เมื่อแกรี่ฟื้นคืนสติก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว พระอาทิตย์ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้าและอากาศก็ร้อนจัด แต่แกรี่รู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งตัวเมื่อวานนี้ ลูกสาวสุดที่รักของเขาพึ่งจะเสียชีวิตไป และเช้าตรู่ของวันนี้ เขาเห็นหัวของลูกชายคนที่สองของเขามือของแกรี่กำลังรับน้ำเกลือด้วยสายที่เจาะเข้าที่แขนและสวมหน้ากากออกซิเจนอยู่บนใบหน้าของเขา เนื่องจากเขาหมดสติไปแต่ไม่ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เพราะพวกเขามีแพทย์ส่วนตัวที่บ้านซึ่งเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้เอาทั้งหมดเมื่อแกรี่ลืมตา เขาไม่แสดงสีหน้าใด ๆ อีกต่อไป เช่นเดียวกับที่เขาปิดตัวเองอยู่ในห้องหนังสือเมื่อวานนี้ที่เขาได้ยินเรื่องการตายของลูกสาวของเขา ตอนนี้เขาดูสงบลงอย่างน่ากลัว เขาดึงหน้ากากออกซิเจนและดึงสายที่แขนออกจากนั้นลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินไปไปประตูไรอันรีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันทีด้วยความโศกเศร้าอันยิ่งใหญ่ที่เขียนไว้บนใบหน้าของเขา “คุณพ่อ...” “รวบรวมคนของเรา” แกรี่พูดเพียงสามคำนี้ ไรอันไม่พูดอะไรและพยักหน้าตอบรับก่อนจะหันหลังออกไปเพื่อรวบรวมกำลังของพวกเขา แกรี่มองขึ้นไปที่ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงจ้าและสูดหายใจ จากนั้นเขาก็เดินช้า ๆ ไปที่ด้านหลังของคฤหาสน
นับตั้งแต่รังหมาป่าก่อตั้งขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ไทร์ประกาศการปฎิบัติการครั้งใหญ่ด้วยตัวเอง และมันไม่เหมือนกับครั้งก่อนที่เขาได้เลือกเพียงไม่กี่คนเพื่อการทำภารกิจ แต่คราวนี้เขาตั้งใจระดมพวกเขาทั้งหมดแมทธิวชูมือด้วยความตื่นเต้นในขณะที่เขาเดินเข้าไปหาไทร์ “นายท่าน ปฏิบัติการแบบไหนกัน ที่จำเป็นต้องใช้พวกเราทั้งหมดในรังหมาป่าคืนนี้ครับ?”ไทร์จ้องเขม็ง “พอได้แล้วกับเรื่องไร้สาระ” ในขณะที่เขาพูดเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและเริ่มนับถอยหลัง “เตรียมตัวภายในสามนาทีแล้วออกไปพบฉันข้างนอก”สามนาทีต่อมา สมาชิกทั้งหมดทั้งสิบสามคนของรังหมาป่าทำความสะอาดตัวเองเสร็จและถืออาวุธของพวกเขาออกมาด้วยความตื่นเต้นแมทธิวนำสุนัขพันธุ์ทิเบตัน แมสทิฟฟ์ขนาดใหญ่ที่มีดวงตาสีแดงเป็นประกายพร้อมสายลากจูงออกมา มันดุร้ายและแยกเขี้ยวใส่ใครก็ตามที่มันเห็น ยกเว้นแมทธิวเท่านั้นที่มันจะเชื่อฟังเมื่อไทร์เห็นสิ่งนี้เขาก็ถามทันที “นายกำลังจะทำอะไรกับมัน?”แมทธิวยิ้มตอบ “นายท่าน นี่คือคู่หูของผม”“อะไรนะ?...”ไทร์เริ่มคิดว่าแมทธิวเริ่มจะแปลกขึ้นทุกวัน ไม่ เขาไม่ได้แปลกแต่เขาบ้าไปแล้วอันที่จริง แมทธิวไม่ใช่คนเดียวที่มีสัตว์
มันเป็นการต่อสู้แต่ฝ่ายเดียวโดยสิ้นเชิง สมาชิกรังหมาป่าแต่ละคนมีความแข็งแกร่งในการจัดการกับผู้ชายหลายสิบคน ลืมไปได้เลยกับคนสองร้อยคน แม้ว่าจะมีสักพันคน ลูกหมาป่าที่ตื่นเต้นเหล่านี้ก็ยังสามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างง่ายดายเมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นก็สามารถอธิบายได้เลยว่ามันคือโศกนาฏกรรม ราวกับว่าสมาชิกรังหมาป่าแต่ละคนได้ติดสเตียรอยด์เอาไว้ เพียงแค่หมัด สนับมือ และมีดสั้น พวกเขายังคงเอาชนะคนสองร้อยคนจากเมืองไพร์มได้เสียงแขนขาหักและเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นในอากาศ คนเหล่านี้ไม่เข้าใจความอ่อนล้า แต่กลับยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆชนชั้นสูงใต้ดินของเมืองไพร์ม ไม่สามารถรับมือกับการโจมตีจากสมาชิกรังหมาป่าได้แม้แต่ครั้งเดียว ในขณะที่นักฆ่าของตระกูลฟิชเชอร์ยังคงทนต่อการโจมตีได้อีกสองสามครั้ง แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็พ่ายแพ้เช่นกันนั่นไม่ใช่ส่วนที่เลวร้ายที่สุด สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือการที่ทิเบตัน แมสทิฟฟ์และหมาป่าสีฟ้าหลายตัวกำลังวิ่งไปมาท่ามกลางฝูงชน เขี้ยวอันแหลมคมและกรงเล็บของพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องตลก ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งนาที ทิเบตัน แมสทิฟฟ์ตัวนั้นได้สังหารชายสองสามคนไปแล้วคนแปลกประหลาดอย่างแมทธิว
ที่จริงแล้ว แอรอน ฟิชเชอร์ไม่ใช่คนที่โหดเหี้ยม นักดาบที่แท้จริงจะเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ด้วยความสงบเช่นนี้เท่านั้น จึงจะสามารถบรรลุความสูงที่สูงกว่าในวิชาดาบได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเข่นฆ่านับตั้งแต่วินาทีที่เขาเริ่มโจมตี เป้าหมายของเขาคือการทำให้สมาชิกรังหมาป่าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่ต้องการพรากชีวิตของพวกเขา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าแอรอนจะไม่ชอบการฆ่าความไม่หยุดยั้งของเจมี่ดึงสัญชาตญาณการฆ่าของแอรอนออกมา ตอนนี้เขาวางแผนที่จะปลิดชีพเจมี่ในการโจมตีครั้งต่อไป“หยุดพยายามทำตัวลึกลับได้แล้ว ฉันต่างหากที่จะเป็นคนส่งนายไปลงนรกแทน” เจมี่คำรามในขณะที่เขาชกคนชั้นสูงใต้ดินข้าง ๆ และคว้ามีดของชายคนนั้นมา เลือดยังคงไหลลงมาจากบาดแผลบนแขนของเจมี่จนทำให้มีดเป็นสีแดงเพล้ง!ประกายไฟเกิดขึ้นเมื่อดาบไทเก็กและมีดเหล็กปะทะกัน หลังจากเสียงเหล็ก มีดในมือของเจมี่ก็ถูกตัดครึ่งเจมี่ตกใจมาก ก่อนที่เขาจะตอบสนองได้ทันเวลา ดาบของแอรอนก็พุ่งมาถึงที่คอของเขาแล้วภัยคุกคามความตายเข้าครอบงำร่างกายของเจมี่ในทันที รูม่านตาขยายออกและเขาสามารถคาดการณ์ความตายที่ใกล้เข้ามาได้ แม้ว่าจิตใจของเขาจะตอบสนองได้
ในเวลานั้น สมาชิกรังหมาป่าได้ทุบนักสู้ที่เหลือของเมืองไพร์มจนหมดแรง ไม่มีสมาชิกรังหมาป่าคนใดเสียชีวิต พวกเขาส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยในขณะที่บาดเจ็บสาหัสเพียงไม่กี่คนที่เท้าของพวกเขามีคนมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะตายหรือพิการ บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด และที่นี่ดูเหมือนขุมนรกบรู๊ว...หมาป่าสีฟ้าเริ่มหอนไปที่ดวงจันทร์อีกครั้ง ในขณะที่สมาชิกรังหมาป่าทุกคนตะโกนปลดปล่อยออกมาอย่างป่าเถื่อนวู้ว! นี่เป็นการต่อสู้ที่น่าพึงพอใจที่สุดที่พวกเขาได้รับตั้งแต่ที่เข้ามาในรังหมาป่า การต่อสู้ด้วยชีวิตของพวกเขาเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการเมื่อมองไปที่สมาชิกรังหมาป่า ไทร์ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ นานมาแล้ว ที่เนเมซิสก็เป็นเหมือนกับคนเหล่านี้ เพื่อเห็นแก่ความเชื่อและศักดิ์ศรี พวกเขาจะปกป้องมันโดยยอมแลกด้วยชีวิต เขาเชื่อว่าวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเนเมซิสกำลังจะมาถึงในไม่ช้า!ภายในรถ ไรอันได้เห็นกระบวนการทั้งหมดของการต่อสู้ในครั้งนี้ ในตอนแรกเขายังคงมีความหวังและเขาได้ฝากความหวังไว้กับแอรอน แต่ตอนนี้ไรอันกลับเสียใจมากตลอดชีวิตของเขา เขาไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อนเลย การต่อสู้อันน่าสยดสยองนี้ได้ฟื้นฟูคว
ดินแดนต้องห้ามของพระเจ้าผู้มีชื่อเสียงของเมืองไพร์มมักดูถูกบุคคลสำคัญของเมืองที่ด้อยกว่าอยู่เสมอ พวกเขามักจะทำตัวหยิ่งผยองและถือว่าตนเองเป็นผู้ดำรงอยู่ของพระเจ้าแต่ตอนนี้ เมืองคานห์ ของจังหวัดริเวอร์เดล ถือเป็นดินแดนต้องห้ามของพระเจ้าไปแล้ว ในอดีต คนอย่างแกรี่และไรอันคงจะหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่ในตอนนี้ คำ ๆ นี้เป็นเหมือนดั่งคำสาปที่ดังก้องอยู่ในใจของพวกเขาอย่างต่อเนื่องแค่ก ๆ!แกรี่กระอักเลือดออกมาเป็นครั้งที่สอง วิสัยทัศน์ของเขากลายเป็นสีดำและเขาก็หมดสติอีกครั้ง คราวนี้เขาหลับไปสามวันเต็ม แม้แต่หมอที่เก่งกาจก็ทำให้เขาตื่นไม่ได้ ดังนั้น เมื่อเขาฟื้นคืนสติในสามวันต่อมา เขาก็นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลแล้ว“คุณพ่อ คุณตื่นแล้ว” ไรอันพูดกับเขาหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ไรอันก็นอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยของบิดาตลอดเวลา“ไรอัน พี่สาวและพี่รองของนายอยู่ที่ไหน?” แกรี่ถามคำพูดเหล่านั้นทำให้ไรอันงุนงง เขาไม่สามารถตอบได้ไปชั่วขณะหนึ่ง“คุณพ่อ…ไม่ใช่ว่าพี่สาวและพี่รองจาก…”“หึหึหึ…หึหึหึ…”เสียงหัวเราะแปลก ๆ ของแกรี่ทำให้ไรอันรู้สึกเสียวซ่าไปที่หนังศีรษะ“นี่ไม่ใช่จุดจบ
เมื่อซาเวียร์พูดเช่นนี้ เขาก็ปล่อยอากาศอันน่าพิศวงออกไป ในบรรดาสามตระกูลนั้น ตระกูลเลย์ตันถือว่าอ่อนแอที่สุด ดังนั้นในอดีต ซาเวียร์จึงไม่กล้าพูดกับแกรี่ด้วยน้ำเสียงเช่นนี้การแสดงออกของแกรี่เปลี่ยนไปทันที แม้ว่าตระกูลฟิชเชอร์จะพยายามปกปิดข่าวนี้ยังไง ความจริงก็ย่อมปรากฏออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ในขณะที่แกรี่หมดสติไป ข่าวเรื่องความโชคร้ายครั้งใหญ่ของตระกูลฟิชเชอร์ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองการพูดคุยที่ทำร้ายจิตใจเช่นนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน แกรี่คงตะคอกใส่ซาเวียร์อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขาขาดความมั่นใจมาก เขาจึงทำได้แค่ระงับความโกรธแล้วมองไปที่เชนและซาเวียร์“พี่ใหญ่เลย์ตัน พี่ใหญ่กริฟฟิน ฉันไม่ต้องการที่จะหยิบยกเรื่องครอบครัวของฉันขึ้นมา แต่ว่าตระกูลของเราเป็นพันธมิตรกัน พวกคุณทั้งสองคนจะช่วยให้ตระกูลของฉันผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ใช่ไหม?”เชนและซาเวียร์ยิ้มกว้างแกรี่กล่าวต่อว่า “เมื่อโครงการของเราประสบความสำเร็จ ฉันจะทำให้ไทร์ ซัมเมอร์ต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเขา หลายวันมานี้ ฉันมัวแต่ยุ่งเรื่องไทร์ ซัมเมอร์ ดังนั้น ฉันจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องคาร์สัน ยอร์กมากน
ทันใดนั้น บรรยากาศในศาลาก็ดูมืดครึ้มอย่างผิดปกติ เชนและซาเวียร์มองหน้ากัน จากนั้นทั้งสองก็หันไปหาแกรี่พร้อมกันและหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง แกรี่รู้สึกถึงความผิดหวังทันที“พี่ใหญ่ฟิชเชอร์ คุณเพิ่งบอกว่าเราเป็นพันธมิตรกันไม่ใช่เหรอ? คุณบอกว่าเราเป็นพี่น้องกันและบอกว่าถ้าตระกูลเลย์ตันและกริฟฟินของเรามีปัญหา คุณจะยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยเราไม่ใช่เหรอ? คุณเป็นคนพูดเช่นนั้นเอง ในตอนนี้ราชาแห่งเซาท์ริเวอร์กำลังจะกลับมาและแผนการของเราก็ล้มเหลวก่อนที่พวกเราจะได้เริ่มด้วยซ้ำ มันเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่เราทุ่มทั้งกำลังคนและการเงินในโครงการนี้ ดังนั้นความพยายามของตระกูลของเราจึงจะไม่สูญเปล่าใช่ไหม?”“ดังนั้น พี่ใหญ่ฟิชเชอร์ จงทำความดีและช่วยเหลือเราเพื่อประโยชน์สุขของตระกูลของเราทั้งสอง หลังจากที่เราใช้เวลาเตรียมการมานานนับปี หากเราไม่ได้อะไรตอบแทน เราจะอธิบายให้ตระกูลฟังได้ยากใช่ไหม? พี่ใหญ่ฟิชเชอร์ใจดี คุณจะช่วยเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ทั้งสองคนของคุณให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ใช่ไหม?”ร่างกายของแกรี่อ่อนแรงลงและเขาทรุดตัวลงบนม้านั่งด้วยใบหน้าซีดซีดอย่างน่ากลัว ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเมื่อ
เมื่อไทร์ได้ยินข่าวนี้ สีหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ราวกับว่าเขารู้มาตลอด “ต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ?” ไทร์พึมพำกับตัวเองก่อนจะตอบว่า “ผ่อนคลาย ทำสิ่งที่พวกนายต้องทำต่อไป แค่ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” “แต่บราเธอร์ไทร์” เดรก ทัคเกอร์กล่าว “ฉันจะจัดการเอง” ในตอนท้ายของการโทร เดรกไม่กล้าพูดอะไรอีก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงวางสายเท่านั้น ในยุคนี้ ที่วิธีการกระจายข้อมูลได้รับการพัฒนาเป็นอย่างดี ข้อมูลต่าง ๆ สามารถแพร่กระจายไปทั่วประเทศได้ทันที บุคคลสำคัญของเมืองคานห์มีการติดต่อทางธุรกิจกับเมืองไพร์มไม่น้อยและหลายคนยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ ดังนั้น เมื่อข่าวการเสียชีวิตของกษัตริย์แห่งเซาท์ริเวอร์แพร่กระจายไปทั่วเมืองไพร์ม เมืองคานห์ก็จะได้รับข่าวคราวเช่นกัน หลังจากการโทรครั้งแรกจากเดรก ไทร์ยังได้รับสายจากบุคคลอื่น เช่น โนอาห์ ลี, แซคเคอรี่ สมิธ, โดนัลด์ ลูอิส, และเจด ลอเรล อย่างต่อเนื่อง แต่ละคนต่างก็ดูวิตกกังวลและเป็นห่วงไทร์ เหตุการณ์นี้ร้ายแรงเกินไป เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการตายของราชาแห่งเซาท์ริเวอร์ คาร์สัน ยอร์ก ไทร์ได้ให้คำตอบกับบุคคลสำคัญในเมืองคานห์เหล่านี้แบบเดี
ถึงตอนนี้ มีเพียงคาร์สัน ยอร์ก ไทร์ ซัมเมอร์และเจมสัน ซิงค์ ซึ่งรับผิดชอบการเทไวน์ข้าง ๆ พวกเขาเท่านั้น ที่ถูกทิ้งไว้ในห้องอาหาร “ไทร์ อย่าไปสนใจเธอเลย ผู้หญิงคนนั้นเป็นแบบนั้นเสมอมา คุณป้าเควลซ์ของคุณจะให้ความกระจ่างแก่เธอเอง ถ้าเธอพยายามจะรบกวนคุณอีก ผมจะเป็นคนดูแลเธอเอง” คาร์สันกล่าว ไทร์ยิ้มและตอบ “ไม่เป็นไรคุณลุงยอร์ก” “มาเถอะ วันนี้เราใช้โอกาสดี ๆ นี้เพื่อดื่มกัน” คาร์สันหันไปหาเจมสัน “เจมสัน ไปที่ห้องเก็บไวน์และหยิบไวน์ขวดเก่าที่ฉันเก็บไว้มา คืนนี้ไทร์และฉันจะดื่มจนกว่าเราจะเมากันไปข้างหนึ่ง” เจมสันพยักหน้าทันทีก่อนจะรีบไปที่ห้องเก็บไวน์ เมื่อเขาจากไป มีเพียงคาร์สันและไทร์เท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในห้องอาหาร ในขณะนั้น คาร์สันที่ยิ้มแย้มแจ่มใสในตอนแรก ใบหน้าของเขาแสดงถึงความจริงจังออกมาชั่วครู่ก่อนที่รอยยิ้มของเขาจะกลับคืนมา เพียงชั่วพริบตานั้น ไทร์ก็เข้าใจความหมายของเขาทันที คาร์สันขยับแก้วไวน์ต่อหน้าเขา เขาใช้ไวน์หนึ่งหยดจากแก้วของเขาเขียนลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็วว่า 'หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง' ขณะที่เขาเขียน เขาพูดต่อว่า “ไทร์ ผมต้องขอบคุณคุณ ที่รักษาป้าเควลซ์ของคุณให้หายดี
ไทร์ ซัมเมอร์และคอนนี่ ยอร์กจึงนั่งลงด้วยกัน ในขณะที่พ่อบ้านเจมสันยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขาเพื่อรินเครื่องดื่ม “พี่ชายที่รัก คุณแม่ของฉันดีกับคุณมาก ฉันมักจะขอให้เธอทำอาหารเหล่านี้ แต่เธอไม่ทำอาหารให้ฉันเลย เมื่อคุณอยู่ที่นี่ เธอกำลังแสดงทักษะการทำอาหารทั้งหมดของเธอให้คุณเห็น ในที่สุดฉันก็สามารถได้ทานอาหารเหล่านี้” จะว่าไปแล้ว คอนนี่ไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของเธอเลย เธอคว้าปีกไก่จากบนโต๊ะแล้วเคี้ยวมันทันที สีหน้าของคาร์สัน ยอร์กมืดลงในทันทีและเขาก็ตะคอกเธอ “ดูเธอทำ แขกของเธอยังไม่ได้เริ่มรับทานเลย แต่เธอกำลังกินอาหารด้วยมือเปล่า วางมันลงเดี๋ยวนี้ มารยาทของเธออยู่ไหนหมด?” เธอไม่สะทกสะท้านกับคำดุว่าของพ่อของเธอ คอนนี่ยังคงเคี้ยวไก่ของเธอต่อไป เธอคว้าอีกอันหนึ่งใส่ในชามของไทร์ และเคี้ยวในขณะที่เธอพูดว่า “พี่ชายที่รัก คุณก็กินด้วยสิ ฝีมือการทำอาหารของคุณแม่ของฉันยอดเยี่ยมมาก” ไทร์รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย พฤติกรรมของหญิงสาวคนนี้แตกต่างจากใบหน้าที่งดงามของเธอ คาร์สันไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรกับลูกสาวของเขา ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ถอนหายใจ “ไทร์ คุณไม่ต้องไปสนใจเธอ เธอไม่เป็นกุลสตรีเอาซะเลย” เขาส่งสายตา
ไทร์ ซัมเมอร์รู้สึกหนาวไปที่กระดูกสันหลังของเขา ผู้หญิงสมัยนี้ตรงไปตรงมาขนาดนี้ได้ยังไง? อันที่จริง ตั้งแต่ที่ วินนี่เฟรดเข้ามาในชีวิตเขา ไทร์ก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงคนอื่นอีกเลย แต่ถ้าเขาได้พบกับคอนนี่ ยอร์กก่อนวินนี่เฟรด บางทีเขาอาจจะถูกดึงดูดโดยผู้หญิงที่สวยและงดงามคนนี้แทน ถึงแม้ว่า ไทร์จะได้พบกับหญิงสาวผู้มั่งคั่งและเจ้าหญิงผู้งดงามมากมายและเขายังได้พบกับคนดังระดับโลกมานับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีใครที่สวยได้เท่าคอนนี่ผู้นี่ ผู้หญิงคนนี้เป็นผลงานชิ้นเอกที่แกะสลักและสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันโดยพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไทร์มีเพียงแค่วินนี่เฟรดเท่านั้น รถคาดิลแลคของเขามุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ยอร์ก ในขณะที่ เจย์ เบลด ถูกทิ้งให้ยืนแข็งทื่ออยู่เช่นนั้น เขายังคงตะลึงงันในขณะที่เขาจ้องไปที่รถคาดิลแลคที่พุ่งออกไปด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เปลวเพลิงแห่งความโกรธแผดเผาหัวใจของเขา ลูกน้องของเข้าเดินเข้ามาหาเขาและถามด้วยความเป็นห่วงว่า “บราเธอร์เจย์ คุณโอเคไหม?” ผัวะ… เจย์ปล่อยหมัดเข้าที่ท้องของลูกน้อง ชายผู้นั้นรู้สึกได้ถึงตะคริวที่หน้าท้องและเขาก็ล้มลงกับพื้นแล้วจับหน้าท้องเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด “แม่ง
เมื่อพูดถึงคาร์สัน ยอร์ก ใบหน้าของเจย์ เบลดก็กระตุกเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเป็นนายน้อยซาร์แห่งเมืองไพร์ม แต่เขาก็ต้องเกรงกลัวคาร์สัน ยอร์ก ที่เป็นราชาแห่งเซาท์ริเวอร์อยู่มาก ในเวลานี้ เขาตาบอดอย่างสิ้นเชิงเพราะความรักที่เขามีต่อคอนนี่ ยอร์ก เขาเห็นไทร์เป็นคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา เมื่อคาร์สันเชิญไทร์ไปทานอาหารเย็น เจย์รู้สึกว่าตำแหน่งของเขาถูกคุกคาม เมื่อจิตนาการถึงคอนนี่และไทร์ ที่กำลังมีความสุขอยู่ด้วยกัน มันบีบคั้นหัวใจของเขาและจุดประกายความโกรธของเขา เขาไม่สามารถทนเห็นมันได้ “ไทร์ ซัมเมอร์! ฉันไม่สนใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าแกยังกล้าที่จะเข้ามาเหยียบเมืองไพร์มอีก ฉันจะฆ่าแก!” เมื่อมองดูท่าทางที่คุกคามของเจย์ ไทร์กลับคิดว่ามันไร้สาระ “ฉันไม่ได้สนใจมิสยอร์กของนาย ขอร้องเถอะเจย์ อย่ามายุ่งกับฉัน” ไทร์ไม่สนใจคนเหล่านี้ในขณะที่เขากลับไปที่รถคาดิลแลคของเขา พวกเขาโชคดีที่เป็นคนของคาร์สัน ยอร์ก ถ้าไม่เช่นนั้น ไทร์จะไม่เมตตาพวกเขาอย่างแน่นอน “ฉันไม่สน ว่าแกจะสนใจเธอหรือเปล่า แต่เธอต้องการแต่งงานกับแก และนั่นคือความกังวลของฉัน! ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย กลับเมือง
“นายบอกว่า ระหว่างนายกับคอนนี่ ยอร์ก ไม่มีอะไรไม่ใช่เหรอ? ทำไมพ่อของเธอถึงชวนนายไปที่นั่น? ไม่น่าแปลกใจที่นายจะมั่นใจมาก ๆ ว่าบริษัทต่าง ๆ ในเมืองไพร์มจะต้องมาอ้อนวอนเรา ใครจะรู้ว่านายกำลังคิดที่จะทยานขึ้นไปด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลยอร์ก” ไทร์ ซัมเมอร์ขมวดคิ้ว วินนี่เฟรดแสดงออกถึงพฤติกรรมแปลก ๆ ไม่เหมือนวินนี่เฟรดคนเดิม เธอกลายเป็นคนไร้เหตุผล บางทีคอนนี่ ยอร์กอาจจะโดดเด่นเกินไป ด้วยหน้าตาที่ดูดีและภูมิหลังของตระกูลที่โดดเด่นของเธอ ที่ทำให้วินนี่เฟรดต้องเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้เกิดขึ้น เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งห่วงใยผู้ชายของเธออย่างแท้จริง ซึ่งหมายความว่าไทร์ ซัมเมอร์ มีจุดที่ลบไม่ออกอยู่ในหัวใจของวินนี่เฟรด ซี “ฉันจะโกรธถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ต่อไป วินนี่เฟรด” วินนี่เฟรดถอนหายใจและเปลี่ยนทัศนคติของเธอในทันใด เธอหัวเราะ "ฉันแค่ล้อเล่น! แต่ว่าแบลร์กับฉัน เราจะไม่ไปกับนาย คาร์สัน ยอร์ก อาจจะต้องการเชิญนายคนเดียวเท่านั้น” “เขาไม่ใช่คนแบบนั้น” ไทร์ตอบตามสัญชาตญาณ แต่แล้ว จู่ ๆ ความตระหนักก็แวบเข้ามาในใจของเขา เฉกเช่นแสงแวววาบจากสวรรค์ หรือเพื่อให้แม่นยำยิ่งขึ้น สัมผัสที่หก ที
เสียงฟ้าร้องดังก้องอยู่ข้างนอก ท่าทางของวินนี่เฟรดมืดมนลง ไทร์ถึงกับพูดไม่ออก เขายกมือขึ้นตามสัญชาตญาณด้วยเสียงฟ้าร้องฉับพลันและเขาก็เอามือลงหลังจากนั้น ในขณะนั้น เกรแฮม เดวิสโทรมา เพื่อแจ้งว่าลูกค้าจากเมืองไพร์มมาถึงแล้วและกำลังรออยู่ที่ชั้นล่าง วินนี่เฟรดจ้องเขม็งไปที่ไทร์ก่อนจะเดินออกจากออฟฟิศไป ไทร์นั่งลงบนเก้าอี้ของวินนี่เฟรด จากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและโทรไปหาฮวน เยตส์ ในอีกด้านหนึ่งของการโทรวิดีโอ ฮวนกำลังมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการผ่อนคลาย ในที่ดินของเขาที่แฟนทั้งสองคนมอบให้แก่เขา “ฮวน ภรรยาของฉันมีอาการหึงหวง ฉันควรจะทำยังไงดี?" ไทร์ถาม บนหน้าจอ ฮวนตกใจเล็กน้อย “นายท่าน ท่านลืมคำแนะนำของผมไปแล้วเหรอ?” “ไสหัวไปซะ” ถ้าหากพวกเขาอยู่ใกล้กัน ไทร์จะทำให้ฮวนต้องพ่ายแพ้อย่างที่เขาจะไม่มีวันลืม เมื่อเห็นท่าทางบูดบึ้งของไทร์ ฮวนรู้ดีว่าเขาควรจะเข้าข้างเจ้านายของเขาและหุบปาก “นายท่าน ถ้าเธอหึงหวง แสดงว่าเธอห่วงใย ยิ่งความหึงหวงมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งห่วงใยมากเท่านั้น! ท่านจะต้องพูดจาหวาน ๆ กับเธอ แล้วสาบานด้วยชีวิตของท่านว่าท่านไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเธอ หลังจ
เชลดอน เฮย์ส และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองออกไปตามที่ได้รับคำสั่ง จากนั้น ความเงียบสงัดก็เกิดขึ้นภายในสำนักงาน ไม่เพียงแค่เชลดอนที่ประหลาดใจเท่านั้น แต่คอนนี่ ยอร์กซึ่งอยู่นอกสนามก็ตกใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเช่นกัน จนถึงตอนนี้ เธอไม่เคยเห็นใครที่มีพลังมากพอที่จะส่งเจย์ เบลด บินออกไปได้ด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว "คุณเป็นใคร?" เธอมองไทร์ ซัมเมอร์อย่างระมัดระวัง พูดตามตรง เธอสนใจไทร์ ที่หล่อเหลาได้ถึงเพียงนี้ "เธอเป็นใคร?" ไทร์ถามกลับ คอนนี่ตรงไปตรงมากับความตั้งใจของเธอ “ฉันคือ คอนนี ยอร์ก ลูกสาวของคาร์สัน ยอร์ก ธิดาของกษัตริย์แห่งเซาท์ริเวอร์ ฉันมาเพื่อตามหาไทร์ ซัมเมอร์ เพื่อแต่งงานกับเขา” อะไรนะ? ไทร์รู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก ลูกสาวของราชาแห่งเซาท์ริเวอร์ ต้องการแต่งงานกับเขา? นี่เป็นเรื่องตลกที่น่ารังเกียจแบบไหน? เดี๋ยวก่อน แล้วใครคือ ราชาแห่งเซาท์ริเวอร์ อีก? คาร์สัน ยอร์ค? ไทร์รับรู้ได้อย่างฉับพลัน เขาเป็นสามีของป้าเควลช์ไม่ใช่เหรอ? ผลงานชิ้นเอกของพระเจ้าคนนี้คือลูกสาวที่ไร้ค่าของเฮเธอร์ เควลซ์? "ออกไปเถอะ ฉันไม่เห็นด้วย” ไทร์ตอบอย่างตรงไปตรงมาหลังจา
อะไรนะ?” วินนี่เฟรดเกือบทำกาน้ำชาในมือของเธอหก เธอมองไปที่คอนนี่ ยอร์ก ด้วยความงุนงงและพยายามทำความเข้าใจกับคำที่เธอเพิ่งได้ยิน ผู้หญิงคนนี้กล้ามาก! เธอกล้าแสดงความรักในที่สาธารณชนกับชายที่แต่งงานแล้วต่อหน้าภรรยาของเขาได้ยังไง? ความไร้เดียงสาของคอนนี่มันไร้สาระเกินไป "มิสยอร์ก มันไม่ตลกนะคะ” ทัศนคติที่จริงใจของวินนี่เฟรดหายไปทันที ความประทับใจที่ดีของเธอที่มีต่อคอนนี่ลดลง ในทางกลับกัน คอนนี่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มิสวินนี่เฟรด ฉันมาที่นี่วันนี้ด้วยความตั้งใจจริง ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับคุณ ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจที่จะแต่งงานกับไทร์ ซัมเมอร์ ช่วยหย่ากับเขาด้วย แน่นอน ฉันจะชดเชยความสูญเสียที่เกิดขึ้น หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์เป็นยังไง? เพียงพอสำหรับคุณไหม?” วินนี่เฟรดกำลังต่อสู้เพื่อระงับความโกรธของเธอ แต่ข้อเสนอของคอนนี่ที่จะจ่ายให้เป็นฟางเส้นสุดท้าย เธอกำลังคิดอะไรอยู่? การจ่ายเงินให้เพื่อแลกกับสามี? “กรุณาเคารพการแต่งงานของเราด้วย มิสยอร์ก” น้ำเสียงของวินนี่เฟรดเย็นชา ถึงยังไงคอนนี่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง "มิสวินนี่เฟรด เหตุผลที่คุณปล่อยไทร์ไปไม่ได้ เป็นเพราะลูกสาวของคุณใช่ไหม? ไม่เ