“เกิดอะไรขึ้นอ่ากุน”
“ลูกค้าจะเอากระเป๋ามาคืนน่ะ บอกว่าสินค้ามีปัญหา เราถามหาใบเสร็จไปแล้วแต่ลูกค้าไม่มี” ปีกุนอธิบายปัญหาให้เพื่อนฟังอย่างใจเย็น
แน่นอนว่าลูกค้าเจ้าปัญหาไม่ได้ใจเย็นอย่างที่คิดเอาไว้ เสียงแหลมปรี๊ดตะโกนขึ้นอีกครั้ง “ฉันจะคุยกับผู้จัดการเท่านั้น ไปตามมา!”
“ฉันนี่แหละค่ะผู้จัดการแล้วก็เป็นคนขายกระเป๋าใบนี้ให้กับคุณ เมื่อสามสัปดาห์ก่อน”
ดวงตาเหี่ยวเบิกขึ้นเมื่อนึกหน้าพนักงานขายได้ ตวิศาเดินไปหยิบถุงกระดาษใบนั้นแล้วล้วงเอากระเป๋าออกมาดูซึ่งมีรอยขีดข่วนอยู่หลายที่ แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดจากทางร้าน เพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นคนตรวจดูเองกับมือ
“เจอก็ดีแล้ว กระเป๋าร้านเธอมีปัญหาฉันต้องการเปลี่ยน” พูดไม่เต็มเสียงทั้งยังไม่กล้าสบตาอีกต่างหาก
“ดิฉันคงทำเรื่องคืนกระเป๋าให้กับคุณลูกค้าไม่ได้ค่ะเพราะกระเป๋าใบนี้ซื้อไปเกือบเดือนแล้วและคุณลูกค้าเองก็ไม่มีใบเสร็จมายืนยันด้วย”
ตวิศาปฏิเสธเสียงนุ่ม
“พวกแกจะโกงฉันใช่ไหม ทุกคนดูเอาไว้นะคะอย่ามาซื้อร้านนี้เด็ดขาดสินค้าไม่ได้คุณภาพแถมยังคืนไม่ได้ด้วยไม่เห็นเหมือนโฆษณาเอาไว้เลย”
ชี้นิ้วด่ากราดไปทั่วอีกทั้งปัดกระเป๋าตั้งโชว์ตกลงพื้นหลายใบ
ปีกุนพยายามเข้าไปห้ามปรามแต่ก็ถูกผลักออกจนล้ม ยิ่งทำให้ข้าวของเสียหายมากกว่าเดิม
“หยุดค่ะ! ฉันสั่งให้คุณหยุด”
เสียงหวานแต่ทรงพลังทำให้ทุกอย่างหยุดลง หญิงวัยกลางคนยกมือค้างแล้วหันไปหาต้นตอของเสียง ร่างระหงของสาวสวยในชุดเดรสสีพีชก้าวเท้าเข้ามาพร้อมกับเดินเข้าไปพยุงปีกุนให้ลุกขึ้น
ใบหน้าสวยหวานนี้เธอจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นใคร ‘คุณอรกมล’คู่หมั้นของผู้ชายที่เธอแอบรัก
“เธอเป็นใคร เข้ามายุ่งอะไรด้วย” ลูกค้าจอมเหวี่ยงหันกับมาถามด้วยใบหน้าเรียบตึงเตรียมพร้อมปะทะกับทุกคน
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอก แต่คุณนะสิ ทำร้ายข้าวของและพนักงานของที่นี่จะรับผิดชอบยังไง” อรกมลเริ่มชักสีหน้าก่อนจะหันไปหาตวิศา
“คุณขายกระเป๋าให้ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“ปกติร้านนี้มีกล้องคุณภาพที่สามารถเห็นทุกอย่างได้แม้กระทั่ง รูขุมขนไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นช่วยเช็ควันที่และวิดีโอว่าสินค้ามีปัญหาจากเราจริงหรือเปล่า...เราจะได้จัดการถูกวิธีและขั้นเด็ดขาด”
ประโยคหลังนั้นอรกมลหันกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นอีกรอบ น้ำเสียงเย็นเยียบนั้นทำเอาขนลุกได้เหมือนกัน ปีกุนจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงครอบครองหัวใจของคุณธามวัฒน์ได้ เพราะทั้งสวย เก่ง และเด็ดขาด
เวลาเพียงครู่เดียวตวิศาก็ย้อนดูวิดีโอครบและทุกอย่างมันก็ออกมาเป็นว่าสินค้าไม่ได้มีปัญหากับทางเราตั้งแต่แรก อรกมลจึงเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมานำตัวผู้หญิงคนนั้นออกไปอีกทั้งสั่งตวิศาตามไปเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
“เกิดอะไรขึ้นเหรออร”
เสียงทุ้มแหวกไทยมุงเดินเข้ามาด้วยความร้อนใจ แล้วจับร่างเล็กหมุนซ้ายหมุนขวาเกรงว่าคนรักจะได้รับบาดเจ็บ “อรไม่เป็นไรค่ะ”
“แล้วคุณล่ะคะ เป็นอะไรหรือเปล่า” อรกมลหันกลับไปถามปีกุนซึ่งยืนหลบอยู่ด้านหลัง
หญิงสาวเพียงแค่ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วก้มหน้างุด ทว่าธามวัฒน์กลับจำเธอขึ้นมาได้ เธอคือผู้หญิงในคืนนั้น เจ้าของใบหน้าหล่อเลื่อนสายตามองไปยังท่อนแขนซึ่งมันยังคงหลงเหลือรอยแผลเป็นอยู่ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทักทายเพราะคิดว่าเจ้าตัวคงจำหน้าไม่ได้หรอกเห็นกันแป๊บเดียวเท่านั้นเอง
“ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ...ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะธาม เดี๋ยวไปถ่ายพรีเวจดิ้งไม่ทันสายมากแล้ว”
อรกมลยกมือขึ้นดูเวลาบนข้อมือแล้วก็ควงแขนธามวัฒน์เดินออกจากร้านไป ปีกุนมองตามหลังทั้งคู่เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกจริง ๆ
“ถ้าเสร็จเรื่องแล้วตาลก็กลับห้องพักไปได้เลยนะ กุนจะได้ไปทำงานที่ร้านเหล้าต่อ”
หูแนบโทรศัพท์ใส่กับไหล่แล้วใช้สะโพกดันประตูหลังร้านเข้ามาด้านในพอจบบทสนทนาแล้วเธอก็รีบตัดสายเก็บทุกอย่างเข้าล็อกเกอร์ให้เรียบร้อยก่อนจะตรงไปยังห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุดมาอยู่ในยูนิฟร์อมของร้านอาหารกึ่งบาร์เหล้า
ปีกุนทำงานอยู่สองที่คือกลางวันทำที่ห้างฯ ส่วนช่วงค่ำก็มารับจ๊อบเป็นเด็กเสิร์ฟจนถึงดึก ซึ่งเธอทำแบบนี้มาเกือบจะเจ็ดปีแล้ว
ร้านอาหารกึ่งบาร์ขนาดใหญ่ มีทั้งชั้นลอยและโซนริมระเบียงให้เลือกนั่ง ด้านในเป็นโซฟาและโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารส่วนอีกด้านก็เป็นเคาน์เตอร์ให้นักดื่มที่มาคนเดียวเอาไว้นั่ง บนชั้นขนาดใหญ่ด้านหลังบาร์ มีขวดเหล้ามากมายเรียงรายอย่างน่าทึ่งจนไม่สามารถจำแนกประเภทได้
บรรยากาศของบาร์โดยรวมให้กลิ่นอายอเมริกายุคหกศูนย์ ด้วยเก้าอี้สไตล์แอนทีครวมไปถึงพรม และผนังไม้สีเข้ม
“กุน เอากุ้งแช่น้ำปลาแล้วก็เอ็นไก่ทอดไปเสิร์ฟร้านนั้นหน่อย”
เสียงผู้จัดการร้องเรียกหญิงสาวที่เพิ่งเดินกลับมาจากการขึ้นไปเสิร์ฟบนชั้นลอยก็รีบตรงไปยังห้องครัวทันที
“โต๊ะสามริมระเบียง” พ่อครัวบอกเสียงดัง
ปีกุนถือถาดใส่อาหารผ่านช่องทางเดินไปยังโซนริมระเบียงยิ่งขยับเท้าเข้าไปใกล้เธอก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตากับคู่ชายหญิงที่นั่งหันหลังให้เหลือเกิน
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ” เธอบอกกับลูกค้าด้วยเสียงอ่อนหวานแต่พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องชะงัก
“อ้าว เธอนั้นเองทำไมถึงมาเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านนี้ล่ะ” อรกมลเอ่ยทักทายแล้วก็ผละออกจากแผงอก
ปีกุนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะเธอไม่รู้ว่าหากบริษัทรู้ว่าเธอทำงานสองที่จะส่งผลอะไรไหม จึงได้แต่ยิ้มรับแล้วตอบสั้น ๆ ว่า “ค่ะ”
“ทำงานกลางคืนที่นี่ ส่วนกลางวันก็ไปทำในห้างฯ คิดว่ามีเวลาเต็มที่ให้กับงานประจำหรือเปล่า”
น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับยืดตัวนั่งตรงวางแก้วเหล้าในมือลงกับโต๊ะ เนื้อตัวของปีกุนชาวาบรู้สึกกลัวว่าจะถูกไล่ออก
“ไม่ต้องห่วงค่ะ กุนทำงานให้กับทุกที่เต็มที่อยู่แล้วและไม่เคยขาดลามาสายกับงานในห้างฯ สักครั้ง” เธอตอบเขาเสียงสั่น
ธามวัฒน์เหลือบสายตาดูเจ้าของร่างอวบอีกครั้งแล้วก็คลี่ยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ผู้หญิงคนนี้เหมือนกับสามปีที่แล้วไม่มีผิดเอาแต่ก้มหน้าไม่มั่นใจแล้วก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา
“ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นหรอก ฉันแค่ล้อเล่น ขยันแบบนี้น่ะดีแล้ว คนขยันส่วนใหญ่ชีวิตจะก้าวหน้าแล้วก็ไปได้ดี”
เหมือนเป็นคำสอนอยู่กลาย ๆ หญิงสาวเงยหน้ามองเขาและปรากฏรอยยิ้มมุมปากจางๆ จนแทบมองไม่ทันก่อนจะโค้งศีรษะให้แล้วเดินกลับไปทำอย่างอื่นต่อ
“พี่หวานถ้ารอบหน้าโต๊ะสามริมระเบียงสั่งของอีกพี่ไปเสิร์ฟแทนกุนได้ไหม ส่วนโต๊ะที่พี่รับผิดชอบเดี๋ยวหนูไปเสิร์ฟแทนให้”
ปีกุนมาขอร้องพี่ร่วมงานเปลี่ยนโต๊ะเสิร์ฟด้วยสายตาอ้อนวอน รุ่นพี่อายุมากกว่าขมวดคิ้วเข้าหากันว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะปกติแล้วปีกุนไม่เคยเกี่ยงงาน ใครใช้ให้ทำอะไรก็ทำหมด
“เกิดอะไรขึ้น โดนลวนลามเหรอหรือลูกค้าพูดจาไม่ดีใส่” เอื้อมมือไปจับต้นแขนเขย่าเล็กน้อย
“เปล่าค่ะ โต๊ะนั้นเป็นเจ้าของห้างฯ ที่กุนทำงานอยู่ช่วงกลางวันก็เลยรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย”
ปีกุนบอกแล้วก็ยิ้มกว้างออกมากับท่าทีเป็นห่วงของพี่ร่วมทำงาน
“เฮ้อ โล่งอกไปทีนึกว่าแกจะถูกลวนลามจากพวกแก่ตัณหากลับเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมาแล้ว”
หวานยกมือขึ้นทาบอกเพื่อแสดงออกถึงความโล่งใจอย่างที่พูดจริงๆ เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้ชายมีอายุถึงชอบทำตัวรุ่มร่ามกับผู้หญิงอวบ ๆ ผิวขาวมากนัก เห็นรุ่นน้องหุ่นแบบนี้เข้ามาทำงานทีไรก็ถูกแต๊ะอั่ง ทุกที
แบบเหี่ยว ๆ เคี้ยวยากๆ ทำไมไม่สนใจมั่ง
ปีกุนได้แต่ยิ้มให้กับความบ่นกระปอดกระแปดของพี่หวานแล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นหัวเราะออกมากับการทำท่าทางประกอบคำบ่น....
เวลาเลื่อนมาจนกระทั่งใกล้ร้านปิดปีกุนพยายามชะเง้อคอมองไปยังโต๊ะสามริมระเบียงอีกครั้ง รอบนี้สองหนุ่มสาวไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ไม่รู้ว่าทั้งคู่เช็คบิลออกไปตั้งแต่ตอนไหนเพราะช่วงเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ เธอยังเห็นพวกเขาอยู่เลย“ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว กลับบ้านได้“ผู้จัดการตะโกนบอกพนักงานในร้านทุกคนต่างรีบตรงไปยังล็อคเกอร์ด้วยสีหน้าอิดโรยจากความเหนื่อยล้า วันนี้เป็นวันศุกร์สิ้นเดือนลูกค้าจึงค่อนข้างเยอะทำให้ทุกรายการของร้านขายดีจนเด็กเสิร์ฟเดินขาขวิดกันเลยทีเดียวเวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งตีสองปีกุนจึงเดินลัดเลาะออกมาด้านหลังซอย ซึ่งเชื่อมกันกับถนนเส้นหลักของย่านอโศก ตรงนั้นมีรถเมล์สายหลักวิ่งอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงถึงแม้นาน ๆ จะวิ่งมาครั้งหนึ่งก็ตามกว่าจะเดินมาถึงป้ายรถเมล์ก็ล่วงเลยมาเกือบจะตีสอง บริเวณนั้นมีไฟส่องสว่างตลอดทั้งแนวเธอจึงมั่นใจเรื่องความปลอดภัยขึ้นมานิดหน่อยถัดจากป้ายรถเมล์ไปไม่ไกลมีรถหรูคันหนึ่งจอดอยู่แต่เธอเลือกไม่สนใจเพราะเห็นจนชินตาแล้ว เมื่อร้านปิดนักดื่มมักจะมาจอดพ้อตรักกันอยู่เป็นประจำหญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง แล้วล้วงกระเป๋าใบเล็กออกมาในนั้นไม่มีแบงค์ให้เลือกใช้จ่า
ดวงตาคู่หวานนอนมองเพดานน้ำตากลิ้งลงข้างแก้มเธอตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงทำให้หมดสติไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็มานอนอยู่ในห้องนี้แล้ว“กุน เป็นยังไงบ้างลูกเจ็บตรงไหนไหม”หญิงสูงวัยหากประเมินด้วยสายตาอายุคงเกินหกสิบแล้วเดินเข้ามาหาโดยมีตวิศาพยุงเข้ามา“แม่ครู”ปีกุนเท้าศอกพยุงร่างกายตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบากเพราะเธอก็ได้รับบาดเจ็บจากการหกล้มเหมือนกันรำไพเป็นแม่ครูดูแลสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าเติมรักซึ่งท่านเป็นคนดูแลเด็ก ๆ ทุกคนกว่าร้อยชีวิต ด้วยความที่ท่านมีความเมตตาจึงเลี้ยงกลุ่มเด็กถูกทอดทิ้งเหล่านี้ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ทำงานหลายคนแล้วแต่ไม่มีกี่คนหรอกที่จะไม่ลืมบุญคุณและยังกลับมาช่วยเหลือสถานชุบเลี้ยงแห่งนี้และหนึ่งในนั้นก็คือปีกุนและตวิศา“โธ่ ลูกคงตกใจแย่เลยใช่ไหม” มือเหี่ยวย่นยกขึ้นลูบหัวเมื่อรับรู้เรื่องราวจากตวิศาเธอก็รีบติดสอยห้อยตามมาด้วยความเป็นห่วง ความโล่งใจผุดขึ้นมาในอกเมื่อเห็นว่าปีกุนไม่ได้เป็นอะไรมากก็ถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน“แล้วเรื่องมันเป็นมายังไงแกถึงได้มาอยู่ในสภาพนี้”ตวิศากวาดตามองดูสภาพเพื่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแม้ว่าจะไม่ได้โดนรถชนแต่เนื้
‘เตรียมแต่งแล้วจ้า...ไฮโซธามวัตฒ์เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศกับครูสาวที่หมั้นหมายกันมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้ฤกษ์งามยามดีสั่นระฆังวิวาห์’นิ้วมืออวบเลื่อนอ่านข่าวบันเทิงในสมาร์ตโฟนพรางกดดูรูปของว่าที่เจ้าบ่าวดู มุมปากโค้งขึ้นนิดหนึ่งจนมองแทบไม่ทันแล้วก็หุบลงเจ้าของร่างอวบหนักเจ็ดสิบ สูงเพียงแค่ร้อยหกสิบห้าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองอกหักอีกครั้ง ครั้งแรกคือวันที่รู้ว่าผู้ชายที่เคยช่วยชีวิตไว้มีคนรักและหมั้นกันแล้ว ส่วนครั้งที่สองก็คือตอนนี้ที่พวกเขาประกาศว่ากำลังจะแต่งงานกันใบหน้ากลมเนียนใสซึ่งแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาสะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเองออกไป หากเธอแอบชอบคนที่ฐานะใกล้เคียงกันป่านนี้คงลงเอยด้วยการมีแฟนไปนานแล้ว ตอนนี้จึงเป็นแค่หมามองเครื่องบินเท่านั้น“อ่านข่าวคุณทามอยู่เหรอกุน”สาวสวยหน้าตาดีซึ่งอยู่ในชุดยูนิฟอร์มเดียวกันชะโงกมองหน้าจอมือถือเพื่อนรักและก็เห็นว่าเป็นจริงอย่างที่คิดเอาไว้ ไม่มีผิด‘ตวิศา’เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของ ‘ปีกุน’ ซึ่งทั้งคู่เป็นเด็กกำพร้าถูกทอดทิ้งไว้ในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเติมรัก เมื่อเรียนจบมัธยมปลายสองสาวจึงตัดส
ดวงตาคู่หวานนอนมองเพดานน้ำตากลิ้งลงข้างแก้มเธอตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงทำให้หมดสติไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็มานอนอยู่ในห้องนี้แล้ว“กุน เป็นยังไงบ้างลูกเจ็บตรงไหนไหม”หญิงสูงวัยหากประเมินด้วยสายตาอายุคงเกินหกสิบแล้วเดินเข้ามาหาโดยมีตวิศาพยุงเข้ามา“แม่ครู”ปีกุนเท้าศอกพยุงร่างกายตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบากเพราะเธอก็ได้รับบาดเจ็บจากการหกล้มเหมือนกันรำไพเป็นแม่ครูดูแลสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าเติมรักซึ่งท่านเป็นคนดูแลเด็ก ๆ ทุกคนกว่าร้อยชีวิต ด้วยความที่ท่านมีความเมตตาจึงเลี้ยงกลุ่มเด็กถูกทอดทิ้งเหล่านี้ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ทำงานหลายคนแล้วแต่ไม่มีกี่คนหรอกที่จะไม่ลืมบุญคุณและยังกลับมาช่วยเหลือสถานชุบเลี้ยงแห่งนี้และหนึ่งในนั้นก็คือปีกุนและตวิศา“โธ่ ลูกคงตกใจแย่เลยใช่ไหม” มือเหี่ยวย่นยกขึ้นลูบหัวเมื่อรับรู้เรื่องราวจากตวิศาเธอก็รีบติดสอยห้อยตามมาด้วยความเป็นห่วง ความโล่งใจผุดขึ้นมาในอกเมื่อเห็นว่าปีกุนไม่ได้เป็นอะไรมากก็ถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน“แล้วเรื่องมันเป็นมายังไงแกถึงได้มาอยู่ในสภาพนี้”ตวิศากวาดตามองดูสภาพเพื่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแม้ว่าจะไม่ได้โดนรถชนแต่เนื้
เวลาเลื่อนมาจนกระทั่งใกล้ร้านปิดปีกุนพยายามชะเง้อคอมองไปยังโต๊ะสามริมระเบียงอีกครั้ง รอบนี้สองหนุ่มสาวไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ไม่รู้ว่าทั้งคู่เช็คบิลออกไปตั้งแต่ตอนไหนเพราะช่วงเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ เธอยังเห็นพวกเขาอยู่เลย“ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว กลับบ้านได้“ผู้จัดการตะโกนบอกพนักงานในร้านทุกคนต่างรีบตรงไปยังล็อคเกอร์ด้วยสีหน้าอิดโรยจากความเหนื่อยล้า วันนี้เป็นวันศุกร์สิ้นเดือนลูกค้าจึงค่อนข้างเยอะทำให้ทุกรายการของร้านขายดีจนเด็กเสิร์ฟเดินขาขวิดกันเลยทีเดียวเวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งตีสองปีกุนจึงเดินลัดเลาะออกมาด้านหลังซอย ซึ่งเชื่อมกันกับถนนเส้นหลักของย่านอโศก ตรงนั้นมีรถเมล์สายหลักวิ่งอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงถึงแม้นาน ๆ จะวิ่งมาครั้งหนึ่งก็ตามกว่าจะเดินมาถึงป้ายรถเมล์ก็ล่วงเลยมาเกือบจะตีสอง บริเวณนั้นมีไฟส่องสว่างตลอดทั้งแนวเธอจึงมั่นใจเรื่องความปลอดภัยขึ้นมานิดหน่อยถัดจากป้ายรถเมล์ไปไม่ไกลมีรถหรูคันหนึ่งจอดอยู่แต่เธอเลือกไม่สนใจเพราะเห็นจนชินตาแล้ว เมื่อร้านปิดนักดื่มมักจะมาจอดพ้อตรักกันอยู่เป็นประจำหญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง แล้วล้วงกระเป๋าใบเล็กออกมาในนั้นไม่มีแบงค์ให้เลือกใช้จ่า
“เกิดอะไรขึ้นอ่ากุน”“ลูกค้าจะเอากระเป๋ามาคืนน่ะ บอกว่าสินค้ามีปัญหา เราถามหาใบเสร็จไปแล้วแต่ลูกค้าไม่มี” ปีกุนอธิบายปัญหาให้เพื่อนฟังอย่างใจเย็นแน่นอนว่าลูกค้าเจ้าปัญหาไม่ได้ใจเย็นอย่างที่คิดเอาไว้ เสียงแหลมปรี๊ดตะโกนขึ้นอีกครั้ง “ฉันจะคุยกับผู้จัดการเท่านั้น ไปตามมา!”“ฉันนี่แหละค่ะผู้จัดการแล้วก็เป็นคนขายกระเป๋าใบนี้ให้กับคุณ เมื่อสามสัปดาห์ก่อน”ดวงตาเหี่ยวเบิกขึ้นเมื่อนึกหน้าพนักงานขายได้ ตวิศาเดินไปหยิบถุงกระดาษใบนั้นแล้วล้วงเอากระเป๋าออกมาดูซึ่งมีรอยขีดข่วนอยู่หลายที่ แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดจากทางร้าน เพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นคนตรวจดูเองกับมือ“เจอก็ดีแล้ว กระเป๋าร้านเธอมีปัญหาฉันต้องการเปลี่ยน” พูดไม่เต็มเสียงทั้งยังไม่กล้าสบตาอีกต่างหาก“ดิฉันคงทำเรื่องคืนกระเป๋าให้กับคุณลูกค้าไม่ได้ค่ะเพราะกระเป๋าใบนี้ซื้อไปเกือบเดือนแล้วและคุณลูกค้าเองก็ไม่มีใบเสร็จมายืนยันด้วย”ตวิศาปฏิเสธเสียงนุ่ม“พวกแกจะโกงฉันใช่ไหม ทุกคนดูเอาไว้นะคะอย่ามาซื้อร้านนี้เด็ดขาดสินค้าไม่ได้คุณภาพแถมยังคืนไม่ได้ด้วยไม่เห็นเหมือนโฆษณาเอาไว้เลย”ชี้นิ้วด่ากราดไปทั่วอีกทั้งปัดกระเป๋าตั้งโชว์ตกลงพื้นหลายใบปีกุนพยา
‘เตรียมแต่งแล้วจ้า...ไฮโซธามวัตฒ์เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศกับครูสาวที่หมั้นหมายกันมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้ฤกษ์งามยามดีสั่นระฆังวิวาห์’นิ้วมืออวบเลื่อนอ่านข่าวบันเทิงในสมาร์ตโฟนพรางกดดูรูปของว่าที่เจ้าบ่าวดู มุมปากโค้งขึ้นนิดหนึ่งจนมองแทบไม่ทันแล้วก็หุบลงเจ้าของร่างอวบหนักเจ็ดสิบ สูงเพียงแค่ร้อยหกสิบห้าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองอกหักอีกครั้ง ครั้งแรกคือวันที่รู้ว่าผู้ชายที่เคยช่วยชีวิตไว้มีคนรักและหมั้นกันแล้ว ส่วนครั้งที่สองก็คือตอนนี้ที่พวกเขาประกาศว่ากำลังจะแต่งงานกันใบหน้ากลมเนียนใสซึ่งแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาสะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเองออกไป หากเธอแอบชอบคนที่ฐานะใกล้เคียงกันป่านนี้คงลงเอยด้วยการมีแฟนไปนานแล้ว ตอนนี้จึงเป็นแค่หมามองเครื่องบินเท่านั้น“อ่านข่าวคุณทามอยู่เหรอกุน”สาวสวยหน้าตาดีซึ่งอยู่ในชุดยูนิฟอร์มเดียวกันชะโงกมองหน้าจอมือถือเพื่อนรักและก็เห็นว่าเป็นจริงอย่างที่คิดเอาไว้ ไม่มีผิด‘ตวิศา’เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของ ‘ปีกุน’ ซึ่งทั้งคู่เป็นเด็กกำพร้าถูกทอดทิ้งไว้ในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเติมรัก เมื่อเรียนจบมัธยมปลายสองสาวจึงตัดส