ติ๊ง!ฉันเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ ดูนั่นดูนี่ฆ่าเวลาระหว่างรอพี่ไฟไป เพื่อที่สายตาและหูจะได้ไม่ต้องสนใจคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม และระหว่างที่ไถโทรศัพท์อยู่เนี่ย เสียงข้อความไลน์ก็เด้งเข้ามา เมื่อกดดูจึงได้รู้ว่าเป็นพี่ไฟส่งข้อความเข้ามาหาข้อความบอกว่าพี่เขาขอเลทไปอีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวจะรีบเข้ามา ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ไหน ๆ ก็มานั่งรอแล้วให้รออีกครึ่งชั่วโมงก็ได้ เมื่อรู้ว่าตัวเองต้องนั่งรอในสถานการณ์แบบนี้อีกครึ่งชั่วโมง จึงได้หยิบหูฟังขึ้นมาเชื่อมต่อกับโทรศัพท์โดยไม่สนใจคนที่ทำหน้าตาจะเป็นจะตายเลยสักนิดดูนั่นสิครับ ยายตัวร้ายของผมเธอไม่แม้แต่จะสนใจผมเลยสักนิด แถมตอนนี้ก็หยิบหูฟังเสียบหูเรียบร้อย ทำราวกับว่าผมไม่ได้นั่งอยู่นี่ เหมือนเธอไม่เห็นผมอยู่ในสายตา! ซึ่งผมก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงนั่งเงียบ ๆ มองดูเธอเท่านั้น ตอนเห็นมีข้อความไลน์เข้ามาหาเธอ ใจผมร้อนรุ่มแทบอยากจะฉวยโทรศัพท์เข้ามาดูเองว่าใครกันที่ส่งข้อความเข้ามา แต่มันติดที่ว่าผมทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะถ้าผมทำเธอคงไม่ให้อภัยผมแน่ ๆ เผลอ ๆ อาจจะเกลียดผมมากกว่าเดิมด้วยซ้ำตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่าเธออยู่ที่นี่ แต่อยู่ดี ๆ ไอ้วินมันก็ส่งข้อควา
ผ่านมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้วที่ผมหลบมาเลียแผลใจตัวเอง ทุกคำพูด ของน้ำทิพย์ยังก้องกังวานในหัวผมไม่เสื่อมคลาย ยิ่งนึกถึงคำพูดพวกนั้นผมก็ยิ่งเจ็บผมไม่รู้หรอกว่าเธอจะรู้ไหมว่าคำพูดไม่กี่คำของเธอทำผมเสียใจแค่ไหน สิ่งที่ผมรับรู้ได้คือทุกคำที่เธอพูดเธอกลั่นกรองมาแล้วทั้งนั้น สิ่งนี้แหละที่ทำให้ผมเสียใจอยู่แบบนี้ถ้าเธอพูดออกมาแบบไม่คิดผมก็จะไม่เสียใจนานเท่าไหร่ แต่นี่ไม่ว่าจะมองมุมไหนล้วนเป็นเธอที่กลั่นกรองมันอย่างดีแล้วถึงได้พูดออกมา เมื่อเป็นแบบนั้นผมก็ยิ่งเสียใจยากนักที่จะทำใจให้ชินกับความไม่สนใจผมของเธอได้...ผมคิดอยากจะปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อนของตัวเอง แต่ว่าพวกมันไม่ค่อยว่างมาคุยกับผมสักคน ซึ่งความไม่ว่างของพวกมันนั้นไม่ได้ทำงานหรือมีธุระที่ไหน แต่เป็นการเอาเวลาไปอยู่กับคู่ของตัวเองในเมื่อเพื่อนผมออกจะทุ่มเทความรักให้แฟนตัวเองขนาดนี้ ผมจะกล้าออกปากเรียกพวกมันมาได้ยังไงล่ะครับ คงทำได้เพียงปรึกษาทางข้อความไลน์เท่านั้นแหละติ๊ง!ดาริน : พี่เหนือว่างไหมคะ น้องดามีเรื่องจะปรึกษาดาริน : ช่วงนี้น้องดาไม่ค่อยได้เจอพี่เหนือเลย พี่เหนือเป็นอะไรหรือเปล่าคะ บอกน้องดาได้นะ น้องดาเป็นห่วงเหนือนที
“นาย!!”แน่นอนว่าในเมื่อผมพอใจก็ย่อมต้องมีคนไม่พอใจรวมอยู่ด้วย และเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ ผมอยู่ตอนนี้ผมหันไปยิ้มแห้งให้เธอก่อนจะพูดว่า“เราไม่ได้ดูหนังด้วยกันนานแล้ว นั่งดูด้วยกันนะครับ” พูดพร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนหวังให้เธอเห็นใจไปด้วย“ไม่ เป็นบ้าเหรอ! ลุกออกไปจากที่นั่งพี่ไฟเดี๋ยวนี้” เธอพูดเสียงแข็ง“นี่ไงก็ให้เขานั่งข้าง ๆ พี่ไงครับไม่เห็นเป็นไรเลย”“เหนือนที!”“โอ๊ย! จะยืนอีกนานไหมครับเมื่อไหร่จะนั่ง เห็นไหมว่าคนอื่นเขายืนรอเพื่อเดินไปหาที่นั่งอยู่” และก่อนที่เธอจะได้ด่าผมไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงต่อว่าจากคนที่เข้ามาดูหนังซะก่อน ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ผู้ชายที่ชื่อว่าไฟนั่งลงข้างผมทันที ผมดีใจมากส่วนคนตัวเล็กนั้นต่อให้เธอไม่พอใจแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ“ไม่เป็นไรหรอกครับน้องทิพย์ พี่นั่งตรงนี้ก็ได้” ผมตวัดสายตาไปมองคนที่พูดด้วยความไม่พอใจที่มันกล้าเรียกเธอว่า น้องทิพย์!ฮึ่ย! ขัดใจผมจริง ๆ“ขอโทษด้วยนะคะพี่ไฟ แทนที่จะได้ดูกันอย่างสงบดันมีคนมากวนซะนี่”“ไม่เป็นไรครับ ถึงยังไงเราก็นั่งใกล้กันอยู่ดี ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ทน ๆ นั่งไปก่อนแล้วกันนะครับ”“ค่ะ”ระหว่าง
“ไม่แรงไปหน่อยเหรอครับน้องทิพย์กับคำนั้น ตอนอยู่ในโรงหนังพี่ว่าก็พูดแรงเหมือนกันนะ”“ไม่หรอกค่ะพี่ไฟ คนแบบนั้นแค่คำว่าเสือกคำเดียวมันไม่มีผลอะไรกับเขาหรอกค่ะ”ฉันตอบพี่ไฟไปแบบไม่ต้องคิด จะด้วยความที่ฉันไม่พอใจนายเหนือนทีด้วยก็ได้ ฉันถึงได้พูดออกไปแบบนั้น มีอย่างที่ไหนเลิกกันแล้วยังมาตามก้อร่อก้อติกอยู่ได้ มันโคตรจะน่ารำคาญเลยฉันว่าฉันก็พูดไปชัดเจนแล้วนะว่าเลิก เลิก เลิก อย่าเข้ามาก้องเกี่ยวในชีวิตฉันอีก แต่ดูสิ่งที่เขาทำสิมันใช่ไหม ทุกอย่างล้วนตรงข้ามกับคำพูดของฉันทั้งสิ้นผู้ชายแบบเขามันไม่สนใจความรู้สึกของใครจริง ๆ นอกจากความรู้สึกของตัวเองนี่ยังไม่รวมเรื่องที่อยู่ในโรงหนังอีกนะ ก็รู้อยู่หรอกว่าเขามันคนหน้าหนาแต่ไม่ได้คิดว่าจะขนาดนี้ มารยาทที่ควรมีก็หายไปหมด ยังมีหน้ามาไม่พอใจพี่ไฟอีก มันควรจะเป็นพี่ไฟรึเปล่าที่ต้องไม่พอใจอ้อ สายตาที่เขามองฉันระหว่างที่หนังฉายไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้นะ ฉันรู้แถมยังอึดอัดด้วย จึงต้องหันไปสบตาเขาเพื่อที่จะให้เขารู้ว่าฉันไม่พอใจ แต่นี่อะไรนอกจากจะเมินสายตาฉันแล้วยังกล้าที่จะส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ฉันอีกสายตาที่แสดงถึงความคิดถึงและรู้สึกผิดนั่นมันช้าไปหรือไม่
“อะนี่อันนี้สุกแล้ว กินเยอะ ๆ”“ขอบคุณค่ะพี่ไฟ” ฉันพูดขอบคุณพี่ไฟเมื่อเขาคีบเนื้อที่สุกแล้วใส่ถ้วยให้ อีกคนที่เป็นส่วนเกินก็ได้แต่มองฉันตาปริบ ๆฉันยังคงตั้งใจกินอย่างต่อเนื่อง ในหัวคิดเพียงแค่ว่าอิ่มไวก็กลับไว แล้วก็จะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้าคนที่ไม่อยากเห็น เพราะฉะนั้นต้องรีบกินรีบอิ่ม“นี่ครับ พี่คีบให้ กินเยอะ ๆ นะ พี่เป็นห่วง” ฉันชะงักกับชิ้นเนื้อที่เขาคีบมาให้ ก่อนจะคีบส่งไปให้พี่ไฟกินแทน“พี่ไฟคะ รบกวนกินแทนด้วยนะคะ จะทิ้งก็เสียดายไหน ๆ ก็สั่งมาแล้ว”“หืม ได้เลยครับ แหมเนื้อชิ้นนี้นี่อร่อยจริง ๆ สงสัยเป็นเพราะทิพย์คีบให้พี่แน่เลย” ฉันมองหน้าพี่ไฟขำ ๆ กับความเล่นใหญ่ของพี่เขา ซึ่งเขาก็ขยิบตาส่งกลับมาให้ฉันเช่นกันส่วนคนที่เป็นเจ้าของชิ้นเนื้อที่หวังดีคีบให้ฉันตอนแรก ตอนนี้นั่งกำตะเกียบอย่างอดกลั้นอารมณ์พร้อมกับมองฉันและพี่ไฟที่หยอกล้อกันด้วยความน้อยใจ“อุ๊ย! บังเอิญจังเลยนะคะ สวัสดีค่ะพี่เหนือ พี่ทิพย์ แล้วเอ่อคุณ...”“อัคคีครับ” พี่ไฟตอบ“ให้ตายเถอะ! วันนี้ฉันก้าวเท้าไหนออกจากคอนโดเนี่ยทำไมมีแต่เจ้ากรรมนายเวรมาขอส่วนบุญ เอ๊ะ แต่ดูเหมือนว่ารอบนี้จะเป็นสัมภเวสีมากกว่านะ อืม สงสัยต้อง
“ไงมึง เรียกพวกกูมาหาที่ร้านแบบนี้ คงมีเรื่องไม่สบายใจอีกอะดิ”ไอ้วินพูดออกมาราวกับมันเข้ามานั่งอยู่ในใจผมถึงได้เดาเรื่องราวได้อย่างแม่นยำถูกแล้ว วันนี้ผมนัดพวกมันมาเพราะความไม่สบายใจของตัวเอง จึงอยากระบายให้พวกมันได้ฟังเผื่อความรู้สึกของผมมันจะดีขึ้น“เหอะ มึงก็ไม่ควรพูดนะไอ้วิน ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าอะไรหรือใครที่ทำให้มันเป็นแบบนี้” ไม่พอ ไอ้ดินก็พยายามย้ำเข้ามาอีก พวกเพื่อนผมนี่ช่างเข้าอกเข้าใจผมเหลือเกินเมื่อเห็นว่าพวกมันต่างรู้เรื่องเป็นอย่างดี ผมจึงไม่ได้พูดอะไรออกมามากนัก มือผมหยิบแก้วเหล้าเข้ามาดื่มเอา ๆ เป็นว่าเล่น หลายแก้วติด ๆ กันเวลาไหลผ่านไปเรื่อย ๆ ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่ดูเหมือนว่าไอ้วินจะทนไม่ได้จึงเป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นก่อน“นี่ไอ้เหนือ มึงจะกินให้ตายเลยรึไง ไม่คิดจะพูดจะเล่าหรือระบายให้พวกกูฟังบ้างเลยรึ”“มึงไม่ต้องไปถามมันหรอกไอ้วิน เดี๋ยวมันได้ที่มันก็พูดเองนั่นแหละ มึงก็รู้นิสัยเพื่อนตัวเองดีว่าถ้าเหล้าไม่เข้าปาก หรือไม่สุดจะทนจริง ๆ จะไม่มีทางเอ่ยปากพูด” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของไอ้ดิน ซึ่งไอ้วินก็เบ้ปากใส่ผม ก่อนที่มันจะหันไปมองไอ้พายุที่ตั้งแต่ม
“อืม น้องเขาก็พูดถูก มึงหน้าด้านจริง” ไอ้พายุพูด“แล้วการที่มึงมานั่งกินเหล้ามันจะทำให้มึงดีขึ้น” ไอ้วินพูด“ใช่ อย่างน้อยมันก็ทำให้กูลืมถ้อยคำเสียดแทงพวกนั้น” ผมตอบเศร้า ๆ“เหอะ กูว่ามึงไม่มีทางลืมหรอก คิดจะมานั่งทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีดื่มให้ลืมเธอ ไอ้เหนือ นี่มันชีวิตจริง”“กูรู้ไอ้วิน แล้วจะให้กูทำไงก็กูคิดไม่ออก กูเจ็บ มึงได้ยินไหมว่ากูเจ็บ แค่กูหลับตากูก็ได้ยินคำพูดพวกนั้น ไหนจะกิริยาสายตาของเธออีก มันติดหูติดตากูไม่เสื่อมคลาย มึงคิดว่ากูอยากมานั่งกินเหล้าโง่ ๆ อยู่แบบนี้หรือไง”ผมตอบกลับไอ้วินอย่างคนที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป“ไอ้ควาย! ไอ้เหนือมึงนี่โง่จริง ๆ ก่อนที่มึงจะไปขอโอกาสจากเขา มึงจัดการตัวมึงเองก่อนไหม วันนี้มึงชัดเจนพอรึยัง”“ไอ้ยุแล้วกูไม่ชัดเจนตรงไหน กูก็รักแค่เธอปะวะ”“ไอ้เหนือถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกู กูคงกระทืบมึงไปแล้ว มึงบอกว่ามึงรักน้องทิพย์ มึงบอกว่ามึงชัดเจน แต่รอบตัวมึงยังมีเด็กข้างบ้านที่ชื่อดารินวนเวียนอยู่ ในเมื่อถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรกับเด็กคนนั้นมึงก็ควรไปพูดให้มันชัดเจน เว้นระยะห่าง ทำทุกอย่างให้ทิพย์รู้ว่ามึงมีแค่เธอ รู้สึกแค่เธอ มึงเข้าใจที่กูพูดไหม”“...” ผมเง
“นี่ยายน้องดา ช่วงนี้เป็นไง”“อะไรเป็นไง”“อ้าว ก็พี่เหนือสุดหล่อไงล่ะคะ ไม่เห็นมารับมาส่งเธอเหมือนทุกทีเลย เอ้... หรือว่า”“หรือว่าอะไร”“คิกคิก หรือว่าพี่เหนือเขากลับไปหาแฟนเขากันนะ”“ไม่มีทาง พี่เหนือเลิกกับพี่ทิพย์แล้ว”“อุ๊ยตาย! นี่ไปอยู่ที่ไหนมาจ๊ะ หรือว่าทำเป็นปิดหูปิดตา แล้วมโนว่าเขารักเธอและเป็นของเธอ หืม”“พี่เหนือเป็นของฉัน”“ฮะฮะฮ่า เธอนี่สุดยอดของความคิดเองเออเองเลย ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญนะ พี่เหนือที่เธอคิดว่าเขาเลิกกับแฟนและหันมาเอาอกเอาใจเธออะ แท้จริงแล้วเขากำลังตามง้อพี่น้ำทิพย์จ้า”“ไม่จริง!!”“จริง! พี่เหนือเขารักพี่ทิพย์จริง ๆ เขาก็แค่หลงเชื่อคนเสแสร้งอย่างเธอเท่านั้นแหละ ตอนนี้เขาตาสว่างแล้วว่าเธอไม่ได้ใสซื่ออย่างที่คิด เขาก็เลยตีตัวออกห่างเธอไงล่ะ”“แล้วไง มันเกี่ยวอะไรกับเธอไม่ทราบ คงอิจฉาฉันสินะ หึ!”“มันไม่เกี่ยวกับฉันหรอกนะ แต่ฉันอยากจะบอกเธอว่าอะไรที่มันไม่ใช่ของเธอ ต่อให้พยายามแค่ไหนมันก็ไม่ใช่ และที่สำคัญฉันไม่จำเป็นต้องอิจฉาใครโดยเฉพาะคนอย่างเธอ เข้าใจนะ”“แก!”“อ้อ อีกอย่าง เลิกมโนว่าพี่เหนือเขารักเธอซะที เขาแค่เอ็นดูเด็กข้างบ้านอย่างเธอเท่านั้นแหละ มันไม
ฉันผละออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพี่เหนือ ก่อนจะเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วยิ้มให้เขาอย่างมีความสุขที่สุดตอนแรกที่เขาบอกว่าอย่าร้อง ฉันก็กะว่าจะไม่ร้องไห้นั่นแหละ แต่ใครมันจะไปอดทนได้เล่า ในเมื่อเขาน่ารักขนาดนี้คิดดูสิบรรยากาศภายในร้าน และอะไรต่าง ๆ ที่เขาทำวันนี้เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงทั้งสิ้นว่าเขาจะทำ เพราะสิ่งที่เขาทำวันนี้มันตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิญพี่เหนือไม่ใช่คนที่โรแมนติก เขาค่อนข้างที่จะเป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมคน สายเอาแต่ใจ ที่สำคัญเขาหื่นมาก เพราะฉะนั้นการจัดตกแต่งร้านแบบน่ารัก ๆ ที่ฉันเห็นนี่มันสวนทางกับพี่เหนืออย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่ฉันเดินลงจากรถและเดินเข้ามา สองข้างทางล้วนประดับประดาไปด้วยหลอดไฟเล็ก ๆ น่ารัก ๆ หน้าประตูถูกประดับไปด้วยดอกไม้ที่ฉันชื่นชอบ ยิ่งเปิดประตูเข้ามาในร้าน ฉันยิ่งรู้สึกประทับใจ เพราะมันเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง และรูปของเรา ที่ขาดไม่ได้เลยคือป้ายคำว่า‘Anniversary 2 years’หลังจากที่เห็นทุกอย่างแล้ว และคิดถึงนิสัยของเขามันเลยทำให้ฉันตื้นตันใจจนอยากร้องออกมาแต่ก็ต้องกลั้นไว้เมื่อเขาห้าม แต่พอฟังเขาพูดประโยคพวกนั้นจบฉันก็ไม่สามารถกักเก็บความรู้สึ
“พี่เหนือ นี่จะพาทิพย์ไปไหนคะ ไม่เห็นบอกเลยอยู่ดี ๆ ก็บอกให้แต่งตัว”น้ำทิพย์ถามผม เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของเรา ผมจึงจะพาเธอไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้เราอยู่ที่คอนโดครับ ผมกับน้ำทิพย์กลับมาจากบ้านสวนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว กลับมากรุงเทพเราก็ใช้ชีวิตไปตามปกติอ้อ ผมไม่ได้อยู่กับเธอตลอดเวลานะครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอและทางครอบครัว ผมจะมานอนกับเธอที่ห้องหรือให้เธอไปนอนที่ห้องกับผมแค่อาทิตย์ละสามวันเท่านั้นนอกจากนี้ผมยังให้คุณแม่ของผมคุยเรื่องการหมั้นหมายของผมกับเธอไปคร่าว ๆ ทางโทรศัพท์กับคุณพ่อคุณแม่ของเธอแล้วด้วยก่อนผมจะกลับกรุงเทพนั่นเองซึ่งผลจากการที่ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องนี้นั้นได้ข้อสรุปว่า หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่กลับกรุงเทพแล้ว พวกท่านจะคุยเรื่องนี้และข้อตกลงกันต่าง ๆ กันอีกที ซึ่งผมและน้ำทิพย์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะถือว่าได้บอกความต้องการของตัวเองออกไปแล้ว ต่อไปก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขาคุยและตกลงกัน“อ้าวพี่เหนือถามไม่ได้ยินเหรอคะ จะไปไหน” น้ำทิพย์ถามผมหน้ายุ่ง“พาไปที่ที่สำคัญของเราสองคนไงครับ”ผมตอบเธอพร้อมกับยิ้ม น้ำทิพย์ย่นคิ้วคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า“จะพา
ระหว่างทาผมก็ถามพนักงานชายไปด้วยว่าทำแบบนี้ทำไม ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้ผมตาโตด้วยความไม่เชื่อ เพราะพนักงานคนนั้นบอกว่าถ้าทาแป้งและขี้เถ้าแล้วมดแดงมันจะไม่กัด เป็นความเชื่อที่คนโบราณทำสืบต่อกันมา ซึ่งพอเวลาผ่านไปการทำแบบนี้ก็เริ่มไม่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพนักงานของที่นี่เขาค่อนข้างจะเชื่อคำคนโบราณจึงได้เอามาทำที่ไร่นี้ พอว่าที่พ่อตามาเห็นและรู้ว่าได้ผลจึงไม่ได้ห้ามตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะได้ผลจริง แต่พอขึ้นไปบนต้นมะม่วงแล้วก็ต้องชะงัก เพราะสิ่งที่ผมไม่เชื่อกลับสามารถได้ผลดี แต่ใช่ว่าจะไม่โดนกัดเลย มันก็มีกัดบ้างแต่ไม่เท่ากับสามต้นแรกที่ผมไม่ได้ทาพวกมันแล้วขึ้นไปเก็บเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล สำหรับผมแล้วผมเชื่อครับเพราะมันใช้ได้จริงหลังจากเก็บมะม่วงสองต้นสุดท้ายเสร็จแล้วผมกับว่าที่พ่อตาก็กลับมาอาบน้ำที่บ้านก่อนจะมานั่งทานข้าวที่ถูกเตรียมไว้แล้วมื้ออาหารกลางวันเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ไม่มีเสียงกระทบกระทั่งกันไปมาของผมและคุณพ่อของน้ำทิพย์ถึงผมจะค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะไม่ต้องการจุดฉนวนให้ตัวเองโดนเล่นง
หลังจากที่เมื่อวานได้เปิดอกเปิดใจคุยกับคุณพ่อของน้ำทิพย์แล้ว วันนี้ผมก็ต้องมาทำงานใช้แรงงาน เพราะว่าที่พ่อตาท่านบอกว่าจะมานั่งกินนอนกินไม่ได้ จะมาอยู่ก็ต้องมาช่วยกันทำงาน แม้ว่าที่บ้านสวนจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกท่านก็ตามแต่พวกท่านก็ไม่ได้พักอย่างที่ใครคิด การพักผ่อนของพวกท่านคือการใช้ชีวิตชาวสวน วันนี้ผมจึงต้องมายืนสอยมะม่วงบ้าง ปีนต้นมะม่วงจนมดแดงกัดอยู่แบบนี้ไงครับ“ใช่ ๆ พวงนั้นแหละ ลูกมันดก ขนาดกำลังกิน”เสียงของว่าที่พ่อตาตะโกนส่งมาไม่ขาดสาย ในขณะที่ผมทั้งตัดพวงมะม่วง ทั้งปัดป่ายมดแดงที่ขึ้นอยู่ตามตัวและก็ไอ้มดแดงที่กำลังกัดผมอยู่นี่แหละ ที่ผมกินไข่ของพวกมันเมื่อวานนี้เห็นแบบนี้ก็อดยอมรับนับถือคนงานไม่ได้ที่ต้องมายืนแหงนคอสอยรังของมดแดง เพื่อที่จะนำไข่ของมันไปประกอบอาหารขนาดผมปีนต้นไม้เพื่อเก็บมะม่วงยังโดนกัดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่ากว่าพวกเขาจะสอยได้แต่ละรังกว่าจะได้ไข่มาต้องลำบากกันขนาดไหน“มัวคิดอะไรอยู่ บอกเอาพวงนั้น พวงนั้น”“ผมก็ตัดอยู่นี่ไงครับว่าที่พ่อตา อย่าเร่งสิครับ มดมันกัดผมอยู่” ผมตะโกนโต้กลับกับคนที่ยืนชี้นิ้วสั่งผมอยู่ด้านล่าง“ผิวหนังด้าน ๆ อย่าง
บ้านสวนของน้ำทิพย์มีคนอยู่ไม่มากนัก จะมีแค่คุณพ่อคุณแม่ของเธอที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจตามเวลาที่สะดวก มีน้ำทิพย์ และคนสวนที่ดูแลที่นี่เพียงสองคน คนดูแลบ้านอีกสองคน หลัก ๆ แล้วคนที่อยู่ที่นี่แค่สี่คนเท่านั้น ส่วนลุงเชิดกับป้าชมนั้นเป็นสามีภรรยากัน ลุงเชิดเป็นคนขับรถส่วนป้าชมเป็นหัวหน้าแม่บ้านและเป็นคนสนิทของคุณแม่ของน้ำทิพย์ด้วยเช่นกันอ้อ ผมลืมบอกไปที่เรียกว่าบ้านสวน เพราะบริเวณรอบบ้านของเธอล้วนปลูกผักผลไม้ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นที่ดินด้านหลังบ้านที่ถัดออกไปอีกไม่ไกล มีเพียงคลองส่งน้ำเล็ก ๆ ขวางกั้นเท่านั้นเพียงก้าวข้าวสะพานไม้ที่ทำไว้ก็จะเจอกับสวนมะม่วงที่ให้คนงานลงปลูกไว้ขึ้นเต็มไปหมดผมโชคดีที่หน้านี้มะม่วงกำลังติดลูก คิดว่าคงจะได้เดินไปชมสวนของบ้านเธอแน่ ๆ ครับ เพราะนอกจากจะปลูกไว้กินแล้วเนี่ย ทางบ้านของน้ำทิพย์ยังส่งมะม่วงให้ตลาดในตัวอำเภอเพื่อขายอีกด้วย“เหม่ออะไรอยู่ ไปได้แล้วลูกเมียฉันรอ ไร้มารยาทจริง”ผมหลุดจากความนึกคิดของตัวเองแล้วเขม่นตามองว่าที่พ่อตาที่เดินนำออกไปไกลแล้ว จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามท่านไปบ้าง“ขอโทษที่มาช้าครับ” ผมรีบพูดทันที เพราะคุณแม่ของน้ำทิพย์กำลังนั่งรออยู่จ
“เจ้าบ้านเขาไม่ต้อนรับก็ยังจะหน้าด้านอยู่อีก” คำกล่าวทักทายแรกหลังจากที่ออกมาจากห้องพัก ก็โดนพ่อตากระแหนะกระแหนใส่ซะแล้ว“คุณพ่อครับ ถ้าไม่เต็มใจต้อนรับผมจะได้พักที่ห้องข้าง ๆ ทิพย์เหรอครับ”“ใครพ่อแก!”“อา... ลืมไปว่าไม่ใช่ งั้นคงต้องเรียกว่า...”“ว่าอะไร”“พ่อตา”“ไอ้เหนือ!”ผมพูดเสร็จก็รีบพาตัวเองเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านทันที โดยไม่สนใจคนที่กำลังทำหน้าราวกับจะฆ่าคนของคุณพ่อตาสักนิด แถมยังมียิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาด้วย“คุณนทีเป็นอะไรคะ เสียงดังมาถึงข้างล่าง” คุณแม่ของน้ำทิพย์เดินมาชะเง้อขอถามตรงตีนบันได ซึ่งสวนกับที่ผมเดินลงไปพอดีผมยิ้มให้ท่านแล้วเดินจากมา แต่พอมาถึงโซฟาก็เจอน้ำทิพย์ยืนกอดอกขมวดคิ้วอยู่“เป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ทิพย์ต่างหากที่ควรถามพี่เหนือว่าเป็นอะไรถึงได้กวนคุณพ่อ จนคุณพ่อเสียงดังแบบนี้”“พี่เปล่าทำอะไรสักหน่อยนะครับ” ผมตีหน้าซื่อตาใสไม่ยอมรับ“พี่เหนือ เราคบกันอยู่แล้วทำไมทิพย์จะไม่รู้สันดาน เอ๊ย!นิสัยของพี่เหนือล่ะคะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงหน่อยสิคะ”“โธ่... ที่รักก็คุณพ่อของทิพย์ท่านชอบว่าพี่นี่”“แต่ถ้าพี่เหนือยอมท่านปล่อยเวลาไปสักพัก ให้ท่านได้มีเวลายอมร
ปัง!“กรี๊ดดด! หยุดค่ะคุณพ่อ หยุดก่อน”ปัง!“แกหลบไปยายทิพย์ หลบไปก่อนพ่อจะเอาเลือดหัวมันออก”“ถ้าเอาแค่เลือดหัวผมออกไม่ต้องใช้ปืนก็ได้ครับ เอาเป็นไม้หรืออย่างอื่นก็ได้ เป็นปืนแบบนี้ถ้าคุณพ่อพลาดยิงผมตายขึ้นมานอกจากจะติดคุกแล้ว น้ำทิพย์ยังจะเสียใจอีกนะครับ”“ฮึ่ม ไม่โว้ย ลูกสาวฉันไม่เสียใจนานหรอก เดี๋ยวฉันหาผู้ชายคนใหม่มาดามใจให้เอง แล้วก็นะฉันไม่ใช่พ่อแก!”คุณพ่อของน้ำทิพย์พูดก่อนจะทำท่ายกปืนเล็กอีกครั้ง แต่มีหรือที่ผมจะยอม ผมรีบเอาตัวน้ำทิพย์เข้ามาบังตัวผมไว้ แล้วโผล่หน้าไปท้าทายท่านอีกครั้ง“พี่เหนือ ทิพย์บอกแล้วไงว่าอย่าไปตีรวนท่าน”“ก็ดูคุณพ่อทิพย์สิ มาถึงยังไม่ทันจะได้เข้าบ้านก็เอาปืนมาไล่ยิงกันซะแล้ว แบบนี้จะให้พี่อยู่เฉย ๆ ได้ไงครับ” ผมพูดอย่างไม่ยินยอม พร้อมกับหลบอยู่หลังเธอใช่แล้วล่ะครับ ตั้งแต่มาถึงและลงจากรถขณะที่ผมกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในตัวบ้าน คุณพ่อของน้ำทิพย์ก็วิ่งออกมาพร้อมปืนยาวหนึ่งกระบอกและยิงทันทียิงแบบไม่สนใจด้วยว่าจะถูกหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าท่านคงไม่กล้ายิงตรง ๆ นอกจากยิงขู่ ผมถึงได้กล้าตีฝีปากกับท่านนั่นเอง“มึง! ไอ้เหนือ ตายซะเถอะ”“โอ๊ย หยุดได้แล้วค่ะคุณ พอไ
“บอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยครับว่าพี่ขอไปด้วย” “พี่เหนือจะไปทำไมคะ” ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของผม น้ำทิพย์ก็ถามกลับมาทันที พร้อมมองผมขึ้น ๆ ลง ๆ“จะไปบ้านเมีย”“พี่เหนือ”“ก็พี่อยากไปด้วยนี่ พี่อยากเจอคุณพ่อคุณแม่ของทิพย์นี่ครับ ทิพย์ก็ได้เจอคุณพ่อคุณแม่พี่แล้ว ให้พี่ไปเจอพวกท่านบ้างสิเราจะได้เท่าเทียมกัน”“แต่คุณพ่อของทิพย์ไม่ชอบพี่เหนือ”“ก็ยิ่งไม่ชอบนั่นแหละครับ พี่ถึงต้องไป”ผมพูดออกมาด้วยความจริงจัง และใช่ครับ คุณพ่อของเธอไม่ค่อยชอบผม ย้อนกลับไปสามวันที่แล้ว ที่ผมพาน้ำทิพย์และคนอื่น ๆ ไปเที่ยวน้ำตกวันที่สองของการอยู่ที่นั่น คุณพ่อของเธอก็โทรเข้ามา แต่บังเอิญว่าน้ำทิพย์หลับอยู่ และผมก็อยู่ตรงนั้นพอดี จึงได้ถือวิสาสะรับสายท่านไป แค่ท่านได้ยินเสียงผม ก็โวยวายออกมายกใหญ่เลยครับผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้ต่อว่าท่านกลับหรอกนะครับ ผมยังคงรู้จักมารยาท แต่ว่าการตอบกลับของผมค่อนข้างที่จะรวนท่านนิดหน่อยจนเดือดร้อนให้คุณแม่ของเธอเข้ามาห้ามปรามและรับโทรศัพท์ไปคุยเอง เราถึงพูดกันรู้เรื่อง ความว่าคุณแม่และพ่อของเธอไม่ได้อยู่กรุงเทพ แต่เดินทางไปบ้านสวน ให้น้ำทิพย์ตามไปที่นั่นเพื่อพักผ่อน เพราะเห็
“แค่ก แค่ก กดหัวทำไมหายใจไม่ออก” ฉันไอหน้าดำหน้าแดง ส่วนคนที่ถูกต่อว่าก็ทำเพียงแค่ส่งสายตาสำนึกผิดมาให้“ขอโทษครับ”“เหอะ” ฉันส่งเสียงอย่างไม่พอใจ แล้วทำท่าจะลุกหนี“ไปไหนครับ” เขาคว้าจับแขนฉันไว้ โดยมีสายตาไม่พอใจของฉันจับจ้องอยู่“เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ ก็ไปอาบน้ำสิ ถามมาได้” ฉันที่ไม่พอใจกับการที่ถูกเขากระแทกน้องชายเข้าปากอยู่แล้วก็ตอบกลับเขาไปอย่างอารมณ์เสีย“หืม ใครบอก เมื่อกี้แค่ยกแรกครับ เขาเรียกว่าของกินเล่น จากนี้ต่างหากของจริง”“ไม่”“ไม่ทันแล้วครับ ยังไงวันนี้ทิพย์ก็หนีไม่รอด”“ไม่นะพี่เหนือ มะ อื้อ”ฉันตกใจตาเบิกโพลง คำพูดที่ฉันจะพูดไม่ถูกพูดออกมาด้วยซ้ำ เพราะพี่เหนือที่ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน อยู่ดี ๆ ก็จับฉันนั่งตักและแทงน้องชายของเขาเข้ามาทีเดียวมิดโคนตอนนี้ฉันทั้งเสียว ทั้งจุก ทำได้แค่กอดเขาแน่น ๆ เท่านั้นเพื่อหวังว่ามันจะระบายอาการพวกนี้ออกไปได้บ้างพี่เหนือก็เหมือนรู้ เขาไม่ได้ขยับตัว แต่กลับยกมือขึ้นลูบไล้แผ่นหลังปลอบโยนฉันอยู่เรานั่งกันแบบนั้นอยู่ราว ๆ สองนาที ก่อนที่พี่เหนือจะเริ่มขยับตัว มือที่ลูบไล้แผ่นหลังบางของฉันทีแรกก็กลับกลายเป็นบีบขยำเนื้อหนังด้านหลัง ก่