นรกานต์เงียบไป คำถามของบัวรัตนาทำให้เขายิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก เขารู้สึกเหมือนถูกดึงลงสู่ห้วงความคิดที่ไม่รู้ว่าจะออกจากมันอย่างไร ความรู้สึกซับซ้อนที่ก่อตัวขึ้นในใจทำให้เขาอ่อนแอ และแม้ว่าเขาจะเคยเป็นอัลฟ่าที่เด็ดเดี่ยวแข็งแกร่ง แต่ในเวลานี้เขากลับรู้สึกเหมือนคนที่สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปโดยไม่รู้ว่าจะตามหามันกลับมาได้อย่างไรความเงียบงันระหว่างพวกเขาทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดขึ้น กลายเป็นช่องว่างที่ยากจะเติมเต็มระหว่างทั้งสองคน ทั้งความรัก ความโกรธ ความอิจฉา และความเจ็บปวด ทั้งหมดนั้นต่างวนเวียนอยู่ในความคิดของนรกานต์และบัวรัตนา ทว่าไม่มีใครกล้าเดินก้าวข้ามเส้นบาง ๆ ที่กั้นขวางพวกเขาไว้บัวรัตนารู้สึกได้ถึงความหวั่นไหวในแววตาของนรกานต์ เธอรู้ว่าคำถามนี้มันไม่ง่ายที่จะตอบ แต่เธอก็เลือกที่จะเฝ้ามองและรอคอยคำตอบจากเขา ทว่าเนิ่นนานคำตอบที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบงันเช่นเดิม“ถ้าจะมัวยืนอยู่อย่างนี้ทั้งคืน สู้เอาเวลาไปนอนดีกว่ามั้งคะ ฉันเองก็ต้องเข้านอนแล้ว พรุ่งนี้หากโชคดีเราคงได้เจอกันที่บริษัท”บัวรัตนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ก่อนจะออกแรงสะบัดมือหนาของนรกานต์ทิ้งไปอย่างไม่สนใจ เธอหัน
วันนี้มีการประชุมใหญ่สำหรับโปรเจคสำคัญที่กำลังจะมาถึง งานนี้ถือเป็นงานใหญ่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อบริษัท การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อค้นหาบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในการดูแลโปรเจคนี้โดยเฉพาะนรกานต์รู้ดีว่าเขามีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมและแสดงความคิดเห็นในฐานะหนึ่งในผู้บริหาร แต่ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเขากลับไม่อาจมีส่วนร่วมในงานสำคัญใด ๆ เลย รู้สึกเหมือนเป็นเพียงไม้ประดับที่ไม่มีบทบาทหรือคุณค่าในบริษัทเมื่อที่ประชุมเปิดโอกาสให้เสนอชื่อผู้ที่จะรับผิดชอบโปรเจคใหม่ นรกานต์รีบยกมือเสนอทันที “โปรเจคนี้ผมทำได้นะครับ” เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะพิสูจน์ตัวเอง ต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขายังมีความสามารถ และไม่ใช่แค่คนที่นั่งไปวัน ๆแต่คำตอบที่เขาได้รับกลับไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง “โปรเจคนี้คุณนรกานต์ทำได้ครับ แต่ว่าคงจะไม่ได้ เพราะตามที่คุณบัวได้กำชับไว้ คุณบัวไม่อยากให้สามีต้องทำงานหนักครับ”คำพูดนั้นราวกับน้ำเย็นที่ราดลงบนความตั้งใจของนรกานต์อย่างจัง โดยเฉพาะเมื่อพนักงานคนนั้นเน้นคำว่า ‘สามี’ ด้วยสีหน้าคล้ายจะยิ้มเยาะแม้ว่าเขาจะพยายามแสดงให้เห็นว่าเขายังมีศักยภาพ แต่ความจริงที่ถูกสะท้อนออกมาจากคำพูดนั้น
"บางทีเราควรจะคุยกัน...ให้มากกว่านี้"ชลธารรู้สึกถึงอันตรายที่เข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที เขารู้ว่าเขาต้องหาทางหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ก่อนที่มันจะเลวร้ายลงไปอีก แต่จะทำยังไงดี? เขาอยู่คนเดียว ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ และนรกานต์ก็เป็นอัลฟ่า ตามนิสัยแล้วไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ได้ง่าย ๆนรกานต์เอื้อมมือจะดันประตูเข้าไป หากคราวนี้ชลธารนั้นไหวตัวทัน โอเมก้าร่างบางรีบดันประตูปิดและล็อกมันไว้อย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว ชลธารถอยหลังหนีจากประตูสองสามก้าวอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาบัวรัตนาอย่างรวดเร็ว“คุณบัว...รับสายที!” ชลธารภาวนาในใจในขณะที่เสียงสัญญาณเรียกเข้าดังขึ้นต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่มีใครรับสาย ความหวาดกลัวทำให้มือของเขาสั่นเทาเย็นเยียบ รู้สึกเหมือนถูกต้อนจนมุมโดยสิ้นเชิงนรกานต์ที่อยู่ด้านนอกประตูเค้นเสียง“หึ! จะเล่นแผนนี้ใช่ไหม!”อัลฟ่าร่างสูงตัดสินใจไม่ยอมแพ้ เขาเดินลงไปยังชั้นล่างด้วยความโกรธและหงุดหงิด เรียกหาหัวหน้าแม่บ้านด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เอากุญแจสำรองห้องเลี้ยงเด็กมา!”หัวหน้าแม่บ้านหญิงมีอายุยืนรออยู่ เธอมองนรกานต์อย่างสงบด้วยสายตาใจเย็น
บัวรัตนาเดินลงมายังชั้นล่างของคฤหาสน์ ท่ามกลางความเงียบในค่ำคืนดึกสงัด เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นรถของนรกานต์จอดอยู่ในโรงรถเรียบร้อยแล้ว แต่กลับไร้ซึ่งวี่แววของผู้เป็นสามีในนาม ความสงสัยจึงเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ“คุณสองล่ะ? ขึ้นห้องแล้วเหรอ?” เจ้าบ้านหันไปถามสาวใช้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักสาวใช้เงยหน้าขึ้นตอบอย่างสุภาพ “คุณสองไม่ได้กลับเข้าห้องค่ะ เห็นว่าอยู่ที่เรือนเล็ก”“เรือนเล็กเหรอ?” บัวรัตนาทวนคำเสียงเบา ความสงสัยเริ่มเข้าครอบงำ ทำไมนรกานต์ถึงไปที่นั่น?ในชีวิตที่แล้ว แม้บัวรัตนาจะเคยวาดฝันว่าเรือนเล็กแห่งนี้จะเป็นเรือนหอของพวกเขา แต่ความฝันนั้นกลับพังทลาย เรือนเล็กถูกทิ้งร้างไปพร้อมกับความสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีความหมาย มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความรักที่ไม่สมหวังและการถูกละเลยดังนั้นในชาตินี้ บัวรัตนาจึงไม่เคยย่างกรายเข้ามายังเรือนเล็กที่คอยตอกย้ำรอยด่างพร้อยในชีวิตของเธอแต่นรกานต์กลับไปที่นั่น?บัวรัตนาไม่รอช้า เธอก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์และเดินตรงไปยังเรือนเล็กตามที่สาวใช้บอก เมื่อมาถึง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือนรกานต์ในสภาพดูไม่ได้สุด ๆ เขานอนล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ดวงตาหมองคล้ำไร้ชีวิต
นรกานต์ยังคงจ้องมองเธออยู่เช่นนั้น ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูของเธอ “ถ้าคุณยอมให้ผมได้ลองดูบ้าง...”หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นยั่วยวนอีกฝ่าย สีหน้าและแววตาของเธอปลุกอารมณ์ด้านมืดของเขาให้ตื่นขึ้น และเหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างสองคนเข้าหากัน ชายหนุ่มก้มหน้าเข้าประชั้นชิดริมฝีปากของบัวรัตนา เขาค่อย ๆ แนบริมฝีปากบางลงบดขยี้กลีบปากของเธอไม่เว้นแม้แต่จังหวะให้หายใจ แม้ร่างกายของเขาจะร้อนขึ้นจากเลือดที่สูบฉีด บางสิ่งในตัวเขามันกำลังแข็งได้ที่อยู่ในเป้ากางเกงนั้นก็ออกอาการ“ผมพร้อมจะเป็นเด็กดีของคุณแล้ว...คุณบัว เพียงแค่คุณบอกว่าต้องการผม” นรกานต์กระซิบชิดอยู่กับริมฝีปากของบัวรัตนา ขณะที่ยังนัวเนียกลีบปากของเธอ“ได้สิ ฉันต้องการคุณ” ความคิดอยากเอาชนะพลุ่งพล่านขึ้นในใจ วินาทีนี้หญิงสาวกลับนึกอยากเห็นว่าคนตรงหน้าจะเป็น ‘เด็กดี’ ได้แค่ไหนเพียงแค่บัวรัตนาตอบรับกลับไป นรกานต์ก็แนบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง คราวนี้เขาใช้ลิ้นร้อนเข้าไปตักตวงความหวานอย่างไม่รู้จักอิ่ม บัวรัตนาไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนรุกล้ำอยู่ฝ่ายเดียว เธอใช้มือเรียวเข้าไปสัมผัสตรงเป้ากางเกงของนรกานต์ ในตอนนี้มันแข็งได้ที่แทบจะทะลุกางเกงออกมาอยู่แล้วส
ณ บริษัทตระกูลก้องเกษมทรัพย์ บรรยากาศในห้องทำงานของบัวรัตนามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เมื่อโต๊ะทำงานใหม่ถูกจัดวางเพิ่มเติมสำหรับชลธาร ผู้ช่วยคนใหม่ของเธอ บรรยากาศภายในห้องยังคงเคร่งขรึมตามแบบฉบับของบัวรัตนา แต่การมีคนเพิ่มเข้ามาก็ทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อยชลธารตื่นเต้นกับการที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับบัวรัตนาตลอดเวลา เขารู้สึกว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ทำงานเคียงข้างหญิงสาวผู้เก่งกาจและทรงอิทธิพล แต่ในขณะเดียวกัน ความประหม่าเล็กน้อยก็ยังคงมีอยู่ เพราะห้องทำงานของบัวรัตนาเป็นห้องกระจกโปร่งใสที่ใครก็ตามที่เดินผ่านไปมาก็สามารถมองเห็นทุกความเคลื่อนไหวภายในได้ชัดเจนอย่างไรก็ตาม ชลธารไม่ได้รู้สึกกังวลใจมากนัก เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบัวรัตนาเป็นเพียงแค่เรื่องงาน ไม่มีสิ่งใดที่ต้องหลบซ่อนหรือปิดบัง ทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่นและเป็นมืออาชีพ“บัว...ขอถามหน่อยได้ไหมครับ ตรงนี้ต้องทำยังไง?” ชลธารยกมือถามอย่างไม่มั่นใจ แม้จะพยายามตั้งใจเรียนรู้งาน แต่ช่วงแรก ๆ เขาก็ยังไม่คุ้นชินกับหน้าที่ใหม่ บัวรัตนาที่ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดกับคำถามของชลธาร รีบวางงานตรงหน้าและเดินมาหาเขาทันที“ไห
“คุณบัว คุณรักใครกันแน่?” นรกานต์ถามเสียงเข้ม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดันและความคาดคั้น ดวงตาของเขาจ้องบัวรัตนาอย่างไม่ลดละ รอคอยคำตอบที่เขาอยากจะได้ยินบัวรัตนาเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ก่อนจะทวนคำถามของเขาอีกครั้ง “คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ” แม้จะได้ยินคำถามชัดเจน แต่เธอกลับไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขานรกานต์กัดฟันแน่น หงุดหงิดที่บัวรัตนาไม่ตอบตรงประเด็น เขาจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดกว่าเดิม “ธารล่ะ คุณรักเขาหรือเปล่า?”คำถามนั้นทำให้บัวรัตนานิ่งไปชั่วครู่ รู้สึกเหมือนถูกต้อนให้จนมุม เธอพยายามอ่านความรู้สึกที่แท้จริงของนรกานต์จากท่าทางที่ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจ และยิ่งเธอไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาเป็นแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ“ถะ...ถามทำไม” บัวรัตนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความลังเลในใจของเธอแสดงออกมาชัดเจนในเวลานี้“แค่ตอบมาว่าคุณรักเขาหรือเปล่า!” นรกานต์ไม่ลดละ เขาตะคอกกลับมาเสียงดังจนบัวรัตนาสะดุ้ง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความคาดหวังอยากได้ยินคำตอบทิ่มแทงบัวรัตนา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันจนไม่อาจทนไหว“ไม่รู้! ฉันไม่รู้!” บัวตะโกนกลับด้วย
หลังจากการทะเลาะกันยืดเยื้อระหว่างสามีภรรยา ความเย็นชาระหว่างพวกเขาก็กลายเป็นกำแพงสูงที่ไม่มีใครยอมก้าวข้ามใบหน้าของนรกานต์ที่เคยหล่อเหลาค่อย ๆ ดูทรุดโทรมขึ้นทุกวัน ความเครียดสะสมและความโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจ ทำให้เขาซูบผอมลงและไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นทุกที ทว่าไม่มีใครสนใจเขามากพอที่จะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น อาจเพราะเขาไม่ได้อยู่ในบ้านของตัวเองอย่างแท้จริง ใครจะมาใส่ใจหรือห่วงใยเขาได้?เช้าวันนี้ นรกานต์ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เตรียมตัวไปทำงานเช่นทุกวัน แม้ว่าร่างกายจะรู้สึกอ่อนแรงและเวียนหัว ซึ่งอาการนี้เป็นมาหลายวันแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจจะดูแลตัวเอง จนกระทั่งวันนี้ เขาเดินลงบันไดด้วยความไม่มั่นคง และทันทีที่ก้าวพลาด ความหน้ามืดเข้าครอบงำ ร่างของเขาลอยวูบลงสู่บันได ความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะตกบันไดแน่แล้วโชคดีที่ชลธารเดินผ่านมาในจังหวะนั้นพอดี เมื่อเห็นเหตุการณ์เขาไม่คิดอะไรมาก รีบพุ่งเข้าไปช่วยทันที ร่างของนรกานต์ถูกพยุงไว้ในนาทีสุดท้าย“คุณ!” แต่เมื่อชลธารรู้สึกตัวว่าเขาเพิ่งช่วยใคร หัวใจของเขาก็สั่นสะท้านจนเผลอปล่อยมืออย่างไม่ตั้งใจ ร่างนรกานต์หล่นกระแทกกับพื้
ที่บ้านพักตากอากาศสุดหรูแบบพูลวิลล่าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดริมทะเลภูเก็ตซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ทั้งคนไทยและต่างชาตินิยมมาพักผ่อน แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นก็ตาม คนไทยที่มีฐานะส่วนใหญ่ ถ้าชื่นชอบการเที่ยวทะเล มักจะซื้อบ้านพักตากอากาศไว้ตามที่ต่าง ๆ บางคนถึงกับลงทุนหลายล้านเพื่อครอบครองที่ดินและบ้านพักริมทะเลที่ตนเองชอบนรกานต์ บัวรัตนา และชลธารเดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ในช่วงค่ำ เนื่องจากบัวรัตนามีงานสำคัญในช่วงกลางวันที่ต้องจัดการก่อน แม้ว่าทั้งสามคนจะตกลงกันไว้แล้วว่าจะมาฮันนีมูนที่นี่ แต่สำหรับบัวรัตนา งานก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยบ้านหลังนี้เป็นบ้านของบัวรัตนาที่เธอตัดสินใจซื้อไว้หลังจากถูกใจบ้านนี้เข้าเต็มเปา แต่ด้วยงานที่รัดตัว ทำให้เธอแทบไม่มีเวลาได้มาใช้ชีวิตในบ้านพักหลังนี้เลย ทั้งที่เธอเคยเป็นคนชอบเที่ยวทะเลมาก นอกจากนี้ บัวรัตนายังเป็นหุ้นส่วนในรีสอร์ทที่มีพูลวิลล่าหลายหลังอีกด้วยเมื่อมาถึง บัวรัตนาก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน นรกานต์มองดูเธอด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย เพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นบัวรัตนาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าแบบนี้บ่อยนัก งานที่เธอเผ
เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กลับกลายเป็นความจริงในโลกของบัวรัตนา จากความสับสนและความไม่แน่นอนที่เคยบดบังเส้นทางของเธอไป เมื่อเวลาผ่านไป เธอได้เรียนรู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้น รวมถึงคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างในชีวิต ความเข้าใจนี้ทำให้เธอตระหนักว่าเธอรักทั้งนรกานต์และชลธารพร้อมกันอย่างแท้จริงความเคียดแค้นที่เคยมีต่อนรกานต์ได้ถูกลบล้างจนหมดสิ้น เมื่อบัวรัตนาเริ่มเห็นความเปราะบางในตัวเขาแทนที่ความเย่อหยิ่ง ความรู้สึกเหล่านี้เปลี่ยนเป็นความรักและความปรารถนาที่จะดูแล ส่วนชลธารที่เริ่มต้นด้วยความสบายใจ กลับค่อย ๆ พัฒนาเป็นความรักที่มั่นคงและลึกซึ้งยิ่งขึ้นการใช้ชีวิตร่วมกันทั้งสามคน แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาและท้าทาย แต่กลับเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตของพวกเขาอย่างที่ไม่เคยคาดคิด แต่ละคนมีบทบาทเฉพาะในการช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย จนทำให้ความสัมพันธ์นี้ก้าวสู่ความสมบูรณ์แบบ ความรักของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกที่แบ่งปัน แต่เป็นการหล่อหลอมให้กลายเป็นหนึ่งเดียวที่แน่นแฟ้น“ธาร อย่าลืมกระเป๋าใบนั้นนะ มันสำคัญมาก!” บัวรัตนาเอ่ยกำชับ พร้อมชี้ไปยังกระเป๋าถือขนาดกลางที่วางตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง“ทำไม
“แต่ฉันจริงจัง...”คำพูดนั้นทำให้นรกานต์รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ความหนาวเย็นไหลวูบผ่านสันหลัง เขาเริ่มตระหนักว่าเขาอาจจะพูดจาไม่คิด และตอนนี้คงหาเรื่องใส่ตัวตั้งแต่เช้าเข้าให้แล้ว ความรู้สึกกังวลพลันเข้ามาครอบงำเขาอย่างรวดเร็วนรกานต์พยายามเบี่ยงเบนความเครียดด้วยการเล่นมุก เขาเอื้อมมือไปดึงแก้มบัวรัตนาเบา ๆ “อย่าคิดมากสิ คุณบัว ขำ ๆ น่า อย่าหน้าบึ้งเลย” เขาพยายามดึงรอยยิ้มจากเธอ แต่บัวรัตนากลับหัวเราะเบา ๆ เพียงชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น“จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากจะเริ่มต้นใหม่กับคุณ?” บัวรัตนาถามขึ้น ทำให้นรกานต์ชะงักไป เขาไม่เข้าใจแน่ชัดว่าหมายความว่ายังไง“หมายความว่ายังไงนะ ผมไม่เข้าใจ” นรกานต์ขมวดคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความกังวลบัวรัตนาสูดหายใจลึก เธอรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดความในใจ “ฉันคิดดูแล้ว... ฉันไม่อยากให้เรายึดติดกับสถานะคู่แต่งงานใช้หนี้บ้า ๆ บอ ๆ นั่น ตอนนี้คุณสองก็รักฉัน ฉันก็รู้สึกดีกับคุณเหมือนกัน แต่...”“แต่...?” นรกานต์ถามต่อด้วยความสงสัย สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่สำคัญมากกำลังจะถูกพูดออกมา“แต่...อะไรล่ะ? ถ้าคุณบัวพูดแบบนี้ ฟัง
บัวรัตนายืนฟังทุกอย่างอยู่ที่หน้าประตูห้องเลี้ยงเด็ก ทุกคำพูดของนรกานต์และชลธารสะท้อนเข้ามาในความคิดของเธออย่างชัดเจน ทั้งสองคนกำลังเปิดเผยความในใจต่อกันอย่างตรงไปตรงมาเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จและตั้งใจจะมาเล่นกับเจ้าตัวน้อยเหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาที่แฝงความรู้สึกเจ็บปวดนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากความเชื่อเดิม ๆ ที่เคยมีมา สุดท้ายบัวรัตนาก็ตัดสินใจถอยออกมาก่อนเงียบ ๆ ปล่อยให้นรกานต์และชลธารได้คุยกันต่อตัวเธอเองก็ต้องใช้เวลานี้เพื่อพิจารณาความรู้สึกของตัวเองด้วยบัวรัตนาเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองด้วยฝีเท้าเบาหวิว ก่อนปิดประตูลงแผ่วเบา อัลฟ่าสาวเดินไปนั่งอยู่หน้ากระจก มองดูเงาสะท้อนของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในบานกระจกใส เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของตัวเอง รู้สึกได้ถึงความสับสนและคำถามที่ค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาเธอครุ่นคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในชาติที่แล้ว ตอนที่เธอตัดสินใจตกลงแต่งงานกับนรกานต์ ทุกอย่างตอนนั้นมันดูเต็มไปด้วยความหวัง แต่หลังจากนั้นเธอพบว่าความรักที่เธอวาดฝันไว้นั้นกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง การแต่งงานครั้งนั้นพังทลายลงเพราะความเชื่อผิด ๆ และความคาดหวังที่ไม่เป็นจริง
ความทรงจำเกี่ยวกับชลธารหวนกลับมาเล่นงานนรกานต์อีกครั้ง ภาพในหัวของเขาพาให้คิดย้อนกลับไปถึงวันที่เขาขืนใจชลธาร มันไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากความรักหรือความผูกพันใด ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความรุนแรงและการบังคับ ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้าใส่ เมื่อเขาตระหนักว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่คล้ายกัน การถูกบีบให้ต้องแบกรับสิ่งที่ไม่คาดคิดและความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับมันเขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ชลธารจะรู้สึกอย่างไรตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนั้น? จะรู้สึกทุกข์ทรมานเหมือนกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้หรือไม่? นรกานต์ได้ยินมาว่าชลธารยังคงทำงานต่อไปแม้จะตั้งท้อง แม้ต้องแบกรับน้ำหนักของท้องที่ใหญ่ขึ้นทุกวัน เขายังคงพยายามทำงานตลอดเก้าเดือนที่ยาวนานในที่สุดนรกานต์ก็เริ่มยอมรับในความแข็งแกร่งของชลธาร ความอดทนและความพยายามของโอเมก้าคนนี้เกินกว่าที่เขาเคยประเมินไว้มาก เขาไม่เคยคิดว่าโอเมก้าที่เขาเคยมองว่าอ่อนแอ จะมีความอดทนและหัวใจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มันทำให้เขาเริ่มมองเห็นความผิดพลาดของตัวเองในอดีตมากขึ้น ความโกรธ ความรุนแรง และความเย่อหยิ่งที่ทำให้เขาทำลายทุกอย่าง ตอนนี้กลับมากัดกร่อนหัวใจของเขาเอง
เวลาผ่านไปหลายเดือน เรื่องการตั้งครรภ์ของนรกานต์ยังคงเป็นความลับที่รู้กันเฉพาะในครอบครัว บัวรัตนาจัดการทุกอย่างอย่างรอบคอบ เธอให้เหตุผลกับบริษัทว่านรกานต์ต้องไปดูงานที่สาขาใหม่ในต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยในการหายตัวไปชั่วคราวของเขา แต่ในความเป็นจริง นรกานต์ต้องอยู่ภายใต้การดูแลใกล้ชิดเนื่องจากภาวะแท้งคุกคามที่ทำให้เขาไม่สามารถทำงานหนักได้การตั้งครรภ์ทำให้ชีวิตของนรกานต์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเป็นอัลฟ่าที่ทรงพลังและทำงานเก่ง ตอนนี้เขาต้องประสบกับความยากลำบากในการเดินหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แม้แต่การขึ้นบันไดก็กลายเป็นภาระ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะบัวรัตนาไม่เคยห่างเขา เธอมักหาเวลามาดูแล ทั้งก่อนออกไปทำงานและหลังเลิกงาน และในวันที่เธอไม่ได้เข้าบริษัท เธอก็จะใช้เวลาอยู่กับนรกานต์ให้มากที่สุดแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จะยังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความขัดแย้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาได้ใช้ร่วมกันก็ทำให้บัวรัตนาเริ่มคิดทบทวนหลาย ๆ อย่างในชีวิต ความผูกพันที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างการดูแลนรกานต์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ทำให้
แต่ก่อนที่เธอจะตอบอะไร เสียงของหมอที่เดินเข้ามาใกล้ก็ดังขึ้น เรียกสติของเธอกลับมา“ญาติคนไข้ หมอขอคุยด้วยหน่อยครับ” หมอพูดขึ้นพร้อมกับสบตากับบัวรัตนา“ค่ะคุณหมอ ฉันเป็นญาติคนไข้เองค่ะ” บัวรัตนาลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่หมอเรียก เธอรู้สึกถึงความตึงเครียดในอากาศ ขณะที่หมอเตรียมจะบอกข่าว เธอเองก็เตรียมใจรับฟังสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่ในใจ“ผลการตรวจของคนไข้...” หมอเริ่มพูดช้าๆ อย่างระมัดระวัง “พบว่าคุณนรกานต์กำลังตั้งครรภ์อยู่ในระยะแรกครับ”คำพูดนั้นดังก้องในหูของบัวรัตนา ใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะควบคุมไม่อยู่ มันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดฝัน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น เธอเป็นอัลฟ่า นรกานต์ก็เป็นอัลฟ่า แล้ว...เป็นไปได้ยังไง?“หมอ...หมายความว่ายังไงคะ?” บัวรัตนาถามเสียงเบา ใจหนึ่งอยากให้คำตอบนั้นเป็นเพียงความผิดพลาด แต่อีกใจก็รู้ดีว่าหมอคงไม่พูดเล่นเรื่องแบบนี้หมอถอนหายใจเบาๆ ก่อนอธิบาย “จากการตรวจเบื้องต้น ผลเลือดของคุณนรกานต์บ่งชี้ว่าเขากำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในอัลฟ่า แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้”เธอพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง “แต่ว่า...เขาเป็นอัล
หลังจากการทะเลาะกันยืดเยื้อระหว่างสามีภรรยา ความเย็นชาระหว่างพวกเขาก็กลายเป็นกำแพงสูงที่ไม่มีใครยอมก้าวข้ามใบหน้าของนรกานต์ที่เคยหล่อเหลาค่อย ๆ ดูทรุดโทรมขึ้นทุกวัน ความเครียดสะสมและความโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจ ทำให้เขาซูบผอมลงและไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นทุกที ทว่าไม่มีใครสนใจเขามากพอที่จะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น อาจเพราะเขาไม่ได้อยู่ในบ้านของตัวเองอย่างแท้จริง ใครจะมาใส่ใจหรือห่วงใยเขาได้?เช้าวันนี้ นรกานต์ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เตรียมตัวไปทำงานเช่นทุกวัน แม้ว่าร่างกายจะรู้สึกอ่อนแรงและเวียนหัว ซึ่งอาการนี้เป็นมาหลายวันแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจจะดูแลตัวเอง จนกระทั่งวันนี้ เขาเดินลงบันไดด้วยความไม่มั่นคง และทันทีที่ก้าวพลาด ความหน้ามืดเข้าครอบงำ ร่างของเขาลอยวูบลงสู่บันได ความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะตกบันไดแน่แล้วโชคดีที่ชลธารเดินผ่านมาในจังหวะนั้นพอดี เมื่อเห็นเหตุการณ์เขาไม่คิดอะไรมาก รีบพุ่งเข้าไปช่วยทันที ร่างของนรกานต์ถูกพยุงไว้ในนาทีสุดท้าย“คุณ!” แต่เมื่อชลธารรู้สึกตัวว่าเขาเพิ่งช่วยใคร หัวใจของเขาก็สั่นสะท้านจนเผลอปล่อยมืออย่างไม่ตั้งใจ ร่างนรกานต์หล่นกระแทกกับพื้
“คุณบัว คุณรักใครกันแน่?” นรกานต์ถามเสียงเข้ม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดันและความคาดคั้น ดวงตาของเขาจ้องบัวรัตนาอย่างไม่ลดละ รอคอยคำตอบที่เขาอยากจะได้ยินบัวรัตนาเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ก่อนจะทวนคำถามของเขาอีกครั้ง “คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ” แม้จะได้ยินคำถามชัดเจน แต่เธอกลับไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขานรกานต์กัดฟันแน่น หงุดหงิดที่บัวรัตนาไม่ตอบตรงประเด็น เขาจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดกว่าเดิม “ธารล่ะ คุณรักเขาหรือเปล่า?”คำถามนั้นทำให้บัวรัตนานิ่งไปชั่วครู่ รู้สึกเหมือนถูกต้อนให้จนมุม เธอพยายามอ่านความรู้สึกที่แท้จริงของนรกานต์จากท่าทางที่ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจ และยิ่งเธอไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาเป็นแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ“ถะ...ถามทำไม” บัวรัตนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความลังเลในใจของเธอแสดงออกมาชัดเจนในเวลานี้“แค่ตอบมาว่าคุณรักเขาหรือเปล่า!” นรกานต์ไม่ลดละ เขาตะคอกกลับมาเสียงดังจนบัวรัตนาสะดุ้ง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความคาดหวังอยากได้ยินคำตอบทิ่มแทงบัวรัตนา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันจนไม่อาจทนไหว“ไม่รู้! ฉันไม่รู้!” บัวตะโกนกลับด้วย