บทที่ 17ตอนนี้ที่บ้านเธอกำลังต้อนรับแขกที่ไม่น่าต้อนรับ เพราะคนที่มาคือเถ้าแก่โรงไม้ เธอนึกว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเพราะเธอถามพ่อกับแม่แล้ว ทั้งสองตอบว่าได้ปฏิเสธเถ้าแก่โรงไม้ไปแล้ว และบอกกับคนที่บ้านแล้วว่าไม่ยอมให้พี่สาวเธอแต่งกับเถ้าแก่โรงไม้เด็ดขาด ปิงปิงมองไปที่พี่สาวที่ตอนนี้กำลังยืนหน้าซีดและพี่ชายที่ดูยังไงก็รู้ว่ากำลังโมโหกับเรื่องนี้ "อิงอิง... อยู่ก่อน ส่วนคนอื่นออกไปได้แล้ว" ย่าหลิ่งเป็นคนสั่งปิงปิงมองหาพ่อกับแม่ของเธอ ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหนจึงได้แต่มองหน้าพี่ชายที่ไม่ยอมขยับไปไหนพร้อมกับเอาตัวมายืนบังพี่สาวที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ ปิงปิงภาวนาให้ความสามารถของเธอใช้ได้ในครั้งนี้ ปิงปิงเอามือไปแตะลุงใหญ่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และได้เห็นเหตุการณ์ที่ลุงใหญ่บอกอะไรบางอย่างกับพ่อแม่ของเธอ ก่อนที่ทั้งสองจะออกจากบ้านไป ปิงปิงมองหน้าลุงใหญ่ทันที ไม่ใช่ว่าเขาหลอกให้พ่อแม่เธอออกไปข้างนอก แล้วให้ผู้ใหญ่ทางนี้ตกลงกันเองโดยที่ไม่รอพ่อแม่ของเธอ แล้วเอาปู่ย่ามาอ้างหรอกนะ... พอคิดได้ดังนั้น ปิงปิงก็วิ่งออกไปข้างนอกทันทีปิงปิงวิ่งไปตามทางที่เธอเห็นว่าพ่อแม่เดินไป สายตาก็สอดส่องมองหาพ่อกับแม่
บทที่ 18จากเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งบ้านทะเลาะกันนั้น ทำให้แต่ละครอบครัวหน้าตึงใส่กันไม่พูดคุยกันเหมือนแต่ก่อน และปัญหาก็มีมาเรื่อย ๆ บ้านลุงใหญ่มีปัญหาเรื่องหนี้สินและงานแต่งลูกชายคนโตที่ดูเหมือนจะล่ม เพราะลูกชายไปมีอะไรกับพี่สาวเหริน และพี่สาวเหรินบอกว่าเธอน่าจะกำลังตั้งท้อง ตอนนี้รอผลตรวจจากโรงพยาบาลก่อนถึงจะรู้ผลแน่ชัด ทำให้ย่าหลิ่งปิดห้องไม่พูดคุยกับใคร ส่วนบ้านลุงรองก็มีปัญหาเพราะลุงรองมีเมียอีกคน และที่หนักกว่านั้นคือมีลูกชายวัย 5 ขวบด้วยกันแล้ว เมื่อเรื่องมันพร้อมใจกันเกิดขึ้น ปู่ของเธอจึงบอกให้ไปจัดการปัญหาของแต่ละคนกันเอง เพราะแต่ละครอบครัวมีปัญหาใหญ่ ๆ เกิดขึ้น จึงทำให้ครอบครัวของเธอย้ายออกได้ง่ายและที่สำคัญไม่มีเสียงบ่นเสียงด่าของย่า เพราะย่าคิดว่าตอนนี้คนในบ้านเยอะเกินไป ถ้ามีคนย้ายออกน่าจะประหยัดได้มากกว่า"อย่ามัวแต่นั่งเท้าคางมองดูคนอื่นเขา รีบไปกันได้แล้ว" ฟางเหนียงรีบไล่ลูก ๆ ให้รีบออกไปวันนี้เป็นวันเสาร์ เธอต้องไปทำความสะอาดบ้านเช่าหลังใหม่เพื่อที่จะได้ย้ายไปอยู่ในวันพรุ่งนี้ บ้านหลังนี้เป็นบ้านของครอบครัวป้าลี่อิงนั่นเอง อยู่ห่างจากที่นี่ไปอีกด้านหนึ่งของเมือง หรือที
บทที่ 19พอทุกคนแยกย้ายกันแล้วก็เหลือแต่บ้านเธอที่ตอนนี้ทยอยจัดของบางส่วนจนเรียบร้อยแล้ว พ่อของเธอบอกว่าจะไปหางานใหม่สำรองไว้ เพราะตอนนี้เขาไม่อยากไปทำงานที่โรงไม้แล้ว และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา ทั้งพ่อและแม่เลยแยกย้ายกันไปอีกทาง ส่วนพวกเธอสี่คนก็ตรงกลับบ้าน"ว่าไง... ลิงน้อย" อยู่ ๆ ก็มีเสียงดังทักทายมา ปิงปิงไม่ได้สนใจเพราะคำนี้ไม่มีใครเรียกพวกเธอแน่นอน แต่เล่อเล่อกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองทันทีที่ได้ยินคำนี้...ปิงปิงที่หันไปมองตามเสียงก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร คนนี้คือ หวังซีห่าว หรือก็คือพี่ชายของยัยป้าลี่อิงนั่นเอง และที่สำคัญคือเขาเรียกใครลิงน้อย ถ้าให้ปิงปิงเดาคงหนีไม่พ้น...ยังไม่ทันที่จะได้ถามเพื่อนเลย มือเธอก็ถูกดึงกระชากแล้ววิ่งออกไปทันที ในเมื่อเพื่อนเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้า เธอก็ต้องหนีเป็นเพื่อนเล่อเล่อ ทั้งสองวิ่งกันอย่างไม่คิดชีวิตและพากันไปหลบที่ร้านซาลาเปาเจ้าดัง นั่งกินซาลาเปาไปด้วย และฟังเรื่องราวของเล่อเล่อกับพี่ซีห่าวไปด้วย"ฉันกระโดดลงจากต้นไม้แล้วลงมาทับเขา... วันนั้นฉันใส่กระโปรง มันเลยเปิดไปคลุมหน้าเขาพอดีก็แค่นั้น" เล่อเล่อที่กำลังกินซาลาเปาก็เล่าให้เพ
บทที่ 20หลิวชวนกลับมาเล่าให้ฟางเหนียงฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังจากที่เธอพาลูกออกไป แม่ขอร้องว่าอย่าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ให้มันจบอยู่แค่ในบ้านเท่านั้น หลิวชวนบอกทุกคนว่าขออย่ายุ่งเกี่ยวกันอีก และไม่ต้องขอร้องเขาว่าห้ามแจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะเรื่องนี้อาจทำให้ลูกสาวคนเล็กของเขาตายได้ เขาถามพี่ชายกลับไปว่าถ้าลูกสาวของพวกเขาถูกกระทำจะยังอยู่เฉยไหม และยังจะมองคนที่ทำร้ายลูกสาวของตัวเองด้วยความรักและเอ็นดูเหมือนเดิมไหม คนอื่นอาจทำได้ แต่เขาทำไม่ได้ ทำร้ายลูกเมียเขาก็เหมือนทำร้ายเขาเหมือนกันหลังออกจากบ้านนั้น หลิวชวนก็แวะแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงบันทึกไว้ ทั้งเรื่องแยกบ้านและเรื่องที่ถงเหนียนผลักปิงปิงตกจากระเบียงด้วย ต่อไปไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ้านนั้นอีก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน และให้ลงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ทั้งหมด เขากับลูกชายจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ใบรับรองจากหมอที่ต้องเอามายืนยันกับเจ้าหน้าที่ก็ถือว่าทุกอย่างเสร็จสิ้น และเรื่องนี้เขาได้คุยกับลูกชายแล้วว่าอาจต้องให้เพื่อนลูกชายที่ชื่อจุนหานคอยช่วย เพราะจากที่ลูกชายเล่าให้ฟัง เพื่อนคนนี้ค่อนข้าง
บทที่ 21ตอนนี้ปิงปิงยืนอยู่ที่ห้องคุณครูประจำชั้นเพื่อมายื่นเอกสารไปสอบชิงทุน เธอไม่แน่ใจว่าจะทำได้ไหมเพราะไม่ได้แข่งกันแค่ในโรงเรียนเท่านั้น ความจริงเธออยากสอบชิงทุนนี้นานแล้ว แต่เพราะอายุและระดับชั้นของเธอยังไม่ถึงตามที่เขากำหนดเลยไม่ได้เข้าร่วม แต่ตอนนี้เธอสามารถเข้าร่วมได้แล้ว เธอหวังว่าการที่เธอได้ทุนเรียนฟรีหรือได้เงินสนับสนุนมามันจะช่วยครอบครัวเธอได้บ้าง"ปิงปิง... แผลเธอหายไวมาก ยังไม่ถึงอาทิตย์เลย ยาที่พี่จุนหานให้มามันได้ผลดีมาก" เล่อเล่อเพิ่งสังเกตเห็นว่าแผลของปิงปิงแทบมองไม่เห็นแล้ว"แต่มันก็ยังคัน ๆ " ปิงปิงตอบเพื่อนออกไปเธอไม่ได้บอกความจริงกับเพื่อน พี่สาวที่อยู่ในห้องหนังสือได้เอาน้ำมาให้เธอกินและบอกว่ามันจะช่วยรักษาแผลที่มีตามร่างกาย เธอก็กินตามที่บอก รสชาติมันก็เหมือนน้ำเปล่า แต่น่าแปลกใจที่อาการปวดตามตัวกลับลดลงทันที"คนโตบอกว่าถ้าคันคือใกล้หาย" เล่อเล่อจำได้ เธอได้ยินคนพูดบ่อย ๆ"ปิงปิง จะมีสอบคัดเลือกในวันจันทร์หน้า ถ้าสอบผ่านถึงจะไปสอบชิงทุนที่เขตได้" คุณครูประจำชั้นเป็นคนบอกและแนะนำ"สอบวันจันทร์ตอนไหนเหรอคะ""เข้ามาหาครูในช่วงเช้า ส่วนนี่คือเอกสารที่ครูเตรียมไ
บทที่ 22ปิงปิงรีบเก็บจี้กิเลนที่ได้มาให้เรียบร้อย แต่ยังเดินดูของในร้านเรื่อย ๆ เล่อเล่อกำลังสนใจปิ่นปักผมโบราณที่เป็นลายดอกไม้ดอกเล็กๆ แต่ยังมีความกลัวเลยไม่กล้าซื้อไป แต่ก็ตัดใจไม่ได้สักที"ปิงปิงเคยเป็นไหม อยากได้แต่กลัว" เล่อเล่อรีบถามเพื่อนทันที"เคยสิ บ่อยด้วย... แต่ถ้าไม่ได้มันจะยิ่งทำให้เราคิดแต่เสียดาย เอาไปก่อนเถอะ ฉันยังเอาจี้มาเลย" ปิงปิงรีบบอกเพื่อน"ก็จริง ความเสียดายรู้สึกแย่กว่าความกลัวเนอะ" เล่อเล่อเริ่มเห็นด้วย"คุณยายคะ... ปิ่นปักผมอันนี้เท่าไรคะ" ปิงปิงจึงอาสาจัดการให้" 5 หยวนจ้ะ"หลังจากบอกราคาไปแล้ว คุณยายก็คิดว่าทำไมเด็กพวกนี้ชอบแต่ของเก่าของโบราณ ของเล่นจากพวกต่างชาติพวกตาฟ้าเยอะแยะทำไมไม่ชอบ"ไปไหนก่อนดี... ร้านหนังสือก่อนไหม แล้วค่อยไปดูน้องหมา" เล่อเล่อเป็นคนออกความคิดเห็น"ดีเหมือนกัน" ปิงปิงรีบตอบกลับทั้งสองอยู่ในร้านหนังสือเก่า ถึงเล่อเล่อจะไม่ชอบอ่านหนังสือแต่เธอชอบดูสมุดภาพต่าง ๆ ทำให้เธอชอบไปร้านหนังสือแบบเดียวกับเพื่อนของเธอ ทั้งสองเลือกหนังสือในแบบที่ตัวเองสนใจ ปิงปิงเลือกหนังสือได้ทั้งหมดสามเล่ม ส่วนเล่อเล่อได้สมุดภาพที่เกี่ยวกับเครื่องประดับต่าง
บทที่ 23ตอนนี้ที่บ้านของปิงปิงกำลังเตรียมทำลิปสติกส่งให้ญาติของป้าลี่อิงที่ทำสัญญาซื้อขายกันเป็นที่เรียบร้อย ในช่วงแรก เธอกับเล่อเล่อช่วยกันทำแค่สองคน มีบางครั้งที่พี่สาวและพี่ชายมาช่วย แต่ตอนนี้มียอดสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก ทำให้เธอทำไม่ทันจนต้องให้แม่ของเธอออกจากงานมาช่วย แต่ดูเหมือนว่าคนช่วยงานก็ยังไม่พออยู่ดี พ่อของเธอบอกว่าจะออกมาช่วย แต่รอให้พ่อของเล่อเล่อหาคนมาทำงานแทนให้ได้ก่อน ตอนนี้ทุกคนในบ้านต่างก็ยุ่งกันหมด แต่ทุกคนดูมีความสุขเพราะเงินที่ได้มาก้อนแรกก็เยอะพอสมควร ปิงปิงดีใจจนไม่รู้จะพูดยังไง เพราะเธอสามารถช่วยครอบครัวของเธอหาอาชีพที่ทำเงินได้แต่ตอนนี้เธอกำลังจะเดินทางไปสอบชิงทุน เนื่องจากเธอผ่านการทดสอบจากที่โรงเรียนแล้ว และคนที่อาสาพาเธอไปสอบก็คือพี่ชายหาน"ขอให้โชคดีนะตัวแสบ" หลิวชวนอวยพรให้ลูกสาวคนเล็ก"ขอบคุณค่ะพ่อ""ตั้งใจและผลมันจะออกมาดีแน่นอน""ขอบคุณค่ะแม่"ปิงปิงบอกลาพ่อกับแม่แล้วเดินไปขึ้นรถทันที เธอต้องรีบไปแต่เช้ามืดเพราะมันต้องใช้เวลาในการเดินทาง ตอนที่นั่งรถ ปิงปิงนึกถึงฝันของเธอ ตอนที่ได้กลับไปคุยกับพี่สาวคนสวย เธอก็ได้รู้ว่าจี้กิเลนที่เธอได้มาไม่ใช่อันเดีย
บทที่ 24"พ่อ... ไม่ใช่ลุง... แล้วพ่อใครเหรอคะ" ปิงปิงพึมพำถามกลับไปเธอพยายามทำความเข้าใจและมองไปที่พ่อกับแม่ หรือว่าเป็นญาติพี่ฮุ่ยหวงมาคุยเรื่องพี่สาวของเธอ ทุกคนเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา พ่อกับแม่ของเธอมีท่าทีลำบากใจกับการที่ต้องตอบคำถามเธอ จึงทำให้เธอคิดว่าคงไม่เกี่ยวกับเธอ คงเป็นเรื่องของผู้ใหญ่มากกว่า"ถ้าอย่างนั้น... ปิงปิงขอตัวก่อนนะคะ" ในเมื่อทุกคนมองเธอแล้วเงียบ เธอควรออกไปน่าจะดีกว่า"เดี๋ยวก่อนปิงปิง... มานั่งใกล้ ๆ พ่อตรงนี้" หลิวชวนเอ่ยรั้งลูกสาวไว้ก่อนปิงปิงขมวดคิ้วทันที เพราะพ่อเรียกชื่อแสดงว่ามีเรื่องที่ต้องคุยแบบจริงจัง เธอเลยเดินไปนั่งตามที่พ่อบอก"มีอะไรหรือเปล่าคะ" เธอถามขึ้นมาทันที"พ่อกับแม่มีเรื่องจะบอกลูก" หลิวชวนคิดว่ามันคงถึงเวลาจริง ๆ แล้วสินะ ก่อนจะพูดอะไร เขาดึงลูกสาวเข้ามากอดไว้แน่น การกระทำแบบนี้ทำให้ปิงปิงเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที"อาเฉิน... จะเข้ามาอยู่กับน้องหรือจะไปรับพี่ของลูก" หลิวชวนหันไปมองลูกชายที่ยืนนิ่งไม่ขยับ และเอาแต่จ้องไปทางแขกไม่ละสายตาไปไหนเลย"ผมจะอยู่กับน้องครับ" เฉินเฉิน เขาจะไม่ทิ้งน้องสาวในเวลานี้แน่นอน ยังไงพี่สาวเขาก็มีคนคอยรับค
ตอนพิเศษ"โอ๊ย!! ไม่ไหวแล้ว!! " ปิงปิงเริ่มโวยวายเสียงดัง เนื่องจากตอนนี้เธอเริ่มเจ็บท้องคลอดแล้ว"ฟู่ ๆ ๆ หายใจลึก ๆ นะ" จุนหานกำลังพยายามปลอบใจเพื่อให้ภรรยาใจเย็นลงตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมห้องคลอด เนื่องจากท้องนี้ต้องใช้หมอต่างชาติมาทำการผ่าตัดคลอด พยาบาลได้ฉีดยาเพื่อทำให้ภรรยาของเขาหลับแล้ว แต่ภรรยาของเขายังไม่หลับและยังไม่สลบ ไม่รู้เพราะยายังไม่ออกฤทธิ์หรือเพราะความเจ็บปวดที่มากเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาเริ่มเสียงดังโวยวาย"ไม่เอาแล้ว มันเจ็บ ฮือ ๆ ๆ ๆ " ปิงปิงเริ่มร้องไห้และเริ่มโวยวายเสียงดัง จุนหานจึงต้องคอยกอดและปลอบใจ พร้อมกับส่งสายตากดดันเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่ทำงานไม่ทันใจเขาเอาเสียเลย จุนหานค่อย ๆ ลูบหลังคนที่เจ็บท้องเพื่อปลอบโยนจนคนตัวเล็กที่บ่นพึมพำเสียงเบาลงเรื่อย ๆ จนเงียบไป หมอไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปข้างในห้องผ่าตัด แต่จุนหานยืนยันที่จะเข้าไป เขาไม่มีทางปล่อยให้ภรรยาคลอดเพียงลำพังแน่นอน หมอที่ต้องรีบทำการผ่าคลอดก็ต้องยอมและทำงานด้วยอาการเกร็ง เพราะจุนหานมองอย่างไม่ละสายตา ทำให้หมอต้องรีบผ่าคลอดให้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นต้องตกอยู่ในสถานการณ์กดดันจากญาติคนไข้เป็นเวลานานแน่น
บทที่ 51 บทส่งท้ายวันนี้คือวันแต่งงานของปิงปิง เธอต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัว ต้องบอกว่าแทบไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะเธอต้องดูแลว่าที่เจ้าบ่าวของเธอที่ตอนนี้อาการหนักพอสมควร เหตุเกิดจากเขาอีกนั่นแหละ เธอเลยไม่ค่อยสงสารเขาสักเท่าไร"ไหวไหมคะ" ปิงปิงถามแม่ฟางเหนียงที่เข้ามาดูว่าเธอแต่งตัวเสร็จหรือยัง เพราะทางบ้านหยางจ้างช่างแต่งหน้าแต่งตัวไว้ทั้งหมด เธอมีหน้าที่แค่ยืนนิ่ง ๆ หรือนั่งนิ่ง ๆ ให้เขาแต่งตัวให้เท่านั้นเอง"ก็ยังอาเจียนออกมาตลอด" ฟางเหนียงพูดแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ที่เห็นคนนิ่ง ๆ แบบจุนหานมีอาการแบบนี้"ปิงปิงไม่ค่อยสงสารเขาเท่าไรหรอกค่ะ" เธอพูดตามที่คิด"แหม! ยัยขี้เหร่! ใครไม่เป็นไม่รู้หรอกว่ามันทรมานมากแค่ไหน" เล่อเล่อที่นั่งกินผลไม้อยู่รีบออกตัวอย่างแรง เพราะสองคนนี้มีอาการอย่างเดียวกัน"กินเยอะ ๆ นะแม่หมา... " ปิงปิงเอามือลูบท้องนูน ๆ ของเพื่อนที่หมอบอกว่าท้องได้ประมาณสามเดือนแล้ว"ไม่ต้องห่วงเรื่องกินของฉัน... ฉันกำลังสงสัยว่าตกลงจัดพิธีแบบไหนเนี่ย! จะแบบโบราณก็ไม่ใช่ จะแบบต่างชาติก็ไม่ใช่" เล่อเล่อมองดูงานที่ถูกจัดในโรงแรม แขกทุกคนก็นอนกันที่นี่ทั้งหมด"ตอนงานหมั้นเขาตามใจ
บทที่ 50ปิงปิงถูกเคี่ยวกรำทั้งวันทั้งคืนเกือบทั้งอาทิตย์ ไม่ได้ออกจากห้องไปไหน แม้แต่ตอนกินข้าวก็ยังต้องอยู่แต่ในห้อง บทลงโทษนี้ทำให้เธอลุกไม่ไหว แถมในช่วงวันแรก ๆ เธอระบมไปทั้งตัว เหมือนจะมีไข้ ไอ้คนใจร้ายก็ให้เธอกินยา แต่แทนที่จะได้นอนพัก เขากลับทำให้เธอเหมือนโดนดูดพลังออกไปจนหมด พี่ชายหานต้องเป็นคนอุ้มเธอไปอาบน้ำและแต่งตัว เขาทำให้เธอแทบทุกอย่าง..."ให้ปิงปิงกลับบ้านได้ไหมคะ" ปิงปิงพูดขึ้นขณะที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่"ไม่อยากลุกจากเตียงใช่ไหม" จุนหานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดขึ้น"ปิงปิงไม่ได้ออกจากห้องนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วนะคะ พ่อต้องเป็นห่วงแน่นอน เล่อเล่อด้วย ต้องเป็นห่วงแน่ ๆ และที่สำคัญ ปิงปิงต้องไปเรียน""รีบกิน เรื่องพวกนั้นจัดการให้แล้ว""เรื่องไหน... จัดการยังไงคะ" "พ่อจ้าวยังไม่กลับ เล่อเล่ออยู่บ้านคู่หมั้น ส่วนเรื่องวิทยาลัยแจ้งไปแล้วว่าช่วงนี้กำลังเตรียมงานแต่ง เลยไม่ได้เข้าเรียน"จุนหานจัดการทุกอย่างโดยเป็นคนสั่งให้ลูกน้องดำเนินการ ส่วนเรื่องงานแต่ง เขาเป็นคนไปบอกครอบครัวของเขาให้เตรียมจัดงานได้เลย ถ้าอยากอุ้มหลานเร็ว ๆ ให้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะช่วงนี้เขาไม่
บทที่ 49ปิงปิงยังคงนอนนิ่งเหมือนกับเล่อเล่อที่ยังหลับสนิท หมอเข้ามาตรวจร่างกายจนละเอียดก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ คนอื่น ๆ ของตระกูลจ้าวต่างก็ออกไปส่งแขก เนื่องจากหมดเวลาเลี้ยงรับรองแล้ว พวกเขายังทำทุกอย่างตามปกติ แม้แต่คนสามคนที่หายไปก็ไม่มีคนสงสัยเลยหลังจากส่งแขกแล้วก็เหลือแค่คนตระกูลจ้าวกับหยางจุนหานที่กำลังรอฟังเรื่องราวที่เขาไม่รู้ เขาเลยต้องปล่อยให้ปิงปิงนอนอยู่ในห้องรับรองกับเล่อเล่อสองคน แล้วสั่งให้คนเฝ้าไว้ ถ้าปิงปิงตื่นแล้วให้รีบแจ้งเขาทันที ก่อนที่เขาและจ้าวหลิวหยางจะพากันเดินไปที่ห้องโถงของตระกูลจ้าว"คงมีแค่ไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้" หลิวหยางพูดขึ้นระหว่างที่เดินไป"บางทีก็แปลกใจ... แทนที่จะบอกพวกเรา ทำไมถึงไม่บอก ชอบทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย หากตื่นขึ้นมา ผมขออนุญาตลงโทษปิงปิงในการทำผิดครั้งนี้ด้วยนะครับ" จุนหานรีบบอกทันที"ได้!! ครั้งนี้มันเสี่ยงถึงชีวิต ลงโทษได้เลย พ่อจะไม่อยู่บ้าน... เพราะถ้าอยู่คงทำใจไม่ได้" หลิวหยางยอมให้จุนหานลงโทษลูกสาวเขา ต่อไปจะได้ไม่ต้องทำอะไรเสี่ยงแบบนี้อีก เขาคิดว่าจุนหานคงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงถึงขั้นซ้อมลูกสาวเขาแน่นอน แต่จะลงโทษแบบไหน เขาก็ไม่อยากร
บทที่ 48เวลาเดียวกันนั้น จ้าวหลิวหยางได้พาคนทั้งสามเดินลงไปที่ห้องใต้ดิน ตอนนี้ห้องนี้ไม่ใช่ห้องต้องห้ามแล้ว ตั้งแต่ที่ลูกสาวของเขาเข้าไป เขาหวังว่าหนึ่งในสามคนนี้จะเป็นคนที่พวกเขาตามหา"นายท่านครับ" เสียงดังออกมาจากทางเดินอีกมุมหนึ่ง ก่อนที่จ้าวหลิวหยางจะให้คนทั้งสามเดินเข้าไปในห้องลับนั้นก่อน"เข้าไปกันได้เลย... สำรวจได้ตามสบาย" หลิวหยางหันไปบอกทั้งสามคน"ถ้าอย่างนั้นพวกผมเข้าไปก่อนนะครับ" เติ้งคุนเป็นคนบอกกับหลิวหยางทันที เขาก็อยากเห็นว่าในนั้นมีอะไรบ้าง โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้มีง่าย ๆ ถึงจะรู้ว่ามันเป็นแผน แต่เขาก็ยังอยากจะเข้าไปดูห้องนั้นอยู่ดีทั้งสามคนเดินเข้าไปที่ห้องลับ โดยมีจ้าวหลิวหยางยืนมองคนทั้งสาม แต่ที่แปลกคือกู้ฟางเซียนไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้ พอสองคนนั้นเข้าไปแล้ว ประตูก็ปิดสนิททันที กู้ฟางเซียนพยายามเปิดแล้วก็เปิดไม่ได้ จึงหันไปทางจ้าวหลิวหยางอย่างสงสัย"มันเปิดไม่ได้" กู้ฟางเซียนพูดขึ้นทันที"ไปเอากุญแจมา" หลิวหยางหันไปบอกคนสนิท... ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าต้องไปตามหยางจุนหานมาด้วยแต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือประตูมันล็อก เหมือนตอนที่ลูกสาวเขาเข้าไปครั้งแรก ซึ่งมันเริ่มไม่เป็
บทที่ 47หลังจากได้พูดคุยวางแผนกันแล้ว ทุกคนก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เพราะต้องรอยืนยันก่อนว่าคนคนนั้นคือใคร ซึ่งหน้าที่นั้นตกเป็นของพี่ชายหาน ตอนนี้เธอมีหน้าที่เรียน ช่วยงานเล่อเล่อ และไปทำงานกับพี่ชายหาน ส่วนมากยังเหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างจากเดิมคือ พ่อจ้าวกับพี่ชายหานไม่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียว จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งอยู่กับเธอตลอด เพราะพวกเขาคิดว่ายังไงคนคนนั้นก็พยายามเข้าหาเธออย่างแน่นอน โดยเฉพาะพี่ชายหานที่ให้คนมาคอยตามดูแลเธอตลอดเวลาจนเธอกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย แต่ถ้าจะไปไหน พวกเขาจะไปเป็นเพื่อน จากตอนแรกที่รู้สึกอึดอัด หลัง ๆ เธอเริ่มชินแล้ว..."พูดถึงนี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วนะ... พี่ชายหานยังไม่รู้ว่าเป็นคนไหนอีกเหรอ" เล่อเล่อที่กำลังนั่งวาดแบบเครื่องประดับเพื่อจะส่งโรงงานผลิตเงยหน้าหันมาคุยกับเพื่อน"รู้แล้ว... แต่ต้องรอเวลาและต้องใจเย็น ๆ " ปิงปิงบอกไปตามความจริง ตอนนี้แค่รอเวลาเท่านั้น รอให้เหยื่อมาติดเบ็ด มองเหมือนพวกเขาปล่อยไปนานเกินไป แต่จริง ๆ พวกเขาแค่อยากให้ทุกอย่างออกมาดีและเสียหายน้อยที่สุดเลยไม่รีบร้อน เหยื่อจะได้หลงเชื่อว่าทางเราไม่ระแคะระคายเรื่องพวกนี้ พอทางนั้นชะล่า
บทที่ 46ปิงปิงเตรียมไขกุญแจเข้าห้องอย่าทุลักทุเล... แต่ที่น่าตกใจคือประตูเปิดออกเอง ทั้งที่เธอยังไม่ได้เสียบกุญแจเลยด้วยซ้ำ ปิงปิงเลยจุดคบเพลิงตามที่ปู่ทวดบอกแล้วถือเดินตามทางเดินเข้าไป ภายในห้องกว้างมีกลิ่นดอกไม้หอมคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ปิงปิงเดินไปจนถึงที่จุดคบเพลิงที่ติดอยู่กับผนัง เธอจึงจุดเพิ่มเพื่อที่จะได้มองเห็นรอบ ๆ แสงสว่างค่อย ๆ สว่างขึ้นทีละนิด พอทั้งห้องเริ่มสว่างก็เกิดเสียงดัง ปัง!! พร้อมกับประตูทางเข้าปิดสนิท เหมือนว่าตอนนี้เธอถูกขังอยู่ในห้องนี้แล้ว...ชั่วขณะที่ปิงปิงสำรวจ ห้องนี้ที่มีขนาดกว้างพอสมควร แต่พอสำรวจจนทั่วก็ทำให้หัวใจของเธอกระตุกวูบ เพราะว่าห้องนี้เหมือนกับลานกว้างในฝันของเธอนั่นเอง ลานกว้างที่มีแท่นบูชา... ถ้าให้เดาคงเป็นสถานที่ที่เทพธิดาอักษรจบชีวิตลงแน่นอน ปิงปิงเดินเข้าไปที่แท่นบูชาที่มีดอกเหมยกุยสีแดงขึ้นอยู่เต็มและกำลังเบ่งบานชูช่อสวยงาม เธอค่อย ๆ เอามือลูบไล้ตามพื้นของแท่น สัมผัสดูเรื่อย ๆ สายตาก็สำรวจสิ่งของที่วางบนแท่นบูชา มีตะเกียงแก้ววางอยู่... ถัดมาเป็นหนังสือเล่มสีแดง... สิ่งสุดท้ายคือกริชโบราณแบบที่แทงเข้าไปในหัวใจของธิดาอักษร แบบเดียวกันกับท
บทที่ 45หลังจากได้รับคำตอบรับจากผู้อาวุโสตระกูลจ้าวแล้ว จ้าวหลิวหยางเลยพาทุกคนมาที่ตระกูลหลัก ปิงปิงเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับทุกคน ส่วนคนติดตามหรือคนสนิทต้องรออยู่นอกบ้านเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างใน ตอนแรกเธอไม่ได้มีอาการกลัวแต่อย่างใด แต่พอมาอยู่ท่ามกลางสายตาของคนตระกูลจ้าวหลายสิบคน จึงทำให้เธอรู้สึกเกร็งอยู่บ้างปิงปิงทำความเคารพผู้อาวุโสทุกท่านตามที่พ่อจ้าวแนะนำจนครบทุกคน ตอนนี้มีคนตระกูลจ้าวหลายคนที่สนใจรอดูผลทดสอบว่าจะออกมาเป็นแบบไหนยังไงบ้าง... ปู่ทวดเรียกเธอให้เข้าไปยืนบริเวณตรงกลางซึ่งมีผู้อาวุโสนั่งล้อมรอบเป็นวงกลม"จ้าวปิงปิง... มันคือพิธีที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ไม่ต้องกลัว มันไม่มีอะไรเลย""ปู่ทวดคะ... ให้ทุกคนอยู่ด้วยได้ไหมคะ" ปิงปิงอยากให้พ่อ พี่ชายหาน และเล่อเล่ออยู่ด้วย มันจะทำให้เธออุ่นใจมากกว่าอยู่คนเดียว"ตอนนี้อยู่ได้... แต่ถ้าผ่านการทดสอบ ต้องเข้าไปในห้องลับนั้นเพียงคนเดียว... มันคือความเชื่อและคำทำนายที่ส่งต่อให้แก่ผู้นำตระกูล""ปู่ทวดเล่าให้ฟังได้ไหมคะ""เดี๋ยวก็รู้... ลูกหลานตระกูลจ้าวล้วนเชื่อและทำตามมาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้""ปู่ขอถามปิงปิงหน่อยได
บทที่ 44ปิงปิงได้อ่านหนังสือเล่มแดงของพี่ชายหานแล้ว เธอคิดว่ามันต้องมีหนังสืออีกเล่มหรือสองเล่มแน่ ๆ เพราะมันเหมือนยังไม่จบ ปิงปิงได้บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเธอให้พี่ชายหานได้ฟังทั้งหมด ไม่มีปิดบังสักเรื่อง ถึงมันจะดูเหลือเชื่อ แต่พี่ชายหานก็เชื่อเธอ เพราะเขาก็ได้เข้าไปที่ห้องหนังสือเช่นเดียวกันกับเธอ...หนังสือเล่มนั้นมันเหมือนเป็นเรื่องราวบันทึกคล้าย ๆ เล่มของเธอ หนังสือบอกไว้ว่า... ก่อนที่ธิดาอักษรจะยอมเป็นเครื่องสังเวยให้จอมมาร เธอได้แบ่งดวงจิตออกเป็นร้อย ๆ ดวงเพื่อส่งไปจุติตามโลกหนังสือต่าง ๆ ที่ธิดาอักษรสร้างขึ้น หนังสือต่าง ๆ ที่ว่านี้ก็เปรียบเสมือนอีกโลกหนึ่ง มิติหนึ่งที่ต่างเวลาและต่างสถานที่... เพื่อที่จะไม่ได้ดวงจิตถูกทำลายไปทั้งหมด... เหลือไว้เพียงดวงจิตเดียวในโลกนี้ซึ่งต้องใช้สังเวยให้กับจอมมาร... แต่เรื่องที่น่าสนใจมันอยู่ตรงที่ เหมือนธิดาอักษรจะมีคนคอยช่วย นั่นคือ ธิดาบุปผา ที่มาช่วยก่อนที่ดวงจิตจะแตกสลายจากการสละญาณบารมีทั้งหมด โดยได้เก็บเศษเสี้ยวดวงจิตใส่ตะเกียงแก้วและส่งให้กับตระกูลที่เทพมังกรจะถือกำเนิด พร้อมกับบอกว่า... ธิดาอักษรจะหวนคืน..."คิดออก