันอีกเลย ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังคลอดทำให้เขารู้สึกว่าเสื้อผ้าเดิม ๆ คงไม่พอดีอีกแล้ว ความคิดที่ว่าเขาควรมีเสื้อผ้าแบบใหม่สักหลายชุดเริ่มเข้ามาในหัวของชลธารสักพักแล้ว และคำชักชวนของคุณบัวก็ตรงใจพอดีบัวรัตนาเห็นแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจ เธอยิ้มบาง ๆ ก่อนจะชวนชลธารคุยไปเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้าน เรื่องลูกน้อย และเรื่องต่าง ๆ ที่ทำให้พวกเขาสนิทสนมกันมากขึ้นเมื่อช่วงบ่ายมาถึง บัวรัตนาก็พาชลธารไปเดินห้างตามที่ได้สัญญาไว้ ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันท่ามกลางบรรยากาศที่ค
“ถือได้ไหม ธาร?” บัวรัตนาถามขึ้นด้วยความห่วงใย“ได้สิ แค่นี้เอง ไม่หนักสักหน่อย” ชลธารตอบด้วยรอยยิ้ม พยายามแสดงให้เห็นว่าเขาแข็งแรงพอที่จะช่วยถือของได้กว่าทั้งสองจะกลับมาถึงบ้านก็ค่ำมากแล้ว เวลาที่พวกเขาใช้ร่วมกันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่จะรู้ตัว เดิมทีบัวรัตนากะว่าจะพาชลธารไปเปิดหูเปิดตาที่อื่นอีก แต่อีกฝ่ายยืนยันว่าอยากกลับบ้านเพราะอยู่ห่างจากเจ้าตัวเล็กมานานเกินไปแล้ว แม้จะมีพี่เลี้ยงคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ชลธารก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ทั้งสองปฏิเสธการช่วยถือของจากคนรับใช้หลังจากเดินเข้าบ้านมา จึงกลายเป็นว่าพวกเขาพากันถือถุงช็อปปิ้งต่าง ๆ เต็มสองมือ ทั้งเสื้อผ้าใหม่และของที่ซื้อมาในวันนี้ ซึ่งทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและสนิทสนมมากขึ้นขณะที่บัวรัตนากับชลธารเดินผ่านหน้าห้อง ๆ หนึ่ง บังเอิญว่าประตูห้องนั้นปิดไว้ไม่สนิทนัก ทำให้คนที่อยู่ในห้องนั้นเห็นภาพของทั้งคู่เต็มสองตา นรกานต์ที่นั่งอยู่ในห้องรีบลุกออกจากเก้าอี้ และมาชะเง้อเกาะประตูมองใบหน้ายิ้มแย้มของบัวรัตนาและชลธารด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้สายตาของอัลฟ่าหนุ่มเต็มไปด้วยความโหยหาโดยไม่รู้ตัว
นรกานต์เงียบไป คำถามของบัวรัตนาทำให้เขายิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก เขารู้สึกเหมือนถูกดึงลงสู่ห้วงความคิดที่ไม่รู้ว่าจะออกจากมันอย่างไร ความรู้สึกซับซ้อนที่ก่อตัวขึ้นในใจทำให้เขาอ่อนแอ และแม้ว่าเขาจะเคยเป็นอัลฟ่าที่เด็ดเดี่ยวแข็งแกร่ง แต่ในเวลานี้เขากลับรู้สึกเหมือนคนที่สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปโดยไม่รู้ว่าจะตามหามันกลับมาได้อย่างไรความเงียบงันระหว่างพวกเขาทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดขึ้น กลายเป็นช่องว่างที่ยากจะเติมเต็มระหว่างทั้งสองคน ทั้งความรัก ความโกรธ ความอิจฉา และความเจ็บปวด ทั้งหมดนั้นต่างวนเวียนอยู่ในความคิดของนรกานต์และบัวรัตนา ทว่าไม่มีใครกล้าเดินก้าวข้ามเส้นบาง ๆ ที่กั้นขวางพวกเขาไว้บัวรัตนารู้สึกได้ถึงความหวั่นไหวในแววตาของนรกานต์ เธอรู้ว่าคำถามนี้มันไม่ง่ายที่จะตอบ แต่เธอก็เลือกที่จะเฝ้ามองและรอคอยคำตอบจากเขา ทว่าเนิ่นนานคำตอบที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบงันเช่นเดิม“ถ้าจะมัวยืนอยู่อย่างนี้ทั้งคืน สู้เอาเวลาไปนอนดีกว่ามั้งคะ ฉันเองก็ต้องเข้านอนแล้ว พรุ่งนี้หากโชคดีเราคงได้เจอกันที่บริษัท”บัวรัตนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ก่อนจะออกแรงสะบัดมือหนาของนรกานต์ทิ้งไปอย่างไม่สนใจ เธอหัน
วันนี้มีการประชุมใหญ่สำหรับโปรเจคสำคัญที่กำลังจะมาถึง งานนี้ถือเป็นงานใหญ่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อบริษัท การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อค้นหาบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในการดูแลโปรเจคนี้โดยเฉพาะนรกานต์รู้ดีว่าเขามีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมและแสดงความคิดเห็นในฐานะหนึ่งในผู้บริหาร แต่ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเขากลับไม่อาจมีส่วนร่วมในงานสำคัญใด ๆ เลย รู้สึกเหมือนเป็นเพียงไม้ประดับที่ไม่มีบทบาทหรือคุณค่าในบริษัทเมื่อที่ประชุมเปิดโอกาสให้เสนอชื่อผู้ที่จะรับผิดชอบโปรเจคใหม่ นรกานต์รีบยกมือเสนอทันที “โปรเจคนี้ผมทำได้นะครับ” เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะพิสูจน์ตัวเอง ต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขายังมีความสามารถ และไม่ใช่แค่คนที่นั่งไปวัน ๆแต่คำตอบที่เขาได้รับกลับไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง “โปรเจคนี้คุณนรกานต์ทำได้ครับ แต่ว่าคงจะไม่ได้ เพราะตามที่คุณบัวได้กำชับไว้ คุณบัวไม่อยากให้สามีต้องทำงานหนักครับ”คำพูดนั้นราวกับน้ำเย็นที่ราดลงบนความตั้งใจของนรกานต์อย่างจัง โดยเฉพาะเมื่อพนักงานคนนั้นเน้นคำว่า ‘สามี’ ด้วยสีหน้าคล้ายจะยิ้มเยาะแม้ว่าเขาจะพยายามแสดงให้เห็นว่าเขายังมีศักยภาพ แต่ความจริงที่ถูกสะท้อนออกมาจากคำพูดนั้น
ที่บ้านพักตากอากาศสุดหรูแบบพูลวิลล่าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดริมทะเลภูเก็ตซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ทั้งคนไทยและต่างชาตินิยมมาพักผ่อน แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นก็ตาม คนไทยที่มีฐานะส่วนใหญ่ ถ้าชื่นชอบการเที่ยวทะเล มักจะซื้อบ้านพักตากอากาศไว้ตามที่ต่าง ๆ บางคนถึงกับลงทุนหลายล้านเพื่อครอบครองที่ดินและบ้านพักริมทะเลที่ตนเองชอบนรกานต์ บัวรัตนา และชลธารเดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ในช่วงค่ำ เนื่องจากบัวรัตนามีงานสำคัญในช่วงกลางวันที่ต้องจัดการก่อน แม้ว่าทั้งสามคนจะตกลงกันไว้แล้วว่าจะมาฮันนีมูนที่นี่ แต่สำหรับบัวรัตนา งานก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยบ้านหลังนี้เป็นบ้านของบัวรัตนาที่เธอตัดสินใจซื้อไว้หลังจากถูกใจบ้านนี้เข้าเต็มเปา แต่ด้วยงานที่รัดตัว ทำให้เธอแทบไม่มีเวลาได้มาใช้ชีวิตในบ้านพักหลังนี้เลย ทั้งที่เธอเคยเป็นคนชอบเที่ยวทะเลมาก นอกจากนี้ บัวรัตนายังเป็นหุ้นส่วนในรีสอร์ทที่มีพูลวิลล่าหลายหลังอีกด้วยเมื่อมาถึง บัวรัตนาก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน นรกานต์มองดูเธอด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย เพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นบัวรัตนาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าแบบนี้บ่อยนัก งานที่เธอเผ
เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กลับกลายเป็นความจริงในโลกของบัวรัตนา จากความสับสนและความไม่แน่นอนที่เคยบดบังเส้นทางของเธอไป เมื่อเวลาผ่านไป เธอได้เรียนรู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้น รวมถึงคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างในชีวิต ความเข้าใจนี้ทำให้เธอตระหนักว่าเธอรักทั้งนรกานต์และชลธารพร้อมกันอย่างแท้จริงความเคียดแค้นที่เคยมีต่อนรกานต์ได้ถูกลบล้างจนหมดสิ้น เมื่อบัวรัตนาเริ่มเห็นความเปราะบางในตัวเขาแทนที่ความเย่อหยิ่ง ความรู้สึกเหล่านี้เปลี่ยนเป็นความรักและความปรารถนาที่จะดูแล ส่วนชลธารที่เริ่มต้นด้วยความสบายใจ กลับค่อย ๆ พัฒนาเป็นความรักที่มั่นคงและลึกซึ้งยิ่งขึ้นการใช้ชีวิตร่วมกันทั้งสามคน แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาและท้าทาย แต่กลับเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตของพวกเขาอย่างที่ไม่เคยคาดคิด แต่ละคนมีบทบาทเฉพาะในการช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย จนทำให้ความสัมพันธ์นี้ก้าวสู่ความสมบูรณ์แบบ ความรักของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกที่แบ่งปัน แต่เป็นการหล่อหลอมให้กลายเป็นหนึ่งเดียวที่แน่นแฟ้น“ธาร อย่าลืมกระเป๋าใบนั้นนะ มันสำคัญมาก!” บัวรัตนาเอ่ยกำชับ พร้อมชี้ไปยังกระเป๋าถือขนาดกลางที่วางตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง“ทำไม
“แต่ฉันจริงจัง...”คำพูดนั้นทำให้นรกานต์รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ความหนาวเย็นไหลวูบผ่านสันหลัง เขาเริ่มตระหนักว่าเขาอาจจะพูดจาไม่คิด และตอนนี้คงหาเรื่องใส่ตัวตั้งแต่เช้าเข้าให้แล้ว ความรู้สึกกังวลพลันเข้ามาครอบงำเขาอย่างรวดเร็วนรกานต์พยายามเบี่ยงเบนความเครียดด้วยการเล่นมุก เขาเอื้อมมือไปดึงแก้มบัวรัตนาเบา ๆ “อย่าคิดมากสิ คุณบัว ขำ ๆ น่า อย่าหน้าบึ้งเลย” เขาพยายามดึงรอยยิ้มจากเธอ แต่บัวรัตนากลับหัวเราะเบา ๆ เพียงชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น“จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากจะเริ่มต้นใหม่กับคุณ?” บัวรัตนาถามขึ้น ทำให้นรกานต์ชะงักไป เขาไม่เข้าใจแน่ชัดว่าหมายความว่ายังไง“หมายความว่ายังไงนะ ผมไม่เข้าใจ” นรกานต์ขมวดคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความกังวลบัวรัตนาสูดหายใจลึก เธอรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดความในใจ “ฉันคิดดูแล้ว... ฉันไม่อยากให้เรายึดติดกับสถานะคู่แต่งงานใช้หนี้บ้า ๆ บอ ๆ นั่น ตอนนี้คุณสองก็รักฉัน ฉันก็รู้สึกดีกับคุณเหมือนกัน แต่...”“แต่...?” นรกานต์ถามต่อด้วยความสงสัย สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่สำคัญมากกำลังจะถูกพูดออกมา“แต่...อะไรล่ะ? ถ้าคุณบัวพูดแบบนี้ ฟัง
บัวรัตนายืนฟังทุกอย่างอยู่ที่หน้าประตูห้องเลี้ยงเด็ก ทุกคำพูดของนรกานต์และชลธารสะท้อนเข้ามาในความคิดของเธออย่างชัดเจน ทั้งสองคนกำลังเปิดเผยความในใจต่อกันอย่างตรงไปตรงมาเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จและตั้งใจจะมาเล่นกับเจ้าตัวน้อยเหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาที่แฝงความรู้สึกเจ็บปวดนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากความเชื่อเดิม ๆ ที่เคยมีมา สุดท้ายบัวรัตนาก็ตัดสินใจถอยออกมาก่อนเงียบ ๆ ปล่อยให้นรกานต์และชลธารได้คุยกันต่อตัวเธอเองก็ต้องใช้เวลานี้เพื่อพิจารณาความรู้สึกของตัวเองด้วยบัวรัตนาเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองด้วยฝีเท้าเบาหวิว ก่อนปิดประตูลงแผ่วเบา อัลฟ่าสาวเดินไปนั่งอยู่หน้ากระจก มองดูเงาสะท้อนของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในบานกระจกใส เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของตัวเอง รู้สึกได้ถึงความสับสนและคำถามที่ค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาเธอครุ่นคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในชาติที่แล้ว ตอนที่เธอตัดสินใจตกลงแต่งงานกับนรกานต์ ทุกอย่างตอนนั้นมันดูเต็มไปด้วยความหวัง แต่หลังจากนั้นเธอพบว่าความรักที่เธอวาดฝันไว้นั้นกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง การแต่งงานครั้งนั้นพังทลายลงเพราะความเชื่อผิด ๆ และความคาดหวังที่ไม่เป็นจริง
ความทรงจำเกี่ยวกับชลธารหวนกลับมาเล่นงานนรกานต์อีกครั้ง ภาพในหัวของเขาพาให้คิดย้อนกลับไปถึงวันที่เขาขืนใจชลธาร มันไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากความรักหรือความผูกพันใด ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความรุนแรงและการบังคับ ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้าใส่ เมื่อเขาตระหนักว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่คล้ายกัน การถูกบีบให้ต้องแบกรับสิ่งที่ไม่คาดคิดและความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับมันเขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ชลธารจะรู้สึกอย่างไรตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนั้น? จะรู้สึกทุกข์ทรมานเหมือนกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้หรือไม่? นรกานต์ได้ยินมาว่าชลธารยังคงทำงานต่อไปแม้จะตั้งท้อง แม้ต้องแบกรับน้ำหนักของท้องที่ใหญ่ขึ้นทุกวัน เขายังคงพยายามทำงานตลอดเก้าเดือนที่ยาวนานในที่สุดนรกานต์ก็เริ่มยอมรับในความแข็งแกร่งของชลธาร ความอดทนและความพยายามของโอเมก้าคนนี้เกินกว่าที่เขาเคยประเมินไว้มาก เขาไม่เคยคิดว่าโอเมก้าที่เขาเคยมองว่าอ่อนแอ จะมีความอดทนและหัวใจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มันทำให้เขาเริ่มมองเห็นความผิดพลาดของตัวเองในอดีตมากขึ้น ความโกรธ ความรุนแรง และความเย่อหยิ่งที่ทำให้เขาทำลายทุกอย่าง ตอนนี้กลับมากัดกร่อนหัวใจของเขาเอง
เวลาผ่านไปหลายเดือน เรื่องการตั้งครรภ์ของนรกานต์ยังคงเป็นความลับที่รู้กันเฉพาะในครอบครัว บัวรัตนาจัดการทุกอย่างอย่างรอบคอบ เธอให้เหตุผลกับบริษัทว่านรกานต์ต้องไปดูงานที่สาขาใหม่ในต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยในการหายตัวไปชั่วคราวของเขา แต่ในความเป็นจริง นรกานต์ต้องอยู่ภายใต้การดูแลใกล้ชิดเนื่องจากภาวะแท้งคุกคามที่ทำให้เขาไม่สามารถทำงานหนักได้การตั้งครรภ์ทำให้ชีวิตของนรกานต์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเป็นอัลฟ่าที่ทรงพลังและทำงานเก่ง ตอนนี้เขาต้องประสบกับความยากลำบากในการเดินหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แม้แต่การขึ้นบันไดก็กลายเป็นภาระ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะบัวรัตนาไม่เคยห่างเขา เธอมักหาเวลามาดูแล ทั้งก่อนออกไปทำงานและหลังเลิกงาน และในวันที่เธอไม่ได้เข้าบริษัท เธอก็จะใช้เวลาอยู่กับนรกานต์ให้มากที่สุดแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จะยังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความขัดแย้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาได้ใช้ร่วมกันก็ทำให้บัวรัตนาเริ่มคิดทบทวนหลาย ๆ อย่างในชีวิต ความผูกพันที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างการดูแลนรกานต์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ทำให้
แต่ก่อนที่เธอจะตอบอะไร เสียงของหมอที่เดินเข้ามาใกล้ก็ดังขึ้น เรียกสติของเธอกลับมา“ญาติคนไข้ หมอขอคุยด้วยหน่อยครับ” หมอพูดขึ้นพร้อมกับสบตากับบัวรัตนา“ค่ะคุณหมอ ฉันเป็นญาติคนไข้เองค่ะ” บัวรัตนาลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่หมอเรียก เธอรู้สึกถึงความตึงเครียดในอากาศ ขณะที่หมอเตรียมจะบอกข่าว เธอเองก็เตรียมใจรับฟังสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่ในใจ“ผลการตรวจของคนไข้...” หมอเริ่มพูดช้าๆ อย่างระมัดระวัง “พบว่าคุณนรกานต์กำลังตั้งครรภ์อยู่ในระยะแรกครับ”คำพูดนั้นดังก้องในหูของบัวรัตนา ใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะควบคุมไม่อยู่ มันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดฝัน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น เธอเป็นอัลฟ่า นรกานต์ก็เป็นอัลฟ่า แล้ว...เป็นไปได้ยังไง?“หมอ...หมายความว่ายังไงคะ?” บัวรัตนาถามเสียงเบา ใจหนึ่งอยากให้คำตอบนั้นเป็นเพียงความผิดพลาด แต่อีกใจก็รู้ดีว่าหมอคงไม่พูดเล่นเรื่องแบบนี้หมอถอนหายใจเบาๆ ก่อนอธิบาย “จากการตรวจเบื้องต้น ผลเลือดของคุณนรกานต์บ่งชี้ว่าเขากำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในอัลฟ่า แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้”เธอพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง “แต่ว่า...เขาเป็นอัล
หลังจากการทะเลาะกันยืดเยื้อระหว่างสามีภรรยา ความเย็นชาระหว่างพวกเขาก็กลายเป็นกำแพงสูงที่ไม่มีใครยอมก้าวข้ามใบหน้าของนรกานต์ที่เคยหล่อเหลาค่อย ๆ ดูทรุดโทรมขึ้นทุกวัน ความเครียดสะสมและความโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจ ทำให้เขาซูบผอมลงและไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นทุกที ทว่าไม่มีใครสนใจเขามากพอที่จะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น อาจเพราะเขาไม่ได้อยู่ในบ้านของตัวเองอย่างแท้จริง ใครจะมาใส่ใจหรือห่วงใยเขาได้?เช้าวันนี้ นรกานต์ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เตรียมตัวไปทำงานเช่นทุกวัน แม้ว่าร่างกายจะรู้สึกอ่อนแรงและเวียนหัว ซึ่งอาการนี้เป็นมาหลายวันแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจจะดูแลตัวเอง จนกระทั่งวันนี้ เขาเดินลงบันไดด้วยความไม่มั่นคง และทันทีที่ก้าวพลาด ความหน้ามืดเข้าครอบงำ ร่างของเขาลอยวูบลงสู่บันได ความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะตกบันไดแน่แล้วโชคดีที่ชลธารเดินผ่านมาในจังหวะนั้นพอดี เมื่อเห็นเหตุการณ์เขาไม่คิดอะไรมาก รีบพุ่งเข้าไปช่วยทันที ร่างของนรกานต์ถูกพยุงไว้ในนาทีสุดท้าย“คุณ!” แต่เมื่อชลธารรู้สึกตัวว่าเขาเพิ่งช่วยใคร หัวใจของเขาก็สั่นสะท้านจนเผลอปล่อยมืออย่างไม่ตั้งใจ ร่างนรกานต์หล่นกระแทกกับพื้
“คุณบัว คุณรักใครกันแน่?” นรกานต์ถามเสียงเข้ม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดันและความคาดคั้น ดวงตาของเขาจ้องบัวรัตนาอย่างไม่ลดละ รอคอยคำตอบที่เขาอยากจะได้ยินบัวรัตนาเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ก่อนจะทวนคำถามของเขาอีกครั้ง “คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ” แม้จะได้ยินคำถามชัดเจน แต่เธอกลับไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขานรกานต์กัดฟันแน่น หงุดหงิดที่บัวรัตนาไม่ตอบตรงประเด็น เขาจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดกว่าเดิม “ธารล่ะ คุณรักเขาหรือเปล่า?”คำถามนั้นทำให้บัวรัตนานิ่งไปชั่วครู่ รู้สึกเหมือนถูกต้อนให้จนมุม เธอพยายามอ่านความรู้สึกที่แท้จริงของนรกานต์จากท่าทางที่ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจ และยิ่งเธอไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาเป็นแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ“ถะ...ถามทำไม” บัวรัตนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความลังเลในใจของเธอแสดงออกมาชัดเจนในเวลานี้“แค่ตอบมาว่าคุณรักเขาหรือเปล่า!” นรกานต์ไม่ลดละ เขาตะคอกกลับมาเสียงดังจนบัวรัตนาสะดุ้ง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความคาดหวังอยากได้ยินคำตอบทิ่มแทงบัวรัตนา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันจนไม่อาจทนไหว“ไม่รู้! ฉันไม่รู้!” บัวตะโกนกลับด้วย