จวนตระกูลจาง"เช้านี้อากาศช่างสดใสยิ่งนัก" "เจ้าว่าหรือไม่หงเอ๋อเด็กดี" ว่าพลางก้มหอมแก้มย้วยอย่างมันเขี้ยวในอ้อมแขน ช่างน่ารักน่าชังเสียจริงๆเลย"คุณหนู! คุณหนูเจ้าคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ" ชิงชิงที่วิ่งหน้าตาตื่นลืมกิริยาสำรวมของสตรีที่พึงมีที่นางพร่ำบอกคุณหนูของนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนคิ้วเรียวงามขมวดมุ่นมองชิงชิงอย่างแปลกใจว่ามีเรื่องอันใดจึงทำให้เจ้าตัวถึงกับเสียกิริยาวิ่งจนหอบตัวโยนอยู่ตรงหน้า" มีเรื่องอันใดชิงชิง วิ่งหน้าตั้งมาเชียว" "ชินอ๋อง ชินอ๋อง เจ้าค่ะ ชินอ๋อง หยางหมิงเฉิงนำกำลังทหารบุกมาเต็มจวนเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้นายท่านกำลังรับหน้าอยู่เจ้าค่ะ" เสียงหอบที่พยายามพูดออกมาทำเอาคนฟังถึงกับสั่นสะท้านกระชับร่างเล็กในอ้อมแขนอย่างหวงแหน "เรารีบไปกันเถอะ"เหมยลี่กอดกระชับร่างเล็กเดินนำชิงชิงไปยังโถงกลางเรือนใหญ่ ถึงจะกลัวว่าลูกน้อยจะโดนพรากไปจากอกแต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้ท่านพ่อและทุกคนเดือดร้อนเพราะนางเช่นกัน เดินมาถึงหน้าประตูก็กดจุมพิตหน้าผากเล็กส่งเจ้าตัวน้อยให้ชิงชิงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วจึงผลักบานประตูเข้าไปร่างบอบบางเย้ายวนปรากฏกายขึ้นท่ามกลางเหล่าชายฉกรรจ์ซึ่
ที่นี่ที่ไหน... แล้วตาหนูอยู่ไหน นึกได้น้ำตาก็ไหลพรากเจ็บปวดหัวใจเป็นที่สุด ภาพสุดท้ายที่เห็นคือร่างน้อยที่จากไปด้วยโรคระบาดโดยที่ตัวเองผู้ซึ่งเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดไม่สามารถช่วยลูกตนเองได้ และด้วยหัวใจแหลกสลายทุกอย่างพลันดับมืดแล้วเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่กันหรือว่าทีนี่คือโรงพยาบาลแต่มองแล้วห้องสี่เหลี่ยมนี่ไม่เหมือนห้องในโรงพยาบาลแม้แต่น้อย สัมผัสได้เพียงกลิ่นสมุนไพรและอาการปวดทั่วทั้งตัวที่บ่งบอกว่าตัวเธอป่วยและกำลังได้รับการรักษาจากยาสมุนไพรแต่ในยุค5Gนี่ยังมีการรักษาด้วยสมุนไพรอยู่หรือแล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร คิดแล้วก็ปวดหัวรุนแรงเห็นภาพในหัวหลั่งไหลเข้ามาดังดูหนังในโรงภาพยนตร์จางเหมยลี่... ใช่แล้วตอนนี้ไม่มีอีกแล้วน้ำหนึ่งมีเพียงจางเหมยลี่บุตรีเพียงคนเดียวของคหบดีจางชิว ที่ร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่ตกน้ำไปพร้อมมารดา บิดา นาม จางชิว คหบดีผู้เคยมั่งคั่ง มารดา นาม ไป๋ลี่อิง ผู้ล่วงลับไปพร้อมกับน้องชายในครรภ์ในเหตุการณ์โจรปล้นขบวนเดินทางของครอบครัวนางตอนนางอายุได้เก้าหนาว กลับจากเดินทางไปทำบุญจนเป็นเหตุให้รถม้าที่ฮูหยินจางและคุณหนูจางตกน้ำกว่าจะช่วยขึ้นมาได้ก็ทำให้ฮูหยินจางพร้อมบุตรใน
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทำให้ฉันหยุดความคิดทั้งหมดหลับตาที่หนักอึ้งฟังเสียงผู้คนที่ดังใกล้เข้ามาว่าจะเอายังไงต่อไปกับการใช้ชีวิตในร่างนี้ ซึ่งฉันไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้เลยว่าเป็นยังไง"ท่านหมอท่านช่วยดูบุตรสาวข้าหน่อยเถิดนางหยุดหายใจไป" เสียงนุ่มทุ้มกระแสเสียงที่เจือไปด้วยความร้อนรนเจ็บปวดและกังวลเอ่ยขึ้นหลังคนทุกผู้ก้าวเข้ามาในห้องใหญ่โตแต่ไม่มีเครื่องเรือนใดที่เกินความจำเป็นมีเพียงโต๊ะสำหรับตั้งน้ำชากับเตียงหนึ่งหลังที่มีร่างบอบบางนอนอยู่สักพักฉันรู้สึกถึงมือที่เอื้อมมาจับข้อมือที่ไร้เรี่ยวแรงนี้แต่ไม่อาจเห็นสีหน้าประหลาดใจของท่านหมอผู้นี้ได้เลย ท่านหมอซานต้องแปลกใจอยู่มากเขาถูกเชิญมาดูอาการของคุณหนูผู้นี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอาการของนางไม่มีทีท่าว่าจะหายแค่นอนรอวันหมดลมหายใจเท่านั้นแต่ตอนนี้กลับต้องประหลาดใจเพราะชีพจรของนางเหมือนกับคนปกติแค่ร่างกายอ่อนแรงเท่านั้นกินยาบำรุงร่างกายสักหน่อยคาดว่าจะหายเป็นปกติซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีนัก "นายท่านจางยินดีด้วยข้าคาดว่าร่างกายคุณหนูคงจะหายเป็นปกติในเร็ววันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก" สิ้นคำกล่าวของท่านหมอในห้องพลันเกิดความเงียบชั่วอึดใจตามด้วยเสียงส
เมื่อภายในห้องกลับมาสงบอีกครั้งฉันพยายามลืมตาที่หนักอึ้งเพื่อสำรวจในห้องนี้อีกครั้ง ห้องนี้ดูกว้างขวางมากดูสะอาดสะอ้านคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเสียแต่ว่าโล่งไปหน่อย ฉันกวาดตาจนทั่วห้องจนมาสบกับสายตาแดงก่ำที่มองมายังฉันด้วยความตื่นเต้นระคนยินดีจนปิดไม่มิด ตามด้วยเสียงร้องไห้จนฉันสะดุ้ง คนยุคนี้แสดงอารมณ์ผ่านการร้องไห้หรืออย่างไร"คุณหนู... คุณหนูของชิงชิงท่านฟื้นแล้ว" ช่ายยยฉันฟื้นแล้ว แล้วตอนนี้อยากดื่มน้ำมากกกฉันอยากจะตะโกนออกไปแบบนั้นแต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับเป็นแค่การอ้าปากพะงาบๆ"น้ำ ดื่มน้ำก่อนนะเจ้าคะคุณหนู" ยังนับว่ารู้ความนะเราอะ ฉันมองมือผอมแห้งของเด็กสาวนามชิงชิง รินน้ำชาจากโต๊ะที่น่าจะเป็นเครื่องเรือนชิ้นเดียวภายในห้องนี้มาจ่อริมฝีปากที่แห้งแตก ฉันดื่มด้วยความกระหาย เอ่อ ค่อยยังชั่ว ในความทรงจำนี้ชิงชิง บ่าวรับใช้คนสนิทแก่กว่าเจ้าของร่างสองปีแต่อายุน้อยกว่าเธอในพบก่อนถึง13ปีด้วยความเอ็นดู ชิงชิงเป็นบ่าวที่จางฮูหยินช่วยไว้ตอนป้าของชิงชิงนำนางมาขายเป็นทาสถูกเฆี่ยนตีเพราะไม่มีแรงทำงานเพราะนางในตอนนั้นแค่เจ็ดหนาวส่วนจางเหมยลี่ห้าหนาว จางฮูหยินสงสารเลยซื้อตัวนางมาเป็นบ่าวรับใช
เผลอแป๊บเดียวข้าก็มาอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วความเป็นอยู่ ณ ตอนนี้ถือว่าไม่แย่นัก ร่างกายที่ก่อนหน้าไม่มีแรงแม้แต่จะลุกนั่งถูกบำรุงอย่างดีจนตอนนี้สามารถเดินไปไหนมาไหนได้สะดวก ร่างบอบบางนั่งเหม่อมองดูดอกบัวในสระที่กำลังเบ่งบานสะพรั่งจวนแห่งนี้ถึงแม้จะไม่ได้รุ่งเรืองดังเก่าแต่ทุกอย่างยังคงสวยงามเพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากพ่อบ้านหวังและชิงชิง ตอนนี้ข้ารู้ว่าภายในจวนกำลังกระเบียดกระเสียดเต็มทีเพราะมีแค่รายจ่ายไม่มีรายรับเลย เงินทองที่ใช้จ่ายอยู่ในขณะนี้ก็มาจากท่านพ่อนำของมีค่าในจวนไปขายจนไม่มีจะขายอีกแล้ว โรงเตี๊ยมสมบัติที่เหลืออยู่ชิ้นสุดท้ายที่จะขายของสกุลจางหากไม่ถูกกดราคาจนไม่อาจตัดใจที่จะขายได้หาไม่แล้วคงจะไม่เหลืออยู่จนถึงตอนนี้ คงถึงเวลาที่ข้าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อความอยู่รอดของตนเองและทุกคน คิดได้ดังนั้นสมองน้อยๆ จึงต้องทำงานอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้มาฟื้นคืนตระกูลจางให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่นั่งคิดนอนคิดเปลี่ยนไปหลายท่าก็ยังคิดไม่ออกจนรู้สึกหิว เอ้อออ หาอะไรกินก่อนแล้วกัน กองทัพต้องเดินด้วยท้องนี่นาชิงชิงที่เดินมาตามคุณหนูของนางให้ไปทานข้าวเห็น
ชิงชิงนั่งมองคุณหนูของนางนอนกลิ้งไปกลิ้งมา ขีดๆ เขียนๆ อยู่บนเตียงนอนมาหลายชั่วยามแล้วตั้งแต่กลับมาจากทานอาหารกับนายท่านก็ให้นางไปนำกระดาษกับถ่านไม้มาให้แล้วก็ไม่ยอมลุกจากเตียงอีกเลย ท่านอนของคุณหนูก็ช่างงงเอ่อ ข้าไม่อยากจะพูด"คุณหนูเจ้าคะ ลุกขึ้นมานั่งเขียนที่โต๊ะดีๆ ดีหรือไม่เจ้าคะ นอนเยี่ยงนั้นมันไม่งามนะเจ้าค่ะ" ชิงชิงพูดเช่นนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วข้าคร้านจะนับ"ไม่งามก็ไม่เป็นไรหรอกชิงชิง ตอนนี้มีแค่เจ้ากับข้าจะกลัวไม่งามไปไย"ข้าพูดโดยไม่เงยหน้ามองชิงชิงน้อยว่าหน้านางนั้นงอง้ำเพียงใด หัวข้ากำลังลื่นไหลคิดหาเมนูอาหารรสเลิศสำหรับโรงเตี๊ยมของข้า วางแผนการจัดการงานต่างๆ และปรับปรุงยังไงให้โรงเตี๊ยมนี้เลิศที่สุดจนโรงเตี๊ยมอื่นเตรียมปิดกิจการไปได้เลย5555แต่การจะทำอะไรให้สำเร็จปัจจัยหลักๆ ก็ต้องมีเงินนี่น่ะสิปัญหาใหญ่คิดแล้วก็กลุ้ม ต้องใช้เงินก้อนใหญ่เลยนะนี่เอ่อออ ท่านพ่อคงไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ทำไงดีหว่าคิดไปก็กลิ้งไปจนถ่านไม้ในมือตกลงกลิ้งหายไปใต้เตียง"เห็นไหมเจ้าคะ บ่าวบอกแล้วว่าให้นั่งเขียนดีๆ" ชิงชิงบ่นพลางจะคลานเข้าไปเก็บให้แต่เสียงท้องของคุณหนูดังประท้วงจนต้องหยุดชะงัก
เสียงร่ำไห้ที่ดังอยู่เป็นเวลากว่าครึ่งก้านธูป ทำให้ข้าต้องมานั่งซับน้ำตาให้เจ้าของเสียงร้องอยู่กว่าครึ่งก้านธูปเช่นกัน เอ่อ ท่านพ่อ เหตุใดน้ำตาท่านถึงมากมายเพียงนี้ ใช่แล้วเสียงร้องไห้คร่ำครวญที่ดังอยู่นี่คือท่านพ่อข้าเองก็หลังจากที่ข้ากับชิงชิงทองหล่นทับก็รีบนำหีบทองนั่นมาที่ห้องหนังสือที่ท่านพ่อข้ากับพ่อบ้านหวังหารือกันเรื่องค่าใช้จ่ายในจวนอย่างเคร่งเครียดกันอยู่ พอบอกว่าเป็นของท่านแม่ที่เก็บสะสมไว้เพื่อมอบให้แก่ข้าเป็นสินเจ้าสาวตามที่ท่านแม่เขียนไว้ในจดหมายในหีบก็เอาแต่ร้องไห้คิดถึงท่านแม่จนข้ากับชิงชิงต้องปลอบกันยกใหญ่ ส่วนพ่อบ้านหวังน่ะหรือเป็นลมไปตั้งแต่ข้าเปิดหีบทองแล้ว"ท่านพ่อเจ้าคะ สงบใจเสียเถอะนะเจ้าคะ หากท่านแม่รู้ว่าท่านเสียน้ำตามากถึงเพียงนี้วิญญาณท่านแม่จะไม่สงบเอานะเจ้าคะ" กล่าวจบข้าก็ได้ยินเสียงสูดน้ำมูกสูดใหญ่มือเรียวขาวจึงส่งผ้าเช็ดหน้าในมือไปให้แก่บิดาอย่างรู้งาน"ลำบากเจ้าแล้วลูกรัก"ตามด้วยเสียงสั่งน้ำมูกจนพ่อบ้านหวังถึงกับสะดุ้งตื่น"เอ่อ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูก้อนทองนี่ดีหรือไม่เจ้าคะ ว่าท่านแม่เก็บไว้เท่าไหร่ เราจะได้คิดกันว่าจะเอาอย่างไรต่อไป""แต่แม่เจ้าเก็บไว้
ตลาดที่นี่ให้ บรรยากาศเหมือนกับหนังจีนที่เคยดูเลย ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาจับจ่ายซื้อของพ่อค้าแม่ค้าร้านรวงต่างๆ เต็มทั้งสองข้างทางดูไปดูมาคล้ายๆ กับเยาวราชเลยอะ แต่ที่นี่มีกลิ่นอายโบราณมากกว่านัก"คุณหนูเจ้าคะเดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจางแล้วเจ้าค่ะ"ชิงชิงบอกคุณหนูของนางที่เดินดูนู่นนี่อย่างตื่นเต้นอย่างเอ็นดูนัก "นี่หรือโรงเตี๊ยมที่ว่า"ข้ามองสำรวจหลังชิงชิงพามาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าโรงเตี๊ยมแห่งนี้อย่างพอใจ ที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางมากแต่ดูเก่าและล้าสมัยไปหน่อยแต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าจะเนรมิตให้เลิศหรูอลังการเลยทีเดียว5555คิดแล้วก็มีความสุขยิ่งนัก"ฟู่"ป้ายชื่อโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีแค่คำเดียวหรือแปลกยิ่งแต่ถือว่าความหมายดี ร่ำรวย แต่ต่อไปคงต้องเปลี่ยนเป็น อภิมหึมามหาร่ำรวย 5555คิดแล้วก็เดินเข้าไปสำรวจในโรงเตี๊ยมที่มีเสี่ยวเออร์อายุไม่น่าจะเกิน14หนาวออกมาต้อนรับ"เชิญขอรับคุณหนู ท่านจะรับอะไรดีขอรับ" เสียงเสี่ยวเออร์เอ่ยอย่างนอบน้อม อืม การบริการถือว่าดี ใช้ได้"ข้าขอน้ำชาอย่างดีหนึ่งกา อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ทั้งหมดแล้วกัน"ก่อนอื่นต้องลองชิมอาหารก่อนละกันว่ารสชาติเป็นยังไง"ได้ข
จวนตระกูลจาง"เช้านี้อากาศช่างสดใสยิ่งนัก" "เจ้าว่าหรือไม่หงเอ๋อเด็กดี" ว่าพลางก้มหอมแก้มย้วยอย่างมันเขี้ยวในอ้อมแขน ช่างน่ารักน่าชังเสียจริงๆเลย"คุณหนู! คุณหนูเจ้าคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ" ชิงชิงที่วิ่งหน้าตาตื่นลืมกิริยาสำรวมของสตรีที่พึงมีที่นางพร่ำบอกคุณหนูของนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนคิ้วเรียวงามขมวดมุ่นมองชิงชิงอย่างแปลกใจว่ามีเรื่องอันใดจึงทำให้เจ้าตัวถึงกับเสียกิริยาวิ่งจนหอบตัวโยนอยู่ตรงหน้า" มีเรื่องอันใดชิงชิง วิ่งหน้าตั้งมาเชียว" "ชินอ๋อง ชินอ๋อง เจ้าค่ะ ชินอ๋อง หยางหมิงเฉิงนำกำลังทหารบุกมาเต็มจวนเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้นายท่านกำลังรับหน้าอยู่เจ้าค่ะ" เสียงหอบที่พยายามพูดออกมาทำเอาคนฟังถึงกับสั่นสะท้านกระชับร่างเล็กในอ้อมแขนอย่างหวงแหน "เรารีบไปกันเถอะ"เหมยลี่กอดกระชับร่างเล็กเดินนำชิงชิงไปยังโถงกลางเรือนใหญ่ ถึงจะกลัวว่าลูกน้อยจะโดนพรากไปจากอกแต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้ท่านพ่อและทุกคนเดือดร้อนเพราะนางเช่นกัน เดินมาถึงหน้าประตูก็กดจุมพิตหน้าผากเล็กส่งเจ้าตัวน้อยให้ชิงชิงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วจึงผลักบานประตูเข้าไปร่างบอบบางเย้ายวนปรากฏกายขึ้นท่ามกลางเหล่าชายฉกรรจ์ซึ่
วันนี้เป็นวันที่สามแล้วที่จวนตระกูลจางเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ คุณชายน้อยที่คุณหนูของจวนตั้งชื่อให้ใหม่ว่า จางหลี่หง ช่างน่ารักน่าชังยิ่งนัก รู้ความไปเสียหมดและดูท่าจะติดคุณหนูแจ เด็กน้อยคงคิดว่าคุณหนูคือมารดาของตนเสียแล้วเพราะทั้งสองตัวติดกันตลอดเวลาแม้แต่เวลานอนคุณหนูก็ให้คุณชายน้อยมานอนด้วย ชิงชิงยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความเอ็นดูรักใคร่ คุณหนูของนางดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและคล้ายจะเหมือนมารดาของบุตรตัวน้อยจริงๆ เอาใจใส่ดูแลคุณชายน้อยทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเอง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าคุณหนูของนางจะทำได้ดีมากอีกด้วย"ชิงชิง มาดูนี่เร็วเจ้าหมูขี้เกียจตัวนี้สงสัยจะเริ่มนั่งเองได้แล้ว ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก" ภาพคุณชายน้อยที่พยายามลุกขึ้นนั่งเองด้วยท่าทางทุลักทุเลเรียกเสียงหัวเราะกังวานใสของโฉมงามที่นั่งเป็นองครักษ์ระวังภัยอยู่ใกล้ๆ เพราะกลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะเจ็บตัวเรียกสติของแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่แอบมองทั้งสองอยู่นานให้รู้สึกตัวตื่นจากอาการตกตะลึงที่ได้เห็นโฉมงามที่ไม่มีผ้าปิดหน้าเหมือนวันก่อน ชินอ๋องหยางหมิงเฉิง พระองค์คิดไว้อยู่แล้วว่าใบหน้าภายใต้ผ้าผืนบางของนางต้องงดงามมากแต่ไม่คิดว่าจะงามจนทำให
จ้าวอวิ๋นซาน เป็นบุตรชายคนที่สามของ ตระกูลเจ้ามีพี่สาวฝาแฝดคือ จ้าวอวิ๋นเซียน และบุตรชายคนโต จ้าวอวิ๋นห้าว ซึ่งคุณชายน้อยซานเอ๋อ เป็นหลานชายที่ท่านอ๋องทั้งรักทั้งหวง เป็นผู้ประทานนามด้วยองค์เองและกำลังมีประสงค์จะรับคุณชายน้อยมาเป็นบุตรบุญธรรมเลี้ยงดูในปกครองของพระองค์ แต่คุณชายน้อยยังเยาว์เกินไปพึ่งอายุได้6เดือนเท่านั้น พอคุณชายน้อยครบหนึ่งหนาวก็จะทรงให้ดำรงตำแหน่งอ๋องน้อยของจวนอ๋อง เพราะพระองค์เองไม่คิดที่จะมีทายาทเสียงล้อรถม้าบดถนนมุ่งหน้าสู่จวน คหบดีจาง พร้อมเสียงถอนลมหายใจสลับเสียงบ่นของชิงชิง แต่หาได้ทำให้คุณหนูคนงามรู้สึกผิดแต่อย่างใดที่ทำให้สาวใช้ตัวน้อยอกสั่นขวัญแขวนที่เอ่ยถึง บุรุษผู้สูงศักดิ์อย่างอาจหาญปานนั้นหลังจากโดนบ่าวคนสนิทลากมายัดใส่รถม้าที่จ้างวานไว้เหมือนโดนพวกนักล่าค่าหัวไล่ล่า เหมยลี่ ก็หาได้รู้สึกผิดอันใดที่พาลใส่คนที่ไม่เคยพบเจอ กลับชื่นชมสองข้างทางอย่างสบายอารมณ์ เสียงบ่นของชิงชิงหาได้เข้าหูสักนิด แต่อารมณ์สุนทรีย์ก็พลันสะดุดเมื่อเสียงหนึ่งมากระทบประสาทเสียง! เสียงนั้น"หยุดรถ! " เพราะหยุดโดยกะทันหันทำให้ชิงชิงถึงกับหน้าคะมำ"คุณหนูมีอันใดเจ้าคะ" "ชิงชิง
ชินอ๋องหยางหมิงเฉิง ผู้บ้าตัณหาถึงกับคิ้วกระตุก ที่โดนโฉมงามเกลียดแบบงงๆ วันนี้เป็นวันที่ชินอ๋องต้องมาตรวจบัญชีของโรงเตี๊ยมในรอบหนึ่งเดือน พระองค์ยังทรงคิดว่าวันนี้ช่างเป็นวันดีอย่างยิ่งที่เจอโฉมงามที่ทำให้หัวใจที่คิดว่าด้านชาเสียแล้วของพระองค์กระตุกได้เพียงเห็นแค่ดวงตากลมโตฉายแววดื้อรั้นคู่นั้นเท่านั้นชินอ๋องที่นั่งตรวจบัญชีอยู่บนชั้นสามของโรงเตี๊ยมชิงหลง ทรงเห็นนางตั้งแต่ร่างเย้ายวนใจย่างเท้าเข้ามาอยู่ในครรลองสายตาของพระองค์ใบหน้างามภายใต้ผ้าปิดหน้าผืนบางนั้นไม่อาจปิดบังสายตาดุจพญาอินทรีของพระองค์ได้ รู้ตัวอีกทีพระองค์ก็ไม่อาจถอนสายตาจากร่างนั้นเสียแล้ว จนนางเดินหายเข้าไปในโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้าม น่าแปลกใจนักที่นางมองข้ามโรงเตี๊ยมชิงหลง โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของที่นี่ แต่เลือกที่จะใช้บริการจากโรงเตี๊ยมนั่นที่ใกล้จะปิดกิจการเต็มที ชินอ๋องหยางหมิงเฉิงมั่นใจเหลือเกินว่าในความทรงของพระองค์ไม่เคยเห็นนางมาก่อนนางเป็นบุตรีบ้านใดกัน เหตุใดจึงพึ่งเคยเจอ รูปโฉมสะกดใจผู้คนแบบนางคงมิใช่ใครจะมองผ่านง่ายๆ หรือนางพึ่งมาจากเมืองอื่นกัน คิดแล้วก็แปลกใจตัวเองเหตุใดพระองค์จึงจดจ่อกับนางนัก พระองค์นั้นเจอ
โรงเตี๊ยม ชิงหลง พึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อสองปีก่อนแต่ได้รับการยอมรับมากในแวดวงคนชั้นสูงและผู้มีอันจะกินจนทำให้โรงเตี๊ยม ฟู่ ที่ตอนนั้นขาดสภาพคล่องทางการเงินมีสภาพที่เห็นเช่นในตอนนี้ แต่โรงเตี๊ยมชิงหลง กลับเฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้กลายเป็นโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองเจียงเป่ย แห่งแคว้นหยวน เมืองที่มีแต่ราชวงศ์ ขุนนาง คหบดีและผู้มีอันจะกินอาศัยอยู่มากที่สุดในแคว้นเพราะเป็นเมืองที่อยู่ติดเมืองหลวงมากที่สุด ทรัพยากรสมบูรณ์ที่สุดส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ที่อาฟงกล่าวว่าไม่ธรรมดาคือ ชินอ๋องหยางหมิงเฉิง อนุชาร่วมพระมารดาเพียงองค์เดียวของฮ่องเต้หยางอู่เจี๋ย แห่งแผ่นดินหยวน อันเกรียงไกรนี้ สืบเนื่องมาจากชินอ๋องนั้นทรงชื่นชอบและเชี่ยวชาญในการทำการค้าไม่ด้อยไปกว่าการทำศึกเลย เมื่อแผ่นดินสงบร่มเย็นจึงหันมาบริหารกิจการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงเตี๊ยม ร้านเครื่องประดับ ร้านยาสมุนไพร หอประมูล และสถานที่ให้ความสำราญแก่สุภาพบุรุษแบบครบวงจรหรือที่เรียกง่ายๆ คือ หอนางโลมนั่นเอง ถ้ากล่าวถึงความร่ำรวยในแผ่นดินหยวน หากชินอ๋องอยู่ในอันดับสองคงไม่มีใครเป็นที่หนึ่ง นั่นก็รวมไปถึงรูปโฉมของชินอ๋อง
ตลาดที่นี่ให้ บรรยากาศเหมือนกับหนังจีนที่เคยดูเลย ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาจับจ่ายซื้อของพ่อค้าแม่ค้าร้านรวงต่างๆ เต็มทั้งสองข้างทางดูไปดูมาคล้ายๆ กับเยาวราชเลยอะ แต่ที่นี่มีกลิ่นอายโบราณมากกว่านัก"คุณหนูเจ้าคะเดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจางแล้วเจ้าค่ะ"ชิงชิงบอกคุณหนูของนางที่เดินดูนู่นนี่อย่างตื่นเต้นอย่างเอ็นดูนัก "นี่หรือโรงเตี๊ยมที่ว่า"ข้ามองสำรวจหลังชิงชิงพามาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าโรงเตี๊ยมแห่งนี้อย่างพอใจ ที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางมากแต่ดูเก่าและล้าสมัยไปหน่อยแต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าจะเนรมิตให้เลิศหรูอลังการเลยทีเดียว5555คิดแล้วก็มีความสุขยิ่งนัก"ฟู่"ป้ายชื่อโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีแค่คำเดียวหรือแปลกยิ่งแต่ถือว่าความหมายดี ร่ำรวย แต่ต่อไปคงต้องเปลี่ยนเป็น อภิมหึมามหาร่ำรวย 5555คิดแล้วก็เดินเข้าไปสำรวจในโรงเตี๊ยมที่มีเสี่ยวเออร์อายุไม่น่าจะเกิน14หนาวออกมาต้อนรับ"เชิญขอรับคุณหนู ท่านจะรับอะไรดีขอรับ" เสียงเสี่ยวเออร์เอ่ยอย่างนอบน้อม อืม การบริการถือว่าดี ใช้ได้"ข้าขอน้ำชาอย่างดีหนึ่งกา อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ทั้งหมดแล้วกัน"ก่อนอื่นต้องลองชิมอาหารก่อนละกันว่ารสชาติเป็นยังไง"ได้ข
เสียงร่ำไห้ที่ดังอยู่เป็นเวลากว่าครึ่งก้านธูป ทำให้ข้าต้องมานั่งซับน้ำตาให้เจ้าของเสียงร้องอยู่กว่าครึ่งก้านธูปเช่นกัน เอ่อ ท่านพ่อ เหตุใดน้ำตาท่านถึงมากมายเพียงนี้ ใช่แล้วเสียงร้องไห้คร่ำครวญที่ดังอยู่นี่คือท่านพ่อข้าเองก็หลังจากที่ข้ากับชิงชิงทองหล่นทับก็รีบนำหีบทองนั่นมาที่ห้องหนังสือที่ท่านพ่อข้ากับพ่อบ้านหวังหารือกันเรื่องค่าใช้จ่ายในจวนอย่างเคร่งเครียดกันอยู่ พอบอกว่าเป็นของท่านแม่ที่เก็บสะสมไว้เพื่อมอบให้แก่ข้าเป็นสินเจ้าสาวตามที่ท่านแม่เขียนไว้ในจดหมายในหีบก็เอาแต่ร้องไห้คิดถึงท่านแม่จนข้ากับชิงชิงต้องปลอบกันยกใหญ่ ส่วนพ่อบ้านหวังน่ะหรือเป็นลมไปตั้งแต่ข้าเปิดหีบทองแล้ว"ท่านพ่อเจ้าคะ สงบใจเสียเถอะนะเจ้าคะ หากท่านแม่รู้ว่าท่านเสียน้ำตามากถึงเพียงนี้วิญญาณท่านแม่จะไม่สงบเอานะเจ้าคะ" กล่าวจบข้าก็ได้ยินเสียงสูดน้ำมูกสูดใหญ่มือเรียวขาวจึงส่งผ้าเช็ดหน้าในมือไปให้แก่บิดาอย่างรู้งาน"ลำบากเจ้าแล้วลูกรัก"ตามด้วยเสียงสั่งน้ำมูกจนพ่อบ้านหวังถึงกับสะดุ้งตื่น"เอ่อ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูก้อนทองนี่ดีหรือไม่เจ้าคะ ว่าท่านแม่เก็บไว้เท่าไหร่ เราจะได้คิดกันว่าจะเอาอย่างไรต่อไป""แต่แม่เจ้าเก็บไว้
ชิงชิงนั่งมองคุณหนูของนางนอนกลิ้งไปกลิ้งมา ขีดๆ เขียนๆ อยู่บนเตียงนอนมาหลายชั่วยามแล้วตั้งแต่กลับมาจากทานอาหารกับนายท่านก็ให้นางไปนำกระดาษกับถ่านไม้มาให้แล้วก็ไม่ยอมลุกจากเตียงอีกเลย ท่านอนของคุณหนูก็ช่างงงเอ่อ ข้าไม่อยากจะพูด"คุณหนูเจ้าคะ ลุกขึ้นมานั่งเขียนที่โต๊ะดีๆ ดีหรือไม่เจ้าคะ นอนเยี่ยงนั้นมันไม่งามนะเจ้าค่ะ" ชิงชิงพูดเช่นนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วข้าคร้านจะนับ"ไม่งามก็ไม่เป็นไรหรอกชิงชิง ตอนนี้มีแค่เจ้ากับข้าจะกลัวไม่งามไปไย"ข้าพูดโดยไม่เงยหน้ามองชิงชิงน้อยว่าหน้านางนั้นงอง้ำเพียงใด หัวข้ากำลังลื่นไหลคิดหาเมนูอาหารรสเลิศสำหรับโรงเตี๊ยมของข้า วางแผนการจัดการงานต่างๆ และปรับปรุงยังไงให้โรงเตี๊ยมนี้เลิศที่สุดจนโรงเตี๊ยมอื่นเตรียมปิดกิจการไปได้เลย5555แต่การจะทำอะไรให้สำเร็จปัจจัยหลักๆ ก็ต้องมีเงินนี่น่ะสิปัญหาใหญ่คิดแล้วก็กลุ้ม ต้องใช้เงินก้อนใหญ่เลยนะนี่เอ่อออ ท่านพ่อคงไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ทำไงดีหว่าคิดไปก็กลิ้งไปจนถ่านไม้ในมือตกลงกลิ้งหายไปใต้เตียง"เห็นไหมเจ้าคะ บ่าวบอกแล้วว่าให้นั่งเขียนดีๆ" ชิงชิงบ่นพลางจะคลานเข้าไปเก็บให้แต่เสียงท้องของคุณหนูดังประท้วงจนต้องหยุดชะงัก
เผลอแป๊บเดียวข้าก็มาอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วความเป็นอยู่ ณ ตอนนี้ถือว่าไม่แย่นัก ร่างกายที่ก่อนหน้าไม่มีแรงแม้แต่จะลุกนั่งถูกบำรุงอย่างดีจนตอนนี้สามารถเดินไปไหนมาไหนได้สะดวก ร่างบอบบางนั่งเหม่อมองดูดอกบัวในสระที่กำลังเบ่งบานสะพรั่งจวนแห่งนี้ถึงแม้จะไม่ได้รุ่งเรืองดังเก่าแต่ทุกอย่างยังคงสวยงามเพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากพ่อบ้านหวังและชิงชิง ตอนนี้ข้ารู้ว่าภายในจวนกำลังกระเบียดกระเสียดเต็มทีเพราะมีแค่รายจ่ายไม่มีรายรับเลย เงินทองที่ใช้จ่ายอยู่ในขณะนี้ก็มาจากท่านพ่อนำของมีค่าในจวนไปขายจนไม่มีจะขายอีกแล้ว โรงเตี๊ยมสมบัติที่เหลืออยู่ชิ้นสุดท้ายที่จะขายของสกุลจางหากไม่ถูกกดราคาจนไม่อาจตัดใจที่จะขายได้หาไม่แล้วคงจะไม่เหลืออยู่จนถึงตอนนี้ คงถึงเวลาที่ข้าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อความอยู่รอดของตนเองและทุกคน คิดได้ดังนั้นสมองน้อยๆ จึงต้องทำงานอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้มาฟื้นคืนตระกูลจางให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่นั่งคิดนอนคิดเปลี่ยนไปหลายท่าก็ยังคิดไม่ออกจนรู้สึกหิว เอ้อออ หาอะไรกินก่อนแล้วกัน กองทัพต้องเดินด้วยท้องนี่นาชิงชิงที่เดินมาตามคุณหนูของนางให้ไปทานข้าวเห็น