“ไม่เลยค่ะ ว่าแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่แก้วหรือคะ” นั่นเพราะเธอกับพี่สาวไม่ได้คุยกันทุกวัน และคำถามของภูมิรวมถึงการที่จู่ๆ วิชญ์ก็โผล่มาที่บ้านคนเดียวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วถามถึงพี่สาวเธอแบบนี้ ก็ยิ่งสร้างความสงสัยให้มารีญาเป็นอย่างมาก
“พี่เธอหักหลังฉันแถมยังขโมยเงินกับเครื่องเพชรฉันไปอีก” วิชญ์เอ่ยตอบด้วยเสียงห้วนๆ ซึ่งมารีญาก็แย้งให้พี่สาวทันทีเช่นกัน “ไม่จริง พี่แก้วไม่ใช่คนแบบนั้น” “เธอก็คิดว่าฉันโกหก หาเรื่องพี่สาวเธองั้นสิ” “ต่อให้พี่แก้วทำจริงก็คงมีเหตุผล” ยังไงมารีญาก็ยืนกระต่ายขาเดียวเพื่อเข้าข้างพี่สาวของเธอ เพราะต่อให้วิชญ์กับแก้วกาญจะได้ชื่อว่าเป็นคนรักกัน แต่ยังไงชายหนุ่มก็ยังเป็นคนอื่น “นั่นสิ เพราะฉันก็อยากฟังเหตุผลที่ว่าเหมือนกัน” รอยยิ้มของวิชญ์บ่งบอกว่าเขาไม่ได้เป็นมิตรแต่อย่างใด และเขาก็ดูเย็นชาเสียจนมารีญารู้สึกหวั่นใจ กลัวเขาทำอะไรพี่สาวเธอ “งั้นฉันจะโทรหาพี่แก้วตอนนี้เลย” เอ่ยบอกเสร็จ มารีญาก็คว้าโทรศัพท์ออกมากดโทรออกหาแก้วกาญ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับปิดเครื่อง “ติดต่อไม่ได้ใช่ไหม” “แบตพี่แก้วอาจจะหมดก็ได้” “แก้ต่างให้กันดีสมกับเป็นพี่น้อง” วิชญ์เอ่ยประชดประชัน แม้ประโยคที่ได้ยินจะทำให้รู้สึกจี๊ดในความรู้สึกแต่ถึงอย่างนั้นมารีญาก็ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ “เอาเป็นว่าหลังจากนี้ถ้าเธอติดต่อพี่สาวได้ ก็ช่วยบอกให้เอาของทุกอย่างมาคืนฉันด้วย ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รับรองความปลอดภัย” เอ่ยบอกเสร็จวิชญ์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปอย่างหงุดหงิด ในขณะที่ภูมิก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากรีบตามเจ้านายไปเช่นกัน ทันทีที่ทั้งสองกลับออกไปแล้ว มารีญาถึงกับนั่งหน้าเครียดมากกว่าเดิม กระทั่งได้ยินเสียงรถของวิชญ์เคลื่อนตัวออกไปจากหน้าบ้าน เธอจึงคว้าโทรศัพท์มากดโทรออกหาพี่สาวอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังคงเหมือนเดิม ยิ่งคำพูดทิ้งท้ายของวิชญ์ที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวก็ยิ่งทำให้เธอนึกห่วง “เปิดเครื่องหน่อยสิพี่แก้ว” มารีญาเอ่ยบอกพี่สาว โดยขอให้อีกฝ่ายแบตเตอรี่โทรศัพท์หมดอย่างที่คิด เพราะหากแก้วกาญหายไปด้วยสาเหตุที่วิชญ์พูดเธอต้องทำยังไง แต่ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป มารีญาก็อยากฟังจากปากพี่สาวเสียก่อน นั่นทำให้เธอส่งข้อความไปยังเบอร์ของแก้วกาญ เพื่อให้ติดต่อกลับหาโดยด่วน ในขณะที่วิชญ์ซึ่งนั่งอยู่ในรถที่กำลังมุ่งหน้ากลับเพนต์เฮาส์ก็กำลังใช้ความคิด ต่อให้ตอนนี้มารีญาจะยังไม่รู้เรื่องแก้วกาญ แต่เขาก็มั่นใจว่าหลังจากนี้ต้องมีการติดต่อกันแน่ “ยังให้คนจับตามองน้องสาวของแก้วไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ฉันไม่เชื่อใจเธอ” “ครับเจ้านาย” ภูมิเอ่ยรับ แล้วโทรศัพท์ไปสั่งลูกน้องอีกชุด ที่กำลังเฝ้าจับตามองมารีญาอยู่อีกทอด ก่อนจะแอบมองเจ้านายนิดหน่อย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นคงทำให้วิชญ์เสียหน้าและอยากเอาคืนเป็นแน่ ถูกใครหักหลังคงไม่เจ็บใจเท่าคนใกล้ตัวที่ไว้ใจ เพราะหากเป็นเขาก็คงทำแบบนี้ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินเพื่อตามหาคนก่อเรื่องเขาก็พร้อมจะทำ แล้วเค้นถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงกล้าหักหลังคนที่รักกันได้ ทำไมถึงได้เปลี่ยนความรักให้เป็นความเกลียดชังที่ไม่มีวันให้อภัย ทำไม...ตั้งแต่ที่ได้รู้เรื่องของพี่สาว มารีญาก็นั่งกระวนกระวายใจ พยายามติดต่อหาแก้วกาญนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้ ซึ่งกว่าที่เธอจะข่มตาหลับก็เกือบสว่าง
มารีญางัวเงียตื่นแล้วรีบไปอาบน้ำ เพราะวันนี้เธอต้องไปสัมภาษณ์งาน เมื่อแต่งตัวเสร็จก็ลงไปหาอะไรง่ายๆ กินในครัว โดยก่อนจะออกจากบ้านก็เอาเจ้าซูชิไปคืนเจ้าของที่กลับมาจากเที่ยวต่างจังหวัดวันนี้ โดยรับค่าจ้างส่วนที่เหลือมาด้วย จากนั้นก็เดินทางไปสัมภาษณ์งานทันที โดยไม่รู้ว่าบริษัทที่เรียกเธอไปสัมภาษณ์วันนี้จะเป็นบริษัทในเครือของวิชญ์ ซึ่งบังเอิญว่าชายหนุ่มเข้ามาประชุมวันนี้ด้วยเช่นกันและมองเห็นเธอตั้งแต่เดินเข้าประตูมา “นายไปถามประชาสัมพันธ์ ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่” แม้จะมองเห็นว่ามารีญาเดินไปยังห้องเล็กที่มีไว้เฉพาะสัมภาษณ์พนักงานใหม่พร้อมกับพนักงานฝ่ายบุคคล ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ แต่วิชญ์ก็ยังสั่งให้ภูมิไปถามมาให้แน่ชัด “ครับ” ภูมิเอ่ยรับแล้วทำตามที่เจ้านายบอกทันที ไม่นานก็กลับมารายงาน “เธอมาสัมภาษณ์งานครับเจ้านาย” “แผนกอะไร” “จัดซื้อครับ” “ขึ้นแบล็คลิสต์ชื่อเธอไว้ ฉันไม่อยากให้คนแบบนี้มาทำงานที่บริษัท” วิชญ์เอ่ยสั่งออกไปเสียงห้วน เพราะถือว่านี่คือบริษัทของเขาที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ภูมิกลับแย้งขึ้น “แต่เธอกับคุณแก้วคนละคนกันละครับเจ้านาย”“ออกตัวแทนขนาดนี้หรือว่านายชอบเธอภูมิ” เอ่ยจบวิชญ์ก็หันมาจ้องหน้าลูกน้องคนสนิท ที่รีบส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมตอบกลับในทันที “เปล่าครับเปล่า”“ไปทำตามที่ฉันสั่ง ยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่าเธอจะไม่รู้เรื่องพี่สาว”“ครับ” ภูมิเอ่ยรับแล้วไปจัดการตามที่วิชญ์สั่งอย่างไร้ซึ่งข้อสงสัยใดๆ เพราะหากสงสัยหรือกล้าที่จะแย้งมากเกินไป เขาก็อาจจะตกงานแถมถูกขึ้นแบล็คลิสต์เสียเอง เมื่อไปถ่ายทอดคำสั่งจากวิชญ์ให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลรับทราบแล้ว ภูมิก็กลับมาสมทบกับผู้เป็นเจ้านาย ที่กำลังเดินเข้าลิฟต์เพื่อประชุมกับผู้บริหารคนอื่นๆ ในขณะที่คำสั่งของเขากลับทำลายความหวังของมารีญา จนก่อให้เกิดอาการนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อรู้ผลการสอบสัมภาษณ์ในทันทีว่าเธอนั้นสอบไม่ผ่านทั้งๆ ที่เธอมั่นใจว่าทำแบบทดสอบได้ดี รวมถึงตอนสัมภาษณ์ทั้งภาษาไทยและอังกฤษก็ตอบโต้ได้อย่างชัดเจน หรือเธอยังขาดประสบการณ์ทำงาน แม้จะพยายามขอถามถึงเหตุผลว่าเพราะอะไร แต่ทว่ากลับไม่มีใครให้คำตอบเธอได้เลย “แล้วฉันมีสิทธิ์กลับมาสมัครงานที่นี่ได้อีกไหมคะ”“ค่ะ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเอ่ยรับ ทั้งๆ ที่ได้รับคำสั่งมาอีกอย่างแต่ทว่าก็ไม่กล้าบอกให้มารีญารู้ตรงๆ เพราะหากไม่ต
“ไม่ตลอดหรอก” แก้วกาญเอ่ยบอกอย่างมั่นใจ เพราะหากเธอซ่อนตัวดีๆ อีกไม่นานวิชญ์ก็รามือไปเอง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “รับเงินไป แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ นะมายด์ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราถึงจะได้เจอกันอีก” “พี่แก้ว” ดวงตาทั้งสองข้างของมารีญาแดงก่ำ เพราะตั้งแต่พ่อและแม่เสียชีวิตไป เธอก็อยู่กับพี่สาวเพียงสองคนเท่านั้น แม้หลังๆ แก้วกาญจะไม่ค่อยได้กลับมาบ้านก็ตามที เพราะอยากมีชีวิตที่ดี ทำให้แก้วกาญเลือกลงทุนกับการดูแลรูปร่างของตัวเอง แล้วรับงานเป็นพริตตี้เพื่อทำงานหาเงินส่งเธอเรียน และเลือกที่จะคบหาเฉพาะคนที่มีฐานะกระทั่งมาคบกับคนล่าสุดคือวิชญ์“พี่ต้องไปแล้ว” เอ่ยบอกเสร็จแก้วกาญก็รีบกลับออกไปสมทบกับพศิน ที่เวลานี้จอดรถรออยู่ก่อนแล้วโดยเลือกมุมที่ไกลสายตาคนมากหน่อย พร้อมกวาดสายตามองสิ่งผิดปกติรอบๆ ตัว เนื่องจากไม่อยากมาตายเพราะคนของอดีตเจ้านายที่นี่เช่นกัน แต่เพราะแก้วกาญขอร้องให้เขาพาเธอมาหาน้องสาว พศินจึงไม่อยากขัดใจแม้จะเสี่ยงมากก็ตาม และทันทีที่แก้วกาญกลับมาที่รถทั้งคู่ก็ขับรถออกไปทันทีทันทีที่แก้วกาญจากไป มารีญาก็ถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น โดยในมือนั้นก็ยังคงถือเงินที่แก้วกาญยัดเยียดใ
คนของวิชญ์ บุกไปจับตัวมารีญาถึงที่บ้านอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายด้วยซ้ำโดยมีภูมิตามไปด้วย ระหว่างทางแม้มารีญาจะถามชายหนุ่มสักเท่าไหร่ว่าเขาจะพาเธอไปไหน แต่ภูมิกลับนั่งนิ่งไม่ได้เอ่ยตอบอะไรมาแม้แต่ประโยคเดียว ซึ่งเธอก็พอจะเดาได้ว่าทั้งหมดทำตามคำสั่งของใครและการกระทำของวิชญ์ก็ยิ่งทำให้เธอเกิดอคติกับเขามากขึ้น ไม่ว่ายังไงก็มองชายหนุ่มในแง่ร้ายไม่ยอมญาติดีด้วย หรือเพราะเขาชอบทำตัวร้ายๆ แบบนี้พี่สาวเธอถึงได้หนีไปแบบนั้น ภูมิพามารีญาไปยังเพนต์เฮาส์ส่วนตัวของวิชญ์ ที่นี่มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับดีเยี่ยม ใครจะเข้าหรือออกย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งมารีญาก็พยายามมองหาทางหนีที่ไล่ตลอดเวลา ด้วยการใช้ชีวิตธรรมดาๆ แบบเธอจึงไม่เคยรู้ว่ามีคอนโดมิเนียมหรือเพนต์เฮาส์หรูหราแบบนี้ด้วย “ฉันจะแจ้งความที่คุณจับตัวฉันมา” ทันทีที่เผชิญหน้ากับวิชญ์มารีญาก็เอ่ยบอกขึ้นอย่างไม่พอใจ ในขณะที่วิชญ์ซึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาสีดำภายในห้องรับแขก แล้วมองตรงมาที่เธอกลับไหวไหล่อย่างไม่สะเทือนกับคำขู่นั้น “เอาสิ นั่นไงโทรศัพท์ โทรได้เลย” วิชญ์หันไปมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ใกล้ตัวมารีญา แต่ทว่าทันทีที่เธอเอื้อมมือจะไปค
“เธอก็แค่ตัวรับกรรมจากการกระทำโง่ๆ ของพี่สาวตัวเองแค่นั้น ถ้าอยากเป็นอิสระก็แค่หุปปากแล้วอยู่ให้เป็น” เอ่ยบอกเสร็จวิชญ์ก็เดินจากไป ปล่อยให้มารีญายืนอึ้งเนื่องจากทำตัวไม่ถูก และไม่รู้จะต้องเดินไปทางไหนเช่นเดียวกันเธอทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างคนหมดแรง ไม่รู้ว่าต้องขอความช่วยเหลือใครเพราะรอบข้างก็แทบไม่มีญาติให้หันหน้าไปพึ่งพิง จะแจ้งตำรวจก็กลัวชีวิตของแก้วกาญจะยิ่งไม่ปลอดภัย ระหว่างนั้นภูมิก็กลับมารื้อค้นของในบ้านมารีญา และพบเงินสดปึกใหญ่ที่แก้วกาญเอามาให้ ซึ่งมารีญาก็ไม่ได้ซ่อนมันให้มิดชิดแต่อย่างใด จากนั้นภูมิก็เก็บของใช้ส่วนตัวรวมถึงเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้มารีญาแบบลวกๆ ไม่ได้เลือกอย่างพิถีพิถันแต่อย่างใด จากนั้นก็กลับออกไปทันที โดยไม่ลืมล็อคบ้านให้มารีญาโดยใช้กุญแจอันใหม่ เพราะตอนเข้ามาพวกเขาเลือกวิธีถีบประตูไม้อันเก่าจนพัง และทันทีที่ภูมิกลับมาที่เพนต์เฮาส์ ชายหนุ่มก็ตรงเข้าไปหาวิชญ์ที่เวลานี้นั่งรออยู่ในห้องทำงานแล้ววางเงินสดที่รื้อค้นได้จากบ้านของ มารีญาลงบนโต๊ะทำงานเจ้านาย วิชญ์ยิ้มเหยียดออกมา แล้วเดินถือเงินปึกนั้นเข้าไปหามารีญาที่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงนั่งอยู่บนพื้นในห้องรับแข
หน้าที่แรกที่มารีญาต้องรับผิดชอบ ในฐานะตัวประกันหรือตัวแทนที่มาทำแทนแก้วกาญคือการเตรียมน้ำอุ่นให้วิชญ์อาบในค่ำวันนั้น แม้หน้าที่นี้แก้วกาญจะไม่ได้ทำบ่อยๆ ยกเว้นวันที่เธอมีอารมณ์ปรารถนาหรืออยากอ้อนอะไรเป็นพิเศษ แต่ทว่าวิชญ์กลับทำให้มารีญาเข้าใจว่าแก้วกาญทำเช่นนี้ทุกวันชายหนุ่มเดินสวมเสื้อคลุมอาบน้ำเข้ามาในห้องน้ำส่วนตัว ที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนของมารีญาที่บ้านเสียอีก โดยเธอเดินตามหลังเขามาด้วยท่าทางเกร็งๆ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ถัดไปคือจุดอาบน้ำแบบเอ้าดอร์ที่อยู่ด้านนอกติดกับระเบียง ซึ่งตกแต่งด้วยต้นไม้เขียวๆ จนคล้ายกับสวนไม่มีผิด“เปิดน้ำอุ่นสิ”“ค่ะ” มารีญาเอ่ยรับแล้วจัดการเปิดน้ำอุ่นลงในอ่างจากุชชี่ให้วิชญ์ กระทั่งเห็นว่าน้ำค่อยๆ ไต่ระดับขึ้น ชายหนุ่มจึงแก้ปมเสื้อคลุมอาบน้ำออกแล้วจัดการถอดให้พ้นตัว และเป็นจังหวะเดียวกับที่มารีญาหันกลับหาเขา เพื่อจะถามว่าน้ำในอ่างจากุชชี่ได้ระดับหรือยังมารีญายืนกะพริบตาปริบๆ เมื่อได้เห็นร่างกายกึ่งเปลือยของวิชญ์ แม้จะบอกให้ตัวเองหลับตาหรือหันไปมองที่อื่นแต่สุดท้ายก็ยังคงยืนจ้องอยู่แบบนั้น เพราะหุ่นของเขาราวกับนายแบบก็ไม่ปาน
“หิวหรือไง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม แม้จะติดห้วนไปเสียมากแต่ก็แฝงความห่วงไว้อยู่ เพราะต่อให้วิชญ์จะร้ายกาจแค่ไหนเขาก็คงไม่กล้าปล่อยให้ใครอดตายในบ้านได้ นอกเสียจากฆ่าให้หมดลมหายใจไปในครั้งเดียว“เปล่า แค่จะมาหาน้ำดื่ม” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี เสียงท้องของมารีญาก็ดังขึ้นจนทำเอาเธอขายหน้า จ๊อกกก“หิวก็บอกว่าหิว ไม่เห็นต้องแกล้งทำเป็นไม่หิว” วิชญ์ส่ายหน้าให้มารีญาก่อนจะเดินกลับมาห้องทำงาน ทำราวกับไม่ได้สนใจอะไรเธอมากนัก ส่วนคนหิวที่ยังอยู่ในครัวก็ได้แต่ดื่มน้ำรองท้องดับความหิวไปก่อน“ถ้าได้ยินเสียงออดก็ออกไปเปิดประตูแล้วกัน” คำพูดของวิชญ์ที่หายไปหลายนาทีดังขึ้น ทำให้มารีญาหันไปมองหน้าเขาอีกครั้งด้วยหน้าตาที่ดูงุนงง“ดึกป่านนี้แล้วใครมาหรือคะ” คำพูดซื่อๆ ของเธอพลอยทำให้วิชญ์นึกขำแต่ก็ยังเก๊กหน้านิ่ง แม้จะพึ่งรู้จักแต่เขาก็มองออกว่าเธอกับพี่สาวมีนิสัยที่ต่างกันพอสมควร แต่ของแบบนี้มันก็ต้องดูกันแบบยาวๆ“เดี๋ยวก็รู้เอง” เอ่ยบอกเสร็จวิชญ์ก็กลับห้องทำงานไป ปล่อยให้มารีญายืนงงว่าใครกันที่จะมากดออดตอนนี้ กระทั่งผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้น มารีญาสะดุ้ง ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าข
“อืม” แก้วกาญพยักหน้ารับ จากนั้นพศินก็ปลีกตัวออกไปคุยโทรศัพท์ โดยเลือกมุมที่ไกลและเป็นส่วนตัวหน่อย แล้วจัดการโทรกลับหลังจากตัดสายไปหลายครั้ง เพราะอยู่ต่อหน้าแก้วกาญจึงไม่สะดวกรับสาย “บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่าโทรมา” น้ำเสียงห้วนๆ ของพศินเอ่ยตะคอกใส่ปลายสาย แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่นึกโกรธเคือง “ลูกไม่สบายพี่”“ลูกไม่สบายเป็นอะไร” สีหน้าของพศินเปลี่ยนไปทันที เพราะสำหรับเขาลูกคือแก้วตาดวงใจ“ไข้สูงมาก ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ฉันอยากให้พี่กลับมาดูลูกหน่อย” โสภาเอ่ยบอก เธอกับพศินแต่งงานเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี แต่เพราะเขาติดงานจึงไม่ค่อยได้กลับมาที่บ้าน รวมทั้งงานบางอย่างที่พศินทำเธอก็รู้มาตลอด แม้จะไม่ชอบใจแต่เพราะเงินเธอจึงต้องจำยอมให้เกิดขึ้น “กลับแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่โอนเงินไปให้ บอกลูกด้วยว่าพี่คิดถึง”“จ้ะ” โสภาเอ่ยรับอย่างจำยอมเช่นกัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ครอบครัวของเธอจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที ซึ่งทันทีที่วางสายจากสามีก็รีบกลับไปดูลูกมารีญาสะดุ้งตื่น ก่อนจะลนลานสำรวจความเสียหายของตัวเองเพราะระแวงว่าตอนที่เธอเผลอหลับไปนั้น วิชญ์อาจเข้ามาทำมิดีมิร้าย เมื่อเห็น
คืนนั้นกว่าที่วิชญ์จะกลับก็เกือบเที่ยงคืน ชายหนุ่มมาถึงก็สั่งให้มารีญาเตรียมน้ำอุ่นให้เหมือนครั้งก่อน ซึ่งเธอก็ทำทุกอย่างโดยไม่ปริปากบ่น กระทั่งมาเก้ๆ กังๆ นิดหน่อยตอนถูหลังให้เขา“สระผมให้ด้วย”“ค่ะ” มารีญาเอ่ยรับ แล้วลงมือสระผมให้วิชญ์ที่ตอนนี้เอนหลังพิงขอบอ่างจากุชชี่อยู่ แม้เขาจะหลับตาแต่ทว่าคิ้วหนากลับขมวดเข้าหากัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้เสมอตอนที่เขาคิดเรื่องงาน แต่หลังๆ ก็มีเรื่องของ แก้วกาญเข้ามาแทรกให้ต้องหงุดหงิดใจ“แม่บ้านบอกวันนี้เธอทำงานแทนจนหมด” วิชญ์ที่ยังคงนอนหลับตาอยู่เอ่ยถามขึ้น ซึ่งคำถามของเขาก็พลอยทำให้มือของมารีญาที่กำลังล้างผมให้เขาอยู่นั้นชะงักไปเล็กน้อย “ค่ะ...พอดีฉันว่างไม่รู้จะทำอะไร”“อย่าทำอีก” น้ำเสียงห้วนๆ เอ่ยห้ามขึ้น “เอ้” มารีญาอุทานออกมา “ให้แม่บ้านทำ ไม่งั้นฉันจะไล่แม่บ้านออก”“ไล่ออกทำไมคะ ในเมื่อฉันเป็นคนทำเองแท้ๆ” คนฟังแย้งขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “ฉันไม่ได้ให้เธอมาทำงานเป็นแม่บ้านหรอกนะ...มารีญา” เอ่ยบอกจบ วิชญ์ก็อาศัยจังหวะที่มารีญาเผลอคว้าตัวเธอไว้ แล้วออกแรงดึงให้ลงไปอยู่ในอ่างจากุชชี่ด้วยกัน “อุ๊ย! คุณวิชญ์” มารีญาร้องเสียงหลง แต่พอตั้งสติได
“ค่ะ” เมื่อเอ่ยรับเสร็จมารีญาก็ลุกขึ้นแล้วเดินผ่านวิชญ์ออกไป เป้าหมายของเธอคือห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนของชายหนุ่มเมื่อมาถึงก็จัดการเตรียมน้ำให้เหมือนที่เคยทำ กระทั่งน้ำได้ระดับแล้วจึงหมุนตัวเพื่อจะกลับออกไป ซึ่งเป็นจังหวะที่วิชญ์เดินเข้ามาพอดี โดยชายหนุ่มสวมเพียงกางเกงทำงานเท่านั้น ส่วนเสื้อที่ใส่ไปทำงานถอดทิ้งลงตะกร้าไปได้หลายนาทีแล้วแม้จะตกใจที่หันมาเห็นวิชญ์อยู่ในสภาพกึ่งเปลือย แต่ทว่ามารีญากลับเก็บสีหน้าและอาการไว้ได้ดี เพราะตลอดทั้งวันเธอเอาแต่บอกตัวเองว่าห้ามแสดงท่าทางปลื้มหรือเขินอายต่อสิ่งที่วิชญ์ทำ ไม่ว่าเขาจะพูดหรือแสดงออกแบบไหนเธอต้องเฉยให้ได้มากที่สุด นั่นเพราะเธอไม่อยากให้วิชญ์รู้ว่าเขามีอิทธิพลกับเธอ“น้ำได้แล้วค่ะ” น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นปกติของมารีญาเอ่ยบอก พลอยทำให้คนที่ตั้งใจแกล้งหงุดหงิดเล็กๆ เพราะเขาอุตส่าห์ลงทุนถอดเสื้อโชว์ซิกแพคที่เธอได้ลูบได้ไล้เมื่อคืนเพื่อยั่วแท้ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับ...ว่างเปล่าแต่มีหรือที่คนอย่างวิชญ์จะถอดใจง่ายๆ“อาบน้ำด้วยกันสิ”“ฉันอาบแล้วค่ะ”
“เออๆ ไม่ต้องพูดแล้ว”“ครับ” ภูมิเอ่ยรับแล้วยืนรอเจ้านายกลับเข้าห้องไปจัดการธุระส่วนตัว ซึ่งวันนี้ดูเร็วเป็นพิเศษเพราะเวลาประชุมกระชั้นชิดเข้ามาแล้วนั่นเองแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังให้ภูมิไปตามมารีญามาพบ เพราะเธอต้องส่งเขาไปทำงานเหมือนที่เคยทำ แม้จะอยากหลบหน้าเขาแต่มารีญาก็คิดว่าคงทำแบบนั้นได้ไม่ตลอด ทางเดียวคือทำตัวให้เป็นปกติและปล่อยให้เรื่องเมื่อคืนผ่านไปพร้อมน้ำตา“คุณวิชญ์เรียกฉันหรือคะ” มารีญาเอ่ยถามขึ้น ทั้งๆ ที่ตอนนี้เธอไม่กล้ามองหน้าวิชญ์ด้วยซ้ำ“ใช่...เพราะฉันกำลังจะไปทำงานแล้ว”“ค่ะ”“ค่ะก็เข้ามาใกล้ๆ สิ จะยืนห่างแบบนั้นทำไม” เมื่อได้ยินวิชญ์พูดแบบนี้ มารีญาจึงต้องขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้น และเมื่อมากพอวิชญ์ก็รวบตัวเธอเข้าไปกอดจากนั้นก็บดขยี้จูบลงมาปิดกั้นคำประท้วงจูบจากวิชญ์ทำให้มารีญาตกใจจนสตั้นไปหลายวินาที พอตั้งสติได้ก็ผลักไสชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ยิ่งเธอผลักเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงจูบมา
“เราจะไปอยู่ที่ไหนกันพศิน” แก้วกาญที่จู่ๆ ก็ต้องหอบหิ้วเงินสดเครื่องเพชร รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวออกจากบ้านมาอย่างฉุกละหุกเพื่อหนีคนของวิชญ์เอ่ยถามขึ้น “ห้องเช่าครับ”“ห้องเช่าเหรอ ฉันอยู่ที่แบบนั้นไม่ได้หรอกนะ” คำปฏิเสธของแก้วกาญทำให้พศินที่หันหลังให้อยู่ถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจออกมา“แต่ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกแล้ว คุณไม่เห็นหรือไงว่าคนของคุณวิชญ์ตามหาเราทั้งคู่เจอ ป่านนี้คงป้วนเปี้ยนอยู่เต็มเวียงจันทน์ ขืนอยู่ในที่ที่หาได้ง่ายๆ พวกมันก็เจอเรากันพอดี”“แล้วคลีนิคของเราละ” แก้วกาญเอ่ยถามถึงคลีนิคเสริมความงามที่เธอลงเงินทุนไปอย่างมากมาย เพราะนั่นคือความหวังใหม่ของเธอนั่นเอง “เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”“จัดการยังไง”“ก็ใช้เงินยัดคนท้องถิ่นให้เก็บเรื่องเราไว้เป็นความลับก่อน แต่คนพวกนั้นก็อยากได้เงินเพิ่ม ซึ่งผมเองก็เกรงใจที่ต้องมาขอคุณบ่อยๆ” พศินเล่นบนเศร้าเล่าความเท็จได้อย่างแนบเนียน ทั้งๆ ที่เวลาหน้าหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่เขาก็ยังหาทางสูบเงินมาจากแก้วกาญจนได้ “ทำไมถึงพูดเหมือนเราเป็นคนอื่นคนไกลแบบนั้นละพศิน” พอเห็นพศินเศร้าแก้วกาญก็พลอยใจไม่ดีตามไปด้วย “ก
มือหนาที่อุ่นร้อนของวิชญ์เองก็กำลังฟอนเฟ้นบีบคลึงหน้าอกของมารีญาไปด้วย ยิ่งทำให้เธอตื่นตัวและความตื่นตัวนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความอ่อนระทวย “ลืมตาขึ้นมองฉันสิ” วิชญ์ที่เวลานี้ละความสนใจจากกุหลาบดอกสวยของมารีญาชั่วคราว ขยับตัวขึ้นมากระซิบบอกเธอ ซึ่งมารีญาก็ทำตามราวกับถูกมนต์สะกดจากนั้นเขาก็มอบจูบให้เธออีกครั้งพร้อมกับบดเบียดสะโพกสอบเข้าหาอย่างตั้งใจ แกนกายของเขาที่เวลานี้ขยายใหญ่เสียดสีไปมาอยู่แถวๆ หน้าขาของ มารีญา บางจังหวะมันก็ขยับมาเสียดสีกับความสาวของเธออย่างเชื้อเชิญให้คล้อยตามเสียงครางกระหึ่มดังมาจากวิชญ์ นั่นทำให้มารีญารู้สึกแปลกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะทรมานเช่นเดียวกับเธอ แต่ความแปลกใจก็ถูกเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า เมื่อถูกวิชญ์ล่อหลอกด้วยรสเสน่หาอันไม่คุ้นชินจนเตลิดวิชญ์จัดการถอดอันเดอร์แวร์ออกแล้วคว้ามือของมารีญาไว้ จากนั้นก็นำทางให้เธอได้สัมผัสกับแกนกายของเขาเป็นครั้งแรก มารีญาตกใจก่อนจะดึงมือตัวเองกลับแต่ก็ถูกวิชญ์รั้งเอาไว้แล้วเสียก่อน“ลองจับมันดูสิ...อืม” ท้ายประโยคคือเสียงครางของชายหนุ่ม วิชญ์เป่าลมออกปากหนักๆ อย่างทรมาน เพราะเพียงแค่ฝ่ามือนุ่มของมารีญาลูบไล้ไปมาบนแกนกายข
“อะ...อ้ายยย” แม้จะมีมือปิดปากอยู่ แต่เสียงครางของมารีญาก็ดังชัดเจน มันกระตุ้นอารมณ์ของวิชญ์จนลุกโชนได้ดี เขาจึงตอบแทนเธอด้วยแรงดูดจากปากหนักๆ จนมารีญาแอ่นอกขึ้นรับอย่างลืมตัว ใบหน้าสวยเหยเกทรมาน ภายในร่างกายปั่นป่วนจนยากจะอธิบายความร้อนจากเหล้าที่ดื่มเพื่อหวังมอมตัวเองกลับสู้ไม่ได้เมื่อเทียบกับความร้อนที่ถูกจุดโดยวิชญ์ ทั้งๆ ที่เธอมอมเหล้าตัวเองเพื่อไม่ให้รู้สึกอะไรแล้วแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่เป็นอย่างที่คิดสักนิด ทั้งรอยจูบทั้งรอยสัมผัสจากวิชญ์กลับตราตรึงอยู่ในความรู้สึก ตราตรึงอยู่ในทุกอณูของร่างกายและลมหายใจที่สะท้านขึ้นลงด้วยไฟปรารถนาที่ไม่คุ้นเคย แต่เธอกลับอยากได้รับมันอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอกำลังถูกวิชญ์มอมเมาด้วยเหล้าที่เรียกว่าความปรารถนาดีกรีของมันร้อนแรงจนอะไรบนโลกใบนี้ก็เทียบเคียงไม่ได้ มันทำให้เธอพ่ายแพ้และโหยหาเขา ซึ่ง มารีญาก็สื่อออกมาจากแววตาที่เธอกำลังมองวิชญ์ ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเพราะรู้ว่าเวลานี้มารีญาคงไม่แสดงอาการต่อต้านอะไรเขาได้อีก แต่ทว่าทำไมเขาถึงรู้สึกห่วงรวมถึงไม่อยากให้เธอหวาดกลัวสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั่นทำให้วิชญ์เปลี่ยนท่าทีมาอ่อนโยนกับมารีญามากขึ้น แต่ดูเหมือนจ
เขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มหรือเสนอตัวก่อน หากเหตุการณ์จบลงก็คงถือว่าเป็นผู้ถูกกระทำจากมารีญามากกว่า ฉะนั้นเธอควรต้องรับผิดชอบเขาไม่ใช่ให้เขาไปรับผิดชอบเธอวิชญ์พลิกตัวขึ้นไปอยู่ด้านบนแล้วกดร่างบางที่สั่นสะท้านของมารีญาให้อยู่ในอ้อมกอด ชายหนุ่มจัดการถอดเสื้อนอนออกแล้วโยนไปอีกทาง ปล่อยให้มารีญาตะลึงแล้วเพ่งมองรูปร่างท่อนบนอยู่ไม่กี่วินาทีก็โผเข้าไปหาเธอและมอบจูบให้อีกครั้ง บางจังหวะที่ความกลัวก่อตัว มารีญาก็ผลักไสวิชญ์บ้างด้วยการใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบแผงอกของชายหนุ่มสลับออกแรงผลักให้เขาออกห่าง แต่กลับถูกชายหนุ่มมอบจูบให้อย่างร้อนแรงจนเธอแทบหายใจไม่ทัน ไหนจะมือไม้ของเขาทั้งสองข้างที่ป้วนเปี้ยนลูบไล้ร่างกายเธออย่างเป็นเจ้าของ“ขะ...คุณวิชญ์”“อะไร” น้ำเสียงแหบพร่าด้วยอารมณ์ปรารถนาของวิชญ์เอ่ยดังขึ้น ซึ่งคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้ก็คือมารีญา “คุณยังไม่รับปากฉันว่าจะปล่อยพี่แก้วไป”“พรุ่งนี้ฉันจะรับปาก” เอ่ยบอกเสร็จวิชญ์ก็ซุกไซ้กึ่งปากกึ่งจมูกลงไปตรงซอกคอของมารีญา สัมผัสจากเขาทำให้เธอขนลุกซู่อย่างเสียวซ่าน แต่ก็พยายามใจแข็งผลักไสชายหนุ่มออก เพราะมองว่าวิชญ์ไม่ทำตามที่พูด “ถ้างั้นฉันจะกลับห้อง แล
“เธอไม่น่าจะถามฉันแค่คำถามเดียวหรอกมั้ง...ใช่ไหม” มารีญาไม่ตอบอะไร เธอนั่งจ้องแก้วบรั่นดีอยู่นาน ก่อนจะคว้ามาถือไว้แล้วเริ่ม...ดื่มรสชาติของมันทั้งคมและบาดคอไม่ได้อร่อยสักนิด คิ้วสวยขมวดกันเป็นปมก่อนจะกลืนบรั่นดีรสชาติไม่ได้เรื่องลงคอ ไม่เข้าใจว่าใครต่อใครทำไมถึงชอบดื่มมันนัก เพราะนอกจากรสชาติจะแย่แล้วยังส่งผลเสียต่อสุขภาพอีก แต่ถึงจะไม่ชอบแต่มารีญาก็ฝืนดื่มไปจนหมดแก้ว นั่นทำให้เธอรู้สึกร้อนไปทั้งตัว“ฉันดื่มหมดแล้ว คราวนี้คุณจะตอบคำถามมาได้หรือยังว่าตอนนี้พี่แก้วอยู่ที่ไหน”“เวียงจันทน์”“ก็อยู่ที่เดิมที่คุณเคยบอกฉันนี่”“ใช่...แต่คราวนี้ฉันรู้ลึกกว่านั้น รู้ว่าพี่สาวอยู่กบกานอยู่ที่บ้านหลังไหน ซอยอะไร เข้าออกบ้านกี่โมง แต่ละวันไปที่ไหนมาบ้าง” วิชญ์ยิ้มพอใจกับระดับความจำของมารีญา ก่อนจะพูดเกินจริงไปนิดๆ หน่อยๆ เพื่อบีบคั้นเธอ ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีขึ้นดื่มด้วยท่าทางสบายๆ ในขณะที่มารีญาเองก็กำลังตกใจกับสิ่งที่ได้รู้และเธอมีคำถามจะถามเขาต่อ จึงหยิบขวดบรั่นดีมารินใส่แก้วในปริมาณที่วิชญ์รินให้ดู จากนั้นก็ดื่มด้วยท่าทางไม่ชอบทันที ซึ่งพอวางแก้วลงคำถามที่สองก็ออกจากปากเธอ“ตอนนี้พี่แก้วยังส
“ตอนนี้มันพาคุณแก้วไปซ่อนตัวที่อื่นแล้วครับ” นั่นเพราะกมลตามไปจนถึงบ้านเช่าของทั้งสองคน แต่ทว่ากลับเจอเพียงความว่างเปล่า “บัดซบ”“ผมขอโทษครับเจ้านาย” กมลเอ่ยขอโทษตรงๆ เพราะเขาก็อยากทำผลงานให้เจ้านายพอใจเช่นเดียวกัน แต่ความพลาดแค่นิดเดียวกลับทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว “ตามหาสองคนนั้นให้พบ ถ้าไม่พบพวกนายก็อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไป”“ครับ” เอ่ยรับคำเสร็จกมลก็วางสายไปแล้วแยกย้ายกันไปทำงาน ในขณะที่วิชญ์ก็หัวเสียจนต้องหาบหรั่นดีมาดื่มดับอารมณ์โกรธ ชายหนุ่มกระดกบรั่นดีชั้นเลิศที่สั่งนำเข้ามาจากฝรั่งเศสลงคอราวกับนั่นเป็นน้ำเปล่า แม้มันจะบาดภายในลำคอจนหน้ายู่ แต่ทว่ากลับไม่ได้ทำให้เขาหยุดดื่มแต่อย่างใดจู่ๆ ใบหน้าของมารีญาก็ผุดเข้ามาในความคิด ก่อนที่วิชญ์จะเดินถือแก้วบรั่นดีทรงสวยตรงไปยังห้องนอนของเธอ ดูเหมือนเวลานี้ความไม่พอใจทำลายเหตุผลที่เคยมีไปอย่างสิ้นเชิง ก๊อก ก๊อก ก๊อก“เปิดประตู” เจ้าของเพนต์เฮาส์เอ่ยบอกคนที่อยู่ข้างในเสียงดังลั่น ส่งผลให้มารีญาที่ยังไม่นอนเกิดอาการลนลาน สองจิตสองใจว่าจะแกล้งหลับหรือออกไปเปิดประตูให้วิชญ์ สุดท้ายก็เลือกอย่างหลัง“คุณวิชญ์”“นอนหรือยัง”“ยังค่ะ”“งั้นออ
“ของมันร้อน สุดท้ายก็ต้องเอาออกมาขายกินสินะ” วิชญ์ยิ้มเหยียดอย่างนึกสมเพชแก้วกาญ เพราะไม่ทันไรก็ขายเครื่องเพชรที่เขาซื้อให้กินเสียแล้ว“คนของเราที่เวียงจันทน์สืบที่อยู่ของสองนั้นเจอหรือยัง”“ยังครับเจ้านาย แต่ผมขอเวลาครึ่งเดือนน่าจะได้ข่าวครับ”“ฉันให้เวลาตามที่นายขอกมล หลังจากนี้ถ้ามีอะไรคืบหน้า รายงานตรงกับฉันได้เลย” แม้จะอยากรู้ที่อยู่ของแก้วกาญและพศินเดี๋ยวนี้ แต่วิชญ์ก็เข้าใจการทำงานว่าทุกอย่างมันมีขั้นตอน ต่อให้เขาจะใจร้อนแค่ไหนก็คงต้องรอสักหน่อย “ครับเจ้านาย” เอ่ยรับคำเสร็จกมลก็วางสายแล้วไปทำงานของตัวเองต่อ ในขณะที่วิชญ์นั่งนิ่งๆ เพราะกำลังใช้ความคิดว่าเขาจะทำยังให้แก้วกาญโผล่หางออกมาเพราะหลังจากนี้เขาจะทำให้เธอคลานกลับมาขอความเมตตา หลังจากนี้เขาจะทำให้เธอเป็นฝ่ายตามหาตัวเขากลับบ้าง แค่คิดก็รู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็เดินไปยังห้องนอนของมารีญาก๊อก ก๊อก ก๊อก“เปิดประตูหน่อย” น้ำเสียงห้วนๆ ของเจ้าของเพนต์เฮาส์เอ่ยบอก นั่นทำให้คนที่อยู่ในห้องแม่บ้านต้องออกมาเปิดประตูให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ “คุณวิชญ์”“ฉันมีข่าวพี่สาวเธอมาบอก”“ข่าวพี่แก้วหรือคะ” ประโยคที่ได้ยินสร้างความดีใจ