ณัชชาเดินตามมายังสวนไร่มันสัมปะหลังที่คนภาคอีสานจะชอบปลูกเพื่อผลกำไร หากที่ดินผืนไหนว่างเปล่าจากการปลูกข้าว หรือดินอาจไม่ดีพอทำให้ข้าวงาม คนส่วนใหญ่ก็เลือกปลูกมันสัมปะหลังและอ้อยเพื่อสร้างรายได้เสริมจากการปลูกข้าว “ให้น้ำทำอะไรคะ?” หญิงสาวถามเมื่อเห็นชายหนุ่มยืนมองแต่ไร่ที่อยู่ตรงหน้า “เห็นไหมว่าแม่ทำอะไร?” เขาชี้ไปที่มารดาและยายที่นั่งเหมือนถอนหญ้าอยู่ภายในไร่มัน “เห็นค่ะ แต่น้ำไม่เข้าใจว่าทำไม่ไม่ใช่ยาไปเลย?” ณัชชาหันไปถามมืออีกข้างที่ว่างก็เอาขึ้นมาบังแดด “ไม่ได้หรอก มันอายุแค่หนึ่งเดือน ถ้าฉีดยาไปตอนนี้จะทำให้รากตายได้ เพราะฉะนั้นช่วงนี้ถ้ามีหญ้าเกิดขึ้นเป็นย่อมๆก็ต้องมาช่วยกันถอนแบบนี้แหละ” เขาเดินนำหน้าก่อนจะเลือกที่เหมาะๆนั่งลงจัดการกับหญ้า “แบบนี้ก็น่าจะหาคนมาช่วยเยอะๆนี่นาจะได้เสร็จเร็วๆ” หญิงสาวเดินตามเข้าไปในไร่อย่างทุลักทุเล “ต้องให้สอนไหม?” กวินหันมาถามหมวกฟางที่ใส่อยู่ตอนนี้ปิดหน้าเขาไปครึ่งนึงเห็นแต่ช่วงล่างของใบหน้าที่โดดเด่นออกมา “ไม่ต้องค่ะ น้ำทำได้” ณัชชาคนรั้นเมื่อนั่งลงได้ที่มือเล็กที
“วิน แม่บอกให้เลิกตามสักที พอได้ไหมลูก!?” เสียงดังจากแม่ทำให้กวินนิ่งเงียบ เมื่อเวลาเขาถามอะไรเกี่ยวกับพ่อไปแม่ของเขามักจะเบี่ยงบ่ายหรือมีอารมณ์โกรธเกรี้ยวแทนจะอธิบายความจริง “แม่บอกผมได้ไหม นี่ผมจะสามสิบแล้วพ่อที่แท้จริงเป็นใครผมไม่มีสิทธิรู้เลยงั้นเหรอครับ” สายตาคมที่ดูดุดันตอนนี้ดูเหมือนคลอน้ำตา ความฝันที่อยากมีพ่อเหมือนคนอื่น ไม่เคยที่จะได้รับรู้ว่าพ่อที่แท้จริงนั้นเป็นใคร “วิน ที่แม่เลี้ยงดูแกมา ให้ความรักความอบอุ่นแกไม่มีขาดเหลืออะไรเลย แกยังจะคิดถึงคนที่แกไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าเลยงั้นเหรอ?” สองแม่ลูกมองตากัน สายตาของแม่อ่อนยวบลงทันตาเมื่อเห็นน้ำตาของลูกชาย “ถ้าแม่บอกว่าพ่อตายแล้ว ผมจะยอมที่จะไม่ตามหา ผมแค่อยากรู้ว่าหน้าตาพ่อผมเป็นแบบไหน แค่อยากรู้ว่าผมเป็นลูกไม่มีพ่อเหมือนที่ใครๆเขาหาว่าแม่รึเปล่า!” คำพูดของกวินทำให้กนกสะอึก จริงๆตั้งแต่ที่เธอไปทำงานยังต่างเมือง แต่พอทำได้แค่สองปีกลับท้องโตขึ้นมา เมื่อหาที่พักพิงไม่ได้ก็เดินทางกลับมายังบ้านที่มีแม่คอยรอซ้ำเติมอยู่ เรื่องตอนนั้นใครๆก็ต่างคิดว่าเธอไปขายตัว พอลูกคลอดออกมาหน้าตาน่ารักเหมือนเ
“เดี่ยว นี่เธอจะไปไหน?” “ไปกับพี่ไงคะ” ณัชชาเอียงหน้าหันมามองพลขับที่หันมองมองเธอเช่นกัน “ไปกับฉันนี่นะ?” กวินมองด้วยสายตาสงสัย “ค่ะ น้ำไปไม่ได้เหรอคะ?” หญิงสาวดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ที่ตัวเองพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา “ฉันไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหน วันนี้สัญญาว่าจะกลับปกติ” มือหนาจับพวงมาลัยแต่ยังไม่ยอมเคลื่อนรถไปทางไหน “น้ำอยากไปดูเวลาพี่ทำงานค่ะ” “มันร้อน ไปทำไม วันนี้ฉันต้องไปดูงานก่อสร้าง เธอยู่บ้านนี่แหละถ้าเสร็จไวเดี่ยวจะรีบกลับ” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆเขาพยายามอธิบายอย่างใจเย็นแต่หญิงสาวข้างๆกลับไม่รับฟังอะไรเลย “น้ำเตรียมร่มกับทาครีมกันแดดมาด้วยแล้วค่ะ นะคะพี่วิน ให้น้ำไปด้วยนะ อยู่แต่บ้านน้ำเหงาๆ” “งั้นต้องทำตัวดีๆห้ามไปก่อความวุ่นวายที่ไหน แคมป์ก่อสร้างคนงานไม่ใช่คนไทยโดยส่วนใหญ่หรอกนะ” สุดท้ายเขาก็ต้องแพ้ให้กับความออดอ้อนของเธอซะเอง กวินหมุนพวงมาลัยพร้อมกับเหยียบคันเร่งเดินทางไปยังสถานที่ที่เขาต้องคุมงานซึ่งอยู่ไกลจากบ้านมากโข ตลอดเส้นทางก็มีเสียงสงสัยถามเขาตามถนนหน
“ห้างนี้ใช่ไหมนะที่เราเคยมากินตอนงานเลี้ยงปีใหม่” ศศิกานถามกวินที่เดินอยู่ข้างๆ ตอนนี้ทั้งสามเดินเรียงหน้ากระดานกันโดยมีกวินอยู่ตรงกลาง “เอ่อ ผมไม่ได้มาครับ” กวินพูดขึ้นสร้างเสียงหัวเราะคิกคักอย่างพอใจกับคนข้างๆ “อะ อ้อ พี่ลืมไปวินดูแลยายที่ป่วยพอดีนี่นา งั้นเราไปกินร้านนั้นกันไหมล่ะ เดี่ยวพี่เลี้ยงเอง” มือเรียวชี้ไปที่ร้านชาบูแห่งนั้น “น้ำไม่อยากกินชาบูค่ะ” ร่างบางเดินมาแทรกกลางก่อนจะเกี่ยวแขนกำยำเขาเอาไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ “เอ๊ะ!” ศศิกานมองอย่างไม่ชอบใจก่อนจะเดินมาอีกทางหนึ่ง “เราไปกินซูชิกันดีกว่านะคะ” เธอดึงแขนคนตัวสูงให้เดินตาม “ไม่ค่ะ พี่ไม่กิน เราไปกินชาบูกันดีกว่า” อีกคนก็คว้าแขนอีกข้างของกวินดึงไปอีกทาง “เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะยืนนิ่งเป็นหุ่นไม่ไปทางไหนสักทาง “พี่วิน ไม่กินซูชิเหรอคะ?” แววตาดูที่ดูผิดหวังมองมาที่เขาจนหัวใจแกร่งกระตุกวูบไหวไปตามเธอ “นั่นสิ พี่ก็อยากกินชาบูเหมือนกัน” อีกทางก็ไม่ยอมจะกินให้ได้ กวินมองหน้าสองสาวสลับไปมา “ไปกินอาหารข้างทางเถอะคร
หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์กวินได้ไปเขียนลาออกจากที่ทำงานในตัวจังหวัดตั้งแต่เช้า เขากะว่าพอเขียนเสร็จแล้วจะตรงดิ่งกลับมายังบ้านในเวลาไม่เกินบ่ายสามโมงแต่พอจะกลับอีกที ก็โดนกินเวลาเนื่องจากเพื่อนๆและทุกคนในที่ทำงานยึดตัวเอาไว้เสียก่อน พอร่างสูงกลับมาถึงบ้านก็ตกใจที่รถเก๋งคนเล็กไม่จอดอยู่แถมที่บ้านก็มีแค่ยายออกมานั่งทอเสื่อลานหน้าบ้านเหมือนเดิมในทุกๆวัน “ยายครับ แม่กับน้ำชาไม่อยู่เหรอ?” กวินนั่งลงข้างๆยาย “ไม่ เห็นว่าพายัยหนูไปงานแต่งของลูกเพื่อน จะกลับก็คงเป็นพรุ่งนี้ตอนดึกๆ” “พรุ่งนี้ดึกๆ! ไปที่ไหนครับ?” ชายหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสายโทรหามารดาของตนที่ทำยังไงก็ไม่ยอมรับสาย “บ้านป้าสร้อย วินรู้จักอยู่ไม่ใช่เหรอลูก” คนเป็นยายนั่งมองดูท่าทางของหลานชายพักใหญ่เหมือนตอนนี้ดูกระวนกระวายชอบกล “ครับ งั้นยายรีบเข้าบ้านเลยนะ เผื่อผมกลับมาดึก” “เออน่า ไม่ต้องห่วงยายหรอก” พอคนเป็นยายให้ท้ายก็รีบกระโดดขึ้นรถกระบะคันใหญ่ขับไปยังอำเภอที่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ กวินทราบดีว่าสร้อยสนเป็นเพื่อนสนิทของแม่ตนตั้งแต่สมันม
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทำให้น่างบางที่ตั้งไวงัวเงียลุกขึ้นมาปิดมันก่อนจะมองเวลา ตีห้าครึ่ง ถึงเวลาที่เธอต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปบ้านงาน “หือออ เปิดไฟทำไม” คนตัวสูงรีบเอาผ้าห่มปิดตาเมื่อเจอแสงไฟจ้ารบกวนการหลับไหล “ขอโทษนะคะพี่วิน น้ำต้องรีบแต่งหน้าเดี่ยวไม่ทัน” ณัชชารีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำก่อนอีกครั้ง ครั้งนี้เธออาบไม่ถึงสิบนาทีก็วิ่งออกมาเปลี่ยนชุด ลอบมองคนที่เอาผ้าห่มปิดหน้านอนต่อ กลัวว่าเขาจะเปิดผ้าที่คุมโปงมาเห็นสภาพที่ล่อแหลมของเธอเอาตอนนี้ หลังจากที่สวมชุดไทยที่วาววาเลือกมาให้ร่างบางก็รีบเคลื่อนตัวเองมหน้ากระจกก่อนจะลากกระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องสำอางออกมาวางเรียงหน้ากระจก ณัชชาพิจารณาสีชุดก่อนจะลงมือแต่งหน้าด้วยความถนัดตั้งแต่สมัยมหาลัย พร้อมกับลอบมองคนที่ไม่ยอมเปิดหน้าออกมาเป็นระยะ กลัวว่าเขาจะตื่นเอา พอแต่งหน้าตนเองเสร็จเรียบร้อย เธอก็ได้จัดแต่งทรงผมดดยการใช้โรลม้วนผมมาจัดทำทรงอย่างชำนาญ มองนาฬิกาอีกทีก็หกโมงกว่าๆเข้าไปแล้ว พิธีตักบาตรเริ่มเจ็ดโมงครึ่ง ส่วนคนที่นอนอยู่ไม่มีท่าทีจะตื่นจะเธอต้องหันมาปลุกเขาก่อน
“พี่วินคะ จะนอนที่นี่อีกคืนจริงๆเหรอ?” ใบหน้าสวยหันมองเมื่อร่างสูงดื่มเหล้ากับเพื่อนจนเมา “อืมมม ฉันไหวแล้ว ขอนอนก่อนเถอะ” แขนกำยำคว้าร่างเล็กๆของเอเข้ามากอด ตอนนี้ณัชชาเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกลับ แต่กวินหลังจากสารภาพรักไปก็กระดกเหล้าไม่ยั้งกับเพื่อนเจ้าบ่าว “พี่วินคะ ถ้าอย่างงั้นไปอาบน้ำสักหน่อยดีไหม จะได้สบยตัว” “อื้ม” เขาลุกขึ้นสะบัดหัวไปทีสองทีก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ ผ่านไปสิบนาทีแล้วห้องน้ำกลับเงียบสนิทจนณัชชาต้องวิ่งเข้าไปตรวจสอบดูสักหน่อย ก๊อกๆ“พี่วินคะ?” มือบางเคาะประตูเรียก ส่วนคนในห้องน้ำเงียบจนเธอเป็นกังวลว่าเขาจะเมาจนเซล้มหัวฟาดพื้นรึเปล่าก๊อกๆๆ!!!“พี่วิน! ได้ยินน้ำบ้างไหมคะ พี่วิน!” เสียงทุบประตูทำให้คนให้ห้องน้ำเปิดประตูเข้ามาอย่างแรงจนคนที่กำลังออกแรงเคาะอีกเซไปทุบอกกำยำที่นุ่งมาแค่ผ้าเช็ดตัวพอดิบพอดี“โอ๊ย มือหนักเป็นบ้า” เขากอดรวบเธอไว้ในอ้อมแขน“น้ำตกใจนี่คะ กลัวพี่วินสลบไป หรือเมาจนหัวกระแทกพื้นแล้วน็อกไปทำไง” เธอมองค้อนก่อนจะตีเขาไปอีกรอบเพราะเห็นท่าทีชอบใจนั่น“เป็นห่วงเหรอ?” จมูกโด่งกดลงไปที่
“เดี่ยวนะคะ เอาจริงเหรอคะพี่วิน?” ณัชชาเดินตามร่างสูงไปมา กวินเก็บข้าวของบางส่วนที่จำเป็นต้องใช้ลงในกระเป๋าเดินทาง“จริง ฉันจะไปทำงานที่กรุงเทพ รีบไปกับของซะ” เขาหันไปบอกเธอที่มัวแต่เดินตามไปมาอยู่“แล้วคุณแม่ คุณยายล่ะคะ?”“แม่ไปด้วยไม่กี่วันก็กลับ ส่วนยายจะให้ป้าภามาอยู่เป็นเพื่อน”“ป้าภา?” หญิงสาวเอียงใบหน้าอย่างสงสัย“อืม ลูกพี่ลูกน้องแม่ แกไม่มีครอบครัวหรอก”“อ้อ ค่ะ งั้นน้ำไปเก็บของนะคะ” ร่างบางรีบวิ่งลงไปด้านล่างด้วยความดีใจ หนึ่งเดือนพอดีที่เธอได้มาอยู่กับบรยากาศที่นี่พอจะจากไปกลับรู้สึกว่ามันวาบหวิวในใจอย่างไรไม่รู้“ใครมาน่ะ?” กนกตะโกนถามออกไปเมื่อเจอรถเบนซ์คันสีดำจอดอยู่หน้าบ้าน หรือจะเป็นญาติของหนูน้ำชาที่มารับตัวกลับบ้าน?กนกเดินออกไปอย่างสงสัย ก่อนที่จะมีชายชุดดำวิ่งออกมาเปิดประตูพร้อมกับร่างหญิงสาวที่คุ้นตาของเธอดีเหลือเกิน“มินตรา! เธอกล้ามายันบ้านฉันเลยเหรอ!?” กนกตวาดเสียงดังทำให้ทั้งกวินและณัชชาวิ่งออกมาดู“มีอะไรกันครับแม่?” ชายหนุ่มมองหญิงวัยกลางตรงหน้ามารดาท่าทีดูสุขุมสะอาดสะอ้าน พร้อมกับรถยนต์คนหรูหราที่จอดเทียบหน้าบ้านทำให้เขาเริ่มสงสัยว่าแม่รู้จักคนระดับนี้ได้ย
10 ปีผ่านไป ร่างบางสวมใส่เสื้อครอปสีดำพร้อมกับกางเกงขายาวสีดำยืนถือปืนด้วยท่าที่ทะมัดทะแมง มองเป้าที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะยิงไปทีเดียว ปัง! “สุดยอดเลยครับคุณหนู!!” ตะวันวิ่งเข้าไปตรวจสอบเป้าก่อนตะโกนบอกคุณหนูสุดสวยที่ตอนนี้โตเป็นสาวอายุครบยี่สิบเอ็ดพอดิบพอดี “เบื่อแล้วค่ะ เบื่อไหร่คุณแม่จะเตรียมของเสร็จ” ใบหน้าสวยใสบึ้งตึง เธอเลี่ยงออกมาซ้อมยิงปืนรอมารดาที่จัดเตรียมของเพื่อเดินทางไปหาน้องชายที่ซานมารีโน “เดี่ยวยี่หวาคงมาเรียกเองแหละครับ คุณหนูจะยิงอีกไหม?” ตะวันสอบถามร่างบางที่ยืนมองปืนอยู่ด้วยสายตาเบื่อหน่าย “ไม่เอาอะ ร่าเบื่อแล้ว&r
ร่างเล็กของโนร่าสวมชุดเดรสสีขาวดูน่ารัก ผมทั้งสองข้างโดนคุณแม่ถักเปียก่อนจะเกล้ามันขึ้นให้ดูน่ารักสดใสตามวัย ผิวที่ขาวออโร่เวลาสวมชุดสีขาวยิ่งดูโด่ดเด่นสวยเกินวัยที่ควรจะเป็น “เดี่ยวลุงจะมารับคุณหนูตอนสี่ทุ่ม ห้ามทำอะไรแผงๆที่บ้านคนอื่นเด็ดขาดเลยนะครับ!” ตะวันกำชับ เพราะเขารู้ดีว่าความซนความแสบของโนร่าได้มาจากใคร ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่านี่ไม่ใช่บ้านเรานะครับคุณหนู! “ทราบค่ะ ร่าไม่เล่นอะไร นอกจากกินเค้ก ดื่มน้ำอัดลม แล้วก็วิ่งเล่นไล่จับ” ใบหน้าถอดแบบบิดายิ้มแฉ่งให้กับลุงการ์ดคนสนิทของพ่อ “ถ้าอย่างงั้นลุงไปก่อนนะครับ มีอะไรโทรมาหา เดี่ยวลุงรีบมาด่วนๆ” ตะวันชี้ไปที่นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ของเด็กหญิง “ไม่ ต้อง ห่วง นะ คะ!&rd
2 สัปดาห์ต่อมา “อันนี้อย่าลืมเก็บไว้กอดยามคิดถึงพี่นะ” โนร่าฝากตุ๊กตาหมีสีชมพูไว้ในอ้อมแขนของน้องชาย ลูเซียโนมองพี่สาวที่ตนเองเธอกับเธอมาตลอดวันนี้พี่สาวคนนี้กลับหอบของมาให้เขาดูไว้ยามเหงาเยอะแยะ “พี่ร่า ฮึก” ดวงตาสีฟ้าเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ผู้เป็นพี่รีบสั่งน้องชายก่อนทันทีที่เห็นว่าเด็กชายกำลังอ่อนแอ “หยุด! ห้ามร้องพี่บอกว่ายังไง ถ้าแม่มาเห็นจะไม่สบายใจเอานะ” ตอนนี้ณัชชาวิ่งเรื่องการเดินทางให้บุตรชายไปมา ไม่ทันได้มายืนร่ำลา “หนูไม่อยากไป ฮึก อยากอยู่กับพี่ร่า กับพี่วิน กับแม่น้ำ” เด็กน้อยสะอื้นให้ในตอนที่มารดาไม่เห็น “โอ๋ๆ อย่าร้องไห้เลยนะ พี่ก็อยากให้ลูนอยู่ด้วย แต่
ท่ามกลางหาดทรายสีขาวมีเด็กหญิงและเด็กชายจูงกันเพื่อที่จะเดินกลับมายังบริเวณที่พ่อและแม่นั่งรออยู่ โนร่ากึ่งจูงกึ่งลากลูเซียโน่ที่มาเห็นทะเลครั้งแรกแล้วไม่ยอมขึ้นสักที ท่าทางเด็กชายตัวน้อยจะมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดกระน้ำทะเลในหมู่เกาะที่เป็นส่วนตัว “พี่ร่า หนูเดินเองได้” เด็กชายตัวป้อมดึงมือพี่สาวออกใครต่อใครถ้ามองมาคงคิดว่าเธอกำลังจูงน้องวิ่งไปหาพ่อแม่ด้วยความน่ารัก แต่แท้ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่! “เลิกมีข้อแม้ได้แล้วลูน พี่ขี้เกียจวิ่งตามจับแก อุตส่าห์มาทะเลทั้งที แต่ทำไมต้องได้วิ่งจับน้องอยู่คนเดียว ดูพ่อกับแม่สิ!” เด็กหญิงชี้ไปที่บิดาและมารดาให้น้องชายดู ทั้งคู่ป้อนอาหารกันไปมา จนหาดสีขาวจะเป็นสีชมพูอยู่แล้ว “เรากลับไปเล่นน้ำเถอะ” ตอนนี้ลูเซียโน่อายุจวบจนจะห้าขวบแล้วบอกคนเป็นพี่ ส่วนเธ
7 เดือนต่อมา “ไม่ปวดท้องหน่อยเหรอ?” กวินถามเมียสุดที่รักที่นั่งกินข้าวอย่างอร่อยในโรงพยาบาล ทั้งที่รอปากช่องคลอดเปิดเธอแต่เธอกับกินอาหารแบบชิวๆไม่เหมือนครั้งที่คลอดโนร่าเลย “อาหารมันอร่อยนี่คะ แถมลูกก็ไม่ทำให้น้ำปวดท้องหนักเลย เหมือนปวดท้องประจำเดือน เลยพอไหว” ใบหน้าสวยหันมองเขาที่นั่งเหงื่อตกแทน “ไม่ปวดจริงๆค่ะ นี่ใกล้จะคลอดแล้วหมอก็ยังไม่มาอีก” เธอมองดูนาฬิกาก่อนจะฉีกยิ้ม “เชื่อแล้วว่าไม่ปวด” เขาลูบท้องโตๆของเธอไปมาก่อนจะก้มลงหอมหน้าท้องใหญ่ๆที่ทำประจำทุกวัน “คุณณัชชาคะ คุณหมอให้เข้าห้องคลอดได้แล้วค่ะ” พยาบาลเดินเข้ามาบอกเมื่อถึงเวลา พร้อมกับเข็นรถมาให้เธอน
ร่างบางในชุดนอนวาบหวิบสีดำนั่งลงบนโต๊ะทำงานของสามีที่ไม่ยอมเข้าไปนอนในห้องเสียทีจนเธอเริ่มทนไม่ไหว ออกมายั่วเขายันในห้องทำงาน “ไม่เอาน่าน้ำชา พี่ทำงานอยู่” เขาขมวดคิ้วจับมือที่กำลังแตะบนแผงอกแกร่งไว้ก่อน “ใจคอพี่วินจะนอนในห้องทำงานทุกวันเลยหรือไงคะ?” ใบหน้าสวยเอียงมองสามี ตอนนี้เธออุตส่าห์สวมชุดที่คิดแล้วคิดอีกว่าจะซื้อดีไหมมายั่วตรงหน้าขนาดนี้ คุณสามีก็ไม่ยอมที่จะร่วมมือเอาเสียเลย “งานมันเยอะไง” ใบหน้าคมขบกรามแน่น ถ้าใจอ่อนตอนนี้มีหวังคนที่ตายคือเขาแน่ “ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนะคะ แถมที่อ่านก็งานเมื่อวานน้ำเห็นนะ” คิ้วสวยเลิกขึ้น ยกยิ้มมุปากทำเอาใจคนตัวสูงกระตุกวูบ เขาจะอดใจได้นานแค่ไหนถ้าเธอเอาแต่ส่งสายตาแบบนี้!
“กลับมาแล้วค่า” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของแม่ทำให้เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของพ่อ เอียงมามองว่าเสียงนี้ใช่แม่ตนเองหรือเปล่า “จ๊ะเอ๋ โนร่าน้อย คิดถึงแม่ไหมคะ?” ณัชชาฉีกยิ้มให้ลูกสาวที่หน้าถอดแบบบิดามาเปะๆ ยิ่งเวลาอุ้มกันแบบนี้ยิ่งเหมือนเธออยู่ทวีปยุโรป ไม่ใช่ประเทศไทย “มะ อื้อ!” เสียงที่เปล่งออกมาบ้าง อ้าแขนรับมารดาที่ตนคิดถึง “แหม๋ แม่มาลืมพ่อเลยนะ” กวินค่อยๆเปลี่ยนให้ณัชชาอุ้มเจ้าหญิงตัวน้อยของเขาแทน “ขอหอมหน่อยสิคะ” ใบหน้าสวยกดจมูกลงแก้มป่องๆที่น่าฟัดนั้นเบาๆ เด็กหญิงหัวเราะคิกคักเมื่อแม่หยอกเล่น “เหนื่อยไหมคะพี่วิน?” ณัชชาอุ้มเด็กน้อยโยกไปมาเบาๆก่อนจะหันถามถามคนตัวโต&n
1 เดือนต่อมา“กรี๊ดดดด!! น้ำไม่ไหวแล้วนะคะคุณแม่!” ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวอีกทั้งเหงื่อประปรายเต็มไปทั้งตัวจนชุดผู้ป่วยเปียกชื้น“อดทนหน่อยนะลูก แปปเดียวตาวินก็มาแล้ว โถ่ ทำไมโนร่าถึงได้ตัวใหญ่ขนาดนี้นะ” กนกบีบมือลูกสะใภ้แน่น ทั้งสงสารทั้งลนลานจู่ๆหมอก็บอกให้ผ่าคลอดกระทันหันเพราะขนาดหัวของหนูน้อยในครรภ์โตเกินกว่าที่จะคลอดธรรมชาติได้“ฮื้ออ มันอยากคลอดแล้วค่ะคุณแม่ น้ำอยากคลอดเองไม่ได้เหรอคะ” เธอสะบัดหน้าไปมาขยุ้มผ้าปูเผื่อระบายความเจ็บปวด“น้ำชา! ใจเย็นๆนะ” กวินปรี่เข้ามาหลังจากที่ไปเซ็นยืนยันการคลอดให้กับหมอ เขารีบจับมือเมียสุดที่รักแทนมารดาของตน“พะ พี่วิน” เสียงแหบแห้งเรียกหาก่อนจะลืมตามามองหน้าสามีหนุ่มที่แทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นเธอ
ปัง!!เสียงปืนทะลุผ่านแขนของวีรพลทำให้เขาทรุดลงพื้นอย่างแรง ณัชชาและเฮียตี๋หันมองภาพน่ากลัวอย่างตกใจ เลือดที่ไหลอาบแขนจนพื้นนองทำให้ท้องกระอักกระอ่วน"คิดว่าฉันจะปล่อยให้เมียมาคนเดียวรึไง!?" เสียงตวาดลั่นบ้านหลังใหญ่ แค่เสียเวลาไปคุยกับตำรวจไม่นาน เมียก็แอบหนีออกมาแล้ว ดูตอนนี้สิตกใจกับเสียงปืนแค่ไหน?"มึง! ไอ้สารเลว ปล่อยกุ้ให้แม่กูต้องตาย แม่กูติดหนี้มึงจนต้องตาย!! อ๊ากก!" วีรพลเหมือนคนเสียสติทั้งเจ็บแขนที่โดนยิงและนึกถึงคราวที่แม่ฆ่าตัวตาย เขาไม่มีวันที่จะลืมมันได้ ต่อให้ตายก็ไม่มีวัน!!"มึงต่างหากที่เริ่มก่อน หลอกล่อให้น้ำชาไปแต่งงานกับมึง ลุกไหวไหม?" เขาเก็บปืนไว้ที่ด้านหลัง ก่อนจะเดินมาถามเมียและพ่อตาที่ทรุดอยู่หน้าบ้าน"หวะ ไหวค่ะ" ณัชชาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา ไม่เดาก็รู้ว่าทำชายหนุ่มโกรธแค่ไหน"ดี ตะวัน!" เสียงทุ้มเรียกหาลูกน้องคนสนิท ช่างไม่มีเชาว์ปัญญาเลยสักนิด แค่ขับรถไปส่งณัชชาที่เขามันก็ทำไม่ได้พลั๊วะ!!มัดหนักๆอัดลงที่แก้มของตะวันเป็นการอบรมลูกน้องต่อหน้าเมียที่คอยเอาแต่ดื้อรั้น เขาช