“ ก็...แล้วเธออยากจะให้พี่ทำอะไรล่ะ?”“ นี่เค!..” ซันไชน์แหวใส่ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น วงแขนแกร่งก็รัดร่างบางเข้ามากอด พร้อมกับฉกวูบลงมาบนริมฝีปากของเจ้าตัว ทำเอาซันไชน์หายใจได้ไม่ทั่วท้อง“อื้ออ...”ซันไชน์สะดุ้งพลางยันมือกับแผงอกกว้าง ดันร่างของเขากับตัวเองให้ห่างจากกัน แต่แรงน้อยนิดของหญิงสาว หรือจะสู้แรงของเขาได้ แถมรูปร่างที่ต่างกันมาก ขนาดตัวของซันไชน์ที่เขาสามารถกอดเอาไว้ แล้วจมหายเข้าไปในอกได้นี่..มันก็ไม่น่าจะวัดกันได้แล้วมั้ง!...ยิ่งซันไชน์ดิ้นรนขัดขืนหรือต่อต้านเขามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งกระตุ้นความต้องการเอาชนะเธอของเขาให้ได้มากยิ่งขึ้นเมื่อหญิงสาวขืนตัวเขาก็ยิ่งรุกเร้าเอาแต่ใจเหมือนทุกครั้ง ริมฝีปากอุ่นร้อนยิ่งทวีความร้อนขึ้นไป ตามแรงขัดขืนของอีกคนถึงแม้ซันไชน์จะพยายามขบปากตัวเองเอาไว้แน่น แต่เขาก็รู้ทางได้อย่างน่าโมโหเหลือเกินเควินสามารถควบคุมซันไชน์เอาไว้ได้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการ สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องยอมแพ้เขาตลอด อีกนั่นหละ เพราะเขารู้วิธีว่าต้องทำยังไง ซันไชน์ถึงจะยอมมือบางจากที่ขยุ้มเสื้อของชายหนุ่มจนมันยับแทบจะขาดคามือ เปลี่ยนเป็นวางทาบ ก่อนจะเลื่อนข
“อย่าค่ะ..หยุดก่อนนะคะ!”ซันไชน์เอ่ยปากห้ามเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกสามคนที่รออยู่ด้านนอก แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะพรวดพราดเข้ามาตอนไหน ถึงปากจะว่าอย่างนั้น แต่ซันไชน์ก็ยังเอียงคอให้เขาตักตวงจากเธอได้อย่างเอาแต่ใจ“เค!..”ซันไชน์พยายามรวบรวมสติ ก่อนจะวางมือดันแผงอกเขาออกห่าง ด้วยแรงทั้งหมดที่มี และเรียกชื่อเขาโดยไม่มีคำนำหน้า อย่างที่ตัวเองชอบทำยามเผลอตัวแล้วมันก็ได้ผล เมื่ออีกคนผละออกมาจ้องตาเธอแทนคำถาม ด้วยนัยน์ตาปรือฉ่ำที่เต็มไปด้วยความปรารถนา เขาไม่คิดจะหยุด แต่เพียงแค่ละมือไว้เท่านั้นแน่นอนว่าเขาติดจะหงุดหงิด ที่ถูกซันไชน์ขัดใจด้วยนั่นแหละ“เดี๋ยวใครเข้ามานะคะ”เธอรีบบอกคนตัวใหญ่เสียงแผ่ว ก่อนที่เขาจะทำอะไรกับเธอต่อจากนั้น“ล็อกแล้ว...ถึงไม่ล็อคก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอกน่า..”เขาบอกในขณะที่ถอดสูทตัวนอกโยนออกไปพร้อมกับรูดไท และปลดกระดุมเสื้อลงมาสามสี่เม็ด เผยให้เห็นแผงอกกว้างอย่างเซ็กซี่ของเขา ซันไชน์ได้แต่มองตาม พลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะโน้มหน้าลงมาครอบครองริมฝีปากของหญิงสาว อย่างเร่าร้อน หนักหน่วง และดุดันแต่ที่ซันไชน์ทำได้ ก็แค่ยินยอมพร้อมใจ ตามไปกับเขาเท่านั้น
ซันไชน์หน้าแดงกับท่าทางน่าอายของตัวเอง จนต้องมุ่ยหน้าใส่คนตัวใหญ่กว่าเชิงให้เขาเข้าใจ และต้องการให้เขาปล่อยเธอนั่นแหละ แต่ก็รู้ ๆ กันอยู่เพราะเมื่อเจ้าตัวเขาเห็นเธอเป็นอย่างนั้น ก็ได้แต่ยกยิ้มร้าย ๆ ด้วยสีหน้าที่ติดจะหื่นนิด ๆ กลับมาให้อย่างไม่สำนึก.. ก็นั่นมัน...คือเขาไง...เควินจะเป็นแบบนี้ในตอนที่อยู่กับเธอเท่านั้นมั้ย?อยู่กับคนอื่นเขาดูมีอำนาจสั่งการ ด้วยมาดของคนที่อยู่เหนือกว่า กระทั่งสายตาดุดันน่ากลัวบวกกับท่าทางเอาจริงของคนตรงหน้า มันดูมีเสน่ห์ร้าย ๆ จนทำให้ซันไชน์ละสายตาไม่ได้เลย “นิ้พี่!...ปล่อยซันซะทีสิคะ” หญิงสาวแหวใส่เขาคีย์สูง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงกอดเธอไว้ในท่าเดิม“ก็....พี่ปล่อยแล้วนี่ไง ไม่เห็น?..”“!!?”“...เต็ม ๆ เลย..”ผู้ชายคนนี้นี่...กวน..ร้าย...ทะลึ่ง…ในแบบที่ไม่มีก้นบึ้งเลยจริง ๆ นะ“นี่มันห้องที่พี่เอาไว้ทำงานไม่ใช่เหรอคะ” “อ่าฮะ..หรือว่าเธออยากจะชวนพี่ เข้าไปต่อกันในห้องนอนอีกสักรอบ?...” เขาตอบ ในขณะที่อุ้มหญิงสาวในท่านั้น เดินเข้าห้องนอนไปด้วยกันตามที่ปากว่า!!!“ไม่พูด..ก็แปลว่าตกลงนะ งั้นพี่จะได้จัดให้ซะเดี๋ยวนี้เลย”“มะ...ไม่ค่ะ คนหื่น!..ปล่อยซ
Daddy : (นิคและคนของพ่อรอลูกอยู่ที่รถ พร้อมกับของรับขวัญลูกสะใภ้ที่อยู่ในนั้น หวังว่าคงจะถูกใจ)ซึ่งความจริงมันคือข้อความ ที่พ่อของเขาต้องการส่งมาให้กับซันไชน์นั่นหละ แต่ท่านยังไม่มีไลน์ไอดีของเธอ อีกอย่างท่านรู้อยู่แล้วว่าทั้งคู่คงจะอยู่ด้วยกัน“..พี่อยากเห็นของรับขวัญเธอที่อยู่ในรถจัง ว่ามันจะมีมูลค่ามากขนาดไหน พ่อถึงได้ส่งข้อความมาเองเลย”เควินเอ่ยออกมา หลังจากที่ได้อ่านข้อความของบิดาจบลง“นอกจากที่ซื้อรถราคาสามสิบล้านให้ซันแล้ว ยังจะมีอะไรให้อีกคะเนี่ย..ซันไม่เอานะคะ ทำตัวเป็นคนรวยยังไม่เป็นเลยด้วย”“เธอน่าจะซ้อมรวยเอาไว้ตั้งแต่ เธอยอมแต่งงานกับพี่แล้วนะ”“ซ้อมรวยเหรอคะ!” ซันไชน์ถามกลับยิ้มๆ แล้วกรอกตามองบนทำท่าคิด“อ่าฮะ..ถามหน่อยสิ ถ้าเธอรวยแล้ว อย่างแรกที่เธอคิดจะทำคืออะไรเหรอ?”“แจกค่ะ!”เธอดึงสายตากลับมาตอบเขาทันที ที่ได้ยินคำถามนี้จากเควิน โดยไม่ต้องคิดนาน พร้อมกับพยักหน้าให้เชิงย้ำ ว่าเธอจะทำตามนั้นจริง ๆ ด้วย ก็ถ้ารวยจริงอ่ะนะ“เราต้องรู้จักแบ่งปันค่ะ...รวยคนเดียวจะไปสนุกอะไรละคะ.”เควินมองหน้าของหญิงสาวก่อนจะหัวเราะพรืดออกมาทันที เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอีกคนที่กำลังนั่งอยู
เควินให้ซันไชน์สวมเสื้อเชิตสีขาวของเขา ทับชุดที่เธอใส่ไว้ โดยอ้างว่าหมดเวลาที่เขาอนุญาตให้หญิงสาวใส่ชุดโชว์เรือนร่างให้ใครต่อใครได้ดูไปแล้วซึ่งอีกคนก็ยอมตามใจเขาอย่างว่าง่าย จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง เพราะบางทีอาจจะมีคนเผลอมองเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ ซันไชน์จึงไม่ต้องการให้ใครมาเดือดร้อนเพราะตัวเอง ก็รู้นั่นแหละน่าว่าเขาน่ะหวง...รถเก๋งคันหรูที่มีราคาถึงสามสิบล้าน จอดเด่นอยู่บริเวณหน้างาน โดยมีนิค หรือ นิโคลัสกับลูกน้องคนสนิทยืนรอพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้อยู่ตรงนั้น เพื่อส่งมอบของขวัญชิ้นสำคัญให้ตามคำสั่งด้วยตัวของเขาเอง นิโคลัสเห็นซันไชน์ครั้งแรกตั้งแต่ในงานตอนช่วงหัวค่ำ โดยที่พี่ชายยังไม่เคยแนะนำ ให้เขาได้รู้จักกับเธออย่างเป็นทางการ ชายหนุ่มได้ยินเรื่องของซันไชน์ผ่านทรอย ซึ่งคือน้องชายอีกคนของเขาบ้างเท่านั้นเองเธอสวย สง่า และมีออร่ามาเต็มร้อย กระทั่งชุดที่เธอใส่มาในตอนนี้ ถึงมันจะถูกปกปิดเอาไว้จากเสื้อตัวใหญ่ของพี่ชาย แต่ก็ไม่ทำให้ความงามของหญิงสาว ที่กำลังเดินตรงมาที่เขาลดลงเลย“ไงนิค...แกมาเองเลยเหรอ..สงสัยของขวัญชิ้นนี้น่าจะใหญ่เอาการ ” เควินเอ่ยทักทายพร้อมกับพยักหน้าให้ ส่วนคนเป
“ซัน...”“คุณซัน?..”ซันไชน์เป็นลมล้มพับไปทันที หลังจากที่มองเห็นของรับขวัญเป็นกองเงินตั้งเป็นตับ ๆ ที่ถูกประดับด้วยโบว์อย่างสวยหรู ตั้งอยู่เต็มเบาะรถทางด้านหลัง...ดีหน่อยที่ชายหนุ่มยืนอยู่ใกล้ เขาจึงรับร่างของซันไชน์ไว้ได้ทัน“น้องซัน!”น้ำหอมเรียกซันไชน์เสียงดังอย่างตกอกตกใจ มันก็น่าตกใจอยู่หรอกนะ กับจำนวนเงินกองโตขนาดนั้น เกิดมาก็เพิ่งจะเคยได้เห็นกองเงินตั้งเป็นตับ กับตาตัวเองก็วันนี้ แต่นายเบร์เดนเป็นคนรวยระดับนั้น เขาถึงให้ของขวัญกับลูกสะใภ้ได้ขนาดนี้...หากเป็นตัวน้ำหอมเอง อาจจะช็อกตาตั้งไปเลยก็ได้ นี่ขนาดไม่ใช่ของตัวเองน้ำหอมยังเกือบจะช็อกตามชันไชน์ไปด้วยเลยเอนิสกับยูโร ถึงแม้จะเคยเห็นกองเงินของเจ้านาย ที่ใหญ่กว่านี้มาแล้วตั้งหลายครั้ง ก็ยังอดตื่นเต้นแทนซันไชน์ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเจ้าตัว“ซัน...แค่เป็นลม น้ำหอมมียาดมมั้ย?” เควินว่า ก่อนจะถามหายาดม“มีค่ะ..” น้ำหอมหยิบออกมาจากกระเป๋าสะพาย แล้วยื่นส่งให้“พาคุณซันไปพักบนห้องก่อนดีไหมครับบอส?” เอนิสบอกเชิงออกความเห็น ก่อนที่เจ้าตัวจะถอยหลังออกมายืนห่าง ๆ อย่างห่วงใย“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ฟื้น ไปหาอะไรมาพัดให้คุณซันหน่อย...”เควิน
ขากลับยูโรทำหน้าที่เป็นคนขับรถคันเดิม โดยมีน้ำหอมนั่งอยู่ด้านข้าง ซึ่งทางด้านหลังนั่นก็คือเจ้านายของเขาทั้งสองคนส่วนรถของซันไชน์ที่บรรทุกเงินอยู่จนเต็มเบาะหลัง หญิงสาวเป็นคนสั่งให้เอนิสเป็นคนขับตามกันมาติด ๆแทนที่จะนั่งรถราคาสามสิบล้าน ที่ในนั้นบรรทุกเงินที่เป็นของขวัญกลับมาด้วยกัน แต่เจ้าตัวเขากลับส่ายหน้า โดยอ้างว่าต้องการมีเพื่อนคุยกันไปตลอดทาง ซึ่งอีกคนก็ยอมตามใจ“หยุดรถ!..จอดรถก่อนค่ะพี่ยู!”ในขณะที่รถแล่นไปบนถนนตามปกติ จู่ ๆ ซันไชน์ก็พูดขึ้นมาเสียงดัง เชิงสั่งยูโรที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่ ให้จอดแบบกระทันหันซึ่งเขาก็รีบทำตามคำสั่งแทบจะทันที ส่วนเอนิสที่ขับตามกันมา ก็รีบหักพวงมาลัยรถ ลงมาจอดบนไหล่ทางด้วยเช่นเดียวกัน“เธอสั่งให้จอดทำ....ไม?”เควินหันไปถาม หนำซ้ำยังไม่ทันจบประโยคดี เจ้าตัวก็เปิดประตูรถวิ่งปรี่ลงไปก่อน ทำให้ชายหนุ่มต้องวิ่งตามเธอลงไปหลังจากนั้น รวมไปถึงทุกคนด้วยนั่นแหละซันไชน์นั่งลงมองร่างเจ้าปุกปุยสีขาวแต้มดำด่าง ที่นอนจมกองเลือดอยู่ข้างทาง อย่างพิจารณาแล้วเห็นว่ามันยังไม่ตายหนำซ้ำยังกระดิกหางให้ และมองสบตาซันไชน์ด้วยแววตาร้องขอชันไชน์เห็นมันแค่เพียงหางตา ในขณะที่
เวลาผ่านไปนานกว่าสองชั่วโมงเจ้าของร่างสูงใหญ่เดินวนกลับไปกลับมา สลับกับสายตาที่หันไปมองหน้าห้องผ่าตัดเป็นระยะ ๆ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเป็นปมรับกับสีหน้าที่ดูเคร่งขรึมผิดไปจากเดิมลมหายใจที่พรูออกมาอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ลูกน้องที่เอาแต่จ้องมองเจ้านายไม่วางตาถึงกับต้องถามว่า“บุหรี่สักหน่อยมั๊ยครับบอส?”เอนิสยื่นบุหรี่กลิ่นมิ้นส่งให้เจ้านายอย่างรู้ใจ เควินละสายตาหันไปมอง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วคว้าบุหรี่ที่เอนิสยื่นส่งให้ ขึ้นมางับค้างไว้ที่ริมฝีปาก หลังจากรอสักพัก เขาจึงเบี่ยงสายตาหันไปมองเชิงถามนั่นแหละว่า ทำไมถึงไม่ยอมจุดบุหรี่ให้สักทีวะ?..หงุดหงิดใจอยู่นะโว้ย!“เขาเขียนป้ายบอกไว้ครับบอส ว่าห้ามสูบบุหรี่ตรงนี้ครับ”เป็นเสียงของยูโร ที่ตอบเจ้านายกลับไปแทน ยูโรชี้ไปที่ป้าย เพื่อที่จะให้เจ้านายของเขามองตามแต่ทว่า...ช่างแม่งเหอะ!...กูไม่สน?...กูจะทำใครจะทำไม?!..“เอาไฟมา!...”เสียงเข้มเอ่ยขึ้น บ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัวลูกน้องได้แต่มองหน้ากัน ก่อนที่เอนิสจะจุดไฟให้ตามคำสั่งหากส่งไฟให้เจ้านายของเขาทำเองตามที่ร้องขอมานั่นนะ เขาเกรงว่าอาจจะยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์ของคนเป็นเจ้านาย ให้เสียหนักขึ้น
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ?”เสียงหวานเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างหนา เดินผ่านประตูออกมานั่งลงตรงข้ามกับเธอ โดยมีโต๊ะกระจกกั้นระหว่างกันเอาไว้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้ห่างกันมากมายอะไรนัก แต่ซันไชน์ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี เพราะแทนที่คนตัวใหญ่กว่าจะมานั่งอยู่ใกล้ๆ แต่ทำไมหญิงสาวถึงรู้สึกว่า เหมือนเขาต้องการจะเว้นระห่างกับเธอนัก แต่ก็ไม่อยากถาม“อืม...ถ้าเอรินไม่หลับพี่ก็คงจะหลับไปก่อนละ ไหนจะร้องเพลงกลับไปกลับมากล่อมพี่งี้ ฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ อีกทั้งนิทานก็เล่าวนไปวนมาที่เดิมไม่ยอมจบนั่นซะที แต่ก็น่ารักดีนะ พูดยังกะต่อยหอย ตัวเท่านี้ไปหัดพูดที่ไหนมา” รอยยิ้มเกลี่ยไปทั่วใบหน้าในขณะที่เอ่ยถึงลูกสาว ที่บอกกับเขาว่าจะร้องเพลงกล่อมให้นอนหลับสบาย ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวตื่นเต้นที่ได้เห็นพ่อนั่นละ พูดจาเจื้อยแจ้วราวกับนกแก้ว แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเอาง่ายๆ นั่นอีกด้วยนะ จนเขาต้องแกล้งหลับนั่นละ เจ้าตัวถึงได้หลับตามๆ กันไป เพราะไม่รู้จะพูดให้ใครฟังแล้วไง ซันไชน์ทิ้งให้เขาอยู่กับลูกเพียงลำพัง ส่วนตัวเองก็มานั่งทอดอารมณ์ ที่ระเบียงหลังห้องเพื่อรอเขา“แกชอบคุยกับสัตว์ค่ะ สัตว์ทุกชนิด ชอบคุยอยู่คนเด
“คุณ!..หยุดอยู่ตรงนั้นนะ แล้วปล่อยลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”ซันไชน์รีบตะโกนเสียงดังเชิงสั่งออกไป แล้วมันก็สามารถหยุดชายร่างใหญ่คนนั้นเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันมาประจันหน้ากับเธอ!!!ซันไชน์เบิกตากว้าง รู้สึกทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน แต่มันก็ดันทำให้ขาทั้งสองข้างของหญิงสาว ก้าวต่อไปไม่ได้ไปซะเฉยๆ อีกทั้งน้ำตา ก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลย นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวซะเอง นัยน์ตาคมกวาดมองใบหน้าของซันไชน์ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไม่ต่างกัน วงแขนแกร่งข้างที่ว่างโอบรั้งร่างบางให้เข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าต่อจากนั้น “ ชัน...ไม่ร้องสิ” บอกเธอว่าอย่าร้องไห้ แต่เขาก็กลั้นมันไว้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งเขายังกลัวว่าเมื่อลูกสาวเห็นคนเป็นแม่ร้องไห้หนักเข้าเจ้าตัวอาจจะร้องไห้ตาม แต่ทว่าเอรินเข้มแข็งมากกว่าที่เควินคิดไว้เสียอีก นอกจากเจ้าตัวจะไม่ร้องไห้แล้ว ยังยื่นมือเล็กๆ เข้าไปเช็ดน้ำตา พร้อมกับคำพูดปลอบใจให้อีกว่า“โอ๋..คุณแม่ขาไม่ร้องนะคะ...อึ๊บค่ะๆ” เควินอยากจะหัวเราะขำ แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะทำแบบนั้นได้ ตอนนี้สิ่งที่ชายหนุ่มควรทำมากที่สุด ก็ค
เอรินอุทานเรียกชายร่างสูงที่ยื่นถุงขนมส่งมาให้เธอตรงหน้าว่า พ่อ นั่นแหละ แล้วมันก็ทำให้เจ้าของร่างใหญ่เลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงข้างหนึ่ง เชิงถามอย่างรู้สึกแปลกใจ ก็ในเมื่อทั้งสองคนเพิ่งจะเคยได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก เอรินก้มเปิดกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสีชมพูเข้ากับชุดคิตตี้ที่ใส่ แล้วหยิบรูปถ่ายที่เคลือบเอาไว้อย่างดี ออกมาเทียบกับใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายย่อตัวลงนั่ง เพื่อให้สายตาของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายที่นั่งย่อตัวอยู่ตรงหน้า ก็ยังสูงกว่าเอรินอยู่ดี คิ้วเรียวเล็กเลื่อนเข้าหากันทันทีอย่างสงสัยระคนแปลกใจ ว่าทำไมชายคนนี้ถึงมีใบหน้าคล้ายกับบิดาของเธอได้กริยาอาการรวมไปถึงการกระทำราวกับเจ้าตัวเป็นผู้ใหญ่ มันทำให้อีกฝ่ายต้องยิ้มขำออกมาก่อนจะเอ่ยถามเอรินออกไปว่า“หน้าเหมือนกันมั้ยครับ?”“......”ใบหน้าน่ารักไม่ตอบกลับ เพราะสมองน้อยๆ ของเอรินในตอนนี้กำลังใช้ขบวนการทางความคิดค่อนข้างมากนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตมองชายในรูปภาพ สลับกับมองใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น เมื่อตอบตัวเองไม่ได้นั่นแหละ เจ้าตัวจึงเปลี่ยนเป็นตั้งคำถามกลับไปแทน“คุณลุงเ
ตั้งแต่เควินได้พาตัวเองหายไปจากชีวิตของทุกคน โดยไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหน นอกเสียจากเพื่อนสนิททั้งสี่คนนั่นแล้ว นอกนั้นต่างก็รู้แค่ว่าชายหนุ่มได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกระทั่งผู้ให้กำเนิดหรือแม้แต่ตัวซันไชน์เอง ได้รู้เหตุผลทุกอย่างจากเพื่อนๆ ของเขา ที่ต่างก็ช่วยกันเล่าเรื่องราว ก่อนหน้าที่หญิงสาวจะฟื้นขึ้นมาให้เธอฟัง ทั้งยังบอกเหตุผลอีกว่า การที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นั่นย่อมไม่มีใครคอยไปรบกวน และทำให้ชายหนุ่มปฏิบัติตามเงื่อนไขได้อย่างเต็มที่จากเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ของมารดา ยังไม่ทันได้ก่อตัวเป็นรูปร่างเท่าไหร่ คนเป็นพ่อก็ต้องมาจากไปไกล โดยทิ้งอีกฝ่ายที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ภายใต้สายระโยงระยาง ที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวเต็มไปหมดถึงแม้หญิงสาวจะได้รับข่าวร้ายที่ทำให้ปวดหัวใจ จนแทบไม่อยากตื่นขึ้นมามีลมหายใจไปวันๆแต่ถึงอย่างนั้นซันไชน์ก็ยังมีเพื่อนๆ ของสามีคอยช่วยเตือนสติ และบอกข่าวดีต่อจากนั้นอีกว่า ก้อนเนื้อเล็กๆ ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของหญิงสาว ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของเขายังปลอดภัยดี นั่นจึงทำให้คนที่กำลังนอนทอดอาลัย ถึงกับมีแรงฮึดขึ้นมาสู้ต่อ เพื่อรอวันที่จะได้อยู่
เควินชักสายตากลับมามองหน้ากรรวีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง มนต์พยัคฆ์เองยังไม่อยากจะมอง เขาต้องเบี่ยงองศาไปที่กรรวีอย่างต้องการคำตอบด้วยเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม เมื่อมีเสียงของชนธัญดังนำหน้ามาก่อนเจ้าตัวชายหนุ่มกำลังประคองร่างของเมียรัก ในขณะที่บ่นตามมาต่อจากนั้นว่า“ทำไมเดี๋ยวนี้เธอถึงได้ดื้อกับพี่จังฮะ ให้นั่งรถเข็นก็ไม่เอา พี่จะอุ้มก็ไม่ยอมอีก ถ้าลูกของเราหลุดออกมาตอนเธอเดินจะทำไง?”“พี่ม่อนจะเว่อร์ไปไหนคะเนี่ย ท้องเฌอร์เล็กแค่นี้เอง ไม่เห็นจะหนักเลยสักหน่อย แล้วเฌอร์ก็เดินเองได้ค่ะ เพื่อนๆ ของพี่กับลูกกวางยืนรอเราอยู่นั่นแล้วไงคะ เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ มัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ”เฌอร์ลีนต่อว่า พลางส่ายหน้าอย่างระอาสามี ที่กลัวนั่นกลัวนี่จนเกินเหตุ ก่อนจะเดินนำหน้าเข้ามาหาคนที่ยืนรอพวกเธออยู่ก่อนแล้ว ดูคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงมากกว่าคนที่เดินตามหลังกันมานั่นซะอีกเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนต่างทักทายและปลอบใจกันพอเป็นพิธีกรรวีรู้ว่าเวลามีไม่มากนัก เธอจึงบอกให้ทุกคนมานั่งพัก เพื่อจะได้รอฟังผลการผ่าตัดของซันไชน์ จากหมอใหญ่ได้ตลอดเวลาทุกคนที่เหลือต่างพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัว
มนต์พยัคฆ์รีบบึ่งรถลงใต้ โดยใช้คนขับรถของเขาเป็นคนขับให้ เพราะหากว่าเขาเป็นคนขับเอง มันคงไม่มีสมาธิสักเท่าไหร่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น มนต์พยัคฆ์ต้องการซักถามคนที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างถนัด ๆ มากกว่า เพราะกรรวีไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากบ้านมา นั่นเลยต่างหากละ“ลูกกวาง”“....คะ”กรรวีขานรับทันทีหลังจากที่ได้ยิน จากนั้นเธอจึงพูดต่อเพราะรู้ว่าอีกคนกำลังรอฟัง“ลูกกวางรู้ตั้งแต่วันที่พี่เคพาพี่ซันมาบ้านของเราก่อนแต่งงานวันนั้นไงคะ พี่เสือจำได้มั้ยว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขก”กรรวีอธิบายหลังจากที่นั่งเงียบมาตลอดทาง พลางถามกลับไป และรอให้ชายหนุ่มคิดก่อนจะย้ำถามเขาอีกครั้ง“พี่เสือจำได้รึยังคะ?”“มีแก้วตกลงมาแตกนั่นนะเหรอ”“ใช่ค่ะ”“ มันเกี่ยวข้องกันยังไง ถ้าเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วจะเข้ามาในบ้านของเราได้เหรอ?”“เขาอยู่กับพี่เค...เขาปักหมุดเอาไว้ตั้งแต่แรก”“เจ้ากรรมนายเวรของมันงั้นสินะ..เธอเห็น?”กรรวีพยักหน้ารับแทนการตอบกลับมาด้วยเสียง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังอยากจะรู้อะไรมากกว่านั้นอีก“เห็นเป็นยังไง?...หน้าตาละ? ท่าทาง?..ทำไมแก้วนั่นถึงตกลงมาได้?” มนต์พยัคฆ์เอ่ยถามคนตรงหน้า ด้วยน้ำเสียงที่
นั่น...คือภาพสุดท้ายที่ซันไชน์ได้เห็นคนรัก ก่อนที่จะไม่มีสติรับรู้อะไรต่อจากนั้นอีกเลยทุกคนต่างนั่งรอฟังผลอยู่หน้าห้องผ่าตัด จากหมอใหญ่ที่เวลานี้ กำลังทำหน้าที่รักษาชีวิตของซันไชน์ และลูกที่อยู่ในท้องของหญิงสาวเอาไว้อย่างสุดกำลัง ตามความสามารถที่มี ยังดีที่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน มีเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ค่อนข้างทันสมัย และมีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับชายทะเล จึงมีชาวต่างชาติมาลงทุนธุรกิจกันมากมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จึงเป็นชาวต่างชาติที่มีมากกว่าคนไทยหลังจากเบร์เดนได้รู้ข่าวจากยูโร ที่โทรมารายงานทุกอย่างให้เขาฟัง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยอิทธิพลที่มีมากมายของมาเฟียใหญ่ การทำให้เรื่องที่ยิงกันสนั่นเมืองนั่น เงียบหายไปมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ ในเมื่อเงินสามารถบันดาลทุกอย่างใด้ในชั่วข้ามคืนมันก็แค่เรื่องยุ่งยาก ที่เกิดจากลูกชายอีกคน ที่ไม่ค่อยจะได้รับความสนใจจากผู้ให้กำเนิดมาตั้งแต่เกิดแล้วนั่นแหละ ถึงแม้ว่าโคลด์จะหมดลมหายใจไปแล้วก็ตาม นั่นก็ยังไม่ทำให้เบร์เดนเสียใจ เพราะชีวิตของโคลด์ไม่มีค่าเท่ากับชีวิตข
แต่ทว่า...คนที่สมควรโดนกลับไม่ใช่คนที่โคลด์คาดหวัง แต่เป็นร่างบางที่เอาตัวเข้ามาขวางกระสุนอันนั้นแทนจอมทัพรั้งร่างของปิ่นปักลงมานอนแนบไปกับพื้น ตามสัญชาติญาณเมื่อเขาได้ยินเสียงปืน พร้อมกับกวาดสายตามองหาที่มาของเสียง สลับกับมองรุ่นพี่ ที่กำลังกอดร่างของซันไชน์ไว้ในวงแขน แต่ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้สิ่งที่ตำรวจอย่างเขาควรมีและควรจะทำมากที่สุด ก็คือการหยุดคนร้าย ที่กำลังเดินถือปืนเข้ามาในระยะใกล้ แล้วยกปลายกระบอกปืนเล็งมาที่รุ่นพี่ของเขาในเวลานี้ทันที“ไอ้เคมึงตาย!”โคลด์ตวาดลั่น ก่อนจะลั่นไกออกไปราวกับคนบ้าคลั่ง ถึงแม้ลูกกระสุนจะหมดปลอก แต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดยิงปัง! ปัง! ปัง!!!!“ไอ้เหี้ย!มึงสิตาย..”จอมทัพถลึงตาโตก่อนจะสบถคำหยาบคายหนัก ๆ จากนั้นจึงพุ่งตัวเข้าไปขวางเอาไว้อย่างไม่กลัว แล้วใช้ปืนของตัวเองยิงสวนกลับไปเช่นเดียวกันปัง! ปัง! ปัง!โคลด์ทรุดตัวลงนั่ง ก่อนจะค่อย ๆ หงายหลังลงไปนอนแน่นิ่ง เมื่อร่างหนาถูกห่ากระสุน ที่มาจากหลายทิศทาง รวมไปถึงของจอมทัพ และดับชีวิตลงตรงนั้นทันที“จอม!”ปิ่นปักถึงกับเบิกตากว้างอย่างรู้สึกตกใจ เมื่อเห็นว่าจอมทัพถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ แต่มันก็แค่เฉียด ๆ
ทั้งเควินและซันไชน์พากันเดินจูงมือมาตามชายหาด ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนสักพักใหญ่ จู่ ๆ ก็มีเสียงห้าวทุ้ม เอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่มขึ้นมา“เฮ้!...พี่เค!”ทั้งสองคนหมุนตัวหันมามองเจ้าของเสียง พร้อมกันทันทีที่ได้ยินเควินยกยิ้มมุมปากส่งไปให้ ก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะเดินเข้ามาหา พร้อมกับผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่อยู่ข้าง ๆ ก็เดินตามกันมาด้วยซันไชน์หันมามองหน้าคนตัวใหญ่ เชิงจะถามเขาว่าใคร? แต่เธอก็รั้งรอให้ทั้งสองฝ่ายได้ทักทายกันให้พอ โดยที่ไม่ได้แทรกถามอะไรต่อจากนั้น“สวัสดีครับพี่เค..ผมอุตส่าห์หลบมาตั้งไกลขนาดนี้แล้ว ยังจะมาเจอคนรู้จักกันที่นี่อีก..เชื่อเลยว่าโลกมันกลมจริง ๆ ”เจ้าของร่างสูงใหญ่พอกันของอีกคน เอ่ยทักทายชายหนุ่มขึ้นมาก่อน เพราะเขาเป็นรุ่นน้องที่มีอายุอ่อนกว่า คนตรงหน้าอยู่หลายปี“โลกมันแคบมั้ง...ว่าแต่ไม่เจอแกมาตั้งหลายปี สูงใหญ่ขนาดเทียบกับรุ่นพี่ได้เลยเหรอวะไอ้จอม”เควินเอ่ยทักทายพร้อมกับตบไหล่รุ่นน้อง ที่เคยอยู่บ้านใกล้กัน และมันก็มีเขานี่แหละเป็นไอดอล ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเควินกับมนต์พยัคฆ์ ก็มักจะถูกพ่อของจอมทัพ จับขึ้นไปอบรมบนโรงพักด้วยกันบ่อย ๆ ในตอนที่ยังเป็นหนุ่มน้อย ช่วงหล