เสียงออดที่ดังขึ้นจากหน้าประตูทำให้มารีญาเดินออกไปเปิด เพราะคิดว่าคนของวิชญ์เอามื้อเที่ยงมาส่งอย่างที่เคยทำในทุกๆ วัน แต่ทว่าเมื่อเปิดประตูออกกลับเจอวิชญ์ก็ต้องตกใจ ซึ่งชายหนุ่มถือกล่องอาหารเต็มไม้เต็มมืออีกต่างหาก“คุณวิชญ์”“ตกใจอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามแล้วเดินถือมื้อเที่ยงเข้ามาภายในเพนต์เฮาส์ ปกติภูมิจะเป็นคนถือมาส่ง แต่วันนี้เขากลับทำเอง“ไม่คิดว่าจะเป็นคุณ” วิชญ์ไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มวางมื้อเที่ยงลงบนโต๊ะตรงโซนรับประทานอาหาร จัดการหยิบกล่องอาหารออกมาว่างอย่างคล่องแคล้ว เมื่อตะเกียบในมือพร้อมก็เอ่ยเรียกให้มารีญามานั่ง“ไม่หิวหรือไง”“คุณวิชญ์ลืมของหรือคะ” มารีญาเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะไม่คิดว่าเที่ยงวันนี้วิชญ์จะกลับมากินข้าวด้วย“เปล่า”“แล้วทำไมถึง...”“จะถามอีกนานไหม ถ้านานฉันจะได้กินให้หมด” วิชญ์เอ่ยแทรกขึ้นก่อนจะยื่นตะเกียบมาให้มารีญา ซึ่งเธอก็เดินเข้ามารับมันไว
ครั้งนี้เป็นคำขอบคุณที่เธอส่งยิ้มให้ชายหนุ่มด้วย แม้จะเป็นยิ้มบางๆ ตรงมุมปาก แต่ทว่ามันกลับทำให้คนรับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกมารีญาอยู่ในห้องน้ำเพื่อจัดการธุระด่วนของตัวเอง แต่พอกลับออกมาก็ไม่เห็นวิชญ์ เนื่องจากชายหนุ่มกลับไปทำงานแล้วนั่นเองคืนนั้นเธอจึงถ่างตาอยู่รอรับเขา แม้วิชญ์จะกลับดึกและเธอก็ง่วงมากแค่ไหนก็ตาม กระทั่งเขามาถึงก็ส่งยิ้มให้ ทำเอาวิชญ์งงว่าเธอจะมาไม้ไหน“กลับมาแล้วหรือคะ” เอ่ยบอกเสร็จมารีญาก็เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มสากๆ ของชายหนุ่ม ทำตามที่เขาสั่งไว้อย่างไม่อิดออด“อืม”“อาบน้ำเลยไหมคะ เดี๋ยวฉันเตรียมน้ำให้”“เอาสิ ส่วนเธอเตรียมน้ำเสร็จก็ไปพักเถอะ ที่เหลือฉันจัดการเอง”“ค่ะ” มารีญาพยักหน้ารับแล้วปลีกตัวไปเตรียมน้ำอุ่นให้วิชญ์ โดยไม่ลืมที่จะแขวนผ้าขนหนูผืนใหม่ตรงราวให้ชายหนุ่มด้วย จากนั้นก็กลับห้องนอนตัวเองไป ซึ่งทันทีที่หัวถึงหมอนมารีญาก็หลับทันทีส่วนวิชญ์ก็รีบจัดการธุร
สองเดือน!เวลาช่างผ่านไปเร็ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความโกรธแค้นในใจของวิชญ์ที่มีต่อแก้วกาญและพศินจะหายไป มันแค่จางลงนิดหน่อยเท่านั้นเอง เขาทำเป็นหูหนวกตาบอด ยังปล่อยทั้งสองคนให้เสพสุขมาจนถึงวันนี้ ไม่ราวีลามไปถึงลูกเมียของพศินก็ถือว่าบุญหัวคนทรยศเท่าไหร่แล้ว เพราะมั่นใจว่าลูกกับเมียของพศินไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าเขาคิดผิดเดี๋ยวกรรมก็คงทำหน้าที่ของมันเองวิชญ์ยอมรับว่ามารีญามีส่วนช่วยทำให้ความโกรธแค้นในใจเขาจางลง แต่มันก็ปะทุขึ้นมาใหม่ในบางครั้งที่เห็นเธอนั่งซึมไม่สดใส ผิดจากอีกคนที่ยังคงใช้ชีวิตสุขสบายไม่ได้ทุกข์ร้อน“แต่งตัวสิ”“จะไปไหนหรือคะ” มารีญาเอ่ยถามขึ้น“จะออกไปกินข้าวข้างนอก เบื่อบ้านเต็มทนแล้ว” เขานะไม่เบื่อแต่ที่ตอบคือตอบแทนมารีญามากกว่า“ฉันไม่ไปได้ไหม”“ไม่ได้” น้ำเสียงห้วนๆ ของวิชญ์แย้งขึ้น ทำให้ มารีญาต้องรับคำอย่างช่วยไม่ได้“ค่ะ” เอ่ยรับเสร็จเธอก็กลับ
“คนอะไรเผด็จการชะมัด” ภูมิทำเพียงแค่ยืนฟังสิ่งที่มารีญาพึมพำออกมาโดยไม่ได้เอ่ยตอบอะไร จากนั้นชายหนุ่มก็กลับออกไปจากเพนต์เฮาส์ของวิชญ์ เพื่อให้ มารีญาแต่งตัวอย่างสะดวก โดยจะกลับมารับเธอที่หน้าเพนต์เฮาส์อีกครั้งเมื่อครบสามชั่วโมงซึ่งเมื่อภูมิกลับออกไปแล้ว มารีญาก็ถูกรุมจากบรรดาช่างแต่งหน้าทำผม ส่วนอีกคนก็เลือกชุดรวมไปถึงรองเท้าและเครื่องประดับให้เธออย่างขมักเขม้น เพราะงานนี้ค่าจ้างสูงทีเดียว ถ้าอยากได้งานทำนองนี้บ่อยๆ ก็ต้องทำให้ผู้ว่าจ้างพึงพอใจอย่างที่สุดมารีญานั่งหลังตรงราวกับเป็นหุ่น เพราะตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้คือนั่งนิ่งๆ แล้วทำตามคำสั่งที่นานๆ จะได้ยินเท่านั้น แม้จะรู้สึกเมื่อยแต่กลับพูดออกไปไม่ได้ นั่งทนกระทั่งมีจังหวะลุกไปเปลี่ยนชุด ซึ่งเธอก็ยืนแปลกใจให้ตัวเองอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ แพขนตางอนที่ถูกดัดและเติมขนตาปลอมนิดหน่อยเพื่อให้เป็นธรรมชาติกะพริบขึ้นลงปริบๆ“นี่เราเหรอ” มารีญาชี้นิ้วมาที่ตัวเอง นั่นเพราะตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยแต่งหน้าทำผมแบบจัดเต็มขนาดนี้มาก่อน จึงแปลกตากับตัวเองมาก รอยคล้ำแดงใต
“อย่าทำให้ฉันขายหน้า ไม่งั้นคืนนี้ฉันจะลงโทษเธอ...มารีญา” คำขู่ของวิชญ์ทำให้ใบหน้าสวยของมารีญาเห่อร้อนขึ้นมา เพราะจู่ๆ สมองก็จินตนาการไปถึงการลงโทษที่แสนเร่าร้อนจากวิชญ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้เขาจะบอกว่าลงโทษแต่เป็นการลงโทษที่บางครั้งเธอก็เผลอตัวโอนอ่อนยอมเขาไปเสียทุกอย่างการปรากฎตัวของนักธุรกิจหนุ่มหล่อมาแรงอย่างวิชญ์เป็นที่สนใจของบรรดาสื่อ เพราะต่างเข้ามารุมล้อมเพื่อถ่ายรูป ยิ่งชายหนุ่มควงคู่มากับหญิงสาวหน้าตาสวยด้วยแล้ว สื่อต่างๆ ก็ยิ่งอยากรู้จักเป็นพิเศษว่าเธอเป็นใคร ทำไมวิชญ์ถึงควงออกงานสังคมเช่นนี้แม้ก่อนหน้าจะมีภาพหลุดของวิชญ์กับผู้หญิงบ่อยๆ แต่เขาก็แทบจะไม่เคยเอ่ยถึง ใครถามก็บอกเป็นเรื่องส่วนตัว ยิ่งพามาเปิดตัวด้วยแล้วก็แทบไม่มี นอกจากบรรดาสื่อที่ให้ความสนใจ บรรดาสาวสวยในสังคมไฮโซที่ปลื้มวิชญ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ให้ความสนใจเช่นเดียวกันคนเหล่านั้นต่างเพ่งมองมายังมารีญาด้วยความสนอกสนใจแกมจับผิด กระทั่งสบโอกาสที่เป้าหมายอยู่ตามลำพัง จึงมีคนหนึ่งเดินเข้าไปหาหมายทำความรู้จัก ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันแน่ รวมถึงจับผิดว่าเธอคู่ควรกับวิชญ์แ
วิชญ์แนะนำให้กลุ่มเพื่อนได้รู้จักกับมารีญา อันที่จริงเขาอยากเก็บเธอไว้บนเพนต์เฮาส์อย่างเดียว ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเธอด้วยซ้ำ แต่ในเมื่ออยากส่งข่าวไปถึงแก้วกาญให้เธอนั่งไม่ติดที่ ก็คงมีแค่วิธีนี้วิธีเดียวที่จะสร้างอิมแพคได้มากราวกับสึนามิข่าวการเปิดตัวว่าเขากำลังคบหาผู้หญิงคนใหม่คงไม่น่าสนใจหากผู้หญิงคนใหม่ที่ว่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่...มารีญาเมื่อแนะนำตัวมารีญาให้บรรดาเพื่อนๆ ได้รู้จักแล้ว วิชญ์ก็ถูกเลขาของท่านเจ้าสัวตามตัวให้ไปพบ ซึ่งชายหนุ่มก็จำต้องปลีกตัวไปโดยปล่อยมารีญาไว้กับกลุ่มเพื่อนแม้จะต้องอยู่ตามลำพังแต่มารีญาก็ยังเอาตัวรอดได้ดี เพราะบรรดาเพื่อนๆ ของวิชญ์ไม่ได้ถามอะไรที่ทำให้เธออึดอัดใจที่จะตอบ กลับกันเพราะพวกเขาเล่าวีระกรรมเปิ่นๆ ตั้งแต่สมัยเรียนของวิชญ์ให้เธอฟังอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเกิดการเผาในระยะใกล้เกิดขึ้นรอยยิ้มจริงใจของมารีญาที่มีอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา กลับทำให้ผู้คนรอบข้างต่างชื่นชอบในความเป็นมิตรที่เธอแสดงออก ผิดกับวิชญ์ที่เสร็จธุระจากท่านเจ้าสัวแล้วแต่ไม่ได้เข้าไปสมทบ เพราะกำลังยืนมองและคิดกับเธอในแง่ลบ
บรรยากาศตอนไปว่าเงียบแล้วตอนกลับเงียบยิ่งกว่า ขนาดเสียงหายใจยังแทบไม่ได้ยินด้วยซ้ำ วิชญ์ทำหน้าที่ขับรถในขณะที่มารีญาก็นั่งเงียบมาตลอดทางเช่นกัน ก่อนที่เธอจะหน้าตาตื่นเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็เลี้ยวเข้าปั๊มเมื่อจอดรถเสร็จวิชญ์ก็เปิดประตูแล้วก้าวลงไป มารีญามองตามจึงเห็นว่าชายหนุ่มเดินเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะหายไปสิบกว่านาทีแล้วกลับมาพร้อมของกินเต็มมือ และเมื่อกลับเข้ามานั่งในรถได้ก็ยื่นแซนวิชที่อบมาร้อนๆ ให้มารีญา“กินสิ”“ฉัน...”“ไม่ต้องโกหกว่าไม่หิว เพราะในงานฉันไม่เห็นเธอหยิบอะไรเข้าปากนอกเสียจากน้ำเปล่า” นั่นเพราะวิชญ์เองก็คอยสังเกตมารีญาอยู่เช่นกัน“ก็ไม่รู้จะกินอะไรนี่ค่ะ” มารีญาตอบอย่างซื่อๆ แม้อาหารในงานจะน่ากินมาก แต่เธอกลับเก้อเขินจนไม่กล้าแม้แต่จะถือจานไปตักใส่ เพราะประหม่ากับสายตาใครหลายคนจับจ้องอยู่“ไม่รู้ว่าจะกินอะไรหรือทำตัวไม่ถูกกันแน่”“ทั้งสองอย่าง ส่วนเรื่องที่เกิดวันนี้..
มารีญานอนหายใจสะท้าน ใบหน้าสวยแดงก่ำ ก่อนจะตกใจเมื่อถูกพลิกให้ขึ้นไปนอนทาบทับอยู่บนตัวของวิชญ์บ้าง ชายหนุ่มกดใบหน้าเธอลงมารับจูบหนักๆ พร้อมกันนั้นก็ลูบไล้สะโพกผายอย่างต่อเนื่อง“ลองกินฉันดูหน่อยสิ ว่ามันจะหวานไหม” เมื่อถอนจูบออก วิชญ์ก็กระซิบบอกแววตาพราวระยับ มารีญากัดริมฝีปากอวบอิ่มราวกับว่ากำลังลังเล แต่สุดท้ายเธอก็โน้มใบหน้าลงไปจูบชายหนุ่มก่อน จากนั้นก็ไล้จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าอกแกร่งของเขา“อืมม” วิชญ์ครางกระเส่าออกมา ก่อนจะสะดุ้งรับเมื่อมารีญากำลังใช้ปากนุ่มและร้อนคลอเคลียกับหน้าอกแล้วรับเอาเม็ดยอดเข้าไปดูดดุน ทำเช่นเดียวกับที่เขาทำให้เธอไปเมื่อครู่ชายอกสามศอกกำลังสะท้านหวั่นไหวกับสัมผัสที่ได้รับ ความไม่ประสาของมารีญาคือเสน่ห์ที่ทำให้วิชญ์ยิ่งคลั่งยามถูกเธอสัมผัสอย่างอยากรู้อยากเห็น สัมผัสอุ่นร้อนของมารีญาค่อยๆ ขยับลงต่ำไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิกแพคมารีญาชะงักไปเล็กน้อย เพราะสายตาของเธอมองเห็นบางอย่างที่เวลานี้มันกำลังผงาดท้าทาย เธอค่อยๆ ยื่นมือไปสั
มารีญานอนหายใจสะท้าน ใบหน้าสวยแดงก่ำ ก่อนจะตกใจเมื่อถูกพลิกให้ขึ้นไปนอนทาบทับอยู่บนตัวของวิชญ์บ้าง ชายหนุ่มกดใบหน้าเธอลงมารับจูบหนักๆ พร้อมกันนั้นก็ลูบไล้สะโพกผายอย่างต่อเนื่อง“ลองกินฉันดูหน่อยสิ ว่ามันจะหวานไหม” เมื่อถอนจูบออก วิชญ์ก็กระซิบบอกแววตาพราวระยับ มารีญากัดริมฝีปากอวบอิ่มราวกับว่ากำลังลังเล แต่สุดท้ายเธอก็โน้มใบหน้าลงไปจูบชายหนุ่มก่อน จากนั้นก็ไล้จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าอกแกร่งของเขา“อืมม” วิชญ์ครางกระเส่าออกมา ก่อนจะสะดุ้งรับเมื่อมารีญากำลังใช้ปากนุ่มและร้อนคลอเคลียกับหน้าอกแล้วรับเอาเม็ดยอดเข้าไปดูดดุน ทำเช่นเดียวกับที่เขาทำให้เธอไปเมื่อครู่ชายอกสามศอกกำลังสะท้านหวั่นไหวกับสัมผัสที่ได้รับ ความไม่ประสาของมารีญาคือเสน่ห์ที่ทำให้วิชญ์ยิ่งคลั่งยามถูกเธอสัมผัสอย่างอยากรู้อยากเห็น สัมผัสอุ่นร้อนของมารีญาค่อยๆ ขยับลงต่ำไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิกแพคมารีญาชะงักไปเล็กน้อย เพราะสายตาของเธอมองเห็นบางอย่างที่เวลานี้มันกำลังผงาดท้าทาย เธอค่อยๆ ยื่นมือไปสั
บรรยากาศตอนไปว่าเงียบแล้วตอนกลับเงียบยิ่งกว่า ขนาดเสียงหายใจยังแทบไม่ได้ยินด้วยซ้ำ วิชญ์ทำหน้าที่ขับรถในขณะที่มารีญาก็นั่งเงียบมาตลอดทางเช่นกัน ก่อนที่เธอจะหน้าตาตื่นเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็เลี้ยวเข้าปั๊มเมื่อจอดรถเสร็จวิชญ์ก็เปิดประตูแล้วก้าวลงไป มารีญามองตามจึงเห็นว่าชายหนุ่มเดินเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะหายไปสิบกว่านาทีแล้วกลับมาพร้อมของกินเต็มมือ และเมื่อกลับเข้ามานั่งในรถได้ก็ยื่นแซนวิชที่อบมาร้อนๆ ให้มารีญา“กินสิ”“ฉัน...”“ไม่ต้องโกหกว่าไม่หิว เพราะในงานฉันไม่เห็นเธอหยิบอะไรเข้าปากนอกเสียจากน้ำเปล่า” นั่นเพราะวิชญ์เองก็คอยสังเกตมารีญาอยู่เช่นกัน“ก็ไม่รู้จะกินอะไรนี่ค่ะ” มารีญาตอบอย่างซื่อๆ แม้อาหารในงานจะน่ากินมาก แต่เธอกลับเก้อเขินจนไม่กล้าแม้แต่จะถือจานไปตักใส่ เพราะประหม่ากับสายตาใครหลายคนจับจ้องอยู่“ไม่รู้ว่าจะกินอะไรหรือทำตัวไม่ถูกกันแน่”“ทั้งสองอย่าง ส่วนเรื่องที่เกิดวันนี้..
วิชญ์แนะนำให้กลุ่มเพื่อนได้รู้จักกับมารีญา อันที่จริงเขาอยากเก็บเธอไว้บนเพนต์เฮาส์อย่างเดียว ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเธอด้วยซ้ำ แต่ในเมื่ออยากส่งข่าวไปถึงแก้วกาญให้เธอนั่งไม่ติดที่ ก็คงมีแค่วิธีนี้วิธีเดียวที่จะสร้างอิมแพคได้มากราวกับสึนามิข่าวการเปิดตัวว่าเขากำลังคบหาผู้หญิงคนใหม่คงไม่น่าสนใจหากผู้หญิงคนใหม่ที่ว่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่...มารีญาเมื่อแนะนำตัวมารีญาให้บรรดาเพื่อนๆ ได้รู้จักแล้ว วิชญ์ก็ถูกเลขาของท่านเจ้าสัวตามตัวให้ไปพบ ซึ่งชายหนุ่มก็จำต้องปลีกตัวไปโดยปล่อยมารีญาไว้กับกลุ่มเพื่อนแม้จะต้องอยู่ตามลำพังแต่มารีญาก็ยังเอาตัวรอดได้ดี เพราะบรรดาเพื่อนๆ ของวิชญ์ไม่ได้ถามอะไรที่ทำให้เธออึดอัดใจที่จะตอบ กลับกันเพราะพวกเขาเล่าวีระกรรมเปิ่นๆ ตั้งแต่สมัยเรียนของวิชญ์ให้เธอฟังอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเกิดการเผาในระยะใกล้เกิดขึ้นรอยยิ้มจริงใจของมารีญาที่มีอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา กลับทำให้ผู้คนรอบข้างต่างชื่นชอบในความเป็นมิตรที่เธอแสดงออก ผิดกับวิชญ์ที่เสร็จธุระจากท่านเจ้าสัวแล้วแต่ไม่ได้เข้าไปสมทบ เพราะกำลังยืนมองและคิดกับเธอในแง่ลบ
“อย่าทำให้ฉันขายหน้า ไม่งั้นคืนนี้ฉันจะลงโทษเธอ...มารีญา” คำขู่ของวิชญ์ทำให้ใบหน้าสวยของมารีญาเห่อร้อนขึ้นมา เพราะจู่ๆ สมองก็จินตนาการไปถึงการลงโทษที่แสนเร่าร้อนจากวิชญ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้เขาจะบอกว่าลงโทษแต่เป็นการลงโทษที่บางครั้งเธอก็เผลอตัวโอนอ่อนยอมเขาไปเสียทุกอย่างการปรากฎตัวของนักธุรกิจหนุ่มหล่อมาแรงอย่างวิชญ์เป็นที่สนใจของบรรดาสื่อ เพราะต่างเข้ามารุมล้อมเพื่อถ่ายรูป ยิ่งชายหนุ่มควงคู่มากับหญิงสาวหน้าตาสวยด้วยแล้ว สื่อต่างๆ ก็ยิ่งอยากรู้จักเป็นพิเศษว่าเธอเป็นใคร ทำไมวิชญ์ถึงควงออกงานสังคมเช่นนี้แม้ก่อนหน้าจะมีภาพหลุดของวิชญ์กับผู้หญิงบ่อยๆ แต่เขาก็แทบจะไม่เคยเอ่ยถึง ใครถามก็บอกเป็นเรื่องส่วนตัว ยิ่งพามาเปิดตัวด้วยแล้วก็แทบไม่มี นอกจากบรรดาสื่อที่ให้ความสนใจ บรรดาสาวสวยในสังคมไฮโซที่ปลื้มวิชญ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ให้ความสนใจเช่นเดียวกันคนเหล่านั้นต่างเพ่งมองมายังมารีญาด้วยความสนอกสนใจแกมจับผิด กระทั่งสบโอกาสที่เป้าหมายอยู่ตามลำพัง จึงมีคนหนึ่งเดินเข้าไปหาหมายทำความรู้จัก ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันแน่ รวมถึงจับผิดว่าเธอคู่ควรกับวิชญ์แ
“คนอะไรเผด็จการชะมัด” ภูมิทำเพียงแค่ยืนฟังสิ่งที่มารีญาพึมพำออกมาโดยไม่ได้เอ่ยตอบอะไร จากนั้นชายหนุ่มก็กลับออกไปจากเพนต์เฮาส์ของวิชญ์ เพื่อให้ มารีญาแต่งตัวอย่างสะดวก โดยจะกลับมารับเธอที่หน้าเพนต์เฮาส์อีกครั้งเมื่อครบสามชั่วโมงซึ่งเมื่อภูมิกลับออกไปแล้ว มารีญาก็ถูกรุมจากบรรดาช่างแต่งหน้าทำผม ส่วนอีกคนก็เลือกชุดรวมไปถึงรองเท้าและเครื่องประดับให้เธออย่างขมักเขม้น เพราะงานนี้ค่าจ้างสูงทีเดียว ถ้าอยากได้งานทำนองนี้บ่อยๆ ก็ต้องทำให้ผู้ว่าจ้างพึงพอใจอย่างที่สุดมารีญานั่งหลังตรงราวกับเป็นหุ่น เพราะตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้คือนั่งนิ่งๆ แล้วทำตามคำสั่งที่นานๆ จะได้ยินเท่านั้น แม้จะรู้สึกเมื่อยแต่กลับพูดออกไปไม่ได้ นั่งทนกระทั่งมีจังหวะลุกไปเปลี่ยนชุด ซึ่งเธอก็ยืนแปลกใจให้ตัวเองอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ แพขนตางอนที่ถูกดัดและเติมขนตาปลอมนิดหน่อยเพื่อให้เป็นธรรมชาติกะพริบขึ้นลงปริบๆ“นี่เราเหรอ” มารีญาชี้นิ้วมาที่ตัวเอง นั่นเพราะตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยแต่งหน้าทำผมแบบจัดเต็มขนาดนี้มาก่อน จึงแปลกตากับตัวเองมาก รอยคล้ำแดงใต
สองเดือน!เวลาช่างผ่านไปเร็ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความโกรธแค้นในใจของวิชญ์ที่มีต่อแก้วกาญและพศินจะหายไป มันแค่จางลงนิดหน่อยเท่านั้นเอง เขาทำเป็นหูหนวกตาบอด ยังปล่อยทั้งสองคนให้เสพสุขมาจนถึงวันนี้ ไม่ราวีลามไปถึงลูกเมียของพศินก็ถือว่าบุญหัวคนทรยศเท่าไหร่แล้ว เพราะมั่นใจว่าลูกกับเมียของพศินไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าเขาคิดผิดเดี๋ยวกรรมก็คงทำหน้าที่ของมันเองวิชญ์ยอมรับว่ามารีญามีส่วนช่วยทำให้ความโกรธแค้นในใจเขาจางลง แต่มันก็ปะทุขึ้นมาใหม่ในบางครั้งที่เห็นเธอนั่งซึมไม่สดใส ผิดจากอีกคนที่ยังคงใช้ชีวิตสุขสบายไม่ได้ทุกข์ร้อน“แต่งตัวสิ”“จะไปไหนหรือคะ” มารีญาเอ่ยถามขึ้น“จะออกไปกินข้าวข้างนอก เบื่อบ้านเต็มทนแล้ว” เขานะไม่เบื่อแต่ที่ตอบคือตอบแทนมารีญามากกว่า“ฉันไม่ไปได้ไหม”“ไม่ได้” น้ำเสียงห้วนๆ ของวิชญ์แย้งขึ้น ทำให้ มารีญาต้องรับคำอย่างช่วยไม่ได้“ค่ะ” เอ่ยรับเสร็จเธอก็กลับ
ครั้งนี้เป็นคำขอบคุณที่เธอส่งยิ้มให้ชายหนุ่มด้วย แม้จะเป็นยิ้มบางๆ ตรงมุมปาก แต่ทว่ามันกลับทำให้คนรับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกมารีญาอยู่ในห้องน้ำเพื่อจัดการธุระด่วนของตัวเอง แต่พอกลับออกมาก็ไม่เห็นวิชญ์ เนื่องจากชายหนุ่มกลับไปทำงานแล้วนั่นเองคืนนั้นเธอจึงถ่างตาอยู่รอรับเขา แม้วิชญ์จะกลับดึกและเธอก็ง่วงมากแค่ไหนก็ตาม กระทั่งเขามาถึงก็ส่งยิ้มให้ ทำเอาวิชญ์งงว่าเธอจะมาไม้ไหน“กลับมาแล้วหรือคะ” เอ่ยบอกเสร็จมารีญาก็เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มสากๆ ของชายหนุ่ม ทำตามที่เขาสั่งไว้อย่างไม่อิดออด“อืม”“อาบน้ำเลยไหมคะ เดี๋ยวฉันเตรียมน้ำให้”“เอาสิ ส่วนเธอเตรียมน้ำเสร็จก็ไปพักเถอะ ที่เหลือฉันจัดการเอง”“ค่ะ” มารีญาพยักหน้ารับแล้วปลีกตัวไปเตรียมน้ำอุ่นให้วิชญ์ โดยไม่ลืมที่จะแขวนผ้าขนหนูผืนใหม่ตรงราวให้ชายหนุ่มด้วย จากนั้นก็กลับห้องนอนตัวเองไป ซึ่งทันทีที่หัวถึงหมอนมารีญาก็หลับทันทีส่วนวิชญ์ก็รีบจัดการธุร
เสียงออดที่ดังขึ้นจากหน้าประตูทำให้มารีญาเดินออกไปเปิด เพราะคิดว่าคนของวิชญ์เอามื้อเที่ยงมาส่งอย่างที่เคยทำในทุกๆ วัน แต่ทว่าเมื่อเปิดประตูออกกลับเจอวิชญ์ก็ต้องตกใจ ซึ่งชายหนุ่มถือกล่องอาหารเต็มไม้เต็มมืออีกต่างหาก“คุณวิชญ์”“ตกใจอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามแล้วเดินถือมื้อเที่ยงเข้ามาภายในเพนต์เฮาส์ ปกติภูมิจะเป็นคนถือมาส่ง แต่วันนี้เขากลับทำเอง“ไม่คิดว่าจะเป็นคุณ” วิชญ์ไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มวางมื้อเที่ยงลงบนโต๊ะตรงโซนรับประทานอาหาร จัดการหยิบกล่องอาหารออกมาว่างอย่างคล่องแคล้ว เมื่อตะเกียบในมือพร้อมก็เอ่ยเรียกให้มารีญามานั่ง“ไม่หิวหรือไง”“คุณวิชญ์ลืมของหรือคะ” มารีญาเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะไม่คิดว่าเที่ยงวันนี้วิชญ์จะกลับมากินข้าวด้วย“เปล่า”“แล้วทำไมถึง...”“จะถามอีกนานไหม ถ้านานฉันจะได้กินให้หมด” วิชญ์เอ่ยแทรกขึ้นก่อนจะยื่นตะเกียบมาให้มารีญา ซึ่งเธอก็เดินเข้ามารับมันไว
แม้จะต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ แต่ก็เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน เนื่องจากกมลได้รับคำสั่งใหม่จึงจับตามองพศินและแก้วกาญไกลขึ้น ขอแค่รู้ที่อยู่ที่แน่ชัดเพื่อรายงานกลับไปให้วิชญ์ก็พอในขณะที่พศินก็เริ่มลดความระแวงลง หรือเขาจะตาฝาดมองคนผิด เพราะหากเป็นคนของอดีตเจ้านายจริงๆ ป่านนี้คงลงมือจับเขากับแก้วกาญกลับไปแล้ว แต่นี่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“หรือเราจะตาฝาดไปเอง” พศินพึมพำออกมา ก่อนจะเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง จากที่ต้องอยู่ในห้องเช่าแคบๆ ก็เริ่มย้ายไปอยู่บ้านเช่าเป็นหลังๆ“จริงเหรอที่บอกว่าคนของคุณวิชญ์ไม่อยู่แถวนี้แล้ว”“ใช่...ตอนนั้นผมอาจแค่ตาฝาดเลยมองคนผิดไป เอาเป็นว่าตอนนี้เรากลับมาใช้ชีวิตที่อยากทำกันเถอะ”“อื้อ” แก้วกาญเอ่ยรับอย่างมีความสุข เพราะเธอเบื่อห้องเช่าแคบๆ สกปรกๆ นั่นเต็มทนแล้วเช่นกัน ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตด้วยความประมาท หรูหราฟู่ฟ่าเท่าที่เวียงจันทน์จะอำนวยความสะดวกให้โดยทุกๆ อย่างยังคงตกอยู่ในสายตาของกมล ที่ตอนนี้ทำงานรอ