“เออๆ ไม่ต้องพูดแล้ว”“ครับ” ภูมิเอ่ยรับแล้วยืนรอเจ้านายกลับเข้าห้องไปจัดการธุระส่วนตัว ซึ่งวันนี้ดูเร็วเป็นพิเศษเพราะเวลาประชุมกระชั้นชิดเข้ามาแล้วนั่นเองแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังให้ภูมิไปตามมารีญามาพบ เพราะเธอต้องส่งเขาไปทำงานเหมือนที่เคยทำ แม้จะอยากหลบหน้าเขาแต่มารีญาก็คิดว่าคงทำแบบนั้นได้ไม่ตลอด ทางเดียวคือทำตัวให้เป็นปกติและปล่อยให้เรื่องเมื่อคืนผ่านไปพร้อมน้ำตา“คุณวิชญ์เรียกฉันหรือคะ” มารีญาเอ่ยถามขึ้น ทั้งๆ ที่ตอนนี้เธอไม่กล้ามองหน้าวิชญ์ด้วยซ้ำ“ใช่...เพราะฉันกำลังจะไปทำงานแล้ว”“ค่ะ”“ค่ะก็เข้ามาใกล้ๆ สิ จะยืนห่างแบบนั้นทำไม” เมื่อได้ยินวิชญ์พูดแบบนี้ มารีญาจึงต้องขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้น และเมื่อมากพอวิชญ์ก็รวบตัวเธอเข้าไปกอดจากนั้นก็บดขยี้จูบลงมาปิดกั้นคำประท้วงจูบจากวิชญ์ทำให้มารีญาตกใจจนสตั้นไปหลายวินาที พอตั้งสติได้ก็ผลักไสชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ยิ่งเธอผลักเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงจูบมา
“ค่ะ” เมื่อเอ่ยรับเสร็จมารีญาก็ลุกขึ้นแล้วเดินผ่านวิชญ์ออกไป เป้าหมายของเธอคือห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนของชายหนุ่มเมื่อมาถึงก็จัดการเตรียมน้ำให้เหมือนที่เคยทำ กระทั่งน้ำได้ระดับแล้วจึงหมุนตัวเพื่อจะกลับออกไป ซึ่งเป็นจังหวะที่วิชญ์เดินเข้ามาพอดี โดยชายหนุ่มสวมเพียงกางเกงทำงานเท่านั้น ส่วนเสื้อที่ใส่ไปทำงานถอดทิ้งลงตะกร้าไปได้หลายนาทีแล้วแม้จะตกใจที่หันมาเห็นวิชญ์อยู่ในสภาพกึ่งเปลือย แต่ทว่ามารีญากลับเก็บสีหน้าและอาการไว้ได้ดี เพราะตลอดทั้งวันเธอเอาแต่บอกตัวเองว่าห้ามแสดงท่าทางปลื้มหรือเขินอายต่อสิ่งที่วิชญ์ทำ ไม่ว่าเขาจะพูดหรือแสดงออกแบบไหนเธอต้องเฉยให้ได้มากที่สุด นั่นเพราะเธอไม่อยากให้วิชญ์รู้ว่าเขามีอิทธิพลกับเธอ“น้ำได้แล้วค่ะ” น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นปกติของมารีญาเอ่ยบอก พลอยทำให้คนที่ตั้งใจแกล้งหงุดหงิดเล็กๆ เพราะเขาอุตส่าห์ลงทุนถอดเสื้อโชว์ซิกแพคที่เธอได้ลูบได้ไล้เมื่อคืนเพื่อยั่วแท้ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับ...ว่างเปล่าแต่มีหรือที่คนอย่างวิชญ์จะถอดใจง่ายๆ“อาบน้ำด้วยกันสิ”“ฉันอาบแล้วค่ะ”
ความรัก มักจะก่อให้เกิดความสุข ความยินดี หากรักนั้นได้เจอคนดีๆ ที่ศีลเสมอกัน คอยเกื้อกูลกัน แต่บางครั้งความรักที่อยู่บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจกลับได้รับสิ่งตอบแทนเป็นความเจ็บปวด จนเปลี่ยนความรักให้เป็นความโกรธเกรี้ยว ความอาฆาตที่ถูกคนรักแทงข้างหลัง สิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับมนุษย์เสมอๆ ไม่ว่าจะยากดีมีจนต่างก็ต้องเจอกับบททดสอบเหล่านี้ หนึ่งในนั้นคือนักธุรกิจหนุ่มที่ชื่อว่าวิชญ์ ในโลกของธุรกิจเขาไม่มีคำว่าแพ้ แต่เมื่อหลายวันก่อนเขากลับต้องมาแพ้ให้กับผู้หญิงใกล้ตัว ทั้งๆ ที่เขาพยายามให้โอกาสหวังว่าเธอจะปรับปรุงตัว แต่ทว่าผลที่ได้มากลับยิ่งเลวร้าย การถูกหักหลังจากผู้หญิงที่เขามั่นใจว่ารักจนวาดฝันอนาคตไว้ร่วมกัน คนที่เขาได้มอบความรักให้เธอและดูแลเธออย่างดีมาตลอด อยากได้อะไรแค่เอ่ยปากเขาก็หามาให้ แต่สุดท้ายเธอกลับเปลี่ยนความรักที่เขามีเป็นความแค้นที่ไม่มีวันให้อภัย จึงเจ็บเสียยิ่งกว่าเจ็บ“งานที่สั่งไปถึงไหนแล้ว” น้ำเสียงห้วนๆ ของวิชญ์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานแต่ทว่าหันหลังให้ลูกน้อง เอ่ยถามความคืบหน้าในงานที่เขาได้สั่งออกไปเมื่อหลายวันก่อน วันที่เขาพบเจอกับเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าจะ
ในเมื่อเธอกล้าหักหลังเขาได้ถึงขนาดนี้ เธอก็ควรได้อะไรตอบแทนกลับไปบ้าง รวมถึงความรู้สึกผิดเสียใจรวมถึงเสียดายที่กล้าตัดสินใจทำแบบนี้ลงไป “แล้วเจ้านายอยากเจอใครครับ หรือว่า...”“สั่งคนเตรียมรถ อีกห้านาทีฉันลงไป”“ครับเจ้านาย” ภูมิเอ่ยรับ แล้วกลับออกไปสั่งให้คนเตรียมรถไว้รอวิชญ์ทันที ชายหนุ่มพอจะเดาใจเจ้านายออก แต่ก็ยอมรับว่าไม่ทั้งหมดแน่ รถยุโรปคันหรูขับออกจากเพนต์เฮาส์ใจกลางเมืองแล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านของแก้วกาญ ที่วิชญ์ยังไม่มีโอกาสได้แวะไปเลยสักครั้ง แม้เขากับเธอจะคบหากันมาเกือบหนึ่งปีแล้วก็ตามที นั่นเพราะทุกครั้งที่ขอไปแก้วกาญมักจะปฏิเสธเสมอ โดยระหว่างทางวิชญ์ก็นั่งทำงานไปด้วย เพราะไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวกระทบกับงานแม้แต่น้อยนิด ยิ่งโปรเจกต์ใหญ่ที่พึ่งคว้ามาไว้ในมือได้หมาดๆ ก็อยากทำให้มันออกมาดีทุกอย่าง“ถึงแล้วครับเจ้านาย”“ที่นี่น่ะเหรอ““ครับ” ภูมิเอ่ยรับ ในขณะที่วิชญ์ลดกระจกรถลงเพื่อจะมองบ้านหลังตรงหน้าให้ชัด ถ้าเขาจำไม่ผิดเมื่อปีก่อนแก้วกาญเคยขอเงินจากเขาก้อนหนึ่ง โดยเธอบอกว่าจะเอาเงินก้อนนั้นมาซ่อมบ้านที่ทรุดโทรมให้น้องสาวที่ใกล้จะเรียนจบแล้วได้อยู่อย่างสะดวกสบายขึ้น ซึ่งเขาก
“ไม่เลยค่ะ ว่าแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่แก้วหรือคะ” นั่นเพราะเธอกับพี่สาวไม่ได้คุยกันทุกวัน และคำถามของภูมิรวมถึงการที่จู่ๆ วิชญ์ก็โผล่มาที่บ้านคนเดียวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วถามถึงพี่สาวเธอแบบนี้ ก็ยิ่งสร้างความสงสัยให้มารีญาเป็นอย่างมาก “พี่เธอหักหลังฉันแถมยังขโมยเงินกับเครื่องเพชรฉันไปอีก” วิชญ์เอ่ยตอบด้วยเสียงห้วนๆ ซึ่งมารีญาก็แย้งให้พี่สาวทันทีเช่นกัน “ไม่จริง พี่แก้วไม่ใช่คนแบบนั้น”“เธอก็คิดว่าฉันโกหก หาเรื่องพี่สาวเธองั้นสิ”“ต่อให้พี่แก้วทำจริงก็คงมีเหตุผล” ยังไงมารีญาก็ยืนกระต่ายขาเดียวเพื่อเข้าข้างพี่สาวของเธอ เพราะต่อให้วิชญ์กับแก้วกาญจะได้ชื่อว่าเป็นคนรักกัน แต่ยังไงชายหนุ่มก็ยังเป็นคนอื่น “นั่นสิ เพราะฉันก็อยากฟังเหตุผลที่ว่าเหมือนกัน” รอยยิ้มของวิชญ์บ่งบอกว่าเขาไม่ได้เป็นมิตรแต่อย่างใด และเขาก็ดูเย็นชาเสียจนมารีญารู้สึกหวั่นใจ กลัวเขาทำอะไรพี่สาวเธอ“งั้นฉันจะโทรหาพี่แก้วตอนนี้เลย” เอ่ยบอกเสร็จ มารีญาก็คว้าโทรศัพท์ออกมากดโทรออกหาแก้วกาญ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับปิดเครื่อง“ติดต่อไม่ได้ใช่ไหม”“แบตพี่แก้วอาจจะหมดก็ได้”“แก้ต่างให้กันดีสมกับเป็นพี่น้อง” วิชญ์เอ่ยประชดประชัน แม
“ออกตัวแทนขนาดนี้หรือว่านายชอบเธอภูมิ” เอ่ยจบวิชญ์ก็หันมาจ้องหน้าลูกน้องคนสนิท ที่รีบส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมตอบกลับในทันที “เปล่าครับเปล่า”“ไปทำตามที่ฉันสั่ง ยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่าเธอจะไม่รู้เรื่องพี่สาว”“ครับ” ภูมิเอ่ยรับแล้วไปจัดการตามที่วิชญ์สั่งอย่างไร้ซึ่งข้อสงสัยใดๆ เพราะหากสงสัยหรือกล้าที่จะแย้งมากเกินไป เขาก็อาจจะตกงานแถมถูกขึ้นแบล็คลิสต์เสียเอง เมื่อไปถ่ายทอดคำสั่งจากวิชญ์ให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลรับทราบแล้ว ภูมิก็กลับมาสมทบกับผู้เป็นเจ้านาย ที่กำลังเดินเข้าลิฟต์เพื่อประชุมกับผู้บริหารคนอื่นๆ ในขณะที่คำสั่งของเขากลับทำลายความหวังของมารีญา จนก่อให้เกิดอาการนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อรู้ผลการสอบสัมภาษณ์ในทันทีว่าเธอนั้นสอบไม่ผ่านทั้งๆ ที่เธอมั่นใจว่าทำแบบทดสอบได้ดี รวมถึงตอนสัมภาษณ์ทั้งภาษาไทยและอังกฤษก็ตอบโต้ได้อย่างชัดเจน หรือเธอยังขาดประสบการณ์ทำงาน แม้จะพยายามขอถามถึงเหตุผลว่าเพราะอะไร แต่ทว่ากลับไม่มีใครให้คำตอบเธอได้เลย “แล้วฉันมีสิทธิ์กลับมาสมัครงานที่นี่ได้อีกไหมคะ”“ค่ะ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเอ่ยรับ ทั้งๆ ที่ได้รับคำสั่งมาอีกอย่างแต่ทว่าก็ไม่กล้าบอกให้มารีญารู้ตรงๆ เพราะหากไม่ต
“ไม่ตลอดหรอก” แก้วกาญเอ่ยบอกอย่างมั่นใจ เพราะหากเธอซ่อนตัวดีๆ อีกไม่นานวิชญ์ก็รามือไปเอง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “รับเงินไป แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ นะมายด์ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราถึงจะได้เจอกันอีก” “พี่แก้ว” ดวงตาทั้งสองข้างของมารีญาแดงก่ำ เพราะตั้งแต่พ่อและแม่เสียชีวิตไป เธอก็อยู่กับพี่สาวเพียงสองคนเท่านั้น แม้หลังๆ แก้วกาญจะไม่ค่อยได้กลับมาบ้านก็ตามที เพราะอยากมีชีวิตที่ดี ทำให้แก้วกาญเลือกลงทุนกับการดูแลรูปร่างของตัวเอง แล้วรับงานเป็นพริตตี้เพื่อทำงานหาเงินส่งเธอเรียน และเลือกที่จะคบหาเฉพาะคนที่มีฐานะกระทั่งมาคบกับคนล่าสุดคือวิชญ์“พี่ต้องไปแล้ว” เอ่ยบอกเสร็จแก้วกาญก็รีบกลับออกไปสมทบกับพศิน ที่เวลานี้จอดรถรออยู่ก่อนแล้วโดยเลือกมุมที่ไกลสายตาคนมากหน่อย พร้อมกวาดสายตามองสิ่งผิดปกติรอบๆ ตัว เนื่องจากไม่อยากมาตายเพราะคนของอดีตเจ้านายที่นี่เช่นกัน แต่เพราะแก้วกาญขอร้องให้เขาพาเธอมาหาน้องสาว พศินจึงไม่อยากขัดใจแม้จะเสี่ยงมากก็ตาม และทันทีที่แก้วกาญกลับมาที่รถทั้งคู่ก็ขับรถออกไปทันทีทันทีที่แก้วกาญจากไป มารีญาก็ถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น โดยในมือนั้นก็ยังคงถือเงินที่แก้วกาญยัดเยียดใ
คนของวิชญ์ บุกไปจับตัวมารีญาถึงที่บ้านอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายด้วยซ้ำโดยมีภูมิตามไปด้วย ระหว่างทางแม้มารีญาจะถามชายหนุ่มสักเท่าไหร่ว่าเขาจะพาเธอไปไหน แต่ภูมิกลับนั่งนิ่งไม่ได้เอ่ยตอบอะไรมาแม้แต่ประโยคเดียว ซึ่งเธอก็พอจะเดาได้ว่าทั้งหมดทำตามคำสั่งของใครและการกระทำของวิชญ์ก็ยิ่งทำให้เธอเกิดอคติกับเขามากขึ้น ไม่ว่ายังไงก็มองชายหนุ่มในแง่ร้ายไม่ยอมญาติดีด้วย หรือเพราะเขาชอบทำตัวร้ายๆ แบบนี้พี่สาวเธอถึงได้หนีไปแบบนั้น ภูมิพามารีญาไปยังเพนต์เฮาส์ส่วนตัวของวิชญ์ ที่นี่มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับดีเยี่ยม ใครจะเข้าหรือออกย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งมารีญาก็พยายามมองหาทางหนีที่ไล่ตลอดเวลา ด้วยการใช้ชีวิตธรรมดาๆ แบบเธอจึงไม่เคยรู้ว่ามีคอนโดมิเนียมหรือเพนต์เฮาส์หรูหราแบบนี้ด้วย “ฉันจะแจ้งความที่คุณจับตัวฉันมา” ทันทีที่เผชิญหน้ากับวิชญ์มารีญาก็เอ่ยบอกขึ้นอย่างไม่พอใจ ในขณะที่วิชญ์ซึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาสีดำภายในห้องรับแขก แล้วมองตรงมาที่เธอกลับไหวไหล่อย่างไม่สะเทือนกับคำขู่นั้น “เอาสิ นั่นไงโทรศัพท์ โทรได้เลย” วิชญ์หันไปมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ใกล้ตัวมารีญา แต่ทว่าทันทีที่เธอเอื้อมมือจะไปค
“ค่ะ” เมื่อเอ่ยรับเสร็จมารีญาก็ลุกขึ้นแล้วเดินผ่านวิชญ์ออกไป เป้าหมายของเธอคือห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนของชายหนุ่มเมื่อมาถึงก็จัดการเตรียมน้ำให้เหมือนที่เคยทำ กระทั่งน้ำได้ระดับแล้วจึงหมุนตัวเพื่อจะกลับออกไป ซึ่งเป็นจังหวะที่วิชญ์เดินเข้ามาพอดี โดยชายหนุ่มสวมเพียงกางเกงทำงานเท่านั้น ส่วนเสื้อที่ใส่ไปทำงานถอดทิ้งลงตะกร้าไปได้หลายนาทีแล้วแม้จะตกใจที่หันมาเห็นวิชญ์อยู่ในสภาพกึ่งเปลือย แต่ทว่ามารีญากลับเก็บสีหน้าและอาการไว้ได้ดี เพราะตลอดทั้งวันเธอเอาแต่บอกตัวเองว่าห้ามแสดงท่าทางปลื้มหรือเขินอายต่อสิ่งที่วิชญ์ทำ ไม่ว่าเขาจะพูดหรือแสดงออกแบบไหนเธอต้องเฉยให้ได้มากที่สุด นั่นเพราะเธอไม่อยากให้วิชญ์รู้ว่าเขามีอิทธิพลกับเธอ“น้ำได้แล้วค่ะ” น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นปกติของมารีญาเอ่ยบอก พลอยทำให้คนที่ตั้งใจแกล้งหงุดหงิดเล็กๆ เพราะเขาอุตส่าห์ลงทุนถอดเสื้อโชว์ซิกแพคที่เธอได้ลูบได้ไล้เมื่อคืนเพื่อยั่วแท้ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับ...ว่างเปล่าแต่มีหรือที่คนอย่างวิชญ์จะถอดใจง่ายๆ“อาบน้ำด้วยกันสิ”“ฉันอาบแล้วค่ะ”
“เออๆ ไม่ต้องพูดแล้ว”“ครับ” ภูมิเอ่ยรับแล้วยืนรอเจ้านายกลับเข้าห้องไปจัดการธุระส่วนตัว ซึ่งวันนี้ดูเร็วเป็นพิเศษเพราะเวลาประชุมกระชั้นชิดเข้ามาแล้วนั่นเองแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังให้ภูมิไปตามมารีญามาพบ เพราะเธอต้องส่งเขาไปทำงานเหมือนที่เคยทำ แม้จะอยากหลบหน้าเขาแต่มารีญาก็คิดว่าคงทำแบบนั้นได้ไม่ตลอด ทางเดียวคือทำตัวให้เป็นปกติและปล่อยให้เรื่องเมื่อคืนผ่านไปพร้อมน้ำตา“คุณวิชญ์เรียกฉันหรือคะ” มารีญาเอ่ยถามขึ้น ทั้งๆ ที่ตอนนี้เธอไม่กล้ามองหน้าวิชญ์ด้วยซ้ำ“ใช่...เพราะฉันกำลังจะไปทำงานแล้ว”“ค่ะ”“ค่ะก็เข้ามาใกล้ๆ สิ จะยืนห่างแบบนั้นทำไม” เมื่อได้ยินวิชญ์พูดแบบนี้ มารีญาจึงต้องขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้น และเมื่อมากพอวิชญ์ก็รวบตัวเธอเข้าไปกอดจากนั้นก็บดขยี้จูบลงมาปิดกั้นคำประท้วงจูบจากวิชญ์ทำให้มารีญาตกใจจนสตั้นไปหลายวินาที พอตั้งสติได้ก็ผลักไสชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ยิ่งเธอผลักเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงจูบมา
“เราจะไปอยู่ที่ไหนกันพศิน” แก้วกาญที่จู่ๆ ก็ต้องหอบหิ้วเงินสดเครื่องเพชร รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวออกจากบ้านมาอย่างฉุกละหุกเพื่อหนีคนของวิชญ์เอ่ยถามขึ้น “ห้องเช่าครับ”“ห้องเช่าเหรอ ฉันอยู่ที่แบบนั้นไม่ได้หรอกนะ” คำปฏิเสธของแก้วกาญทำให้พศินที่หันหลังให้อยู่ถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจออกมา“แต่ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกแล้ว คุณไม่เห็นหรือไงว่าคนของคุณวิชญ์ตามหาเราทั้งคู่เจอ ป่านนี้คงป้วนเปี้ยนอยู่เต็มเวียงจันทน์ ขืนอยู่ในที่ที่หาได้ง่ายๆ พวกมันก็เจอเรากันพอดี”“แล้วคลีนิคของเราละ” แก้วกาญเอ่ยถามถึงคลีนิคเสริมความงามที่เธอลงเงินทุนไปอย่างมากมาย เพราะนั่นคือความหวังใหม่ของเธอนั่นเอง “เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”“จัดการยังไง”“ก็ใช้เงินยัดคนท้องถิ่นให้เก็บเรื่องเราไว้เป็นความลับก่อน แต่คนพวกนั้นก็อยากได้เงินเพิ่ม ซึ่งผมเองก็เกรงใจที่ต้องมาขอคุณบ่อยๆ” พศินเล่นบนเศร้าเล่าความเท็จได้อย่างแนบเนียน ทั้งๆ ที่เวลาหน้าหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่เขาก็ยังหาทางสูบเงินมาจากแก้วกาญจนได้ “ทำไมถึงพูดเหมือนเราเป็นคนอื่นคนไกลแบบนั้นละพศิน” พอเห็นพศินเศร้าแก้วกาญก็พลอยใจไม่ดีตามไปด้วย “ก
มือหนาที่อุ่นร้อนของวิชญ์เองก็กำลังฟอนเฟ้นบีบคลึงหน้าอกของมารีญาไปด้วย ยิ่งทำให้เธอตื่นตัวและความตื่นตัวนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความอ่อนระทวย “ลืมตาขึ้นมองฉันสิ” วิชญ์ที่เวลานี้ละความสนใจจากกุหลาบดอกสวยของมารีญาชั่วคราว ขยับตัวขึ้นมากระซิบบอกเธอ ซึ่งมารีญาก็ทำตามราวกับถูกมนต์สะกดจากนั้นเขาก็มอบจูบให้เธออีกครั้งพร้อมกับบดเบียดสะโพกสอบเข้าหาอย่างตั้งใจ แกนกายของเขาที่เวลานี้ขยายใหญ่เสียดสีไปมาอยู่แถวๆ หน้าขาของ มารีญา บางจังหวะมันก็ขยับมาเสียดสีกับความสาวของเธออย่างเชื้อเชิญให้คล้อยตามเสียงครางกระหึ่มดังมาจากวิชญ์ นั่นทำให้มารีญารู้สึกแปลกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะทรมานเช่นเดียวกับเธอ แต่ความแปลกใจก็ถูกเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า เมื่อถูกวิชญ์ล่อหลอกด้วยรสเสน่หาอันไม่คุ้นชินจนเตลิดวิชญ์จัดการถอดอันเดอร์แวร์ออกแล้วคว้ามือของมารีญาไว้ จากนั้นก็นำทางให้เธอได้สัมผัสกับแกนกายของเขาเป็นครั้งแรก มารีญาตกใจก่อนจะดึงมือตัวเองกลับแต่ก็ถูกวิชญ์รั้งเอาไว้แล้วเสียก่อน“ลองจับมันดูสิ...อืม” ท้ายประโยคคือเสียงครางของชายหนุ่ม วิชญ์เป่าลมออกปากหนักๆ อย่างทรมาน เพราะเพียงแค่ฝ่ามือนุ่มของมารีญาลูบไล้ไปมาบนแกนกายข
“อะ...อ้ายยย” แม้จะมีมือปิดปากอยู่ แต่เสียงครางของมารีญาก็ดังชัดเจน มันกระตุ้นอารมณ์ของวิชญ์จนลุกโชนได้ดี เขาจึงตอบแทนเธอด้วยแรงดูดจากปากหนักๆ จนมารีญาแอ่นอกขึ้นรับอย่างลืมตัว ใบหน้าสวยเหยเกทรมาน ภายในร่างกายปั่นป่วนจนยากจะอธิบายความร้อนจากเหล้าที่ดื่มเพื่อหวังมอมตัวเองกลับสู้ไม่ได้เมื่อเทียบกับความร้อนที่ถูกจุดโดยวิชญ์ ทั้งๆ ที่เธอมอมเหล้าตัวเองเพื่อไม่ให้รู้สึกอะไรแล้วแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่เป็นอย่างที่คิดสักนิด ทั้งรอยจูบทั้งรอยสัมผัสจากวิชญ์กลับตราตรึงอยู่ในความรู้สึก ตราตรึงอยู่ในทุกอณูของร่างกายและลมหายใจที่สะท้านขึ้นลงด้วยไฟปรารถนาที่ไม่คุ้นเคย แต่เธอกลับอยากได้รับมันอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอกำลังถูกวิชญ์มอมเมาด้วยเหล้าที่เรียกว่าความปรารถนาดีกรีของมันร้อนแรงจนอะไรบนโลกใบนี้ก็เทียบเคียงไม่ได้ มันทำให้เธอพ่ายแพ้และโหยหาเขา ซึ่ง มารีญาก็สื่อออกมาจากแววตาที่เธอกำลังมองวิชญ์ ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเพราะรู้ว่าเวลานี้มารีญาคงไม่แสดงอาการต่อต้านอะไรเขาได้อีก แต่ทว่าทำไมเขาถึงรู้สึกห่วงรวมถึงไม่อยากให้เธอหวาดกลัวสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั่นทำให้วิชญ์เปลี่ยนท่าทีมาอ่อนโยนกับมารีญามากขึ้น แต่ดูเหมือนจ
เขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มหรือเสนอตัวก่อน หากเหตุการณ์จบลงก็คงถือว่าเป็นผู้ถูกกระทำจากมารีญามากกว่า ฉะนั้นเธอควรต้องรับผิดชอบเขาไม่ใช่ให้เขาไปรับผิดชอบเธอวิชญ์พลิกตัวขึ้นไปอยู่ด้านบนแล้วกดร่างบางที่สั่นสะท้านของมารีญาให้อยู่ในอ้อมกอด ชายหนุ่มจัดการถอดเสื้อนอนออกแล้วโยนไปอีกทาง ปล่อยให้มารีญาตะลึงแล้วเพ่งมองรูปร่างท่อนบนอยู่ไม่กี่วินาทีก็โผเข้าไปหาเธอและมอบจูบให้อีกครั้ง บางจังหวะที่ความกลัวก่อตัว มารีญาก็ผลักไสวิชญ์บ้างด้วยการใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบแผงอกของชายหนุ่มสลับออกแรงผลักให้เขาออกห่าง แต่กลับถูกชายหนุ่มมอบจูบให้อย่างร้อนแรงจนเธอแทบหายใจไม่ทัน ไหนจะมือไม้ของเขาทั้งสองข้างที่ป้วนเปี้ยนลูบไล้ร่างกายเธออย่างเป็นเจ้าของ“ขะ...คุณวิชญ์”“อะไร” น้ำเสียงแหบพร่าด้วยอารมณ์ปรารถนาของวิชญ์เอ่ยดังขึ้น ซึ่งคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้ก็คือมารีญา “คุณยังไม่รับปากฉันว่าจะปล่อยพี่แก้วไป”“พรุ่งนี้ฉันจะรับปาก” เอ่ยบอกเสร็จวิชญ์ก็ซุกไซ้กึ่งปากกึ่งจมูกลงไปตรงซอกคอของมารีญา สัมผัสจากเขาทำให้เธอขนลุกซู่อย่างเสียวซ่าน แต่ก็พยายามใจแข็งผลักไสชายหนุ่มออก เพราะมองว่าวิชญ์ไม่ทำตามที่พูด “ถ้างั้นฉันจะกลับห้อง แล
“เธอไม่น่าจะถามฉันแค่คำถามเดียวหรอกมั้ง...ใช่ไหม” มารีญาไม่ตอบอะไร เธอนั่งจ้องแก้วบรั่นดีอยู่นาน ก่อนจะคว้ามาถือไว้แล้วเริ่ม...ดื่มรสชาติของมันทั้งคมและบาดคอไม่ได้อร่อยสักนิด คิ้วสวยขมวดกันเป็นปมก่อนจะกลืนบรั่นดีรสชาติไม่ได้เรื่องลงคอ ไม่เข้าใจว่าใครต่อใครทำไมถึงชอบดื่มมันนัก เพราะนอกจากรสชาติจะแย่แล้วยังส่งผลเสียต่อสุขภาพอีก แต่ถึงจะไม่ชอบแต่มารีญาก็ฝืนดื่มไปจนหมดแก้ว นั่นทำให้เธอรู้สึกร้อนไปทั้งตัว“ฉันดื่มหมดแล้ว คราวนี้คุณจะตอบคำถามมาได้หรือยังว่าตอนนี้พี่แก้วอยู่ที่ไหน”“เวียงจันทน์”“ก็อยู่ที่เดิมที่คุณเคยบอกฉันนี่”“ใช่...แต่คราวนี้ฉันรู้ลึกกว่านั้น รู้ว่าพี่สาวอยู่กบกานอยู่ที่บ้านหลังไหน ซอยอะไร เข้าออกบ้านกี่โมง แต่ละวันไปที่ไหนมาบ้าง” วิชญ์ยิ้มพอใจกับระดับความจำของมารีญา ก่อนจะพูดเกินจริงไปนิดๆ หน่อยๆ เพื่อบีบคั้นเธอ ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีขึ้นดื่มด้วยท่าทางสบายๆ ในขณะที่มารีญาเองก็กำลังตกใจกับสิ่งที่ได้รู้และเธอมีคำถามจะถามเขาต่อ จึงหยิบขวดบรั่นดีมารินใส่แก้วในปริมาณที่วิชญ์รินให้ดู จากนั้นก็ดื่มด้วยท่าทางไม่ชอบทันที ซึ่งพอวางแก้วลงคำถามที่สองก็ออกจากปากเธอ“ตอนนี้พี่แก้วยังส
“ตอนนี้มันพาคุณแก้วไปซ่อนตัวที่อื่นแล้วครับ” นั่นเพราะกมลตามไปจนถึงบ้านเช่าของทั้งสองคน แต่ทว่ากลับเจอเพียงความว่างเปล่า “บัดซบ”“ผมขอโทษครับเจ้านาย” กมลเอ่ยขอโทษตรงๆ เพราะเขาก็อยากทำผลงานให้เจ้านายพอใจเช่นเดียวกัน แต่ความพลาดแค่นิดเดียวกลับทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว “ตามหาสองคนนั้นให้พบ ถ้าไม่พบพวกนายก็อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไป”“ครับ” เอ่ยรับคำเสร็จกมลก็วางสายไปแล้วแยกย้ายกันไปทำงาน ในขณะที่วิชญ์ก็หัวเสียจนต้องหาบหรั่นดีมาดื่มดับอารมณ์โกรธ ชายหนุ่มกระดกบรั่นดีชั้นเลิศที่สั่งนำเข้ามาจากฝรั่งเศสลงคอราวกับนั่นเป็นน้ำเปล่า แม้มันจะบาดภายในลำคอจนหน้ายู่ แต่ทว่ากลับไม่ได้ทำให้เขาหยุดดื่มแต่อย่างใดจู่ๆ ใบหน้าของมารีญาก็ผุดเข้ามาในความคิด ก่อนที่วิชญ์จะเดินถือแก้วบรั่นดีทรงสวยตรงไปยังห้องนอนของเธอ ดูเหมือนเวลานี้ความไม่พอใจทำลายเหตุผลที่เคยมีไปอย่างสิ้นเชิง ก๊อก ก๊อก ก๊อก“เปิดประตู” เจ้าของเพนต์เฮาส์เอ่ยบอกคนที่อยู่ข้างในเสียงดังลั่น ส่งผลให้มารีญาที่ยังไม่นอนเกิดอาการลนลาน สองจิตสองใจว่าจะแกล้งหลับหรือออกไปเปิดประตูให้วิชญ์ สุดท้ายก็เลือกอย่างหลัง“คุณวิชญ์”“นอนหรือยัง”“ยังค่ะ”“งั้นออ
“ของมันร้อน สุดท้ายก็ต้องเอาออกมาขายกินสินะ” วิชญ์ยิ้มเหยียดอย่างนึกสมเพชแก้วกาญ เพราะไม่ทันไรก็ขายเครื่องเพชรที่เขาซื้อให้กินเสียแล้ว“คนของเราที่เวียงจันทน์สืบที่อยู่ของสองนั้นเจอหรือยัง”“ยังครับเจ้านาย แต่ผมขอเวลาครึ่งเดือนน่าจะได้ข่าวครับ”“ฉันให้เวลาตามที่นายขอกมล หลังจากนี้ถ้ามีอะไรคืบหน้า รายงานตรงกับฉันได้เลย” แม้จะอยากรู้ที่อยู่ของแก้วกาญและพศินเดี๋ยวนี้ แต่วิชญ์ก็เข้าใจการทำงานว่าทุกอย่างมันมีขั้นตอน ต่อให้เขาจะใจร้อนแค่ไหนก็คงต้องรอสักหน่อย “ครับเจ้านาย” เอ่ยรับคำเสร็จกมลก็วางสายแล้วไปทำงานของตัวเองต่อ ในขณะที่วิชญ์นั่งนิ่งๆ เพราะกำลังใช้ความคิดว่าเขาจะทำยังให้แก้วกาญโผล่หางออกมาเพราะหลังจากนี้เขาจะทำให้เธอคลานกลับมาขอความเมตตา หลังจากนี้เขาจะทำให้เธอเป็นฝ่ายตามหาตัวเขากลับบ้าง แค่คิดก็รู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็เดินไปยังห้องนอนของมารีญาก๊อก ก๊อก ก๊อก“เปิดประตูหน่อย” น้ำเสียงห้วนๆ ของเจ้าของเพนต์เฮาส์เอ่ยบอก นั่นทำให้คนที่อยู่ในห้องแม่บ้านต้องออกมาเปิดประตูให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ “คุณวิชญ์”“ฉันมีข่าวพี่สาวเธอมาบอก”“ข่าวพี่แก้วหรือคะ” ประโยคที่ได้ยินสร้างความดีใจ