บรรยากาศภายในห้องทำงานเย็นเฉียบท่ามกลางอากาศภายนอกที่ร้อนระอุ“อีกแค่ 10 วันเองเหอเสี่ยวหง” หญิงสาวพึมพัมกับตัวเองหลังเปิดดูปฏิทินประจำปีที่ตั้งไว้บนโต๊ะทำงานอีกแค่สิบวันก็จะถึงวันเกิดที่เธอเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เป็นเวลาเกือบสามสิบปีที่รอคอยมันใกล้จะมาถึงแล้วเหอเสี่ยวหงใช้มือที่ถือปากกาเช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหล “ฉันใกล้จะได้กลับไปหาทุกคนแล้ว” เธอยิ้มอย่างยินดีก๊อก! ก๊อก!‘คุณเหอคะ! หยาดฟ้าเองค่ะ’“เข้ามา!”เสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกกับพื้นห้องดังขึ้น ทำให้เหอเสี่ยวหงที่เหม่ออยู่ เงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาภายในห้อง“มีอะไร” เหอเสี่ยวหงถามเสียงเรียบ พลางก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ“กลีเซอรีนจำนวน 10,000,000 ก้อน ขี้ผึ้งสีขาวจำนวน 3,000,000 ก้อน เทียนคละสีจำนวน 5,000,000 เล่ม หยาดได้สั่งซื้อจากโรงงานให้ไปส่งที่สวนแล้วนะคะ ไม่เกิน 2 วัน ทางโรงงานน่าจะส่งถึง” หยาดฟ้าที่ก้มหน้าอ่านใบเสร็จเงยหน้าขึ้นบอกแล้วพูดต่อ“แล้วก็ของที่คุณเหอซื้อมันเป็นจำนวนมาก ทางโรงงานเลยแถมน้ำมันรำข้าวกับน้ำมันมะพร้าวให้ชนิดละ 1,000 ลิตรค่ะ” ว่าจบก็ยื่นใบเสร็จให้ผู้เป็นเจ้านายเหอเสี่ยวหงปิดแฟ้มเอกสารแล้วหยิบใบเสร็จขึ้นตร
เครื่องใช้ไฟฟ้า(electrical appliance)โซนเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นโซนที่มีลูกค้ามาซื้อประจำในห้างนี้ และเหอเสี่ยวหงก็เลือกที่จะไปเป็นที่แรก เพราะเธอตั้งใจจะมาหาซื้อกระติกน้ำร้อน“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง ไม่ทราบคุณผู้หญิงกำลังมองหาเครื่องใช้อะไรคะ ดิฉันสามารถแนะนำให้ได้”พนักงานที่ดูแลโซนเครื่องใช้ไฟฟ้ารีบเดินเข้ามาต้อนรับ เมื่อเห็นเหอเสี่ยวหงเดินเข้าโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกับผู้ติดตามเหอเสี่ยวหงไม่ได้ตอบพนักงานที่ถาม แต่เธอมองหากระติกน้ำร้อนที่ตั้งใจจะมาซื้อ พอเห็นก็รีบเดินไปดูทันที“อุ๊ย! คุณผู้หญิงตาถึงจริง ๆ ค่ะ! นี่คือกระติกน้ำร้อนรุ่นลิมิเต็ดที่เลียนแบบยุคสมัยก่อน และเป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตมาจำนวนจำกัดไม่สามารถผลิตเพิ่มได้แล้ว ราคาจะอยู่ที่ 1,239 หยวนค่ะ” หากซื้อกระติกน้ำร้อนรุ่นธรรมดา ราคาจะไม่ถึงหนึ่งพันหยวน แต่เนื่องจากทางโรงงานผลิตเห็นว่าช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาล จึงผลิตขึ้นมาเพียง 1,000 ใบ พร้อมกับส่งตรงให้แค่ห้างในเครือของที่นี่“หากคุณผู้หญิงมีบัตรสมาชิกของห้าง สามารถใช้แลกแก้วเก็บอุณหภูมิต่อการซื้อกระติกน้ำร้อนหนึ่งใบต่อหนึ่งใบ แต่ถ้าไม่มีบัตรสมาชิก ดิฉันสามารถพาไปสมัครได้ค่ะ” พนักงานส
03.21 น.ผ่านมาแล้วเก้าวันหลังจากที่เหอเสี่ยวหงไปซื้อของมา ของที่สั่งก็ทยอยเข้ามาส่งจนใกล้จะครบ และเหอเสี่ยวหงก็เก็บใส่มิติหมดแล้ว วันนี้ยังมีโยเกิร์ต นมสด และผ้าขนหนูอัดเม็ด ที่คาดว่าจะมาส่งอีกเพียงวันเดียวเหอเสี่ยวหงก็จะได้กลับไปในที่ที่ได้จากมาแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เหล่าลูกสาวจะเป็นยังไงกันบ้าง ถ้าถามว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าจะได้กลับไป ก็ต้องบอกว่าก่อนที่จะมาเกิดใหม่เหอเสี่ยวหงได้เจอกับคน ๆ หนึ่ง ที่บอกเธอไว้ว่าจะได้เกิดใหม่ แต่เมื่อถึงเวลาหรือก็คือเมื่อไหร่ที่เหอเสี่ยวหงครบสามสิบปี เธอจะได้กลับไปยังที่ที่ได้จากมา เพื่อชดใช้ให้กับสามีและลูกสาวที่เธอทิ้งมาครืน ครืนเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้นมาในวลาที่เหอเสี่ยวหงกำลังอาบน้ำอยู่ คงจะเป็นหยาดฟ้าที่โทรมาเรียกเพราะพวกเธอนัดกันไปซื้อของสดที่ตลาดเช้าวันนี้ ทำให้ต้องตื่นตั้งแต่เช้าหรือเรียกได้ว่าก่อนไก่ขัน อันที่จริงทั้งสองอาศัยอยู่ด้วยกัน หยาดฟ้าจะเดินมาเคาะห้องเธอก็ได้ แต่เวลานี้คงจะไม่เหมาะก๊อก! ก๊อก!“ยัยหงงงง” เสียงตะโกนจากหยาดฟ้าดังเข้ามาในห้องอาบน้ำหลังเหอเสี่ยวหงไม่ยอมรับสาย“แปปหนึ่ง! ฉันอาบน้ำก่อน” เหอเสี่ยวหง
บ้านรองโจว‘ถุย! นังสะใภ้อกตัญญู ออกมาไปทำงานเดี๋ยวนี้นะ!’ เสียงนางหลี่ซื่อ แม่เลี้ยงของสามีดังขึ้น‘คุณย่าคะ แม่ฉันเพิ่งแท้งน้อง ให้คุณแม่พักเถอะนะคะ ฮือๆๆ’ เสียงโจวเอ้อร์นีลูกสาวคนโตของเธอร้อง ทำให้เหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวทันทีตุ้บ ตุ้บ‘คุณแม่! อย่าตีหลานเลยนะคะ ฮือออ สะใภ้รองเพิ่งแท้งลูก คุณแม่อย่าใจร้ายกับหล่อนเลย’‘หน๊อยย เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ!’‘เกิดอะไรขึ้น!!’‘น้องสามี!’ ‘โจวมี่!’ ‘คุณอาเล็ก!!’ภายในห้องเสียงวุ่นวายข้างนอกทำให้เหอเสี่ยวหงลืมตาขึ้นมองทันที เมื่อมองไปรอบๆก็เห็นลูกสาวอีกสามคนซุกตัวอยู่ข้างๆเตียงเตาของเธอ ตรงกันมีลูกสาวของสะใภ้ใหญ่เหอหรงหรงหรือก็คือลูกพี่ลูกน้องของเธอเองเหอเสี่ยวหงยิ้มทันที! หล่อนได้กลับมาหาลูกๆของหล่อนแล้ว! เหอเสี่ยวหงค่อยๆเอามือประกบท้องทันทีที่พยายามลุกขึ้นเพราะหล่อนเพิ่งแท้งลูกจึงทำให้เจ็บท้อง“ซะ...ซานนี” เหอเสี่ยวหงเอ่ยเรียกลูกสาวคนรองที่กำลังนั่งกอดน้องสาวอีกสองคน“แม่!” โจวซานนีตะโกนทันทีที่เห็นแม่ของหล่อนตื่นนอกห้อง“ลูกสาวสามมาที่นี่มีอะไรหรอจ๊ะ” นางหลี่ซื่อเอ่ยถามที่นางหลี่ซื่อพูดดีกับโจวมี่ก็เพราะหล่อนยังมีประโยชน์ต่อพวกนางยังไงละ!
หลังจากแยกบ้านวันนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้ว เหอเสี่ยวหงในตอนนี้ก็กำลังบำรุงร่างกายเพราะเพิ่งแท้งลูกและยืนนานเกินไปตกดึกจึงปวดท้องทำให้ล้มนอนอีกครั้ง‘พี่สะใภ้ใหญ่’‘อ้าว น้องสาวสามตื่นแล้วเหรอ’‘ใช่ค่ะ เสี่ยวจวี่ร้องไห้งอแงน่ะค่ะ’เสียงทักทายของพี่สะใภ้และน้องสาวสามีดังขึ้นข้างนอกห้องของเหอเสี่ยวหงเนื่องจากบ้านหลังนี้มี 8 ห้องนอน เหอเสี่ยวหงเลือกเอา 3 ห้อง เหอหรงหรงก็เลือกเอา 3 ห้อง โจวมี่เลือก 1 ห้อง มันจึงเหลือ 1 ห้อง ทั้งสามจึงตกลงกันว่าจะทำเป็นห้องครัว ส่วนห้องครัวเก่าก็จะทำเป็นห้องเก็บฟืนบ้านหลังนี้อยู่ติดกับคลองน้ำที่ชาวบ้านใช้ แต่บ้านหลังนี้อยู่ต้นน้ำและมีกำแพงอ้อมสูง 2 เมตร ลานหน้าบ้านนั้นมีต้นไม้ต้นใหญ่ 2 ต้น ใต้ต้นไม้จะมีโต๊ะและเก้าอี้อยู่ 2-3 ตัวข้างบ้านด้านขวาจะมีห้องครัวเก่าที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นห้องเก็บฟืน กับมีบ่อน้ำที่มีไม่กี่บ่อในหมู่บ้าน ส่วนด้านหลังนั้นจะเป็นแปลงผักกับเล้าไก่เก่าภายในตัวบ้านจะคล้ายครึ่งวงกลม เมื่อเปิดประตูทางซ้ายจะเป็นห้องครัว ถัดจากห้องครัว 2 ห้อง จะเป็นห้องของเหอหรงหรง ส่วนอีกห้องจะเป็นห้องตรงข้ามกับประตู ข้างๆกันจะมีอีกห้องที่ยกให้โจวมี่ และทางด้าน
หลังจากที่เหอเสี่ยวหงขายไข่ไก่ให้คุณป้าคนนั้นแล้วเหอเสี่ยวหงก็ยังขายสบู่ในราคาก้อนละ 3 หยวน และเอาผลไม้อย่างอื่นออกมาขายอีกเล็กน้อยก็ได้เงินทั้งหมด 51 หยวน 8 เฟิน! เป็นเงินเดือนสามีของเธอเกือบ 2 เดือน!แม้นิยายในปี2022 ที่เหอเสี่ยวเคยอ่านหลาย ๆ เรื่องจะเห็นว่ามาขายครั้งหนึ่งได้เป็นร้อย ๆ หยวนก็ตาม แต่นี่คือชีวิตจริง! หากเธอจะขายของได้เป็นร้อย ๆ หยวนคงต้องใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง! เพราะแค่นี้เธอก็ขายของ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ และเธอคงจะฝืนร่างกายเหนื่อยอยู่หรอก! กว่าจะปั่นจักรยานกลับบ้านอีก!เมื่อขายของเสร็จแล้วเหอเสี่ยวหงก็ปั่นจักรยานมาจอดที่ห้างสรรพสินค้าในอำเภอและเข้าไปดูของข้างใน แต่เพราะมันเป็นช่วงปลายเดือน ของจึงยังไม่มาเติม และหากของมาเติม ไม่ถึงวันก็ไม่น่าพอเพราะของน้อยมาก ตอนนี้ของน้อยชนิดที่ว่าเหลืออันละไม่เกิน 3 ชิ้น!‘แบบนี้ฉันจะเอาอะไรกลับไปให้บ้านใหญ่กับโจวมี่เล่า’ เหอเสี่ยวหงคิดในใจ ที่เธอจะไม่เอาของในมิติให้ก็เพราะไม่อยากให้ทั้งสองสงสัยว่าเอาของมาจากไหนในเวลาที่ของหายากแบบนี้ ‘งั้นเอาแอปเปิลให้สัก 2 ลูกก็ได้’ เหอเสี่ยวหงตอบตัวเองในใจ เหอเสี่ยวหงที่ขี่จักรยานออกจากห้างสรรพ
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”เหอเสี่ยวหงหันไปมองตามเสียงก็เห็นสะใภ้ใหญ่เดินออกมา ตามมาด้วยลูกสาวคนโตอย่างโจวต้าหงหรือโจวต้านีวัย 9 ขวบที่จับมือน้องสาวคนรองอย่างโจวซือหงหรือโจวซือนีเด็กน้อยวัย 7 ขวบ ออกมาด้วยส่วนลูกสาวคนเล็กวัยสามขวบของบ้านใหญ่อย่างโจวมู่หงหรือโจวมู่นีนั้นเหอเสี่ยวหงไม่เห็น อาจจะยังนอนอยู่ก็ได้“พี่สะใภ้มาพอดีเลยช่วยฉันขนของหน่อยค่ะ” เหอเสี่ยวหงบอก“ได้จ้ะ” สะใภ้ใหญ่ตอบ“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ!/หนูช่วยค่ะ!”เป็นโจวต้านีกับโจซือนีบอกพร้อมกับเดินมาช่วยทุกคนขนของเข้าไปในบ้าน เพราะคนบังคับเกวียนวัวเป็นผู้ชาย เหอเสี่ยวหงจึงไม่ได้ให้เขาเอาเกวียนเข้าไปในบ้านส่วนเหอเสี่ยวหงนั้นเมื่อทุกคนขนของเข้าไปข้างในทั้งหมดและอาศัยช่วงเงลาที่คนบังคับเกวียนนั่งพักเอาแรง ก็นำผ้านวมที่พับซีลใส่ถุงสูญกาศออกมาแล้วทำเป็นหยิบจากเกวียนเข้าไปในบ้าน“โอ้! สะใภ้รอง เธอได้ผ้านวมมาจากไหนน่ะ! ผืนใหญ่มาก” สะใภ้ใหญ่อุทานตาโตตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนกันยายนแน่นอนว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นฤดูหนาว ที่เหอเสี่ยวหงเอาออกมาตอนนี้ทั้ง ๆ ยังไม่ถึงฤดูที่ต้องใช้ก็เพราะมันยังหาง่ายอยู่ยังไงล่ะ!หากเข้าสู่ช่วงหนาวแล้วทุกบ้า
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงได้กินแผ่นแป้งเย็นที่ลูกสาวเหลือไว้ให้สองแผ่นพาลูกสาวทั้งสี่คนไปอาบน้ำแล้วไล่เข้าห้องไป รวมถึงโจวลิ่วนีที่เธอให้ เด็กๆอยู่ด้วยกันก่อน จุดเทียนไว้ 3 เล่ม แล้วบอกให้เด็กๆระวังเปลวไฟจากนั้นจึงมาจุดเตาไฟที่มีฟืนและถ่านยังแดงร้อนอยู่เล็กน้อย ใส่ฟืนและพัดให้ไฟลุกจะได้ทำอาหารไว้กินพรุ่งนี้เช้า เหอเสี่ยวหงนำรากผักชีในมิติออกมาผัดใส่พริกไทยในน้ำมันเล็กน้อยผัดให้เครื่องหอมแล้วเทน้ำใส่ไปเกือบเต็มหม้อ ใส่ผงปรุงรส เกลือ ซีอิ๊ว คนให้ละลายจากนั้นนำกระดูกหมูที่มีเนื้อติดใส่ลงไป 2 ชั่ง แล้วปิดฝาไว้ทิ้งไว้ เนื่องจากมันมีถ่านจากการปิ้งแผ่นแป้งอยู่แล้วบวกกับใส่ฟืนลงไป คืนนี้จึงไม่ต้องลุกมาใส่ฟืนอีกพรุ่งนี้เหอเสี่ยวหงจะใส่อย่างอื่นเพิ่มแล้วก็จะหุงข้าวกินกับน้ำซุปกระดูกหมูที่ได้ต้มไปหันไปอีกเตาที่ยังไม่ได้จุดไฟ เหอเสี่ยวหงได้ย้ายไฟจากอีกเตามาใส่และใส่เชื้อเพลิงลงไปทำให้ไฟลุกขึ้น หยิบหม้อตักน้ำใส่ต้มให้สุก แล้วเหอเสี่ยวหงนำน้ำต้มสุกใส่กระติกน้ำร้อนไว้ พรุ่งนี้เธอจะได้ผสมกับนมให้เด็กๆดื่มถ้าไปต้มพรุ่งนี้เช้า คงจะไม่ทันเพราะมี 2 เตา และ 3 บ้าน กว่าจะทำอาหาร
เหอเสี่ยวหงไล่อ่านรายการบนกระดาษที่จดสิ่งจำเป็นที่ต้องซื้อ เธอจะซื้อของมาไว้ใช้ทำกับข้าวระหว่างที่ยังอยู่ที่หมู่บ้าน และของบางส่วนที่จะให้คนงานกินเหอเสี่ยวหงคุยกับโจวเหวินหลงเรื่องการถอนหญ้าออกจากที่ดิน เพราะตอนที่เข้าไปดูนั้นหญ้าสูงมาก ก่อนจะล้อมรั้วไว้จึงอยากให้ถอนหญ้าออกให้หมด ป้องกันสัตว์ที่จะเข้ามาอยู่อาศัยได้ไม่น้อยก็มาก“เดี๋ยวก่อนจะออกไปซื้อของ เราไปหาเลขาธิการหม่าก่อนนะคะ” เหอเสี่ยวหงบอก“หือ?”“ก็ให้เลขาธิการหม่าหาคนงานให้เราไงคะ” เหอเสี่ยวงหงตอบสามี“ได้”เพราะไม่รู้ว่าถ้าหาเองพวกเธอจะได้คนงานหรือเปล่า เห็นหลายคนเข้าแปลงนาของตัวเองกันหมด อีกอย่างค่าแรงคนงานเท่าไรก็ไม่รู้ สู้ให้เลขาธิการหม่าหาให้จบ ๆ เพราะยังไงเขาคงไม่เอาคนงานที่ทำงานไม่ได้มาให้พวกเธอหรอก“งั้นเราไปกันเลยดีกว่าค่ะ”เหอเสี่ยวหงล็อกบ้านก่อนจะเอารถยนต์ออกมาจากมิติ ตั้งแต่ที่มาถึงหมู่บ้านมันก็ถูกเก็บใส่มิติไว้ ถ้าไม่ออกไปซื้อของมันก็ไม่ได้ออกมาอยู่ข้างนอกแน่ ๆโจวเหวินหลงขับรถไปที่บ้านเลขาธิการหมู่บ้านตามที่ภรรยาบอก เอ่ยสิ่งที่ต้องการไปไม่กี่คำอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับรู้แล้ว เหอเสี่ยวหงรออยู่บนรถ โจวเหวินหลงลงไปบอก
เหอเสี่ยวหงมองชาวบ้านถกเถียงเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยของลูกสาวตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อไม่นานมานี้ยังต่อว่าเธอกับสามีเรื่องขายลูกสาวกินอยู่เลย“ไป ๆ จะไปไหนก็ไป ฉันจะคุยกับหลานชายฉัน” ย่าโจวเอ่ยไล่ชาวบ้านที่เข้ามามุงหลายสิบคน‘แต่โจวเหวินหลงก็เป็นหลานชายของพวกเรานะคะแม่’‘นั่นสิ นาน ๆ เขากลับมาบ้านพวกเราก็อยากจะถามไถ่’‘ใช่ ๆ’‘อีกอย่างมหาวิทยาลัยอะไรที่หลานสาวเข้า พวกเราก็ยังไม่รู้เลย’‘เข้าจริงหรือเปล่า’'ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย''ใช่'‘ใช่ จะไล่พวกเราไปไม่ได้นะ’และทุกคนยังปฏิเสธที่จะจากไป ทุกครั้งที่มีเรื่องอะไรพวกเขาก็ต้องรู้เรื่องด้วยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ทุกคนในหมู่บ้านก็รู้เรื่องกันทั้งนั้น“จะไปไหนก็ไป” ย่าโจวเอ่ยอีกรอบชาวบ้านที่มามุงมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับย่าโจวเพราะนางมีลูกหลานเยอะ อีกอย่างในหมู่บ้านโจว สกุลโจวก็ใหญ่ที่สุด แทบจะหมดหมู่บ้านอยู่แล้วหากมีปัญหากับย่าโจวก็เท่ากับมีปัญหากับทั้งสกุลโจว ย่าโจวในตอนนี้นับว่าเป็นผู้อาวุโสที่สุดในสกุล ‘ไปก็ได้จ้ะ’‘ฉันไปแล้ว’‘ไป ๆ’‘ฉันลืมว่าหุงข้าวไว้ คงจะต้องกลับไปดู’‘น้ำคงจะเต็มนาแล้ว’‘ใช่’‘ใคร
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่เหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงที่นอนพักอยู่ในบ้านก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะมีคนมาเรียกเสียงดัง เหอเสี่ยวหงมองหน้าสามีก่อนจะดูนาฬิกาที่เอาติดมาด้วย พบว่าตอนนี้ประมาณสี่โมงเย็น และหากมองออกไปข้างนอกก็ยังมีแสงส่องเข้ามา“เดี๋ยวผมออกไปดูก่อน” โจวเหวินหลงบอกเหอเสี่ยวหงพยักหน้าลุกขึ้นมาแต่งตัว เพราะชุดที่ใส่ในตอนนี้ไม่ได้เรียบร้อย หากออกไปคนอาจจะมองไม่ดี‘เปิดบ้านหน่อยสิ’‘ฉันมาถามข่าวหลานชาย’‘เห็นขับรถคันใหญ่ คงจะรวยสินะ !’‘ใช่ หลายคนเห็นนายขับรถยนต์มา’‘ฉันอยากดูรถ’‘ขอเข้าไปดูรถหน่อย‘ทำไมไม่เปิดล่ะ’‘ใช่ ๆ’‘น้องชายแกอยากคุยด้วย!’‘หลานชายมาทั้งทีเราก็อยากมาถาม’‘ใช่แล้ว’‘ให้อาเข้าไปหน่อย’‘เปิดสิ’‘เอ๊ะ!’ระหว่างที่เหอเสี่ยวหงเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ได้ยินเสียงวุ่นวายข้างนอก เธอไม่รู้ว่าเป็นใครบ้างเพราะจำเสียงไม่ได้ อีกอย่างอีกฝ่ายก็ไม่ได้สำคัญให้เธอจดจำ และใส่ใจ“มีอะไร”เหอเสี่ยวหงออกมาดูหน้าบ้านเพราะยังได้ยินเสียงโต้ตอบกันอยู่ โจวเหวินหลงก็ยืนอยู่แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนที่มาเป็นญาติผู้ใหญ่ทั้งนั้น“สะใภ้รอง!” ผู้หญิงแก่ ๆ คนหนึ่งเรียกเธอ“ใครน่ะ” เหอเสี
ระหว่างที่ต้องรอเครื่องนอน เหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงก็นั่งพักคุยกัน จริง ๆ ทั้งสองคนปรึกษากันว่าจะออกไปเดินดูข้างนอกว่ามีอะไรบ้าง แต่ก็จะรอเครื่องนอนมาส่งก่อน เพราะถ้าเกิดเอามาส่งในตอนที่ไม่อยู่จะได้ไม่ต้องไปเอาเองเพราะไม่มีของอะไรมาเลยยกเว้นใบชากับขนมของเด็ก ๆ เหอเสี่ยวหงจึงคิดที่จะหาของไปฝากที่บ้านฝั่งสามี แม้จะต้องเสียเงินมากพอสมควรก็ตาม เพราะบ้านฝั่งสามีมีมากกว่าสิบบ้าน และหากว่าไม่มีอะไรไปฝากเลย โจวเหวินหลงก็จะถูกมองไม่ดี แม้เหอเสี่ยวหงจะเคยไปในอนาคต ที่แม้จะเคารพแต่ก็ไม่ถึงกับต้องเอาของมาฝาก แต่มารยาทก็สำคัญเช่นกันพวกเธอจากหมู่บ้านโจวไปหลายสิบปี หากจะให้มือเปล่ากลับบ้านคงจะถูกคนมอง และเหอเสี่ยวหงก็ยังไว้หน้าบ้านฝั่งสามีด้วยประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็มีพนักงานเอาเครื่องนอนกับกุญแจห้องมาให้ เวลาจะออกไปไหนจะได้ล็อกห้องไว้ และถ้าจะคืนห้องต้องเอากุญแจไปคืนเหอเสี่ยวยืนฟังข้อห้ามของทางห้องพักอยู่ครู่หนึ่ง หลังพนักงานเอาเครื่องนอนกับกุญแจมาให้ จริง ๆ มันต้องจ่ายมัดจำค่ากุญแจไว้สองหยวนด้วยเผื่อไม่เอามาคืน แต่เพราะต้องรอเครื่องนอนอยู่นานจึงได้มาฟรี และเหอเสี่ยวหงก็คิดว่ามันดีมาก“งั้นเราออ
ระยะเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาตั้งแต่ย้ายมาที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงไม่ค่อยกลับไปที่บ้านเกิดเลย และมีเพียงโจวเหวินหลงเท่านั้นที่กลับไปบ่อย เพราะเหอเสี่ยวหงคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องเดินทางหลายวันเพื่อกลับไปอยู่ที่นู่น ไม่รู้ว่าจะต้องกลับไปทำไมในเมื่อลูกสาวก็อยู่ที่นี่ แต่เพราะเธอจากบ้านมาหลายปีแล้ว ลูกสาวก็แยกย้ายกันไปเรียน ที่ร้านก็ยังมีพนักงานดูแล หากกลับไปดูบ้านไม่กี่วันคงจะไม่เป็นไรหลังจากหลายวันก่อนที่เหอเสี่ยวหงไปหาหลานสาวเธอจึงคุยกับโจวเหวินหลงเรื่องนี้ ในตอนแรกเขาไม่เห็นด้วย เพราะการเดินทางไปหลายวันทำให้เขาห่วงร้าน แต่เหอเสี่ยวหงก็หาวิธีมาตะล่อมให้เขาพากลับบ้านเกิดจนได้โดยการกลับบ้านในครั้งนี้โจวเหวินหลงขับรถเอง ไม่ขึ้นรถไฟเหมือนทุกครั้งที่กลับไปหาน้องสาว เพราะครั้งนี้มีคนเป็นภรรยาไปด้วยเขาจึงกลัวเธอเหนื่อย เหอเสี่ยวหงบอกเรื่องนี้กับครอบครัวเหอแล้ว และทุกคนอยากไปด้วย แต่เพราะอาสามกับอาสี่นั้นกำลังยุ่ง ๆ เรื่องที่จะลาออกจากกองทัพจึงไปไม่ได้ ส่วนสะใภ้ใหญ่นั้นจะต้องไปดูลูกสาวคนโตจึงไปด้วยไม่ได้เพราะฉะนั้นการกลับบ้านเกิดในครั้งนี้ จึงมีเพียงเหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงเท่านั้น เหอเสี่ยวหง
เหอเสี่ยวหงนั่งคุยกับหลานสาวอยู่ครู่หนึ่ง โจวเหวินหลงก็เดินกลับเข้ามาทักหลานสาวที่นั่งคุยกับคนเป็นภรรยาอยู่“ต้านี”“อารอง” โจวต้านียิ้มเกือบ ๆ สองปีได้แล้วที่หล่อนไม่ได้เจออาชายคนนี้ ในตอนที่หล่อนแต่งออกมานั้นมีเพียงพ่อกับแม่ของหล่อนที่มาส่งที่บ้านสามี ส่วนครอบครัวอารองติดงานและดูแลในส่วนของบ้านรองวันนี้หล่อนกำลังเย็บเสื้อให้ลูกในท้องที่ยังไม่คลอด โดยมีป้าสะใภ้ใหญ่ที่ไม่ต้องทำงานอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อน พอได้ยินจากปากป้าสะใภ้ว่ามีคนเป็นอามาหาหล่อนจึงรีบออกมา“เป็นยังไงบ้าง” โจวเหวินหลงถามหลานสาว“ช่วงนี้หนูหยุดงานน่ะค่ะ เพราะท้องโตแล้ว” หล่อนตอบโจวต้านีเป็นหลานสะใภ้คนเล็กของบ้าน โดยที่ตั้งแต่หล่อนแต่งเข้ามาหล่อนก็ทำงานในห้างสรรพสินค้ามาตลอด เพิ่งจะหยุดอยู่บ้านเมื่อช่วงตั้งครรภ์เข้าเดือนที่หก จริง ๆ แล้วหล่อนต้องทำงานต่ออีกสองเดือน เพราะยังไม่ใกล้คลอดแต่หล่อนกลับลาออกจากงานไปเลยไหน ๆ แล้วครอบครัวของหล่อนก็แยกออกจากบ้านใหญ่แล้ว เพียงแต่อาศัยอยู่ในชายคาเดียวกันเฉย ๆ คนอื่นต่อให้ไม่พอใจก็ไม่มีสิทธิ์มาคัดค้าน และสามีของหล่อนก็เห็นด้วย เขาสามารถหาเงินเลี้ยงหล่อนกับลูกได้“อยู่ที่นี่สบายดี
เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวต้องแยกจากกันไกล แต่การแยกกันครั้งนี้ไม่ใช่แยกจากกันไปเลย เพียงแต่แยกย้ายกันมีสังคมใหม่ ๆ ในอนาคตข้างหน้าในตอนที่เข้าเรียนระดับประถม เด็ก ๆ ยังแค่ไปเรียนที่เดียวกัน พักด้วยกัน และในวันหยุดยังกลับมาที่บ้านได้ แต่ในรอบนี้คงจะกลับมาบ่อย ๆ ไม่ได้เพราะต้องไปเรียนต่างถิ่นเหอเสี่ยวหงไม่ได้ไปส่งลูกสาวที่มหาวิทยาลัยสักคน เพราะแต่ละคนนั้นไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เดียวกัน เหอเสี่ยวหงกลัวว่าหากไปส่งคนใดคนหนึ่งที่เหลือก็อาจน้อยใจได้ ถึงแม้สาว ๆ จะไม่พูดก็ตามแต่สำหรับอู๋นีกับคนที่เรียนมหาวิทยาลัยฉงชิ่ง โจวเหวินหลงขับรถไปส่งเองส่วนเหอเสี่ยวหงก็กำชับทุกคนให้ส่งจดหมายมาที่ร้านหากถึงที่หมายแล้ว และเธอก็ยังเตรียมของให้ลูกสาวหลายอย่าง ผ้านวมที่หนา เสื้อผ้า ยาและของใช้ส่วนตัว พวกของกินจะตามไปที่หลังหากส่งที่อยู่มาให้ เพราะเหอเสี่ยวหงคิดว่ามันจะลำบากเกินไปถ้าเอาไปด้วยในตอนที่ยังไม่ได้ที่พักสำหรับหลาน ๆ เหอเสี่ยวหงเตรียมยาให้ เพราะของอย่างอื่นที่บ้านของหลานคงเตรียมไว้ให้แล้ว ส่วนผ้านวมเหอเสี่ยวหงมีไม่พอให้หลานจึงไม่ได้เอาให้ ยกเว้นเสี่ยวยวี่ที่ได้เหมือนเหล่าลูกสาวของเธอทุกอย่างตอ
เหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวขึ้นเมื่อได้กลิ่นสมุนไพร เธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นลูกสาวยื่นสมุนไพรมาให้ดม เหอเสี่ยวหงพยุงตัวเองขึ้นโดยที่มีเอ้อร์นีคอยช่วย“แม่เป็นยังไงบ้างคะ” เอ้อร์นีถามเสียงสั่นหลังจากที่น้องสาวคนเล็กของหล่อนอธิบายถึงข้อความในจดหมายตอบรับมหาวิทยาลัยทุกคนก็อึ้งกันทั้งหมด ทุกคนรู้ว่าลิ่วนีนั้นเรียนเก่ง แต่ไม่รู้ว่าหล่อนจะเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง และมหาวิทยาลัยก็ยังเลือกหล่อน แต่อึ้งได้ไม่นานก็ต้องตกใจเพราะคนเป็นแม่หมดสติไป“แม่ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบทั้งที่ยังหน้าซีด“ไปหาหมอกันเถอะค่ะ” ซานนีว่าแม่ของพวกหล่อนหมดสติไปเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าตกใจผลสอบของลิ่วนี หรือเป็นอะไรถึงได้หมดสติไปนานขนาดนั้น ที่ไม่ได้พาไปหาหมอตั้งแต่แรกเลยก็เพราะรอดูอาการ หากมันไม่หนักมาก อีกอย่างก็ไม่มีรถด้วย“ไม่ต้องหรอก” เหอเสี่ยวหงปฏิเสธ“แต่แม่คะ”“แม่ไม่ได้เป็นอะไร”“งั้นแม่นอนพักเถอะค่ะ หนูกับน้อง ๆ จะลงไปช่วยคนอื่นข้างล่าง” เอ้อร์นีว่าพลางพยุงคนเป็นแม่ให้นอนลงเหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวอีกทีก็มืดแล้ว เธอได้ยินเสียงดังจากข้างนอก ลูกสาวคงพากันทำกับข้าวมื้อเย็น ตอนนี้เสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่เป็
วันนี้เป็นวันที่เหอเสี่ยวหงได้ยินจากโจวเหวินหลงว่าผลคะแนนสอบเกาเข่าจะออก เหอเสี่ยวหงจึงสั่งปิดร้านแต่สำหรับใครที่จองห้องไว้แล้วก็มาได้ปกติ ส่วนขนมไข่ที่สั่งจองไว้ล่วงหน้าตอนเช้าจนถึงกลางวันสามารถมารับได้เลย ในส่วนของตอนบ่ายถ้าไม่มารับถือว่าสละสิทธิ์ไปรับพรุ่งนี้ ซึ่งเธอแจ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และลูกค้าทุกคนรับทราบกันดีในช่วงเช้าของวันจดหมายแจ้งผลคะแนนสอบเกาเข่าก็มาส่ง และทุกคนก็ยังไม่ได้เปิดอ่าน เพราะต้องทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ แม้จะตื่นเต้นมากแค่ไหนก็ตาม ซึ่งในตอนเช้าทุกคนช่วยกันทำขนมไข่ ตัดให้เท่ากันและบรรจุใส่ถุงรอคนที่สั่งมารับ และจดหมายทั้งหมดเหอเสี่ยวหงเป็นคนเก็บไว้ เพราะเด็ก ๆ ต้องการให้มาส่งไว้ที่นี่ลูกค้าที่เคยมากินประจำในช่วงเช้าต่างชะโงกหน้าเข้ามามอง แต่เพราะมีป้ายติดไว้หน้าร้านว่าปิดร้านจึงไม่มีคนเดินเข้ามา และบางคนถึงกับเดินเข้ามาถามพนักงานที่อยู่หน้าร้านว่าป้ายบอกว่าปิดร้านแต่ทำไมยังมีคนเข้าไปดื่มชาได้ ซึ่งพนักงานก็ตอบตามที่เหอเสี่ยวหงบอกให้ตอบนั้นก็คือ ใครที่สั่งจองไว้ล่วงหน้าเวลาร้านปิดก็มาได้ปกติ ยกเว้นวันหยุดที่เหอเสี่ยวหงหยุดให้ทุกคน“อีกกี่ชิ้นจ๊ะซานนี” เหอเสี