ยูโรขับรถมารับ น้ำหอม ภรรยาของเขาตามคำสั่งของเจ้านาย ซึ่งเธอเองรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก เมื่อได้รู้จากปากของสามีว่า เจ้านายของเขาต้องการให้เธอมาดูแลหญิงสาว ที่กำลังจะมีสถานะเป็นภรรยา ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าน้ำหอม เคยทำงานเป็นช่างแต่งหน้าและดูแลเรื่องเสื้อผ้าของเหล่าบรรดานางแบบและนักแสดงมาแล้วมากมาย จนกระทั่งได้แต่งงานกับยูโร น้ำหอมจึงลาออกจากงานและได้เปิดร้านเสริมสวยเป็นของตัวเอง ด้วยทุนที่เควินเจ้านายของสามีเธอเป็นคนออกให้ และมีกินมีใช้อย่างสุขสบายมาจนถึงทุกวันนี้ วันนี้เควินอนุญาติ ให้ยูโรขับรถยนต์คันนี้มารับภรรยา นับว่าเป็นบุญวาสนาของเธอที่มีโอกาสได้นั่งรถราคาหลายสิบล้าน“คุณซันเธอสวยไหมคะพี่ยู..” น้ำหอมหันมาถามสามี ที่กำลังทำหน้าที่ขับรถอยู่ข้างกันยูโรละสายตาหันมายิ้มเมื่อได้ยินคำถามนี้ของเธอ “ พี่ชมผู้หญิงอื่นว่าสวยต่อหน้าเมียได้ด้วยเหรอ?”แต่แทนที่จะเป็นคำตอบ แต่กลายเป็นคำถามกลับมา ซะอย่างนั้น“ น้ำยอมให้คุณซันคนเดียวก็ได้ค่ะ...ว่ายังไงละคะ...เธอสวยมั๊ย?..”“สวยเหมือนนางเอก เซ็กซี่เหมือนนางร้ายในละคร...”ยูโรตอบกลับโดยที่ไม่ได้หันมา สายตาของเขายังคงมองทางข้างหน้าอย่างตั้งใ
“พี่เค!”เควินหมุนตัวหันไปมองที่มาของเสียง ที่เรียกชื่อเขาคีย์สูง มาพร้อมกับหญิงสาวรูปร่างบอบบางนางหนึ่งเธอวิ่งเข้ามาหาจนเกือบจะถึงตัวเขาอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้เร็วไปกว่าอีกคน ที่ออกมายืนขวางระหว่างเธอกับพี่ชายเพราะเอนิสต้องคอยกันทุกคนเอาไว้ โดยที่ไม่ให้เข้าถึงตัวของเจ้านายได้ตามคำสั่งพี่ชายที่เธอไม่เคยคิดว่าเขาเป็นพี่เลยสักนิดก็ในเมื่อมันไม่ใช่พี่น้องร่วมท้องกันจริง ๆ และเควินเองก็เหมือนจะรู้อีกนั่นหละ เขาจึงไม่เคยสนใจใยดีในตัวของน้องสาวคนนี้เท่าไหร่นักจะว่าไป เขาก็ไม่เคยสนใจใยดีพี่น้องคนไหน ๆ อยู่แล้ว นอกเสียจาก นิค กับ ทรอย สองคนนี่เท่านั้นที่ดูเหมือนจะไว้ใจกันได้มากกว่าใครนิคเกิดมาจากแม่ที่เคยเป็นคนรับใช้ในบ้านของพ่อ ที่ผันตัวเองขึ้นมาได้เป็นเมียของมาเฟียเฒ่า แต่พอได้สมใจก็ถูกเขี่ยทิ้งไปเหมือนกับอีกหลาย ๆ คน แต่ดีหน่อยที่พ่อของเขารับผิดชอบลูก ๆ ที่เกิดมาจากบรรดาเมีย ๆ ทั้งหลายเหล่านั้น รวมไปถึงลูก ๆ ที่ไม่ใช่ลูกอย่างผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขานี่ก็ด้วยส่วนทรอยเป็นลูกของเลขาเก่าของคุณจารีย์ เธอถูกพ่อของเขาหลอกล่อจนได้เสียกันแล้วเกิดตั้งท้อง แต่สุดท้ายก็ตรอมใจตาย โดยทิ้งทรอยเอา
“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับคุณเกรช...” เควินเอ่ยถามเธอออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง และตั้งใจรอฟังคำถามจากอีกคน“พอดีเกรซได้ยินข่าวซุบซิบมาว่าคุณกำลังจะแต่งงาน...ไม่จริงใช่มั๊ยคะ?”“ครับ...ตามนั้น...”ชายหนุ่มบอกยิ้ม ๆ แต่หญิงสาวชักสีหน้า เมื่อเห็นเขาเฉยชากับเธออย่างชัดเจน เธอรู้สึกโกรธมากเมื่อได้ยินคำตอบนี้จากคนตรงหน้า“ทำไมคะ!?...ในเมื่อเราสองคนเหมาะสมกันที่สุด ทำไมคุณถึงไม่เลือกเกรช?...” หญิงสาวสะบัดเสียงถามเขาคีย์สูงอย่างไม่พอใจเอนิสเริ่มขยับตัวตั้งท่าจะเดินออก แต่สายตาของเจ้านายบอกเขาให้ยืนอยู่ตรงนั้น เพราะกลัวว่าซันไชน์อาจเข้ามาเห็น ยังไงซะเขาก็ต้องป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน…อย่างน้อยซันไชน์จะได้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่กับหญิงสาวตามลำพังยังไม่ทันไรซันไชน์ก็ทำให้เขารู้สึกกลัวเธอขึ้นมาได้เฉยเลย...“ ผมเลือกคนที่ผมรักมากกว่าคนที่เหมาะสม...อีกอย่างนะที่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ ต่อให้เหมาะสมยังไง แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นคุณผมก็ไม่เอา..ชัดเจนนะ!...”เควินเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ รวมไปถึงสีหน้าและแววตาที่มองเธอมาดูดุดันน่ากลัว จนทำให้ขนของหญิงสาวลุกชัน กระทั่งไม่กล้าที่จะกรี๊ดใส่หน้าเหมือนที่กล้าทำ
เวลาผ่านไปสักพักเจ้าของร่างสูงใหญ่ ก็เปิดประตูออกมาจากรถพร้อมกับซันไชน์ ที่มีผ้าคลุมไหล่ปกปิดช่วงบนเอาไว้เพื่อให้พ้นจากสายตาของเหล่าบรรดาผู้ชายทั้งหลายที่อยู่ในงาน ส่วนช่วงล่างนั้นชายหนุ่มยอมอนุโลมให้ แต่ทว่าห้ามลุกเดินไปไหนหากไม่จำเป็นใบหน้าสวยเฉี่ยวคม ถูกน้ำหอมแต่งแต้มสีสันให้พอประมาณ ยิ่งทำให้ซันไชน์ดูเป็นสาวสวยหวานที่เต็มไปด้วยเสน่ห์จัดจ้าน จนคนที่เดินผ่านเข้าไปในงานต่างก็เหลียวมอง และทำให้หัวคิ้วของคนที่ยืนอยู่ข้างกันกระตุกยิก ๆ อย่างไม่ค่อยจะพอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เธอสวยมากจริง ๆ นั่นหละ เขาเองยังละสายตาจากเธอแทบไม่ได้เลย“เติมลิปสติกหน่อยนะคะคุณซัน...”น้ำหอมเป็นคนเอ่ยทัก เมื่อเห็นว่าริมฝีปากของหญิงสาว ปราศจากสีเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ สาเหตุก็มาจากที่เธอถูกคนข้างกันกินมันไปจนหมด ซันไชน์จึงพยักหน้ารับอย่างรู้สึกเขินอาย อีกทั้งลูกน้องของเขา ก็เอาแต่มองหน้ากันแล้วหันไปยิ้มทางอื่นมือใหญ่เอื้อมมาจับมือของเธอไว้ ก่อนจะกุมกระชับแล้วพาหญิงสาวเดินเข้าไปในงานด้วยกัน ท่ามกลางสายตาของแขกเหลื่อมากมาย ที่มองซันไชน์อย่างชื่นชมแขกในงานส่วนใหญ่ก็พอจะรู้กันบ้างแล้วว่า ทั้งสองคนกำลังจะแต่ง
“มือเย็นเจี๊ยบเลย เธอตื่นเต้นมากรึไงหื้ม”เควินหันมาถาม พลางจับมือของซันไชน์ขึ้นมากดจูบหนัก ๆ แล้วค้างเอาไว้อย่างนั้น คล้ายกับส่งกำลังใจให้กัน ในขณะที่พาหญิงสาวเดินออกมาเอารถที่จอดอยู่หน้างาน แต่ทว่าคนที่เดินข้างกัน กลับออกอาการก่อนจะถึงที่หมายไปซะอีก“ซันจะเป็นลมค่ะ...แล้วหัวใจมันก็เต้นแรงมาก ๆ...”“ไหนเอาหัวใจมาให้พี่จับหน่อยสิว่าเต้นแรงแค่ไหน?”หมับ!เควินจับหมับลงมาตรงตำแหน่งหน้าอกข้างซ้าย ของซันไชน์ทันทีหลังจากที่ปากว่า มือหนาซุกซนกับด้านบนซึ่งก็คือเต้านมของเจ้าตัวเขานั่นหละ แล้วก็ไม่ได้จับเปล่า ๆ เจ้าของมือยังบีบแล้วก็ขยำ หนำซ้ำยังตีหน้ามึนได้อย่างน่าหมั่นใส้ที่สุดเหอะ!“ฮื้ออ...คนทะลึ่ง!”ซันไชน์ต่อว่า แล้วหันซ้ายแลขวา กวาดสายตาว่ามีใครมองมาที่เธอและเขาบ้างหรือเปล่า ก่อนจะถอนหายใจออกมายืดยาวแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะโล่งใจจริง ๆ สักเท่าไหร่นัก เพราะยังมีคนรู้จักอีกสามคน ที่เดินตามหลังมานั่นต่างหาก ที่พากันกลั้นขำกับการกระทำของเจ้านาย“ตรงไหน?”“คะ!”“จับนมเมียเนี่ยนะทะลึ่ง?”“คนบ้า! อายคนที่เดินตามมาบ้างสิคะ”เธอต่อว่า แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนเขาอย่างน่ารัก แต่ก็ใช่ว่าจะยืนให้เขาจับนมเธออยู่อ
ซันไชน์มองสบตากับหญิงสาวร่างใหญ่กว่าตรงหน้านิ่ง ๆ โดยไม่คิดจะหนีไปไหนหนียังไงละ? ก็มันหนีไม่ได้ ในเมื่อแม่คุณยืนขวางทางอยู่เต็มประตูเลย ถึงแม้ดูเหมือนว่าเจ้าตัว ทำท่าเหมือนจะเข้ามาเอาเรื่อง หรืออาจจะกล้าทำร้ายร่างกายของซันไชน์ เหมือนกับที่ทำกับผู้หญิงอีกคนที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังนี่ก็ตามที…ก็ไม่ได้ทำให้ซันไชน์กลัวเธอสักเท่าไหร่ ออกจะสังเวชใจซะด้วยซ้ำดูจากเชิงมวยแล้วเกรชน่าจะเหนือกว่าเธออยู่มาก นั่นอาจเป็นเพราะหญิงสาวเป็นลูกสาวของมาเฟีย จึงถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ และชอบใช้ความรุนแรง อยากได้อะไรต้องได้..ชอบเอาแต่ใจได้อย่างน่าโมโหเอ๊ะ! ที่เธอคิดมานี่ทำไมมันถึงรู้สึกคุ้น ๆ จังแฮะ..“พี่เคเคยทำอะไรคุณเหรอคะ แต่ถ้าเป็นเรื่องเดียวกันกับที่คุณคิดละก็ ฉันว่ามันไม่จริง”จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ตอนนี้ซันไชน์ก็ขอมั่ว ๆ ไปก่อน“พี่เคคงไม่ตาต่ำเอาผู้หญิงอย่างคุณแน่ ๆ ค่ะ..”เพราะดูจากนิสัยแล้วน่าจะร้ายกาจพอกัน...แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอรักของเธอไงเธอถึงได้ยอม และพร้อมจะเชื่อใจเขาทุกอย่าง และที่สำคัญคนที่กำลังถูกเอ่ยถึงคนนั้น เขาก็รักเธอด้วยเช่นเดียวกัน“คุณน่ะมันสวยแต่รูป!...นอกจากนั้นฉันก็ไม่เห็น
“ ก็...แล้วเธออยากจะให้พี่ทำอะไรล่ะ?”“ นี่เค!..” ซันไชน์แหวใส่ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น วงแขนแกร่งก็รัดร่างบางเข้ามากอด พร้อมกับฉกวูบลงมาบนริมฝีปากของเจ้าตัว ทำเอาซันไชน์หายใจได้ไม่ทั่วท้อง“อื้ออ...”ซันไชน์สะดุ้งพลางยันมือกับแผงอกกว้าง ดันร่างของเขากับตัวเองให้ห่างจากกัน แต่แรงน้อยนิดของหญิงสาว หรือจะสู้แรงของเขาได้ แถมรูปร่างที่ต่างกันมาก ขนาดตัวของซันไชน์ที่เขาสามารถกอดเอาไว้ แล้วจมหายเข้าไปในอกได้นี่..มันก็ไม่น่าจะวัดกันได้แล้วมั้ง!...ยิ่งซันไชน์ดิ้นรนขัดขืนหรือต่อต้านเขามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งกระตุ้นความต้องการเอาชนะเธอของเขาให้ได้มากยิ่งขึ้นเมื่อหญิงสาวขืนตัวเขาก็ยิ่งรุกเร้าเอาแต่ใจเหมือนทุกครั้ง ริมฝีปากอุ่นร้อนยิ่งทวีความร้อนขึ้นไป ตามแรงขัดขืนของอีกคนถึงแม้ซันไชน์จะพยายามขบปากตัวเองเอาไว้แน่น แต่เขาก็รู้ทางได้อย่างน่าโมโหเหลือเกินเควินสามารถควบคุมซันไชน์เอาไว้ได้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการ สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องยอมแพ้เขาตลอด อีกนั่นหละ เพราะเขารู้วิธีว่าต้องทำยังไง ซันไชน์ถึงจะยอมมือบางจากที่ขยุ้มเสื้อของชายหนุ่มจนมันยับแทบจะขาดคามือ เปลี่ยนเป็นวางทาบ ก่อนจะเลื่อนข
“อย่าค่ะ..หยุดก่อนนะคะ!”ซันไชน์เอ่ยปากห้ามเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกสามคนที่รออยู่ด้านนอก แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะพรวดพราดเข้ามาตอนไหน ถึงปากจะว่าอย่างนั้น แต่ซันไชน์ก็ยังเอียงคอให้เขาตักตวงจากเธอได้อย่างเอาแต่ใจ“เค!..”ซันไชน์พยายามรวบรวมสติ ก่อนจะวางมือดันแผงอกเขาออกห่าง ด้วยแรงทั้งหมดที่มี และเรียกชื่อเขาโดยไม่มีคำนำหน้า อย่างที่ตัวเองชอบทำยามเผลอตัวแล้วมันก็ได้ผล เมื่ออีกคนผละออกมาจ้องตาเธอแทนคำถาม ด้วยนัยน์ตาปรือฉ่ำที่เต็มไปด้วยความปรารถนา เขาไม่คิดจะหยุด แต่เพียงแค่ละมือไว้เท่านั้นแน่นอนว่าเขาติดจะหงุดหงิด ที่ถูกซันไชน์ขัดใจด้วยนั่นแหละ“เดี๋ยวใครเข้ามานะคะ”เธอรีบบอกคนตัวใหญ่เสียงแผ่ว ก่อนที่เขาจะทำอะไรกับเธอต่อจากนั้น“ล็อกแล้ว...ถึงไม่ล็อคก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอกน่า..”เขาบอกในขณะที่ถอดสูทตัวนอกโยนออกไปพร้อมกับรูดไท และปลดกระดุมเสื้อลงมาสามสี่เม็ด เผยให้เห็นแผงอกกว้างอย่างเซ็กซี่ของเขา ซันไชน์ได้แต่มองตาม พลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะโน้มหน้าลงมาครอบครองริมฝีปากของหญิงสาว อย่างเร่าร้อน หนักหน่วง และดุดันแต่ที่ซันไชน์ทำได้ ก็แค่ยินยอมพร้อมใจ ตามไปกับเขาเท่านั้น
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ?”เสียงหวานเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างหนา เดินผ่านประตูออกมานั่งลงตรงข้ามกับเธอ โดยมีโต๊ะกระจกกั้นระหว่างกันเอาไว้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้ห่างกันมากมายอะไรนัก แต่ซันไชน์ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี เพราะแทนที่คนตัวใหญ่กว่าจะมานั่งอยู่ใกล้ๆ แต่ทำไมหญิงสาวถึงรู้สึกว่า เหมือนเขาต้องการจะเว้นระห่างกับเธอนัก แต่ก็ไม่อยากถาม“อืม...ถ้าเอรินไม่หลับพี่ก็คงจะหลับไปก่อนละ ไหนจะร้องเพลงกลับไปกลับมากล่อมพี่งี้ ฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ อีกทั้งนิทานก็เล่าวนไปวนมาที่เดิมไม่ยอมจบนั่นซะที แต่ก็น่ารักดีนะ พูดยังกะต่อยหอย ตัวเท่านี้ไปหัดพูดที่ไหนมา” รอยยิ้มเกลี่ยไปทั่วใบหน้าในขณะที่เอ่ยถึงลูกสาว ที่บอกกับเขาว่าจะร้องเพลงกล่อมให้นอนหลับสบาย ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวตื่นเต้นที่ได้เห็นพ่อนั่นละ พูดจาเจื้อยแจ้วราวกับนกแก้ว แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเอาง่ายๆ นั่นอีกด้วยนะ จนเขาต้องแกล้งหลับนั่นละ เจ้าตัวถึงได้หลับตามๆ กันไป เพราะไม่รู้จะพูดให้ใครฟังแล้วไง ซันไชน์ทิ้งให้เขาอยู่กับลูกเพียงลำพัง ส่วนตัวเองก็มานั่งทอดอารมณ์ ที่ระเบียงหลังห้องเพื่อรอเขา“แกชอบคุยกับสัตว์ค่ะ สัตว์ทุกชนิด ชอบคุยอยู่คนเด
“คุณ!..หยุดอยู่ตรงนั้นนะ แล้วปล่อยลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”ซันไชน์รีบตะโกนเสียงดังเชิงสั่งออกไป แล้วมันก็สามารถหยุดชายร่างใหญ่คนนั้นเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันมาประจันหน้ากับเธอ!!!ซันไชน์เบิกตากว้าง รู้สึกทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน แต่มันก็ดันทำให้ขาทั้งสองข้างของหญิงสาว ก้าวต่อไปไม่ได้ไปซะเฉยๆ อีกทั้งน้ำตา ก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลย นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวซะเอง นัยน์ตาคมกวาดมองใบหน้าของซันไชน์ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไม่ต่างกัน วงแขนแกร่งข้างที่ว่างโอบรั้งร่างบางให้เข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าต่อจากนั้น “ ชัน...ไม่ร้องสิ” บอกเธอว่าอย่าร้องไห้ แต่เขาก็กลั้นมันไว้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งเขายังกลัวว่าเมื่อลูกสาวเห็นคนเป็นแม่ร้องไห้หนักเข้าเจ้าตัวอาจจะร้องไห้ตาม แต่ทว่าเอรินเข้มแข็งมากกว่าที่เควินคิดไว้เสียอีก นอกจากเจ้าตัวจะไม่ร้องไห้แล้ว ยังยื่นมือเล็กๆ เข้าไปเช็ดน้ำตา พร้อมกับคำพูดปลอบใจให้อีกว่า“โอ๋..คุณแม่ขาไม่ร้องนะคะ...อึ๊บค่ะๆ” เควินอยากจะหัวเราะขำ แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะทำแบบนั้นได้ ตอนนี้สิ่งที่ชายหนุ่มควรทำมากที่สุด ก็ค
เอรินอุทานเรียกชายร่างสูงที่ยื่นถุงขนมส่งมาให้เธอตรงหน้าว่า พ่อ นั่นแหละ แล้วมันก็ทำให้เจ้าของร่างใหญ่เลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงข้างหนึ่ง เชิงถามอย่างรู้สึกแปลกใจ ก็ในเมื่อทั้งสองคนเพิ่งจะเคยได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก เอรินก้มเปิดกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสีชมพูเข้ากับชุดคิตตี้ที่ใส่ แล้วหยิบรูปถ่ายที่เคลือบเอาไว้อย่างดี ออกมาเทียบกับใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายย่อตัวลงนั่ง เพื่อให้สายตาของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายที่นั่งย่อตัวอยู่ตรงหน้า ก็ยังสูงกว่าเอรินอยู่ดี คิ้วเรียวเล็กเลื่อนเข้าหากันทันทีอย่างสงสัยระคนแปลกใจ ว่าทำไมชายคนนี้ถึงมีใบหน้าคล้ายกับบิดาของเธอได้กริยาอาการรวมไปถึงการกระทำราวกับเจ้าตัวเป็นผู้ใหญ่ มันทำให้อีกฝ่ายต้องยิ้มขำออกมาก่อนจะเอ่ยถามเอรินออกไปว่า“หน้าเหมือนกันมั้ยครับ?”“......”ใบหน้าน่ารักไม่ตอบกลับ เพราะสมองน้อยๆ ของเอรินในตอนนี้กำลังใช้ขบวนการทางความคิดค่อนข้างมากนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตมองชายในรูปภาพ สลับกับมองใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น เมื่อตอบตัวเองไม่ได้นั่นแหละ เจ้าตัวจึงเปลี่ยนเป็นตั้งคำถามกลับไปแทน“คุณลุงเ
ตั้งแต่เควินได้พาตัวเองหายไปจากชีวิตของทุกคน โดยไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหน นอกเสียจากเพื่อนสนิททั้งสี่คนนั่นแล้ว นอกนั้นต่างก็รู้แค่ว่าชายหนุ่มได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกระทั่งผู้ให้กำเนิดหรือแม้แต่ตัวซันไชน์เอง ได้รู้เหตุผลทุกอย่างจากเพื่อนๆ ของเขา ที่ต่างก็ช่วยกันเล่าเรื่องราว ก่อนหน้าที่หญิงสาวจะฟื้นขึ้นมาให้เธอฟัง ทั้งยังบอกเหตุผลอีกว่า การที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นั่นย่อมไม่มีใครคอยไปรบกวน และทำให้ชายหนุ่มปฏิบัติตามเงื่อนไขได้อย่างเต็มที่จากเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ของมารดา ยังไม่ทันได้ก่อตัวเป็นรูปร่างเท่าไหร่ คนเป็นพ่อก็ต้องมาจากไปไกล โดยทิ้งอีกฝ่ายที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ภายใต้สายระโยงระยาง ที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวเต็มไปหมดถึงแม้หญิงสาวจะได้รับข่าวร้ายที่ทำให้ปวดหัวใจ จนแทบไม่อยากตื่นขึ้นมามีลมหายใจไปวันๆแต่ถึงอย่างนั้นซันไชน์ก็ยังมีเพื่อนๆ ของสามีคอยช่วยเตือนสติ และบอกข่าวดีต่อจากนั้นอีกว่า ก้อนเนื้อเล็กๆ ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของหญิงสาว ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของเขายังปลอดภัยดี นั่นจึงทำให้คนที่กำลังนอนทอดอาลัย ถึงกับมีแรงฮึดขึ้นมาสู้ต่อ เพื่อรอวันที่จะได้อยู่
เควินชักสายตากลับมามองหน้ากรรวีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง มนต์พยัคฆ์เองยังไม่อยากจะมอง เขาต้องเบี่ยงองศาไปที่กรรวีอย่างต้องการคำตอบด้วยเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม เมื่อมีเสียงของชนธัญดังนำหน้ามาก่อนเจ้าตัวชายหนุ่มกำลังประคองร่างของเมียรัก ในขณะที่บ่นตามมาต่อจากนั้นว่า“ทำไมเดี๋ยวนี้เธอถึงได้ดื้อกับพี่จังฮะ ให้นั่งรถเข็นก็ไม่เอา พี่จะอุ้มก็ไม่ยอมอีก ถ้าลูกของเราหลุดออกมาตอนเธอเดินจะทำไง?”“พี่ม่อนจะเว่อร์ไปไหนคะเนี่ย ท้องเฌอร์เล็กแค่นี้เอง ไม่เห็นจะหนักเลยสักหน่อย แล้วเฌอร์ก็เดินเองได้ค่ะ เพื่อนๆ ของพี่กับลูกกวางยืนรอเราอยู่นั่นแล้วไงคะ เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ มัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ”เฌอร์ลีนต่อว่า พลางส่ายหน้าอย่างระอาสามี ที่กลัวนั่นกลัวนี่จนเกินเหตุ ก่อนจะเดินนำหน้าเข้ามาหาคนที่ยืนรอพวกเธออยู่ก่อนแล้ว ดูคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงมากกว่าคนที่เดินตามหลังกันมานั่นซะอีกเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนต่างทักทายและปลอบใจกันพอเป็นพิธีกรรวีรู้ว่าเวลามีไม่มากนัก เธอจึงบอกให้ทุกคนมานั่งพัก เพื่อจะได้รอฟังผลการผ่าตัดของซันไชน์ จากหมอใหญ่ได้ตลอดเวลาทุกคนที่เหลือต่างพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัว
มนต์พยัคฆ์รีบบึ่งรถลงใต้ โดยใช้คนขับรถของเขาเป็นคนขับให้ เพราะหากว่าเขาเป็นคนขับเอง มันคงไม่มีสมาธิสักเท่าไหร่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น มนต์พยัคฆ์ต้องการซักถามคนที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างถนัด ๆ มากกว่า เพราะกรรวีไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากบ้านมา นั่นเลยต่างหากละ“ลูกกวาง”“....คะ”กรรวีขานรับทันทีหลังจากที่ได้ยิน จากนั้นเธอจึงพูดต่อเพราะรู้ว่าอีกคนกำลังรอฟัง“ลูกกวางรู้ตั้งแต่วันที่พี่เคพาพี่ซันมาบ้านของเราก่อนแต่งงานวันนั้นไงคะ พี่เสือจำได้มั้ยว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขก”กรรวีอธิบายหลังจากที่นั่งเงียบมาตลอดทาง พลางถามกลับไป และรอให้ชายหนุ่มคิดก่อนจะย้ำถามเขาอีกครั้ง“พี่เสือจำได้รึยังคะ?”“มีแก้วตกลงมาแตกนั่นนะเหรอ”“ใช่ค่ะ”“ มันเกี่ยวข้องกันยังไง ถ้าเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วจะเข้ามาในบ้านของเราได้เหรอ?”“เขาอยู่กับพี่เค...เขาปักหมุดเอาไว้ตั้งแต่แรก”“เจ้ากรรมนายเวรของมันงั้นสินะ..เธอเห็น?”กรรวีพยักหน้ารับแทนการตอบกลับมาด้วยเสียง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังอยากจะรู้อะไรมากกว่านั้นอีก“เห็นเป็นยังไง?...หน้าตาละ? ท่าทาง?..ทำไมแก้วนั่นถึงตกลงมาได้?” มนต์พยัคฆ์เอ่ยถามคนตรงหน้า ด้วยน้ำเสียงที่
นั่น...คือภาพสุดท้ายที่ซันไชน์ได้เห็นคนรัก ก่อนที่จะไม่มีสติรับรู้อะไรต่อจากนั้นอีกเลยทุกคนต่างนั่งรอฟังผลอยู่หน้าห้องผ่าตัด จากหมอใหญ่ที่เวลานี้ กำลังทำหน้าที่รักษาชีวิตของซันไชน์ และลูกที่อยู่ในท้องของหญิงสาวเอาไว้อย่างสุดกำลัง ตามความสามารถที่มี ยังดีที่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน มีเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ค่อนข้างทันสมัย และมีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับชายทะเล จึงมีชาวต่างชาติมาลงทุนธุรกิจกันมากมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จึงเป็นชาวต่างชาติที่มีมากกว่าคนไทยหลังจากเบร์เดนได้รู้ข่าวจากยูโร ที่โทรมารายงานทุกอย่างให้เขาฟัง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยอิทธิพลที่มีมากมายของมาเฟียใหญ่ การทำให้เรื่องที่ยิงกันสนั่นเมืองนั่น เงียบหายไปมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ ในเมื่อเงินสามารถบันดาลทุกอย่างใด้ในชั่วข้ามคืนมันก็แค่เรื่องยุ่งยาก ที่เกิดจากลูกชายอีกคน ที่ไม่ค่อยจะได้รับความสนใจจากผู้ให้กำเนิดมาตั้งแต่เกิดแล้วนั่นแหละ ถึงแม้ว่าโคลด์จะหมดลมหายใจไปแล้วก็ตาม นั่นก็ยังไม่ทำให้เบร์เดนเสียใจ เพราะชีวิตของโคลด์ไม่มีค่าเท่ากับชีวิตข
แต่ทว่า...คนที่สมควรโดนกลับไม่ใช่คนที่โคลด์คาดหวัง แต่เป็นร่างบางที่เอาตัวเข้ามาขวางกระสุนอันนั้นแทนจอมทัพรั้งร่างของปิ่นปักลงมานอนแนบไปกับพื้น ตามสัญชาติญาณเมื่อเขาได้ยินเสียงปืน พร้อมกับกวาดสายตามองหาที่มาของเสียง สลับกับมองรุ่นพี่ ที่กำลังกอดร่างของซันไชน์ไว้ในวงแขน แต่ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้สิ่งที่ตำรวจอย่างเขาควรมีและควรจะทำมากที่สุด ก็คือการหยุดคนร้าย ที่กำลังเดินถือปืนเข้ามาในระยะใกล้ แล้วยกปลายกระบอกปืนเล็งมาที่รุ่นพี่ของเขาในเวลานี้ทันที“ไอ้เคมึงตาย!”โคลด์ตวาดลั่น ก่อนจะลั่นไกออกไปราวกับคนบ้าคลั่ง ถึงแม้ลูกกระสุนจะหมดปลอก แต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดยิงปัง! ปัง! ปัง!!!!“ไอ้เหี้ย!มึงสิตาย..”จอมทัพถลึงตาโตก่อนจะสบถคำหยาบคายหนัก ๆ จากนั้นจึงพุ่งตัวเข้าไปขวางเอาไว้อย่างไม่กลัว แล้วใช้ปืนของตัวเองยิงสวนกลับไปเช่นเดียวกันปัง! ปัง! ปัง!โคลด์ทรุดตัวลงนั่ง ก่อนจะค่อย ๆ หงายหลังลงไปนอนแน่นิ่ง เมื่อร่างหนาถูกห่ากระสุน ที่มาจากหลายทิศทาง รวมไปถึงของจอมทัพ และดับชีวิตลงตรงนั้นทันที“จอม!”ปิ่นปักถึงกับเบิกตากว้างอย่างรู้สึกตกใจ เมื่อเห็นว่าจอมทัพถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ แต่มันก็แค่เฉียด ๆ
ทั้งเควินและซันไชน์พากันเดินจูงมือมาตามชายหาด ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนสักพักใหญ่ จู่ ๆ ก็มีเสียงห้าวทุ้ม เอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่มขึ้นมา“เฮ้!...พี่เค!”ทั้งสองคนหมุนตัวหันมามองเจ้าของเสียง พร้อมกันทันทีที่ได้ยินเควินยกยิ้มมุมปากส่งไปให้ ก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะเดินเข้ามาหา พร้อมกับผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่อยู่ข้าง ๆ ก็เดินตามกันมาด้วยซันไชน์หันมามองหน้าคนตัวใหญ่ เชิงจะถามเขาว่าใคร? แต่เธอก็รั้งรอให้ทั้งสองฝ่ายได้ทักทายกันให้พอ โดยที่ไม่ได้แทรกถามอะไรต่อจากนั้น“สวัสดีครับพี่เค..ผมอุตส่าห์หลบมาตั้งไกลขนาดนี้แล้ว ยังจะมาเจอคนรู้จักกันที่นี่อีก..เชื่อเลยว่าโลกมันกลมจริง ๆ ”เจ้าของร่างสูงใหญ่พอกันของอีกคน เอ่ยทักทายชายหนุ่มขึ้นมาก่อน เพราะเขาเป็นรุ่นน้องที่มีอายุอ่อนกว่า คนตรงหน้าอยู่หลายปี“โลกมันแคบมั้ง...ว่าแต่ไม่เจอแกมาตั้งหลายปี สูงใหญ่ขนาดเทียบกับรุ่นพี่ได้เลยเหรอวะไอ้จอม”เควินเอ่ยทักทายพร้อมกับตบไหล่รุ่นน้อง ที่เคยอยู่บ้านใกล้กัน และมันก็มีเขานี่แหละเป็นไอดอล ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเควินกับมนต์พยัคฆ์ ก็มักจะถูกพ่อของจอมทัพ จับขึ้นไปอบรมบนโรงพักด้วยกันบ่อย ๆ ในตอนที่ยังเป็นหนุ่มน้อย ช่วงหล