วันรุ่งขึ้นขบวนรถม้าทยอยเดินทางเข้าเมืองหลวงหลังจากที่ประตูเมืองเปิด ไป๋ซูเม่ยแยกกับเว่ยเฟิงหรงที่ตรอกด้านในเพื่อจะไปยังจวนของตนเองส่วนเขาต้องเข้าไปที่จวนของท่านอ๋องในตัวเมืองชั้นในที่อยู่ใกล้กับวังหลวง “เย็นนี้หากว่าข้าเสร็จธุระเร็วข้าจะแวะไปเยี่ยมเจ้านะ”“เจ้าค่ะ”“คุณชาย เราต้องรีบไปกันแล้วเจ้าค่ะ”เสียงของสาวใช้ของเขาดังออกมาจากในรถม้า แม้ว่านางจะนั่งรถม้าคนละคันกับเขาแต่ความเจ้ากี้เจ้าการยังคงไม่ลดละจนไป๋ซูเม่ยนึกขำกับท่าทางนี้“ท่านรีบไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าเองก็ต้องรีบไปที่จวนท่านหมอเช่นกัน”“ไว้พบกันใหม่นะซูเม่ย”“ไว้พบกันใหม่เจ้าค่ะ”จวนรับรองสำนักหมอหลวง“โอ้โหคุณหนูเจ้าคะจวนนี้กว้างมากเลยเจ้าค่ะ นึกไม่ถึงว่าตำแหน่งของนายท่านจะมีจวนในเมืองหลวงที่หรูหราขนาดนี้”“เจ้าคงเอาไปเปรียบกับกระท่อมไม้ที่เราอยู่มาก่อนสินะถึงได้บอกว่าที่นี่หรูหราและกว้างขวาง แต่ก็จริงอย่างเจ้าพูด มันดูหรูหราและน่าจะพักได้สบายจริง ๆ”ไป๋ซูเม่ยมองไปรอบ ๆ จวนนี้นับว่าเพียงพอสำหรับพวกนาง เป็นจวนหลวงสำหรับขุนนางชั้นสูงระดับท่านหมอหลวงขึ้นมาเอาไว้พักเมื่อเดินทางมาเมืองหลวง “รีบเก็บของเถอะเดี๋ยวเราออกไปเดินเล่นกั
อาหยงเดินหลบไปตามคำสั่ง ไป๋ซูเม่ยแสร้งทำเป็นเดินไปใกล้ ๆ พวกมันและทำบางอย่าง นางแอบหยิบเมล็ดถั่วจากถาดของชาวบ้านที่วิ่งผ่านไปในมาเก็บไว้กำมือหนึ่งและเริ่มจัดการพวกมันทันที“ฟิ้ว….ฟิ้ว…ฟิ้ว ๆๆ”“อ๊ากกก!!! ลูกพี่ หูข้า!!…”“อ๊าก!! ตะ…ตาของข้า ผู้ใดกัน!!”พลังปราณผสมกับความแค้นของไป๋ซูเม่ยถูกรวมไปกับแรงที่พุ่งไปที่รูหูและลูกตาของพวกเหล่าอันธพาลของเสวียนอวี่ พวกมันถูกถั่วของนางโจมตีจนแก้วหูทะลุและเริ่มมีเลือดไหลออกมาหลายคนโดนไปที่ตา เลือดที่พุ่งออกมาจากดวงตานั้นทำให้รู้ว่าตาพวกมันบอดในทันที จางอู่ถึงกับตกใจและคาดไม่ถึง เพียงแค่พริบตาเดียวคนของเขาก็ถูกทำร้ายจนหมดเหลือเพียงเขาคนเดียวยืนอยู่กลางถนน“ผู้ใดกัน ช่างกล้าเหิมเกริมต่อต้านข้างั้นหรือ เผยตัวออกมา!!”ไป๋ซูเม่ยเพียงแค่เดินกลับมาที่อาหยงอยู่และสลัดถั่วที่เหลือในมือไปทางจางอู่ เสื้อผ้าของเขาก็ฉีกขาดจนถูกถอดออกจนหมดเป็นที่น่าอับอายต่อหน้าชาวเมืองหลวงอีกทั้งดวงตาทั้งสองก็ถูกถั่วที่เหลือพุ่งเข้าไปอย่างตรงเป้าหมายจางอู่ล้มเสียงดังสนั่นท่ามกลางความสะใจของชาวบ้านโดยรอบที่ไม่มีผู้ใดสนใจจะช่วยพวกมันเลยสักคนอีกทั้งยังพากันโยนข้าวของและดึงเอาเง
ไป๋ซูเม่ยยิ้มให้เขาและนึกขำกับท่าทีนี้ เขาไม่เก่งเอาเสียเลยเรื่องเล่ห์เหลี่ยมในการเข้าหาสตรี แต่ท่าทีตรงไปตรงมาเช่นนี้กลับทำให้นางชื่นชมยิ่งนักเพราะดูไม่มีเล่ห์เหลี่ยมและไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์แอบแฝง“ดูแลท่านมาเกือบหนึ่งเดือน เลี้ยงอีกสักมื้อข้าคงไม่จนลงหรอกเจ้าค่ะ อยู่กินด้วยกันหลาย ๆ คนก็สนุกดีเช่นกัน”นานแล้วที่นางมิได้กินอาหารร่วมกับคนอื่นด้วยสีหน้าที่มีความสุขเช่นนี้ แม้ว่าจะมีเพียงแค่เว่ยเฟิงหรงเพียงคนเดียวที่นั่งกินข้าวกับนางแต่ก็มีเรื่องเล่ามากมายที่นางไม่เคยรู้มาก่อน เขาเป็นผู้ที่เล่าเรื่องได้น่าสนใจมากทีเดียว“อาหารอร่อยมากเลยอาหยง เจ้าน่าจะเปิดร้านได้เลยนะ”“ขอบคุณที่ชมเจ้าค่ะคุณชายเว่ย คุณหนูเองก็เคยพูดเช่นนั้นเหมือนกันพอได้ยินพวกท่านชมบ่อย ๆ ข้าเองก็เริ่มคิดแล้วนะเจ้าคะ”พวกเขาเดินมาส่งเว่ยเฟิงหรงจึงได้เดินคุยกันมาจนถึงหน้ารถม้า“จริงสิพรุ่งนี้เช้าข้าจะมารับเจ้านะ”“ได้เจ้าค่ะ ท่านรีบกลับเถอะดึกแล้วออกไปต้องระวังด้วย”“อืม เข้าใจแล้วเจ้าก็ด้วย”เมื่อส่งเว่ยเฟิงหรงกลับจวนแล้วพวกนางก็กลับเข้าไปพักผ่อน ในจวนนี้แม้ว่าจะอยู่ในตัวเมืองหลวงแต่บรรยากาศเมื่อถึงกลางคืนก็เงียบสงบไม
“ท่าน!!….”“ค่อย ๆ พูดเถอะ เจ้ายังอมควันเอาไว้อีกงั้นหรือ มานี่”เว่ยเฟิงหรงพานางมาที่ริมลำธารและค่อย ๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าของเขาชุบน้ำและมาเช็ดใบหน้าของนางเบา ๆ “ดูสิมอมแมมอย่างกับลูกแมว เจ้าไปทำอะไรที่นั่นกันแน่”“ข้า….”“เจ้ารู้จักคนในเมืองหลวงงั้นหรือถึงได้ถึงกับกล้าวางเพลิงบ่อนขนาดใหญ่ของเมืองหลวง เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นั่นเป็นที่แบบใดและผู้ใดเป็นเจ้าของ”“ข้า….แคก แคก”“เอาล่ะ ดื่มน้ำนี่ก่อน”เขาดึงกระบอกน้ำที่พกมาด้วยส่งให้นาง นึกไม่ถึงว่านางมาเมืองหลวงเพียงแค่วันเดียวจะทำเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้“เบา ๆ ค่อย ๆ ดื่มค่อย ๆ จิบ เจ้าสำลักควันเข้าไปมากเท่าใดกันแน่นะนี่”“ดีขึ้นแล้ว…ไม่เป็นไรขอบคุณท่านมาก แล้วท่าน….ไปทำอะไรที่บ่อนนั่น”“ข้าได้ยินเสียงโวยวายและสัญญาณขอความช่วยเหลือจึงออกมาดูเหตุการณ์ ใครจะนึกว่าจะไปพบเจ้าเข้าที่นั่นล่ะ ไป๋ซูเม่ย เจ้า…มาทำอะไรที่เมืองหลวงนี้กันแน่”เขามองใบหน้าของนางที่มองกลับมา แม้ว่านางจะยังเลอะไปด้วยเขม่าควันแต่ความงดงามก็ยังชัดเจน เขาดึงผ้ามาเช็ดหน้าให้นางอีกครั้ง“เจ้าทำเช่นนี้ ไม่เป็นห่วงชีวิตตัวเองบ้างหรือ หากว่าเจ้าเป็นอะไรไป…..”ซูเม่ยพุ่งตัวเข้าไปและหอ
“ท่านหมายความว่า….เช่นนั้น!! ผู้ที่ส่งคนไปลอบสังหารท่านเมื่อครั้งก่อน!!” “ใช่ เดาไม่ยากว่าน่าจะเป็นองค์ชายสี่เสวียนอวี่ เพราะเขาส่งคนมาสังหารข้าครั้งนี้นับเป็นครั้งที่เท่าใดก็จำไม่ได้แล้ว”“เจ็ด”“หืม…เจ้าว่าอะไรนะ”“ข้า….”นางย่อมรู้ดีเพราะนางก่อนหน้านั้นเป็นผู้ที่จัดการส่งนักฆ่าไปสังหารเขา แต่โชคดีที่ล้มเหลวทุกครั้งจนมาถึงครั้งนี้ที่เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด ดังนั้นครึ่งหนึ่งก็เป็นความผิดของนางเช่นกันที่เคยช่วยเสวียนอวี่เอาชีวิตเขา ครั้งนี้นางจะขอคิดบัญชีแค้นทั้งของนางและของเว่ยเฟิงหรงรวมกันกับคนชั่วผู้นี้!!“มือของท่าน!!…”นางจับมือที่แดงเพราะถูกลวกซึ่งน่าจะเกิดจากการแกะก้างปลาให้นางขึ้นมาดู เขาใช้อีกมือหนึ่งบีบแก้มของนาง“ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวพอไปแช่น้ำเย็นก็หายแล้ว รีบกินเถอะข้าจะพาเจ้าไปส่งที่จวน พรุ่งนี้เรานัดกันว่าจะไปเที่ยวในเมืองมิใช่หรือ เจ้าไม่อยากไปดูผลงานของตัวเองในคืนนี้หน่อยหรืออย่างไร”“ท่านจะพาข้าไปงั้นหรือ”“ซูเม่ยไม่ว่าเจ้าจะมีเหตุผลอะไรข้าก็จะไม่ถามในสิ่งที่เจ้าจะทำ แต่เจ้ารับปากข้ามาเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”นางมองมือที่แดงเพราะถูกลวกนั้นและหันไปสบตาเขาอีกครั้ง“ท่านว
เว่ยเฟิงหรงสั่งให้รถม้าวิ่งออกมาจากที่นั่นในทันที ไป๋ซูเม่ยลอบมองคนที่เดินลงจากรถม้าและกำลังเดินไปที่บ่อน ใบหน้าคมคายซ่อนด้วยเล่ห์กลและอารมณ์ฉุนเฉียวจนคิ้วทั้งสองชนกันนั้นยังคงคุ้นตานางจนเจ็บไปถึงขั้วหัวใจเมื่อได้พบเขาอีกครั้ง “เฮือก…แฮ่ก แฮ่ก”“ซูเม่ย!! เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ…ข้า…ไม่เป็นอะไร…ไม่เป็นไร…”“มานี่เถอะ พักสักหน่อย”เขาพานางมานั่งข้าง ๆ และประคองกอดนางเอาไว้ มือหนาที่ค่อย ๆ ลูบไปที่แผ่นหลังของนางทำให้นางเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นหลังจากเห็นใบหน้าของผู้ที่ครั้งหนึ่งนางเคยหลงรักเขาและแทบจะถวายชีวิตเพื่อเขาแต่ในวันนี้นางกลับมาเพื่อทำลายทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงทุกคนที่อยู่ข้างกายเขาด้วย“เจ้าพักสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวถึงแล้วข้าจะเรียกเจ้าเอง”“พวกเราจะไปที่ใดกันเจ้าคะ”“ถึงแล้วเจ้าก็จะรู้เองรับรองว่าเจ้าต้องชอบมากกว่าที่นี่แน่”“เช่นนั้น….”“นอนพักสักหน่อยเถอะ ไม่ต้องกลัว”สิ้นเสียงที่เขาบอกนาง จิตใจที่เคยร้อนรุ่มด้วยความโกรธและคับแค้นใจก็เริ่มสงบลง เสียงรถม้าเริ่มชะลอลงแล้วเมื่อไป๋ซูเม่ยค่อย ๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมา“ตกใจงั้นหรือ รถม้าขึ้นเนินเขาน่ะอาจจะกระเทือนบ้างเจ้าไม่เป็นอะไ
ใต้ซือรับจอกชามาและดื่มจนหมดอย่างรวดเร็ว และวางจอกชาลง“เชือกหวายมุกเกร็ดน้ำค้างนี้ เจ้าจงสวมติดกายเอาไว้ ข้ารู้ว่าเจ้ามีวิชาหูพันลี้ แต่สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มพลังวัตและปรับลมปราณในกายเจ้าให้ผสานกับมัน และช่วยในการฟังเสียงให้ชัดมากขึ้น สิ่งนี้อาจจะช่วยเจ้าและเว่ยซื่อจื่อได้ในวันข้างหน้า”นางมองสายหวายสีดำที่มีมุกเกร็ดน้ำค้างสีขาวห้อยอยู่ นางรีบจับที่ข้อมือในทันทีตามที่ใต้ซือบอก“ทีนี้เจ้าก็ลองตั้งสมาธิกำหนดลมปราณเปิดจุดตันเถียนและเริ่มรวบรวมพลังไปที่มุกเกร็ดน้ำค้างนั่น เจ้าเห็นและได้ยินสิ่งใดบ้าง”ซูเม่ยทำตามที่อาจารย์บอกในทันที เมื่อเริ่มตั้งจิตนางก็เริ่มสงบ เสียงรอบ ๆ กายเริ่มลดลงเหลือเพียงสิ่งที่นางต้องการจะได้ยิน เสียงของเว่ยเฟิงหรงที่กำลังคุยกับต้าหมินเรื่องลูกทับทิมและกำลังหากระจาดมาใส่เพื่อจะนำทับทิมนั้นมาให้อาจารย์และมาให้นางด้วย“อาจารย์เจ้าคะ นี่มัน!!….”“เจ้าหมั่นฝึกบ่อย ๆ มันจะค่อย ๆ เข้ากับร่างกายและพลังภายในของเจ้าจนเป็นหนึ่งเดียวกัน การที่เจ้ามาที่นี่และมาอยู่ข้างกายเว่ยซื่อจื่อก็มิใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นสิ่งที่เจ้า….กึ่งหนึ่งจะต้องชดใช้กรรมที่เคยทำกับเขาก่อนหน้านี้ และอีก
หอเจิ้งหลิง“ท่านชาย วันนี้ต้องการสิ่งใดขอรับ”“หาชุดให้ข้ากับนางทีสิ เอาชุดทางการและก็ชุดลำลองที่สวมสบาย ๆ สักสามสี่ชุด”“ได้ขอรับ คุณหนูเชิญทางนี้ขอรับ”“เอ่อ…”“คุณหนูเจ้าคะเชิญมาวัดตัวทางด้านนี้เจ้าค่ะ”ไป๋ซูเม่ยพึ่งเคยมาร้านหรูหราเช่นนี้เป็นครั้งแรกจึงทำตัวไม่ถูก แม้ว่าก่อนหน้านี้นางในร่างของอิ่นหลงจะไม่ต้องสวมชุดสตรีเช่นนี้บ่อย ๆ ใช่ว่านางจะไม่อยากสวมแต่นางไม่มีโอกาสที่จะได้สวมมันต่างหาก“งดงามมากเจ้าค่ะ”กว่าจะกลับถึงจวนพวกเขาก็ได้ชุดและเครื่องประดับที่ถูกส่งไปยังจวนของนางหลายหีบห่อ ทั้งหมดนี้เว่ยเฟิงหรงจัดเตรียมเอาไว้ให้นางจวนท่านอ๋อง“ว่าอย่างไรนะ!!”“เจ้าค่ะพี่ลู่หลิน เห็นบอกว่าท่านชาย…ซื้อชุดให้คุณหนูผู้นั้นหลายชุดและ…และ…”“อะไร!!”“และเห็นว่าท่านชายชวนนางไปงานฉลองในวังด้วยเจ้าค่ะ”“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ นางเป็นเพียงบุตรของขุนนางที่มาจากหยางโจว เหตุใด…”“นางเป็นบุตรของท่านหมอหลวงไป๋เจ้าค่ะ”“เรื่องนี้…เห็นทีจะปล่อยไปไม่ได้ ท่านอ๋องเสด็จกลับจวนวันนี้ใช่หรือไม่”“ใช่เจ้าค่ะ”“ข้าจะไปเข้าเฝ้าท่านอ๋องสักหน่อย”เว่ยเฟิงหรงเมื่อกลับมาถึงจวนก็เดินกลับเข้าไปยังห้องหนังสือทันทีเพรา
“อ๊าา!! อ๊าา….ท่านพี่ ข้าบอกท่านไปแล้วว่าอย่าหักโหมอย่างไรเจ้าคะ อ๊ะ!!”“อีกรอบเดียวนะซูเม่ย อีกครั้งเดียวจะให้เจ้าพักแล้ว อาา…เม่ยเอ๋อร์!!!”ร่างหนาค่อย ๆ หย่อนกายลงข้าง ๆ พระชายาที่นอนหันหลังและหอบอยู่ข้าง ๆ เขา เมื่อบทรักครั้งสุดท้ายจบลงเว่ยเฟิงหรงหันมากอดนางที่นอนหันหลังให้เรือนผมนางยุ่งเหยิงเพราะเขา หลังที่เคยเนียนงดงามบัดนี้เต็มไปด้วยรอยจ้ำสีแดงเกือบทุกแห่งที่เขาจะฝากรอยเอาไว้ “เจ้าอยากอาบน้ำหรือไม่”“ข้า….ลุกไม่ไหว”“ข้าเองก็ลุกไม่ไหวแล้วเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นก็นอนพักผ่อนก่อนเถิดเอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยไปอาบด้วยกันแล้วค่อยขึ้นไปที่เขาลั่วซาง”“เฟิงหรง”“หืม”“ท่านคิดว่าข้าเอาแต่ใจตัวเองหรือไม่เจ้าคะที่…ขอให้ท่าน….”เขาหันมาดึงนางเข้ามากอดกับแผงอกกว้าง เขาดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาและนางก่อนจะพูดกับนาง“เจ้าน่ะหรือจะเอาแต่ใจตัวเอง ข้าไม่เคยเห็นว่าเจ้าจะทำสิ่งใดที่ทำให้ข้าลำบากใจเลยสักครั้ง หากไม่นับเรื่องที่เจ้าแอบไปทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายในเมืองหลวงนั่น”“ข้า….จะไม่ทำ….”เขาใช้นิ้วปิดปากนางเอาไว้เพื่อมิให้นางพูดออกมา“ไม่ต้องพูดและไม่ต้องสัญญาอะไรอีกแล้ว แม้ว่าเจ้าจะไปอีกข้าก็จะติดตาม
งานพระราชพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทและงานอภิเษกสมรสผ่านไปได้สองวัน ไป๋ซูเม่ยและเว่ยเฟิงหรงก็ต้องกลับมาเตรียมของเพื่อเตรียมตัวเข้ารับพระราชพิธีสมรสพระราชทานทั้งคู่กราบทูลขอเพียงแค่พิธีรับราชโองการและงานเลี้ยงในวังเท่านั้นส่วนงานอภิเษกทั้งคู่ทูลขอฝ่าบาทกลับไปจัดที่หยางโจว“ซูเม่ย เมื่อใดเจ้าจะได้กลับมาที่เมืองหลวงอีกกันนะข้าหรือว่าให้ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่หยางโจวดีล่ะ”“เฟยหย่าเจ้าอย่ามัวแต่นึกอยากเที่ยวสิ เจ้าเป็นพระชายาองค์รัชทายาทแล้วนะ ยังจะห่วงเที่ยวอีกงั้นหรือ”“เสด็จพี่เพคะ น้องซูเม่ยมาเมืองหลวงกว่าข้าจะรู้จักกับนางและได้สนิทกันก็แทบจะมิได้พานางไปเที่ยวที่ใดเลยเพราะมีแต่เรื่องเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันจนถึงวันอภิเษกก็ต้องเตรียมการวุ่นวายเช่นนี้”“พี่หญิงเพคะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกเพคะหม่อมฉันกับซื่อจื่อจะแวะมาเยี่ยมพวกพระองค์อย่างแน่นอนเพคะ เสด็จพ่อเองก็ต้องเข้าวังหลวงอีกสี่เดือนข้างหน้าเพื่อมาเยี่ยมฝ่าบาทและร่วมงานพระราชพิธีคล้ายวันพระราชสมภพอยู่แล้ว เอาเป็นว่าเราจากกันไม่นานหรอกเพคะ”“เจ้าพูดจริง ๆ นะ น้องหญิงเจ้ากลับไปที่หยางโจวก็ดูแลตัวเองให้ดีนะ”“เพคะพี่หญิง ไม่สิพระชายาเองก็มีองค์
“อ๊าา หานลั่ว!!”ลิ้นของเขาเริ่มคลี่ร่องกลีบชื้นฉ่ำตรงหน้าออก ร่างของเฟยหย่าเอนขึ้นตามสัมผัสลิ้นและนิ้วของเขา มือนางจับที่ผ้าห่มเอาไว้แน่นเมื่อถูกเขาล่วงล้ำเข้ามาทั้งลิ้นและนิ้วจนนางทนไม่ไหว“อ๊าาา หานลั่ว ไม่ไหวแล้ว ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันจะ อ๊าา!!!!”ร่างน้อย ๆ นั้นเกร็งกระตุกจนเกิดเสียง จวินหานลั่วรวบขาของนางและยังใช้ลิ้นปรนเปรอนางไม่หยุด เมื่อเห็นว่านางพร้อมแล้วเขาจึงค่อย ๆ สอดใส่แท่งแกร่งของเขาที่ปวดตึงหนึบอยู่นานแล้วเข้าไป เขาอ่อนโยนจนนางรู้สึกถึงความห่วงใยที่เขามีให้นาง “หานลั่ว อ๊าา ช่างดียิ่งนัก รู้สึก อ๊าา ดียิ่งนัก อ๊าา…”“เฟยหย่า ข้าจะ…เร่งได้อีกนิดได้หรือไม่”“เร็วอีกหน่อยเจ้าค่ะ อ๊าา หานลั่วเร็วขึ้นอีก อื้อ…”เขาพยายามรักษาความเร็วเอาไว้เพราะเกรงว่านางจะเจ็บ ลิ้นหนาค่อย ๆ จูบไปที่ยอดปทุมสีสวยเพื่อให้นางคลายความเจ็บแต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้เจ็บมากเพราะเขาอ่อนโยนกับนางมากกว่าที่จะทำให้นางเจ็บได้“อาา เฟยหย่าเปลี่ยนท่านะ”“อื้อ อ๊าา!! หานลั่ว ท่านี้ลึกมากเพคะ เสียวมากจริง ๆ อ๊าา กระแทกเข้ามาอีก อ๊าาา”จวินหานลั่วรู้ว่าเขาจะทนได้อีกไม่นานแล้วเมื่อด้านในนางทั้งคับแน่นและบีบรัดเข
สนามชู่จวี“อะไรกัน เล่นสกปรกงั้นหรือ แย่แล้ว องค์ชายสาม!!”“พี่หญิง ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ”เหยียนเฟยหย่าวิ่งไปยังห้องที่มีคนหามจวินหานลั่วเข้ามา นางวิ่งเข้ามาทันทีเมื่อเห็นเขาถูกหามออกมานอกสนาม“องค์ชายสาม!!”“เฟยหย่า!! เจ้ามา…ได้เช่นไรกัน”องค์ชายสั่งให้ทุกคนออกไปเมื่อเห็นว่าเฟยหย่าวิ่งพรวดพราดเข้ามา ประตูห้องพักปิดลงเมื่อนางหันมาจับมือเขาเอาไว้“องค์ชาย เหตุใดท่านจึงบาดเจ็บเช่นนี้ พวกนั้นเล่นนอกกติกา”“เฟยหย่า อย่าพึ่งพูดนี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่”“หม่อมฉันเห็นพระองค์ถูกทำร้าย คนพวกนั้น…”“เฟยหย่า คนพวกนั้นมิใช่คนต่างแคว้นแต่เป็นนักฆ่าที่เสวียนอวี่ส่งเข้ามา”“อะไรนะ!! นี่เขา….ตั้งใจจะเล่นงานท่านงั้นหรือ”“เฟยหย่า!! เจ้าจะทำสิ่งใด อย่าพึ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น เว่ยเฟิงหรงกับพี่ใหญ่เจ้ารู้แล้วพวกเขาอยู่ในสนาม ทันทีที่ข้าถูกเล่นงานเว่ยเฟิงหรงก็ให้คนพาข้าออกมาเกรงว่าพวกมันจะทำร้ายข้า เจ้าอย่าได้ทำสิ่งใดพวกเขาจัดการกันเองได้ คนของพวกเราอยู่ในสนามแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มจัดการพวกที่เหลือแล้ว”“ก็ได้จวินหานลั่วครั้งนี้ข้าจะเชื่อท่าน”“เจ้าก้มลงมานี่หน่อยสิ”เหยียนเฟยหย่าก้มลงมา จวินหานลั่วจับนางลงมาและจู
งานเลี้ยงประจำปี“เจ้าว่าอย่างไรนะ เสด็จพ่อจะประทานสมรสงั้นหรือ เช่นนั้นข้าไม่เข้าร่วมจะดีกว่าข้าไม่สนใจเรื่องงานเลี้ยงกับพวกขุนนางขี้ประจบเหล่านั้นหรอก”“องค์ชายสาม ครั้งนี้มีสตรีบุตรขุนนางหลายคนเข้าร่วม พระองค์ไม่สนใจจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“เฉินกงกง ท่านอยากให้ข้าแต่งงานมากขนาดนี้เชียวหรือ ท่านขี้เกียจดูแลข้าแล้วสินะ”“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะเพียงแต่เรื่องการแต่งงานฝ่าบาทต้องเห็นชอบพระองค์เองก็มิควรเก็บตัวเช่นนี้”“ว่าแต่ครั้งนี้เสด็จพ่อจะประทานสมรสคู่ใดเป็นพิเศษเล่า”เฉินกงกงบอกกล่าวไป ทั้งเรื่องขององค์ชายที่จะแต่งบุตรสาวขุนนางและท่านหญิงเข้ามาในวังหลวง รวมถึงบรรดาองค์หญิงที่ต้องแต่งงานกับแม่ทัพและ….“อีกคู่น่าจะเป็นองค์ชายสี่กับคุณหนูรองสกุลเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”ตำราพิชัยยุทธ์หล่นจากมือของ “จวินหานลั่ว” โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาเหม่อลอยเมื่อได้ยินชื่อนั้นเข้าหูจนฉินกงกงตกใจ“องค์ชาย….องค์ชายสาม!!”“หา…เอ่อ อ้อ อะไรนะ สกุลเหยียนกับ…น้องสี่ พวกเขาไปรู้จักกันเมื่อใดงั้นหรือ”“เห็นว่าฮองเฮาเป็นผู้สู่ขอแทนองค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ…ฮองเฮางั้นหรือ ดูท่าแล้วไม่เกี่ยวกับความรู้สึกสินะ”หลังจากนั้นเขาเองก็
เว่ยเฟิงหรงอุ้มไป๋ซูเม่ยลงจากรถม้า พักหลัง ๆ คนในจวนอ๋องที่เมืองหลวงมักจะชินตากับการที่เว่ยซื่อจื่ออุ้มนางลงมาเช่นนี้แล้ว แต่ละคนคิดไปเองว่าเพราะไป๋ซูเม่ยนั่งรถม้ามาแล้วหลับซื่อจื่อไม่อยากให้นางตื่นจึงอุ้มลงมา และบางคนก็คิดว่าไป๋ซูเม่ยเป็นสตรีที่อ่อนแอ เพียงแค่นั่งรถม้ากระเทือนก็จะเดินไม่ไหว แต่ไม่มีผู้ใดเลยที่ล่วงรู้ความจริงนอกจากอาหยงและต้าหมิน องครักษ์ของซื่อจื่อและสาวใช้ของนาง“เฟิงหรงท่านจะเกินไปแล้วนะเจ้าคะข้าเอวแทบหักทุกครั้งเลย จากนี้ไปข้าจะแยกรถม้ากับท่าน!!”“เม่ยเอ๋อร์เจ้าจะทำเช่นนี้หาได้ไม่ ผู้อื่นก็คุ้นชินกับการที่ข้าทำเช่นนี้แล้วเจ้าจะใส่ใจไปทำไมกัน เจ้าก็มิใช่ผู้ที่จะสนใจสายตาคนอื่นเสียเมื่อไหร่เล่า ไม่เอาน่าอย่าทำหน้างอเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาไปกินเกี๊ยวน้ำร้านประจำของเจ้าดีหรือไม่”“ไม่ต้องเอาเกี๊ยวมาล่อข้าให้ตายใจ ก่อนจะไปกินเกี๊ยวท่านมิกินข้าก่อนจนหมดแรงสุดท้ายก็ต้องให้คนซื้อมาให้ข้าถึงเตียงหรอกหรือ ข้ารู้จักท่านดีเว่ยเฟิงหรง คนเจ้าเล่ห์”“เช่นนั้นไหน ๆ เจ้าก็รู้ทันข้าแล้ว…ก็อย่าเสียเวลาเลยนะไปอาบน้ำกันเถอะคนดี”“หยุด!! ข้าไม่อาบกับท่านแน่นอน เว่ยเฟิงหรง!! ไม่นะ ออก
อารามหย่งหลินเว่ยเฟิงหรงและไป๋ซูเม่ยขึ้นเขามาเพื่อเยี่ยมอาจารย์ตงหยวนซึ่งนั่งสวดมนต์อย่างสงบอยู่ในวิหาร เมื่อทั้งสองเข้าไปอาจารย์ก็เอ่ยทักทายขึ้นมาโดยที่ยังไม่ทันได้หันมามองทั้งคู่“พวกเจ้ามาเยี่ยมข้าเร็วกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีกนะ”""คารวะอาจารย์""“อืม…ตามสบายเถิดเว่ยซื่อจื่อ ท่านหญิง”“อาจารย์ ท่านทราบ!!”“เสด็จพ่อของเว่ยซื่อจื่อและฝ่าบาทมาปรึกษาข้าก่อนหน้านี้ ถึงไม่ได้อยากรู้แต่อย่างไรก็ต้องรู้ ฮ่า ๆ วันนี้มาหาข้าได้ ดูแล้วท่านหญิงคงจะหายดีแล้วสินะ”“ศิษย์มาที่นี่เพื่อกราบขอบคุณท่านอาจารย์เจ้าค่ะที่ช่วยศิษย์เอาไว้ครั้งก่อน หากว่ามิได้อาจารย์ไปช่วยเหลือศิษย์คงไม่รอด”“เรื่องนั้นที่จริงไม่ต้องถึงมือข้าหรอก เพียงแต่ว่าคนของเจ้า….ดูเหมือนจะไม่มีสติเอาเสียเลยข้าจึงไปเพื่อเรียกสติเขาเท่านั้น”ไป๋ซูเม่ยมองมาที่เว่ยเฟิงหรงและลอบขำ เฟิงหรงถึงกับหันไปค้อนให้นางที่กล้าขำเขาต่อหน้าเช่นนี้“เม่ยเอ๋อร์ ไว้หน้าข้าหน่อยก็ดีนะ นี่ต่อหน้าอาจารย์เชียวนะ”“ท่านพี่ คงยากแล้วล่ะเจ้าค่ะ ทั้งท่านพ่อ พี่หญิงเฟยหย่า องค์รัชทายาทหรือแม้แต่ท่านอ๋องต่างก็นำเรื่องนี้มาพูดกับข้าหมดแล้ว ก็ยังมีอาจารย์นี่แหละเจ้าค
เว่ยเฟิงหรงกระซิบบอกจนนางต้องเบือนหน้าหนี นึกไม่ถึงว่าถึงขนาดนี้แล้วเขายังหึงอยู่ ไป๋ซูเม่ยเดินไปที่อุทยานหลวงตามที่เขาบอก นางเดินไปพบคนผู้หนึ่งซึ่งวันนี้เขาสวมชุดสีดำที่ดูแปลกตา“มาแล้วหรือ….คุณหนูไป๋”“อี้เสี่ยวฟาน เจ้า….เหตุใดจึงได้แต่งชุดนี้”นางมองไปยังชุดที่ดูแปลกตาสีเข้มที่ทำให้อี้เสี่ยวฟานดูดีและเหมาะสมกับเขามากกว่าชุดองครักษ์ที่เขามักจะสวมอยู่เสมอเมื่ออยู่กับเสวียนอวี่“นี่น่ะหรือ นี่เป็นเครื่องแบบของแม่ทัพกองทัพอินทรีย์ทองขององค์รัชทายาทน่ะ เป็นอย่างไรมันเหมาะกับข้าหรือไม่”“ว่าอย่างไรนะนี่เจ้าเป็น….ยอดเยี่ยมมากเลยไม่เห็นมีผู้ใดบอกข้ามาก่อนหน้านี้มาก่อนเลยว่าเจ้าจะเป็นถึงแม่ทัพของนักรบเกราะทองนั่น ข้ายินดีด้วย ข้า…เอ่อ…”“เราอยู่กันสองคน อิ่นหลงเจ้าบอกเรื่องของเจ้ากับเว่ยซื่อจื่อไปแล้วสินะ เขาถึงได้ยอมให้เจ้ามาพบข้าในวันนี้”ไป๋ซูเม่ยเงยหน้ามองสหายรักที่ในที่สุดเขาก็กล้ายอมรับนางแล้วว่านางคืออิ่นหลง สหายของเขา นางมองเขาพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมา“ใช่แล้วล่ะ ข้าบอกเฟิงหรงไปหมดแล้ว ทั้งเรื่องที่ข้าถูกเสวียนอวี่ฆ่าและอยู่ในร่างของไป๋ซูเม่ย คู่หมั้นของเขา”“สวรรค์คงเห็นความดีในต
“ที่จริงข้าก็คิดจะชวนเจ้าไปเช่นกัน เอาเป็นว่าพรุ่งนี้หลังจากเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วเราก็แวะไปหาอาจารย์ก่อนก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะ ขอบคุณที่ท่านใส่ใจ”“ข้าย่อมรู้ดีว่าเจ้าอยากจะทำสิ่งใด เจ้าเป็นภรรยาของข้าแค่มองตาเจ้าก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้าคิดสิ่งใดอยู่ แต่ข้าคงไม่อนุญาตให้เจ้าไปร่วมพิธีของเสวียนอวี่หรอกนะ”“ข้าไม่ได้อยากจะไปอยู่แล้วเจ้าค่ะ เรื่องนั้นมิได้เกี่ยวกับข้าสักหน่อย ว่าแต่พรุ่งนี้เราต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”“พระราชาทานรางวัลที่ช่วยปราบกบฏ ประทานยศใหม่และพระราชทานงานสมรส”“นี่พวกเรา…ต้องสมรสในเมืองหลวงหรือเจ้าคะ”“เป็นพระราชประสงค์ของฝ่าบาทที่อยากจะตอบแทนเจ้าและสกุลเหยียนน่ะ เสด็จพ่อบอกข้ามาเมื่อคืนก่อนครั้งนี้เห็นทีจะเลี่ยงยากเพราะว่าฝ่าบาทตั้งใจประทานรางวัลนี้ให้กับพวกเราและยัง…แต่งตั้งเจ้าเป็นท่านหญิงอีกด้วย”“ท่านหญิงหรือเจ้าคะ แต่ว่าข้า…เหตุใดจึง…”“เรื่องนี้เป็นใต้เท้าเหยียนสองพ่อลูกเป็นผู้เสนอ และฝ่าบาทเองก็นึกขอบใจเจ้าหากว่าคืนนั้นกองทัพสกุลเหยียนและกององครักษ์หลวงของเยียนจินสือมาไม่ทันคงเกิดความเสียหายมากกว่านั้น ดังนั้นเรื่องนี้เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท เสด็จพ่