วันหยุดของโจวเหวินหลงหมดแล้ว พรุ่งนี้เขาต้องกลับไปทำงาน แต่เพราะวันนี้มีคนที่ได้ลงทะเบียนบ้านไว้ได้บ้านแล้ว เขาจึงต้องเข้าไปตรวจสอบและประกาศ หรือถ้าคนที่ผ่านยังไม่กลับมาทำงาน ก็ต้องรีบประสานงานกันอีกที เพราะถ้าคนที่ได้บ้านพักเปลี่ยนใจแล้วก็จะต้องส่งต่อให้คนอื่นเหอเสี่ยวหงได้ข่าวจากโจวเหวินหลงว่าสหายของเขาได้บ้านพักทั้งหมด และเขาก็บอกอีกว่าเขามีสหายอีกหนึ่งคนที่เหอเสี่ยวหงยังไม่เคยเจอ หากสหายเขาย้ายเข้าบ้านพักแล้วจะพามาแนะนำ นั่นก็หมายความว่าสหายของเขามีสามคน ซึ่งจริง ๆ เขาก็บอกอีกว่ามีมากกว่านี้ แต่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นบ้านพักที่จะให้ย้ายเข้ามาอยู่ในบริเวณนี้ มีบ้านทั้งหมดหกหลัง และยังเป็นบ้านที่อยู่ห่างจากบ้านอื่น ๆ อีก หน้าบ้านพักจะมีต้นไม้กับม้านั่งทุกหลัง ยังมีโต๊ะยาวที่สามารถนั่งได้อีกหลายคนอยู่สองโต๊ะ เป็นโต๊ะที่นั่งตอนฉลองปีใหม่นั่นเอง ซึ่งมันน่าจะเป็นที่นั่งรวมกันของคนในบ้านพักหกหลังนี้อีกไม่กี่วันเหอเสี่ยวหงจะส่งเอ้อร์นีกับซานนีเข้าเรียนชั้นประถม ในโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดในฉงชิ่ง ซึ่งมันเป็นโรงเรียนที่ส่วนมากจะเป็นคนมีฐานะที่จะส่งลูกหลานเข้าเรียนกัน ที่นี่มีทั้งประถม มัธยมต้
ตามที่โจวเหวินหลงบอกมา บ้านหลังข้าง ๆ เป็นจางหม่าเหอที่มาเลือกก่อนใคร จางหม่าเหอนั้นพักอยู่คนเดียวเพราะยังไม่มีครอบครัวส่วนหลังถัดไปจากบ้านพักของจางหม่าเหอที่อยู่ฝั่งเดียวกัน เป็นบ้านของรุ่นน้องของโจวเหวินหลงที่ชื่อว่าซิวหรง โจวเหวินหลงเล่าว่าเขาย้ายเข้ามาพร้อมภรรยาและลูกอีกสามคน รวมกันแล้วบ้านหลังนี้มีคนย้ายมาอยู่ห้าคนเนื่องจากบ้านพักแบ่งเป็นฝั่งละสามหลัง อีกสามบ้านจึงอยู่ตรงข้ามกัน หลังที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านพักของพวกเธอเป็นบ้านพักของจางเปาจิ้ง ซึ่งเป็นสหายของโจวเหวินหลง เขาย้ายเข้ามากับภรรยาและลูกสามคนเช่นกันบ้านหลังตรงกลางที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านพักของจางหม่าเหอ โจวเหวินหลงบอกเป็นบ้านพักของลูกน้องในสังกัดเขา ย้ายเข้ามาพร้อมกับภรรยาและลูกอีกสามคนเหมือนกันส่วนหลังสุดท้ายเป็นบ้านพักของฟางหลี่เฟย สหายอีกคนของโจวเหวินหลงที่เธอยังไม่เคยเห็น เขาเป็นคนที่กลับมาคนสุดท้ายจึงไม่ได้เลือกบ้านพักเอง ย้ายมาพร้อมกับภรรยาและลูกอีกสองคนโจวเหวินหลงบอกกับเธออีกว่าภรรยาสหายของเขาน่าจะอายุพอ ๆ กับเหอเสี่ยวหง หากว่างก็ลองไปชวนคุยกันได้ เพราะจะได้รู้จักกันไว้ อีกอย่างคนอื่น ๆ ก็เพิ่งจะย้ายเข้ามา พวกเขาย่
วันนี้เป็นวันหยุดของโจวเหวินหลง เหอเสี่ยวหงจึงต้องลุกตั้งแต่เช้ามาทำกับข้าว วันนี้จะพาเด็ก ๆ ทั้งสามคนไปสมัครเรียนที่โรงเรียนตอนนี้โรงเรียนยังปิดเทอมอยู่จึงไปสมัครได้ หากเปิดเทอมแล้วจะไม่สามารถสมัครได้แล้ว อีกอย่างเดือนหน้าก็เปิดเทอมแล้วด้วยเหอเสี่ยวหงเพียงเอาเอกสารไปเท่านั้น ไม่ได้เอาพวกของใช้ไปด้วย เพราะโรงเรียนยังไม่เปิดการเดินทางไปโรงเรียนครั้งนี้โจวเหวินหลงไปเช่ารถมา เพราะกลัวว่าจะยื่นเอกสารนานแล้วกลับไม่ทันรถ ซึ่งเหอเสี่ยวหงก็เห็นด้วย เธอไม่อยากไปเบียดกับคนอื่นในรถประจำทางที่แออัดไม่ถึงครึ่งชั่วโมงโจวเหวินหลงก็ขับรถมาถึงหน้าโรงเรียน ที่หน้าโรงเรียนมีคนเดินเข้าเดินออกประปราย และคนที่เข้ามาภายในโรงเรียนต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นก็คือมาสมัครเรียนให้ลูก“เดี๋ยวผมจะเอารถไปจอด คุณกับลูกรออยู่ที่นี่ก่อน” โจวเหวินหลงหันมาบอก“ได้ค่ะ” เหอเสี่ยวหงสะพายกระเป๋าเอกสารต่าง ๆ ขึ้นก่อนจะพาลูกสาวลงจากรถ ยืนรอที่หน้าโรงเรียนเหอเสี่ยวหงที่ลงมาจากรถก็ถูกมองทันที เหอเสี่ยวหงเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เมื่อก่อนอาจเพราะทำงานตากแดดเป็นบางครั้งจึงไม่ได้มีผิวขาวนัก ช่วงหลัง ๆ มานี้เหอเสี่ยวหงอยู่แต่
หลายเดือนที่ผ่านมา เหอเสี่ยวหงไม่ได้ติดต่อกับใครเลย ยกเว้นเวลาไปขายสบู่ในตลาดมืด ส่วนสหายหลังจากเรียนจบก็แยกย้ายไปมีครอบครัวไม่ได้ติดต่อกัน ตั้งแต่ย้ายมาที่นี่เหอเสี่ยวหงไม่เคยออกจากบ้านพักหากไม่มีโจวเหวินหลงไปด้วยยิ่งตั้งแต่มีคนเข้ามาพักในบ้านพักที่เคยว่าง เหอเสี่ยวหงยิ่งไม่อยากออกจากบ้านเลย แต่วันนี้ต่างออกไป ฟางลี่จูภรรยาของจางลี่เฟย สหายของโจวเหวินหลงชวนออกมานั่งถักไหมพรมที่หน้าบ้าน อันที่จริงหล่อนก็มาชวนหลายครั้งแล้ว เพียงแต่เหอเสี่ยวหงคัดลอกภาษาและทำแบบฝึกหัดให้ลูกสาวอยู่ จึงไม่ได้ออกมานั่งถักไหมพรมด้วยที่ผ่านมาจึงมีเพียงฟางลี่จูกับอี้หลินหลินเท่านั้นที่ออกมานั่งถักไหมพรมด้วยกัน เหอเสี่ยวหงที่นั่งคัดหนังสืออยู่หลายวันจึงคิดที่จะพาลูกสาวออกไปเล่นกับคนอื่น ๆอันที่จริงตั้งแต่มีคนเข้ามาพักในเขตบ้านพัก เด็ก ๆ ก็ออกมาเล่นด้วยกันแล้ว เพียงแต่เหอเสี่ยวหงไม่ได้ออกมาก็เท่านั้น อีกอย่างเธอก็ควรที่จะมีสหายไว้พูดคุยบ้างโจวเหวินหลงออกไปทำงานแล้ว ลูกสาวก็ช่วยเหอเสี่ยวหงเก็บถ้วยชามไปล้าง หลังจากนั้นเก็ออกไปเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ ในเขตบ้านพัก เหอเสี่ยวหงตักโยเกิร์ตสตรอว์เบอร์รี่ที่ทำไว้เมื่อคืน
ใกล้จะถึงวันเปิดเทอมของลูกสาวแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงให้โจวเหวินหลงไปเช่ารถในวันหยุดของเขามา วันนี้เหอเสี่ยวหงจะเอาของไปไว้ให้ลูกสาวที่ห้องพักในโรงเรียนโดยที่เหอเสี่ยวหงเตรียมของไว้แล้ว ให้โจวเหวินหลงกับลูกสาวเอาไปไว้ที่โรงเรียนก่อน แล้วก็กลับมาเอาของอีกเหอเสี่ยวหงเตรียมชุดผ้านวมกับหมอนสามชุด ยังมีฟูกที่เหอเสี่ยวหงมีในมิติสองฟูก ตู้หนึ่งหลังเอาไว้แขวนเสื้อผ้ากับเก็บของ เสื้อผ้าคนละสิบชุด แก้วเก็บความเย็น ก่อนจะให้โจวเหวินหลงขนไปรอบแรกรอบที่สองเป็นพวกของใช้ อย่างกะละมัง ขัน ถ้วยชาม สบู่ แชมพู ครีมนวด ของใช้ส่วนตัวอีกหลายอย่าง ยังมีโต๊ะกับเก้าอี้ที่โจวเหวินหลงทำให้ลูกสาวอีกระหว่างรอโจวเหวินหลงกับเอ้อร์นีขนของไป เหอเสี่ยวหงก็นั่งเล่นกับลูกสาวอีกสามคนโจวเหวินหลงใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ขนของเสร็จ หลังจากกลับมาแล้วโจวเหวินหลงก็เอารถไปคืน“เอ้อร์นีจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงเรียกลูกสาวคนโต“คะ?” เอ้อร์นีวิ่งมาหาเหอเสี่ยวหงที่นั่งอยู่“หนูชงนมพวกนี้เป็นใช่ไหมจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงถามเอ้อร์นีพยักหน้า เธอถูกแม่ใช้ให้ชงนมให้ตัวเองกับน้องแทบจะทุกวัน จึงรู้จักวิธีชงนมแต่ละอย่างที่แม่ให้กิน“แม่จะเอานมผงอัดเม็ด
“อาสี่!”เหอเสี่ยวหงอุทานก่อนจะอุ้มลูกสาววิ่งไปหาคนที่ร้องเรียกเธอ“เสี่ยวหงจริง ๆ ด้วย!” อาสี่พูดเสียงดังด้วยความดีใจอาสี่มีชื่อว่าเหอหมิงกั้ว ปีนี้อายุสามสิบต้น ๆ จากบ้านมาหลายปี แต่ที่เหอเสี่ยวหงจำได้ก็เพราะหน้าตาอาสี่ไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิด และตอนนี้มีสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปนั้นก็คือร่างกายที่ผอมลง อาสี่พาเธอกับลูกสาวคนเล็กมานั่งโต๊ะที่ว่างและอยู่ห่างจากโต๊ะที่มีคน“นี่คือ” อาสี่ถามก่อนจะชี้มาที่ลิ่วนีอาสี่ของเหอเสี่ยวหงนั้นเคยเห็นแค่เอ้อร์นีกับซานนี เพราะตอนที่อาสี่จากไปแล้วไม่ได้กลับไปที่บ้านอีก เป็นตอนที่เหอเสี่ยวหงกำลังตั้งท้องอู๋นีอยู่“ลูกสาวคนเล็กของฉันค่ะ โจวลิ่วหง ลิ่วนี” เหอเสี่ยวหงบอกคนเป็นอาก่อนจะพูดกับลูกสาว“สวัสดีตาสี่สิจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงยิ้มทั้งน้ำตา“สะ…สวัสดีค่ะ ตาสี่” ลิ่วนีเดินมาหลบหลังเหอเสี่ยวหง เพราะไม่เคยเจอเหอหมิงกั้ว“ทำไมอาสี่ถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้คะ”ถ้าเหอเสี่ยวหงจำไม่ผิด อาสามกับอาสี่เป็นทหารที่ประจำการอยู่ที่จี๋หลิน แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วตอนนี้อาสามอยู่ที่ไหน?“ละ…แล้ว อาสามล่ะค่ะ” เหอเสี่ยวหงพูดอย่างติดขัดโดยปกติแล้วอาสามกับอาสี่จะตัวติดกัน ไปไ
หลายเดือนที่ผ่านมาเหอเสี่ยวหงมีเงินเก็บเกือบห้าหมื่นหยวนแล้ว ทั้งเงินเดือนของโจวเหวินหลง สบู่ที่เอาออกมาขาย และค่าเย็บกระเป๋าให้ลูกสาวเอาไปขายกระเป๋าที่เหอเสี่ยวหงปักลายบนผ้าแล้วเย็บเป็นกระเป๋านั่นแหละ หลายเดือนก่อนลูกสาวของเธอบอกว่ามีคนขอซื้อต่อ เหอเสี่ยวหงตอนแรกก็ไม่ยอมให้ลูกสาวเอาไปขาย เพราะอย่างที่รู้ ๆ ก็คือไม่สามารถซื้อขายกันได้แต่เธอก็ต้องใจอ่อน เพราะเด็ก ๆ มาอ้อนขอร้อง เรื่องขายกระเป๋านี้โจวเหวินหลงไม่รู้ เพราะถ้าเขารู้ เรื่องนี้เขาไม่ยอมแน่ ๆตอนนี้เหอเสี่ยวหง โจวเหวินหลงแล้วก็ลิ่วนีนั่งอยู่บนรถไฟ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงปลายทางแล้วหลายวันก่อนโจวเหวินได้รับภารกิจด่วนให้มาทำงานชั่วคราวที่บ้านเกิด เหอเสี่ยวหงจึงมาด้วย โดยที่เหอเสี่ยวหงไม่ให้เด็ก ๆ ที่เรียนอยู่ออกมาข้างนอก แต่เหอเสี่ยวหงก็เตรียมของกับเงินไว้ให้แล้ว หากเหอเสี่ยวหงไม่กลับไปก็อยู่ต่อได้อีกหลายเดือนเลยทีเดียว แต่เธอก็ฝากสหายไว้ว่าถ้ามีอะไรก็ให้ติดต่อไปหา อีกอย่างเธอก็ฝากเงินบางส่วนไว้กับสหายเพื่อป้องกันเด็ก ๆ ทำหาย หรือเกิดเหตุุการณ์ที่ไม่คาดฝันตอนนี้ลิ่วนีก็สี่ขวบไปเมื่อสองเดือนก่อน เด็กน้อยได้ตุ๊กตาผ้าเป็นของขว
โจวเหวินหลงเลิกงานกลับมาเกือบจะมืดแล้ว เหอเสี่ยวหงบอกให้ไปเช่าห้องอยู่ไม่กี่วันในอำเภอก็ไม่เอา ต้องออกไปทำงานก่อนเช้ามืด เพราะต้องไปให้ทันเวลาทำงาน กว่าจะเลิกงานแล้วกลับบ้านมันก็มืดพอดีบ้านใหญ่นั้นกินข้าวเย็นไปแล้ว เพราะพี่ชายใหญ่โจวต้องกินยาหลังอาหาร ส่วนเหอเสี่ยวหงกับลูกสาวรอโจวเหวินหลงกลับมาค่อยกินวันนี้เหอเสี่ยวหงซื้อข้าวต่อจากสะใภ้ใหญ่มาหลายชั่ง กะว่าน่าจะเพียงพอเวลาที่อยู่ที่นี่ จากนั้นก็ผัดทะเลใส่ไข่เป็นอาหารเย็นวันนี้“ผมซื้อซาลาเปามาด้วย” โจวเหวินหลงว่าก่อนจะเอาซาลาเปาออกจากห่อกระดาษสี่ห้าลูก“ลิ่วนีกินไหมจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงชี้ไปที่ซาลาเปา แล้วตักข้าวใส่ถ้วยให้โจวเหวินหลงตั้งแต่ที่ลูกสาวไปเรียน เหอเสี่ยวหงจะทำซาลาเปาไว้กินทุกวัน ไม่ใช่ว่าพอไม่มีลูกสาวอีกสามคนแล้วพวกเธอจะประหยัด แต่เหอเสี่ยวหงทำไว้เวลาที่หิวหรือเอาไว้รองท้องรอกินข้าว เช่นนั้นแล้วลิ่วนีถึงชอบซาลาเปามาก กินได้ทุกวัน วันละหลายลูกเลย เพราะเหอเสี่ยวหงไม่ได้ทำลูกใหญ่ลิ่วนีพยักหน้า โจวเหวินหลงจึงยื่นซาลาเปาที่เอาออกจากห่อกระดาษให้ จากนั้นก็กินข้าวเย็นกันกินเสร็จเหอเสี่ยวหงก็เอาจานชามไปล้างเหมือนที่เคยทำ ล้างเสร็จก็
เรื่องราวของหยาดฟ้าที่เหอเสี่ยวหงคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้นหยาดฟ้าในวัยสิบสองขวบเป็นเด็กสาวที่น่าสงสารคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยเห็นหน้าผู้เป็นพ่อสักครั้ง แม่ให้เหตุผลว่าเลิกกันก่อนที่เธอจะลืมตาดูโลก และเล่าให้ฟังว่าพ่อติดเหล้าหนักมาก และชอบทุบตีแม่ที่กำลังท้องเธอเกือบห้าเดือน สุดท้ายแม่ทนไม่ไหวก็เลยเก็บเงินที่ซ่อนไว้หนีมาบ้านเกิดผู้เป็นยายและยายของเธอก็เป็นเพื่อนวัยเด็กของคุณย่าเหอ คุณย่าเหอที่สงสารก็เลยรับแม่ของเธอมาเป็นคนสนิท จนกระทั่งเธออายุสิบสองขวบก็เกิดข่าวร้ายแม่ของเธอมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงหลังจากที่คลอดเธอออกมา และไม่ยอมเข้ารักษาอาการป่วยจนเกิดเรื้อรัง สุดท้ายจึงจากเธอไปวันนั้นหยาดฟ้าจำได้ดี เธอร้องไห้แทบใจขาดเมื่อคนที่อยู่กับเธอมาตลอดจากไป และเป็นวันเดียวกันที่มีคนเข้ามาช่วยพยุงเธอเอาไว้ นั่นก็คือคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหง เพื่อนสนิทสาวพ่วงตำแหน่งเจ้านายของเธอ ถึงคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหงไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการกับตำแหน่ง และเธอก็ถือว่าเป็นหลานบุญธรรมของท่านแล้ว แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรเอาตัวเองไปเทียบกับเหอเสี่ยวหงคุณย่าเหอเ
เหอเสี่ยวหงรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของสามีตกมาก เมื่อได้ที่ดินคืนมาแล้วทั้งโจวเหวินหลงกับพี่ชายใหญ่ก็จะพากันกลับ แต่ก็เกิดเรื่องอีกครั้งโจวกว่างโมโหที่ผู้เป็นพ่อยกบ้านและที่ดินให้กับพี่ชาย จึงลงมือกับคนเป็นแม่ด้วยอาการมึนเมา มีคนเข้าไปช่วยทันแต่อาการนางหลี่ซื่อก็หนักมาก เพราะไม่มีเงินไปหาหมอโจวเหวินหลงรับรู้และเขาก็ยังกลับฉงชิ่งไม่ได้ การกลับบ้านจึงต้องเลื่อนออกไปอีกหลายวัน ถึงนางหลี่ซื่อไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของโจวเหวินหลง โจวจือหยวน และโจวมี่ แต่นางก็เลี้ยงโจวมี่มา โจวมี่เลยมาขอร้องพี่ชายให้พานางหลี่ซื่อไปโรงพยาบาล“ถ้าคุณพานางไป ก็ไม่ต้องกลับมา” เหอเสี่ยวหงกล่าวเสียงเรียบในวันที่เธอแท้งลูก นางหลี่ซื่อไม่มีแม้แต่เชิญหมอมารักษาหรือพาเธอไปหาหมอ ปล่อยให้เธอแท้งลูกซ้ำยังบอกย่าโจวว่าเธอสะดุดขยะในห้องล้มอีก แม้นางหลี่ซื่อตายเธอก็ไม่เสียใจ‘ผมบอกพวกเขาแล้วครับ’มีไม่กี่เรื่องที่เหอเสี่ยวหงจะปฏิเสธสามี และครั้งนี้ต่อให้ใครมาขอร้องเหอเสี่ยวหงก็ไม่ยอม ลูกชายและลูกสะใภ้ หลานของนางก็ยังอยู่ ทำไมถึงต้องมาพึ่งสามีเธอด้วย อีกอย่างก่อนที่พวกเธอจะออกจากหมู่บ้าน นางหลี่ซื่อยังอยู่ในกลุ่มที่มาไล่พวกเธอเลย“ฉัน
เข้าสู่วันที่ห้าของการกลับบ้านของโจวเหวินหลง เหอเสี่ยวหงก็ได้รับข่าวร้าย สกุลโจวได้สิ้นผู้อาวุโวอย่างย่าโจวไปแล้ว นางจากไปด้วยโรคชราที่เป็นปัญหามาหลายปีเหอเสี่ยวหงส่ายหน้าเมื่อวางสายจากสามีไปหลังเขาติดต่อมา ในร้านน้ำชามีโทรศัพท์จึงไม่แปลกที่เหอเสี่ยวหงจะได้รับการติดต่อจากสามี ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการย่าโจวทรุดหลังจากที่เธอพาครอบครัวกลับ“มีอะไรหรือเปล่าครับ”เป็นผู้จัดการหลงที่เก็บโต๊ะเสร็จถามเหอเสี่ยวหง เขาเห็นเจ้านายนั่งคุยกับปลายสายไม่นาน แต่ตอนนี้หล่อนกลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียด“ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยวถ้าเอาบัญชีร้านขึ้นไปบนห้อง ตามโจวต้านีให้ด้วยนะคะ” เหอเสี่ยวหงส่ายหน้า“ได้ครับ”โจวต้านียังไม่กลับมาทำงาน คงเพราะหลานสาวตัวน้อยของเธอป่วย อันที่จริงเธอก็บอกหล่อนแล้วว่าไม่ต้องมา แต่โจวต้านีก็รั้นมาจนได้“แม่คุยอะไรกับพ่อเหรอคะ”พอผู้จัดการหลงเดินออกจากร้านไป ก็เป็นซานนีที่ประจำร้านอยู่เอ่ยถาม หล่อนรู้แค่ว่ามารดาคุยกับใคร แต่จับใจความไม่ค่อยได้“ย่าโจวเสียแล้ว” เหอเสี่ยวหงถอนหายใจสำหรับเหอเสี่ยวหงแล้วเธอรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก อีกอย่างเรื่องที่เธอแท้งเมื่อยี่สิบปีก่อนก็ยังไม่ได้บอกย่าโจ
เหอเสี่ยวหงมองหน้าหลานสาวตัวน้อยนามเฟยฮวาวัยห้าเดือนในอ้อมแขนแล้วถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าสกุลเฟยตาบอดหรือยังไง ทำไมถึงมองไม่เห็นความน่ารักของหลานสาวตัวน้อยคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อมองลูกสาวช่วยคนอื่นขนของโจวต้านีลงจากรถ หรือเพราะเธอไม่บังคับลูกสาวกันนะ ถึงไม่ได้มีหลานให้อุ้มแบบนี้ได้แต่อิจฉาสะใภ้ใหญ่ที่ได้ลูกเขยก่อนคนอื่น แล้วยังได้หลานก่อนคนอื่นอีก ยังดีที่สหายของเธอยังไม่มีหลาน เหอเสี่ยวหงจึงไม่ต้องทนฟังเสียงอวดหลาน“ให้ฉันอุ้มหลานบ้างสิ”สะใภ้ใหญ่เดินเข้ามาหาผู้เป็นน้องสะใภ้และน้องสาว ตั้งแต่ที่ลูกสาวอุ้มหลานสาวลงรถมา นางก็ยังไม่ได้อุ้มหลานเลย มีแต่เหอเสี่ยวหงที่อุ้มหลานแล้วไม่ยอมปล่อยให้ใครอุ้มต่อ“เดี๋ยวพี่ก็ได้อุ้มแล้ว” เหอเสี่ยวหงแย้งอย่างไม่จริงจังนักโจวต้านีขอเข้าทำงานพร้อมสามีในร้านผู้เป็นอากับอาสะใภ้ โดยที่แม่ของหล่อนยินดีที่จะดูแลหลานระหว่างที่พ่อกับแม่ของหลานทำงานแบบไม่เอาเงินสักเฟิน“หลับแล้ว” สะใภ้ใหญ่บอก“อืม”เหอเสี่ยวหงส่งหลานสาวให้ผู้เป็นยายแท้ ๆ อุ้ม แล้วตัวเองก็ออกมาช่วยทุกคนขนของเข้าบ้านตึกแถว ยังไงโจวต้านีก็แต่งออกแล้วจะให้ไปอยู่รวมกับครอบครัวก็ไม่ใช่ อีกอย
จากที่จะกลับไปพักผ่อนอยู่บ้านเกิดในช่วงปิดเทอมตามคำขอของสาว ๆ บ้านรองโจวก็ต้องกลับมาอยู่ที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงเอ่ยขอโทษลูกสาวกับหลานสาวที่ต้องพากลับกระทันหัน ยิ่งกับอาสามแล้วเหอเสี่ยวหงยิ่งเอ่ยขอโทษอยู่หลายครั้งเหอเสี่ยวหงรู้ว่าอาสามอยากอยู่ที่บ้านเหอ แต่พอเหอเสี่ยวหงจะกลับเขาก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้ เป็นห่วงหลาน ๆ หากปล่อยให้มาด้วยกัน“เอาไว้เรียนจบแม่ค่อยพากลับไปดีกว่า” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวอีกตั้งหลายปีที่เด็ก ๆ จะเรียนจบ ทุกคนในหมู่บ้านก็คงจะลืมไปแล้ว อีกอย่างทุกคนก็รู้กฎหมายกันอย่างดี เหอเสี่ยวหงจึงไม่กลัวที่จะกลับไป แต่ครั้งนี้มันตั้งตัวไม่ทัน“ไม่กลับก็ได้ค่ะ อยู่นี่ก็ดีแล้ว” เอ้อร์นีเอ่ยตอบเป็นคนแรกหล่อนอยากกลับไปที่บ้านเกิดก็จริง แต่หล่อนกลัวเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ลึก ๆ แล้วหล่อนรู้ว่าแม่ของหล่อนเป็นห่วงเรื่องการบังคับแต่งงาน เอ้อร์นีไม่ใช่คนโง่ หล่อนถูกมารดาเลี้ยงมาอย่างดีแต่ก็ไม่ได้เลี้ยงให้โง่เขลา แม่ของหล่อนไม่ชอบการบังคับ หล่อนก็ไม่ชอบการบังคับเช่นเดียวกัน“ใช่ค่ะ ไม่กลับไปแล้วก็ได้” ลิ่วนีเอ่ยด้วยความหวาดกลัว หล่อนเป็นเด็กที่ตั้งแต่จำความได้ก็เติบโตมาในเมือง จึงไม่ร
เหอเสี่ยวหงเดินนำลูกสาวตามโจวเหวินหลงเข้าไปภายในบ้าน ชาวบ้านที่มามุงแหวกออกให้เข้าไป แต่พอเข้าไปแล้วก็กลับมามุงเหมือนเดิมครั้งก่อนอยู่เพียงนอกบ้าน แต่ครั้งนี้ที่ต้องเข้ามาในบ้านเพราะย่าโจวล้มป่วยอีกแล้ว ภายในบ้านที่ไม่ใหญ่จึงแคบลงถนัดตาเมื่อมีคนล้อมรอบ‘หลานสาวบ้านโจวแน่ ๆ’‘ฉันต้องทาบทามจากย่าโจวแล้ว’‘ฝันอยู่เหรอ บ้านรองโจวอยู่ในมือสะใภ้รองโจว คงจะให้ลูกสาวแต่งมาอยู่ชนบทหรอก!’‘ใครจะไปรู้ อีกอย่างสะใภ้ก็ต้องเชื่อฟังครอบครัวของสามี’‘ไม่ใช่ว่าแต่งงานกันแล้วรึ อายุขนาดนี้แล้ว’‘จริง ถ้ายังไม่แต่งคงจะไม่มีใครเอา’เหอเสี่ยวหงหันไปมองชาวบ้านที่นินทาลูกสาวของเธอ เรื่องที่ลูกสาวจะแต่งกับใครเหอเสี่ยวหงไม่ได้ห้าม ต่อให้ฝ่ายชายไม่มีเงินแต่ง ถ้าลูกสาวจะแต่งเธอก็ให้แต่ง สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่เป็นไร แต่คนอื่นจะเดือดร้อนด้วยทำไม“ลูกสาวฉันไม่แต่งงานแล้วทำไม”ชาวบ้านที่ซุบซิบอยู่หน้าบ้านเงียบปากกันลงทันที เมื่อสะใภ้รองโจวพูดขึ้น ใคร ๆ ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเหอเสี่ยวหง“นี่ย่าทวด เป็นย่าของพ่อเรา”เหอเสี่ยวหงแนะนำย่าโจวให้ลูกสาวทำความเคารพ ซึ่งเด็ก ๆ รู้จัก แต่นี่ก็ไม่ได้มาเจอกันนานแล้ว เธอจึง
สาว ๆ ปิดเทอมสองเดือนในภาคเรียนแรก ที่ปิดนานขนาดนี้เพราะเพิ่งเปิดปีแรก จึงต้องปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่างจึงหยุดนานทุกคนมาปรึกษากันดูแล้ว ลูกสาวอยากกลับไปดูบ้านเกิดกันมาก โจวเหวินหลงจึงจะพาไป แต่รถคันเดียวไม่สามารถไปกันได้หมด จึงต้องซื้ออีกคันเพราะถ้าไม่ซื้อก็ไปกันไม่หมดแน่ ลำพังแค่ของก็เต็มรถแล้วแต่ครั้งนี้ต่างออกไป อาสามเหอจะไปด้วย รถที่ซื้ออีกคันก็เป็นเขาขับ ส่วนอาสี่ยังกลับไม่ได้เพราะเดินเรื่องยังไม่เสร็จ ซึ่งอาสี่เศร้ามาก หลายเดือนจนจะปีแล้วการลาออกยังไม่ถึงไหนเลย เหมือนทางกองทัพจะรั้งเขาไว้ด้วย การลาออกจึงถูกสกัดไว้“เดี๋ยวหนูกับซานนีแล้วก็เสี่ยวยวี่จะไปนั่งกับตาสามเอง” เอ้อร์นีบอกเพราะรถมีสองคันจึงต้องแบ่งกันนั่ง อีกอย่างถ้าจะเบียดกันไปก็คงจะไม่ได้“ดีเลยค่ะ หนูอยากนั่งกับแม่” ลิ่วนีพยักหน้าเหอเสี่ยวหงส่ายหัวก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เดินตรวจดูของพอเห็นว่าไม่ขาดอะไร ก็ไปสั่งงานผู้จัดการร้านไว้ “ฉันฝากร้านด้วยนะคะ ไม่มีกำหนดกลับ แต่ก่อนสาว ๆ จะเปิดเทอมแน่นอน” เหอเสี่ยวบอก“ได้ครับ คุณนายโจวไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะจัดการให้” ผู้จัดการหลงพยักหน้า“ส่วนบัญชีส่งให้ดูหลังวันหยุดนะคะ”
เหอเสี่ยวหงอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้าเพื่อมารอคุณลุงลี่โจวหูเอาใบชามาส่ง นี่ก็ผ่านมาสามวันตามที่เอ้อร์นีบอกว่าคุณลุงจะเป็นคนมาส่งใบชาเอง และเมื่อวานตอนเย็นคุณลุงติดต่อมาอีกครั้งว่ามาถึงฉงชิ่งแล้ว แต่เพราะมันมืดแล้วจึงจะพักกันก่อน พรุ่งนี้เช้าจึงจะมาส่งส่วนวันนี้โจวเหวินหลงไม่ได้ออกไปคุมช่าง เพราะวันนี้ทำแค่ความสะอาด และวันนี้เป็นวันที่อู๋นีบอกว่าจะกลับบ้านด้วย“ฉันลงไปรอข้างล่างนะคะ” เหอเสี่ยวหงบอกสามีที่แต่งตัวอยู่จริง ๆ เธอไม่ต้องเป็นคนรับของเองก็ได้ จะให้ผู้จัดการหลงรับเหมือนปกติก็ได้ แต่เนื่องจากครั้งนี้คุณลุงมาส่งเอง เหอเสี่ยวหงจึงต้องออกมาต้อนรับ“มากันครบแล้วเหรอ” เหอเสี่ยวหงถามพนักงาน“ครบแล้วค่ะ” เฟยหยางอิงตอบ“ไปทำความสะอาดที่เก็บใบชาเถอะ” เหอเสี่ยวหงพยักหน้าก่อนจะสั่งงาน“ได้ค่ะ”“ได้ครับ”ยังดีที่สามวันที่ผ่านมาลูกค้าที่จองห้องได้เข้าใช้ห้องครบทุกคิว เนื่องจากใบชามีเพียงพอต่อสองวัน และเมื่อวานก็เป็นวันหยุด ทุกคนไม่ได้ทำงานกัน วันนี้เหอเสี่ยวหงจึงต้องให้ทำความสะอาดห้องที่เก็บใบชา เวลาเก็บใบชาจะได้เก็บนาน ๆ อีกอย่างก็จะไม่ได้มีฝุ่นมาเกาะ“แม่!”เหอเสี่ยวหงสะดุ้งตกใจก่อนจะหัน
ตั้งแต่ที่ทำการซื้อขายใบชาจากไร่ชา เหอเสี่ยวหงซื้อใบชามาจากไร่ของคุณลุงลี่โจวหูคนเดียวเท่านั้น เพราะเธอได้เซ็นสัญญาเรื่องการซื้อขายเอาไว้ ปกติก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร คงจะมีแต่ช่วงนี้ที่มีปัญหา และใบชาก็ไม่ได้มาส่งเป็นเวลาสามวัน และคงไม่ถึงสองวันที่ใบชาที่มีจะหมดส่วนเรื่องผ้าผลตอบรับดีมาก ลูกค้าเก่าที่เคยซื้อแทบจะร้องไห้ออกมาเพราะอยากได้อีก บางคนก็ซื้อไปขายที่อื่นแต่เหอเสี่ยวหงก็ให้ราคาเต็ม ไม่ได้ลดราคาให้เพราะเธอไม่ได้ขายส่ง ส่วนจะเอาไปขายที่อื่นเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาซื้อไปแล้วยังดีที่ผ้าปักลายมีมากถึงพันกว่าม้วน จึงไม่ทำให้ของขาดตลาดเท่าไร จะมีก็แต่บางลายเท่านั้นที่เหอเสี่ยวหงให้สหายปักเพิ่ม ในหนึ่งวันจะได้ผ้าปักลายเพียงห้าม้วน หรือบางวันก็มากกว่าสิบม้วน อย่างสามวันที่ผ่านมาก็ปักลายผ้าได้ยี่สิบเก้าม้วน เหอเสี่ยวหงเก็บมันเอาไว้แยกอีกที่หนึ่ง เอาไว้ของในร้านหมดค่อยเอามาเพิ่มตอนนี้ทุกคนพยายามช่วยกันติดต่อไร่ชา เพราะต้องสอบถามเรื่องใบชาแต่ไม่มีใครรับสายเลย ไม่รู้ว่าเพราะรู้ว่าเป็นพวกเธอหรือเปล่าจึงไม่ยอมรับ หรือไม่ก็พวกเขามีปัญหากันจริง ๆ“อย่างนี้เราแย่แน่ ๆ เลยครับ” ผู้จัดการหลงเอ่