เสียงเครื่องจักรขนาดใหญ่กำลังทำงานอย่างสอดประสานเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังแว่วมาจากด้านในโรงงาน ทำให้เจ้าของดวงตาคมเข้มตื่นจากภวังค์ก่อนจะกวาดสายตามองไปให้ทั่วบริเวณ อาณาจักรแห่งนี้คือสถานที่ที่เขาจะต้องมาอยู่ทั้งที่ไม่เคยคาดคิดสักนิด ทว่าความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหนีได้พ้น และนอกเหนือไปจากความจริงที่รู้อยู่แก่ใจนั้นกลับสอดแทรกด้วยความเจ็บปวดอย่างลึกๆ ที่รู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่นี้ช่างน้อยนิดนัก ทุกวินาทีที่ก้าวผ่านไปมีค่าและหน้าที่ที่รับมอบมาเขาก็ต้องทำให้สำเร็จให้จงได้
ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินสำรวจไปมารอบๆ ห้องประชุมใหญ่ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์รองรับการประชุมหรือการสัมมนาที่ทันสมัย พร้อมเกียรติบัตรอันบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมประดับอยู่ตามผนัง รวมทั้งภาพผู้บริหารสูงสุดที่เด่นเป็นสง่าอันจะบ่งบอกถึงอำนาจที่มีอย่างเต็มที่ภายในอาณาจักรแห่งนี้ และเป็นคนที่ชักพาเขาสู่หน้าที่ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
วันนี้บริษัท เกียรติกรเพลสพาร์ท จำกัด หรือที่คนทั่วไปรู้จักก็คือ KPP ได้รับพนักงานใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการของฝ่ายรับประกันคุณภาพ(Quality Assurance) หรือที่พนักงานเรียกกันว่า ‘ฝ่าย QA’ แทนผู้จัดการคนเก่าที่ได้เกษียณอายุไป ข่าวการรับ ผจก.QA คนใหม่ไม่ได้ทำให้พนักงานสนใจมากเท่าที่ควร เพราะคนที่จะมาก็แค่ ‘ผู้ร้ายคนใหม่’ หรืออาจจะเรียกว่า ‘ตำรวจตรวจสอบ’ ตามที่ฝ่ายผลิตจะเรียกเอาเมื่อลับหลังก็เท่านั้น
แต่เมื่อคนที่กล่าวถึงปรากฏตัว ไฟลามทุ่งจึงแพร่ไปทั่ว KPP ทันที เพราะชายหนุ่มวัย 33 ปี ที่ทั้งหล่อ เท่ สมาร์ท สูงยาวเข่าดี ในมาดแบบนุ่มๆ นิ่งลึกนั้น แทบจะทำให้สาวเล็กสาวใหญ่ตลอดจนลิง ค่าง บ่าง ชะนี ร้องโหยหวนหาคู่กันให้แซด ‘กฤปมัย ทองภูผา’ นั่นคือชื่อของเขา
“นังแจ๋ว แกได้ยินเรื่องผู้จัดการ QA. คนใหม่ล้อหล่อหรือเปล่าแก”
“ไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้วแหละ ดูดิ!”
แจ๋วพนักงานสาวชี้ชวนให้เพื่อนพนักงานด้วยกันดูเหล่าสาวๆ ทั้งสาวแท้และสาวเทียมที่ด้อมๆ มองๆ แออัดกันอยู่หน้าห้องประชุมจนเธอกลัวว่าประตูห้องจะผลุบเข้าไปด้านในเสียก่อน เพราะมีแต่คนอยากมายลโฉมผู้ชายหล่อๆ ที่นานๆ ทีจะโฉบเข้ามาในโรงงานสักครั้ง ทั้งยังภาวนาให้คนนี้อยู่ทนอยู่นานอยู่ให้เป็นอาหารตาอาหารใจไปนานๆ ด้วยเถอะ
.
.
หญิงสาวผมยาวประบ่าในชุดเดรสสีครีมคาดเข็มขัดสีน้ำตาลเดินอย่างระมัดระวังไปยังทิศทางที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือที่เธอเรียกสั้นๆ ว่า ‘รปภ. หรือ ยาม’ ที่สุดแล้วแต่ใครจะเรียกบอกทาง รองเท้าส้นสูงที่ไม่เคยชินสักนิดแต่ต้องจำยอมใส่มาเพื่อภาพพจน์ที่ดูดีในวันสัมภาษณ์งาน หากโชคดีเธออาจจะได้งานที่นี่ก็ได้ เพราะพี่ยามสุดหล่อที่หน้าคล้ายพี่หม่ำยังกับแกะกันออกมานั้นกระซิบบอกว่า เจ้าหน้าที่จัดซื้อลาออกไปพอดี เธอจึงมีหวังที่จะได้งาน
เสียงเครื่องจักรที่เธอคิดว่ามันน่ากลัวนักในความรู้สึกยังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง เครื่องสีดำ เขียว ฟ้า ที่มองเห็นอยู่ไม่ไกลนั้นดูน่าสะพรึงกลัวกับคนที่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะสัมผัสงานแบบนี้ แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้อมาก่อน แต่เธอก็เป็นเพียงเจ้าหน้าที่จัดซื้อในร้านฮาร์ดแวร์ขนาดกลางเท่านั้น ซึ่งคงเทียบไม่ได้กับธุรกิจขนาดยักษ์ที่ลงเครื่องจักรกำลังตัน*มากๆ ใช้สำหรับผลิตงานโลหะชิ้นใหญ่ๆ โดยเฉพาะ
ผู้คนที่ดูแออัดกันอยู่หน้าบริเวณที่คาดว่าจะเป็นห้องประชุมทำให้ดาวินีรู้สึกแปลกใจ เพราะพี่ยามบอกว่ามีพนักงานมารอสัมภาษณ์ก่อนเธอแล้ว 1 คน และที่มาออกันอยู่หน้าห้องนี่ล่ะเรียกว่าอะไร
“พี่คะ...พี่คะ” นิ้วน้อยๆ กล้าๆ กลัวๆ ที่จะสะกิดเรียกแต่ก็ต้องทำเพราะไม่อย่างงั้นคงผ่านด่านเข้าไปไม่ได้แน่
“อ่ะ! อย่ามายุ่ง กำลังดูคนหล่ออยู่ คนอะไรไม่รู้ล้อหล่อ โถ...พ่อยอดขมองอิ่มของเจ๊ ทำบุญมาด้วยอะไรนะถึงได้หล่อแบบนี้” พนักงานสาวร่างใหญ่บัดมือของดาวินีที่จิ้มอยู่ที่บ่าออกอย่างรำคาญ
“พี่คะ...พี่คะ!” สาวร่างเล็กป้องปากส่งเสียงแปดหลอดเข้าสู่กกหูพนักงานสาวที่ยืนบังหน้าห้องประชุมจนมิด ขนาดตัวเธอคงสู้ไม่ได้แต่เสียงไม่เป็นรองใครแน่ และมันก็ได้ผล
“จะเรียกทำไมนัก ว้าย! ตาเถรตกยายชีหล่น”
พนักงานสาวหันมาทำท่าจะเอาเรื่อง แต่เมื่อเห็นเป็นคนไม่รู้จักทั้งรูปลักษณ์ยังแตกต่างไปจากพวกเธอโดยสิ้นเชิงทำให้เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะตามมาด้วยวงแตกฮือเพราะเหล่าพนักงานที่หันมามองดาวินีเป็นตาเดียวนั้นต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง
‘Meeting Room’
ป้ายหน้าห้องที่บ่งบอกสถานะทำให้ดาวินีต้องสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะ 3 ครั้ง เพราะรู้ว่ามีคนอยู่ก่อนแล้ว
‘ว้าว...หล่ออะ!’ คำอุทานในใจพร้อมดวงตากลมโตเบิกกว้างมากขึ้นเพราะคนที่เห็นอยู่ด้านในนั้นสะกดทุกลมหายใจเข้าออกจริงๆ
ชายหนุ่มในรูปลักษณ์เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีฟ้ากับกางเกงยีนส์สีเข้ม เรือนร่างสูงโปร่งสมส่วนแข็งแรงรับกับเส้นผมที่เหมือนไม่ได้ใส่ใจจะหวีมากนัก คิ้วเข้มเรียงตัวกันสวยรับกับดวงตาคมเข้มที่มองตรงไปข้างหน้าอย่างไม่ใส่ใจการไปการมาของเธอสักนิด จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูปน่าสัมผัส ประกอบกับไรหนวดเขียวๆ ครึ้มๆ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนเจอเทพบุตรอยู่กลางดงเหล็กซะงั้น
ใบหน้าเหวอๆ ของเธอทำให้คนที่เพียงชำเลืองมองมาต้องหันกลับไปสนใจกับสิ่งตรงหน้าตามเดิม เพราะรู้จากพี่ยามแล้วว่าจะมีคนมาสัมภาษณ์ร่วมกันอีก 1 คน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้หญิง กฤปมัยไม่ได้พูดอะไรแม้จะรู้ว่าเธอยังคงมองดูเขาอยู่อย่างสำรวจตรวจตราก็ตาม‘คนหล่อๆ ต้องทำคะแนนๆ ดีดี้ เอ๊ย! แกอาจจะได้ลงจากคานก็งานนี้ล่ะวะ เอาวะ! เป็นไงเป็นกันใกล้ขบวนสุดท้ายเข้าไปทุกที หล่ออย่างนี้ปล่อยไปก็โง่ตายล่ะ’“เอ่อ...สวัสดีค่ะ มาสัมภาษณ์เหมือนกันใช่มั้ยคะ”แม้ความคิดในใจนั้นจะหมายมั่นปั้นมือว่าต้องสานสัมพันธ์กับผู้ชายหล่อๆ ตรงหน้านี้มากมายเพียงใด แต่เอาเข้าจริงบทจะต้องพูดดาวินีก็รู้สึกประหม่าจนแก้มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อจนได้กฤปมัยชำเลืองมองผู้หญิงตัวเล็กกะทัดรัดข้างกาย แม้รู้ว่าเธอต้องการสร้างสัมพันธ์แต่เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมด้วยในตอนนี้เพราะสิ่งที่เขาต้องเจอในอีกไม่กี่วินาทีต่อไปนี้มันต้องใช้สมาธิอย่างมาก การตัดสิ่งที่อาจทำให้หัวใจไขว้เขวเป็นสิ่งที่เขาต้องทำ“ดีดี้ มาสัมภาษณ์เหมือนกันค่ะ”คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันทำให้เธอรู้ว่าเขาเริ่มไม่พอใจ ดาวินีรู้สึกเหมือนเลือดลมจะขึ้นหน้าเมื่อความอายมาเยือนอย่างไ
“กระเป๋าเสื้อผ้ามีเยอะมั้ยจะได้ให้เด็กไปยก เดี๋ยวจะพาไปดูห้อง”“ท่านครับ...”เกียรติกรชะงักกับคำเรียกขานของเขา สีหน้ามีแววเศร้าเพียงนิดก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างรอคอยสิ่งที่เขาจะพูดออกมา“ผมเช่าห้องไว้แล้ว อยู่ด้านหลังโรงงานนี่แหละครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปเขาคิดว่าสุภาพที่สุดแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนความรู้สึกกันและกันไปมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะปฏิเสธความหวังดีนั้น แต่เพราะไม่อยากสร้างความยุ่งยากที่เริ่มก่อเค้าให้มากไปกว่านี้สิ่งที่เขาพูดเป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้ว ทว่าแววตาผ่านพ้นวันเวลาที่ฉายแววเจ็บปวดชั่วครู่ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ความสูงที่เขามองเห็นแล้วว่ามันไม่ได้แตกต่างกันเลย ไหล่หนาตั้งตรงดั่งคนพร้อมไปด้วยอำนาจสิทธิ์ขาด สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นแต่คนอื่นจะไม่มีวันเห็นก็คือ แรงกดทับแห่งภาระที่ไหล่หนาตั้งตรงนี้แบบรับไว้และภาระนั้นกำลังจะเปลี่ยนมือ..ดวงตาผ่านโลกมาเนิ่นนานมองตรงไปยังเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่คงอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับบุตรสาวของเขาพร้อมประเมินสิ่งที่ต้องการไปด้วย แววตากระตือรือร้นและดูไม่ยอมคนนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น และเขาก็หวังว่าเธอจะเป็นดั่งที่เข
ภาพท่านประธานนำชายหนุ่มแปลกหน้าเดินชมพื้นที่ภายในโรงงานและแวะเวียนไปที่แผนกต่างๆ สร้างความสนใจให้แก่พนักงาน หลายคนชำเลืองมองเพราะไม่กล้าจะมองจ้องตรงๆ ราวกับกลัวว่าท่านจะจดจำหน้าได้ หลายคนหลบมุมแอบมอง และหลายคนขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะท่านไม่ค่อยได้พาใครเข้ามาชมในโรงงานมากนักด้วยหน้าที่การรับรองลูกค้าก็มีผู้จัดการการตลาดรับผิดชอบอยู่แล้ว และที่สร้างความแปลกใจมากกว่าก็คือ ท่าทีบุคลิกภาพที่เหมือนกัน ทั้งท่าเดิน ความมั่นใจ และสายตาที่ทอดมองไปในจุดหมายเดียวกัน มันให้ความรู้สึกแปลกๆ ราวกับท่านกำลังถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างของบริษัทให้กับชายแปลกหน้าคนนี้“เรามีเครื่องจักรกว่า 300 เครื่อง ทั้งเครื่องปั้ม เครื่องตัด เจาะ กลึง ตีหมุด วายคัท และก็เลเซอร์ อืม...และก็มีแผนกขัดเงาด้วย มาทางนี้สิจะพาไปดู”ท่าทางชี้ชวนและใบหน้าระบายรอยยิ้มอย่างสุขใจที่มองเห็นทำให้กฤปมัยถึงกับชะงักไปชั่วครู่ สัมผัสแห่งความสุขนั้นเขารับรู้ได้ ฝ่ามือที่เอื้อมมาโอบกระชับที่ไหล่หนาและพาเดินไปยังจุดที่ท่านต้องการจะแนะนำ มันคือความภาคภูมิใจอย่างที่สุด แต่เขามาเพราะหน้าที่เท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ“นี่คุณกฤปมัย คุณกฤปมัยจะมาเ
“แต่เห็นฝ่ายบุคคลบอกว่า เขาไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลยนะโว้ย! กูว่างานนี้เหลวแน่ว่ะ”“มึงก็พูดเกินไป ท่านพามาเองแบบนี้ มึงคิดว่าจะเหลวจริงๆ หรือวะ กูว่าไม่ว่ะ” เพื่อนที่เบะปากอย่างไม่เชื่อใจทำให้ต้องบอกในสิ่งที่ทุกคนมองข้ามเพราะเป็นครั้งแรกที่ท่านประธานทำแบบนี้ ถ้าไม่สำคัญหรือเก่งจริง ท่านจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องเทคแคร์มากขนาดนี้ อย่างมากก็ควรให้คุณนิกรพามาแนะนำตัวเท่านั้น“งั้นมองคอยดูไป กูว่าอย่างเก่งไม่พ้น 3 เดือน พ่อเพ่นแน่” ไอ้คนแอนตี้ก็ยังคงแอนตี้อยู่อย่างนั้น“เออ...กูจะคอยดู”พนักงานสามคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติโดยมีอีกหลายคนรอฟังอยู่ด้วยนั้น ต้องเงียบเสียงลงและรีบกระจายกันไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพราะผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่เดินผ่านมาพร้อมหญิงสาวคนหนึ่ง สายตาแทะโลมหลายคู่จึงส่งไปอย่างลืมสถานการณ์ตรงหน้าทั้งหมดลืมแม้กระทั่งหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ เพราะใบหน้าจิ้มลิ้มที่ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้นี้น่าสนใจกว่าเยอะ .. ชายร่างสูงใหญ่ผิวดำจัดค่อนข้างท้วมไม่ต่างกับหมีควายตามที่เธอมักจะจินตนาการเดินยิ้มร่าเข้ามาในห้องอย่างคนอารมณ์ดีหนักหนา ทำให้เธอนึกขวางอยู่ในใจ สถานการณ
“แต่เห็นฝ่ายบุคคลบอกว่า เขาไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลยนะโว้ย! กูว่างานนี้เหลวแน่ว่ะ”“มึงก็พูดเกินไป ท่านพามาเองแบบนี้ มึงคิดว่าจะเหลวจริงๆ หรือวะ กูว่าไม่ว่ะ” เพื่อนที่เบะปากอย่างไม่เชื่อใจทำให้ต้องบอกในสิ่งที่ทุกคนมองข้ามเพราะเป็นครั้งแรกที่ท่านประธานทำแบบนี้ ถ้าไม่สำคัญหรือเก่งจริง ท่านจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องเทคแคร์มากขนาดนี้ อย่างมากก็ควรให้คุณนิกรพามาแนะนำตัวเท่านั้น“งั้นมองคอยดูไป กูว่าอย่างเก่งไม่พ้น 3 เดือน พ่อเพ่นแน่” ไอ้คนแอนตี้ก็ยังคงแอนตี้อยู่อย่างนั้น“เออ...กูจะคอยดู”พนักงานสามคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติโดยมีอีกหลายคนรอฟังอยู่ด้วยนั้น ต้องเงียบเสียงลงและรีบกระจายกันไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพราะผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่เดินผ่านมาพร้อมหญิงสาวคนหนึ่ง สายตาแทะโลมหลายคู่จึงส่งไปอย่างลืมสถานการณ์ตรงหน้าทั้งหมดลืมแม้กระทั่งหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ เพราะใบหน้าจิ้มลิ้มที่ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้นี้น่าสนใจกว่าเยอะ .. ชายร่างสูงใหญ่ผิวดำจัดค่อนข้างท้วมไม่ต่างกับหมีควายตามที่เธอมักจะจินตนาการเดินยิ้มร่าเข้ามาในห้องอย่างคนอารมณ์ดีหนักหนา ทำให้เธอนึกขวางอยู่ในใจ สถานการณ
ภาพท่านประธานนำชายหนุ่มแปลกหน้าเดินชมพื้นที่ภายในโรงงานและแวะเวียนไปที่แผนกต่างๆ สร้างความสนใจให้แก่พนักงาน หลายคนชำเลืองมองเพราะไม่กล้าจะมองจ้องตรงๆ ราวกับกลัวว่าท่านจะจดจำหน้าได้ หลายคนหลบมุมแอบมอง และหลายคนขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะท่านไม่ค่อยได้พาใครเข้ามาชมในโรงงานมากนักด้วยหน้าที่การรับรองลูกค้าก็มีผู้จัดการการตลาดรับผิดชอบอยู่แล้ว และที่สร้างความแปลกใจมากกว่าก็คือ ท่าทีบุคลิกภาพที่เหมือนกัน ทั้งท่าเดิน ความมั่นใจ และสายตาที่ทอดมองไปในจุดหมายเดียวกัน มันให้ความรู้สึกแปลกๆ ราวกับท่านกำลังถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างของบริษัทให้กับชายแปลกหน้าคนนี้“เรามีเครื่องจักรกว่า 300 เครื่อง ทั้งเครื่องปั้ม เครื่องตัด เจาะ กลึง ตีหมุด วายคัท และก็เลเซอร์ อืม...และก็มีแผนกขัดเงาด้วย มาทางนี้สิจะพาไปดู”ท่าทางชี้ชวนและใบหน้าระบายรอยยิ้มอย่างสุขใจที่มองเห็นทำให้กฤปมัยถึงกับชะงักไปชั่วครู่ สัมผัสแห่งความสุขนั้นเขารับรู้ได้ ฝ่ามือที่เอื้อมมาโอบกระชับที่ไหล่หนาและพาเดินไปยังจุดที่ท่านต้องการจะแนะนำ มันคือความภาคภูมิใจอย่างที่สุด แต่เขามาเพราะหน้าที่เท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ“นี่คุณกฤปมัย คุณกฤปมัยจะมาเ
“กระเป๋าเสื้อผ้ามีเยอะมั้ยจะได้ให้เด็กไปยก เดี๋ยวจะพาไปดูห้อง”“ท่านครับ...”เกียรติกรชะงักกับคำเรียกขานของเขา สีหน้ามีแววเศร้าเพียงนิดก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างรอคอยสิ่งที่เขาจะพูดออกมา“ผมเช่าห้องไว้แล้ว อยู่ด้านหลังโรงงานนี่แหละครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปเขาคิดว่าสุภาพที่สุดแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนความรู้สึกกันและกันไปมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะปฏิเสธความหวังดีนั้น แต่เพราะไม่อยากสร้างความยุ่งยากที่เริ่มก่อเค้าให้มากไปกว่านี้สิ่งที่เขาพูดเป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้ว ทว่าแววตาผ่านพ้นวันเวลาที่ฉายแววเจ็บปวดชั่วครู่ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ความสูงที่เขามองเห็นแล้วว่ามันไม่ได้แตกต่างกันเลย ไหล่หนาตั้งตรงดั่งคนพร้อมไปด้วยอำนาจสิทธิ์ขาด สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นแต่คนอื่นจะไม่มีวันเห็นก็คือ แรงกดทับแห่งภาระที่ไหล่หนาตั้งตรงนี้แบบรับไว้และภาระนั้นกำลังจะเปลี่ยนมือ..ดวงตาผ่านโลกมาเนิ่นนานมองตรงไปยังเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่คงอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับบุตรสาวของเขาพร้อมประเมินสิ่งที่ต้องการไปด้วย แววตากระตือรือร้นและดูไม่ยอมคนนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น และเขาก็หวังว่าเธอจะเป็นดั่งที่เข
ใบหน้าเหวอๆ ของเธอทำให้คนที่เพียงชำเลืองมองมาต้องหันกลับไปสนใจกับสิ่งตรงหน้าตามเดิม เพราะรู้จากพี่ยามแล้วว่าจะมีคนมาสัมภาษณ์ร่วมกันอีก 1 คน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้หญิง กฤปมัยไม่ได้พูดอะไรแม้จะรู้ว่าเธอยังคงมองดูเขาอยู่อย่างสำรวจตรวจตราก็ตาม‘คนหล่อๆ ต้องทำคะแนนๆ ดีดี้ เอ๊ย! แกอาจจะได้ลงจากคานก็งานนี้ล่ะวะ เอาวะ! เป็นไงเป็นกันใกล้ขบวนสุดท้ายเข้าไปทุกที หล่ออย่างนี้ปล่อยไปก็โง่ตายล่ะ’“เอ่อ...สวัสดีค่ะ มาสัมภาษณ์เหมือนกันใช่มั้ยคะ”แม้ความคิดในใจนั้นจะหมายมั่นปั้นมือว่าต้องสานสัมพันธ์กับผู้ชายหล่อๆ ตรงหน้านี้มากมายเพียงใด แต่เอาเข้าจริงบทจะต้องพูดดาวินีก็รู้สึกประหม่าจนแก้มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อจนได้กฤปมัยชำเลืองมองผู้หญิงตัวเล็กกะทัดรัดข้างกาย แม้รู้ว่าเธอต้องการสร้างสัมพันธ์แต่เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมด้วยในตอนนี้เพราะสิ่งที่เขาต้องเจอในอีกไม่กี่วินาทีต่อไปนี้มันต้องใช้สมาธิอย่างมาก การตัดสิ่งที่อาจทำให้หัวใจไขว้เขวเป็นสิ่งที่เขาต้องทำ“ดีดี้ มาสัมภาษณ์เหมือนกันค่ะ”คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันทำให้เธอรู้ว่าเขาเริ่มไม่พอใจ ดาวินีรู้สึกเหมือนเลือดลมจะขึ้นหน้าเมื่อความอายมาเยือนอย่างไ
เสียงเครื่องจักรขนาดใหญ่กำลังทำงานอย่างสอดประสานเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังแว่วมาจากด้านในโรงงาน ทำให้เจ้าของดวงตาคมเข้มตื่นจากภวังค์ก่อนจะกวาดสายตามองไปให้ทั่วบริเวณ อาณาจักรแห่งนี้คือสถานที่ที่เขาจะต้องมาอยู่ทั้งที่ไม่เคยคาดคิดสักนิด ทว่าความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหนีได้พ้น และนอกเหนือไปจากความจริงที่รู้อยู่แก่ใจนั้นกลับสอดแทรกด้วยความเจ็บปวดอย่างลึกๆ ที่รู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่นี้ช่างน้อยนิดนัก ทุกวินาทีที่ก้าวผ่านไปมีค่าและหน้าที่ที่รับมอบมาเขาก็ต้องทำให้สำเร็จให้จงได้ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินสำรวจไปมารอบๆ ห้องประชุมใหญ่ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์รองรับการประชุมหรือการสัมมนาที่ทันสมัย พร้อมเกียรติบัตรอันบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมประดับอยู่ตามผนัง รวมทั้งภาพผู้บริหารสูงสุดที่เด่นเป็นสง่าอันจะบ่งบอกถึงอำนาจที่มีอย่างเต็มที่ภายในอาณาจักรแห่งนี้ และเป็นคนที่ชักพาเขาสู่หน้าที่ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยวันนี้บริษัท เกียรติกรเพลสพาร์ท จำกัด หรือที่คนทั่วไปรู้จักก็คือ KPP ได้รับพนักงานใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการของฝ่ายรับประกันคุณภาพ(Quality Assurance) หรือที่พนักงานเรียก