ภาพท่านประธานนำชายหนุ่มแปลกหน้าเดินชมพื้นที่ภายในโรงงานและแวะเวียนไปที่แผนกต่างๆ สร้างความสนใจให้แก่พนักงาน หลายคนชำเลืองมองเพราะไม่กล้าจะมองจ้องตรงๆ ราวกับกลัวว่าท่านจะจดจำหน้าได้ หลายคนหลบมุมแอบมอง และหลายคนขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะท่านไม่ค่อยได้พาใครเข้ามาชมในโรงงานมากนักด้วยหน้าที่การรับรองลูกค้าก็มีผู้จัดการการตลาดรับผิดชอบอยู่แล้ว และที่สร้างความแปลกใจมากกว่าก็คือ ท่าทีบุคลิกภาพที่เหมือนกัน ทั้งท่าเดิน ความมั่นใจ และสายตาที่ทอดมองไปในจุดหมายเดียวกัน มันให้ความรู้สึกแปลกๆ ราวกับท่านกำลังถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างของบริษัทให้กับชายแปลกหน้าคนนี้
“เรามีเครื่องจักรกว่า 300 เครื่อง ทั้งเครื่องปั้ม เครื่องตัด เจาะ กลึง ตีหมุด วายคัท และก็เลเซอร์ อืม...และก็มีแผนกขัดเงาด้วย มาทางนี้สิจะพาไปดู”
ท่าทางชี้ชวนและใบหน้าระบายรอยยิ้มอย่างสุขใจที่มองเห็นทำให้กฤปมัยถึงกับชะงักไปชั่วครู่ สัมผัสแห่งความสุขนั้นเขารับรู้ได้ ฝ่ามือที่เอื้อมมาโอบกระชับที่ไหล่หนาและพาเดินไปยังจุดที่ท่านต้องการจะแนะนำ มันคือความภาคภูมิใจอย่างที่สุด แต่เขามาเพราะหน้าที่เท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ
“นี่คุณกฤปมัย คุณกฤปมัยจะมาเป็นผู้จัดการคนใหม่ของพวกคุณทุกคน” เกียรติกรเอ่ยแนะนำคนข้างกายกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับประกันคุณภาพ เพราะการยอมรับคือสิ่งที่จำเป็นที่สุดในขณะนี้และเขาก็ต้องการสิ่งนั้นอย่างเร่งด่วน! แม้จะแลกมากับคำว่า ‘เส้นสาย’ แต่เขาก็เชื่อว่ากฤปมัยจะทลายสิ่งค้างคาในใจเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน
กฤปมัยรับรู้ได้ถึงสายตาพนักงานทุกคนมองมาที่เขาซึ่งล้วนแต่แตกต่างกันออกไป ทั้งออกจะทึ่งๆ ที่ก็คงเป็นเพราะท่านประธานเป็นคนพาเขาไปแนะนำให้รู้จัก ทั้งสายตาชื่นชมของเหล่าสาวๆ และสายตาแสดงความยินดีที่ได้รู้จัก ทว่ากลับเจือปนไปด้วยแววเยาะเย้ยจากอีกหลายๆ คน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณกฤปมัย พวกเรายินดีครับที่ได้คุณกฤปมัยมาเป็นผู้จัดการ”
ชายคนหนึ่งที่ดูอ่อนวัยกว่าเขายื่นมือมาตรงหน้าก่อนที่เขาจะเอ่ยแนะนำตนเองออกมา
“ผมวีระยุทธครับ ผมเป็นรีดเดอร์ของทีม QA.”
แม้น้ำเสียงจะดูสุภาพและให้ความเคารพ แต่เขาก็ยังจับสีหน้าและแววตานั้นได้ มันเหมือนคนที่กำลังประเมินมองสินค้ามีราคาสักชิ้น และกำลังคาดหวังว่าก็คงจะใช้งานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณวีระยุทธครับและยินดีที่ได้รู้จักทุกคนด้วย” คำพูดสุภาพแต่ดูมีอำนาจเอ่ยกับทุกคนขณะแววตามุ่งมั่นมองสำรวจผู้ร่วมงานของเขาทีละคน สายตาไม่อาจประเมินมองไปจนถึงลักษณะนิสัย แต่เขาก็เชื่อว่าแววตาของแต่ละคนจะสามารถบอกได้ถึงความมุ่งมั่นแอบแฝง ใครบางคนที่เขาจะวางใจได้ต้องมีอยู่ในทีมนี้อย่างแน่นอน
หลังจากพูดคุยกันอยู่เพียงครู่ท่านประธานจึงขอตัวพาผู้จัดการคนใหม่ของฝ่ายรับประกันคุณภาพออกไปแนะนำให้กับฝ่ายต่างๆ ได้รู้จัก อีกทั้งท่านก็ต้องการจะพาผู้จัดการหนุ่มหล่อนี้เดินสำรวจให้ทั่วโรงงานอีกด้วย
“ยังหนุ่มอยู่เลยนะพี่ยุทธ จะไหวเร้อ!” พนักงานชายคนหนึ่งเอ่ยบอกในทันทีที่ท่านประธานพาผู้จัดการคนใหม่ก้าวออกไปจากห้อง
“อืม...ก็ต้องดูไปก่อนว่ะ ท่านพามาเองอย่างนี้ เขาก็คงมีดีเกินตัวนั่นแหละ อย่าเพิ่งไปตัดสินเขาทั้งที่ยังไม่ได้ลองงาน”
วีระยุทธเอ่ยบอกลูกน้อง ทั้งที่สายตายังคงจับจ้องมองเจ้าของร่างสูงที่เดินตามท่านประธานออกไป เพราะสายตาคมเข้มที่มองสบมาในขณะที่ฝ่ามือสัมผัสกันนั้น มันเป็นสายตาของคนที่มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม และอำนาจในตัวที่เหมือนจะแผ่ออกมาจากร่างสูงสง่านั้นมันก็ทำให้เขาเกิดอาการยำเกรงอยู่ในที ความสบประมาทในครั้งแรกที่ได้เห็นเหมือนจะถูกลบเลือนไปซะดื้อๆ
‘หรือว่ามันเป็นเพียง บุคลิกของคนเป็นผู้จัดการนะ’ แม้ในใจจะคิดแบบนั้น แต่ความรู้สึกกลับร้องประท้วง เพราะท่าทีมั่นใจในทุกท่วงท่าที่ก้าวเดินมันทำให้เขาคิดไกลไปว่าหัวหน้าในฝันคงกำลังมาถึงแล้ว
.
.
พนักงานชายกลุ่มหนึ่งก้าวออกมาจากหลังกองวัตถุดิบ สายตามองตามหลังท่านประธานและชายหนุ่มหน้าอ่อนที่เดินเลี้ยวเข้าไปในห้องฝ่ายการผลิต
“เฮ้ย! มึงเห็นผู้จัดการ QA. คนใหม่รึยัง” หนึ่งในนั้นเอ่ยถามพนักงานคนอื่นๆ ที่เริ่มทยอยกันเข้ามาจับกลุ่มพูดคุย เพราะต่างฝ่ายก็ต่างรอบสังเกตตำรวจจับผิดคนใหม่ว่าจะมีท่าทีอย่างไรบ้างกับการเริ่มงานในวันแรก
“เห็นแล้ว ไก่อ่อนว่ะ” พนักงานคนหนึ่งเอ่ยพูด ริมฝีปากเบะออกอย่างไม่เชื่อฝีมือ แม้เรือนร่างนั้นจะสูงใหญ่จนสาวๆ แทบจะกรี๊ดกันทั้งโรงงาน แต่ใบหน้าหล่อเหลาที่เห็นก็ทำให้เขาไม่เชื่อว่าจะทำได้
“เออ...กูก็ว่าแบบนั้น ขนาดพี่ชัยแกยังชิงเกษียณตัวเองเลย แล้วไก่อ่อนแบบนี้จะมาแก้ปัญหาอะไรได้วะ” อีกคนแสดงความคิดเห็น เขานึกไปถึงปัญหาที่คั่งค้างมาเป็นแรมปีที่ไม่มีใครสามารถแก้ไขได้ และหน้าหล่อๆ แบบนี้ก็คงจะหมดหวัง
“เฮ้ย! พี่ชัยแกแก่แล้ว ก็ต้องลองให้โอกาสคนหนุ่มเขาบ้างน่า อาจจะดีก็ได้” สายตายังคงมองภาพการแนะนำตัวผ่านกระจกใสของห้องฝ่ายการผลิต แม้จะไม่เชื่อว่าคนหนุ่มหน้าอ่อนแบบนี้จะแก้ไขปัญหาคั่งค้างนี้ได้แต่ใจหนึ่งนั้นเขาก็อยากลองดูสักตั้งเหมือนกัน
“แต่เห็นฝ่ายบุคคลบอกว่า เขาไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลยนะโว้ย! กูว่างานนี้เหลวแน่ว่ะ”“มึงก็พูดเกินไป ท่านพามาเองแบบนี้ มึงคิดว่าจะเหลวจริงๆ หรือวะ กูว่าไม่ว่ะ” เพื่อนที่เบะปากอย่างไม่เชื่อใจทำให้ต้องบอกในสิ่งที่ทุกคนมองข้ามเพราะเป็นครั้งแรกที่ท่านประธานทำแบบนี้ ถ้าไม่สำคัญหรือเก่งจริง ท่านจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องเทคแคร์มากขนาดนี้ อย่างมากก็ควรให้คุณนิกรพามาแนะนำตัวเท่านั้น“งั้นมองคอยดูไป กูว่าอย่างเก่งไม่พ้น 3 เดือน พ่อเพ่นแน่” ไอ้คนแอนตี้ก็ยังคงแอนตี้อยู่อย่างนั้น“เออ...กูจะคอยดู”พนักงานสามคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติโดยมีอีกหลายคนรอฟังอยู่ด้วยนั้น ต้องเงียบเสียงลงและรีบกระจายกันไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพราะผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่เดินผ่านมาพร้อมหญิงสาวคนหนึ่ง สายตาแทะโลมหลายคู่จึงส่งไปอย่างลืมสถานการณ์ตรงหน้าทั้งหมดลืมแม้กระทั่งหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ เพราะใบหน้าจิ้มลิ้มที่ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้นี้น่าสนใจกว่าเยอะ .. ชายร่างสูงใหญ่ผิวดำจัดค่อนข้างท้วมไม่ต่างกับหมีควายตามที่เธอมักจะจินตนาการเดินยิ้มร่าเข้ามาในห้องอย่างคนอารมณ์ดีหนักหนา ทำให้เธอนึกขวางอยู่ในใจ สถานการณ
เสียงเครื่องจักรขนาดใหญ่กำลังทำงานอย่างสอดประสานเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังแว่วมาจากด้านในโรงงาน ทำให้เจ้าของดวงตาคมเข้มตื่นจากภวังค์ก่อนจะกวาดสายตามองไปให้ทั่วบริเวณ อาณาจักรแห่งนี้คือสถานที่ที่เขาจะต้องมาอยู่ทั้งที่ไม่เคยคาดคิดสักนิด ทว่าความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหนีได้พ้น และนอกเหนือไปจากความจริงที่รู้อยู่แก่ใจนั้นกลับสอดแทรกด้วยความเจ็บปวดอย่างลึกๆ ที่รู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่นี้ช่างน้อยนิดนัก ทุกวินาทีที่ก้าวผ่านไปมีค่าและหน้าที่ที่รับมอบมาเขาก็ต้องทำให้สำเร็จให้จงได้ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินสำรวจไปมารอบๆ ห้องประชุมใหญ่ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์รองรับการประชุมหรือการสัมมนาที่ทันสมัย พร้อมเกียรติบัตรอันบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมประดับอยู่ตามผนัง รวมทั้งภาพผู้บริหารสูงสุดที่เด่นเป็นสง่าอันจะบ่งบอกถึงอำนาจที่มีอย่างเต็มที่ภายในอาณาจักรแห่งนี้ และเป็นคนที่ชักพาเขาสู่หน้าที่ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยวันนี้บริษัท เกียรติกรเพลสพาร์ท จำกัด หรือที่คนทั่วไปรู้จักก็คือ KPP ได้รับพนักงานใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการของฝ่ายรับประกันคุณภาพ(Quality Assurance) หรือที่พนักงานเรียก
ใบหน้าเหวอๆ ของเธอทำให้คนที่เพียงชำเลืองมองมาต้องหันกลับไปสนใจกับสิ่งตรงหน้าตามเดิม เพราะรู้จากพี่ยามแล้วว่าจะมีคนมาสัมภาษณ์ร่วมกันอีก 1 คน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้หญิง กฤปมัยไม่ได้พูดอะไรแม้จะรู้ว่าเธอยังคงมองดูเขาอยู่อย่างสำรวจตรวจตราก็ตาม‘คนหล่อๆ ต้องทำคะแนนๆ ดีดี้ เอ๊ย! แกอาจจะได้ลงจากคานก็งานนี้ล่ะวะ เอาวะ! เป็นไงเป็นกันใกล้ขบวนสุดท้ายเข้าไปทุกที หล่ออย่างนี้ปล่อยไปก็โง่ตายล่ะ’“เอ่อ...สวัสดีค่ะ มาสัมภาษณ์เหมือนกันใช่มั้ยคะ”แม้ความคิดในใจนั้นจะหมายมั่นปั้นมือว่าต้องสานสัมพันธ์กับผู้ชายหล่อๆ ตรงหน้านี้มากมายเพียงใด แต่เอาเข้าจริงบทจะต้องพูดดาวินีก็รู้สึกประหม่าจนแก้มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อจนได้กฤปมัยชำเลืองมองผู้หญิงตัวเล็กกะทัดรัดข้างกาย แม้รู้ว่าเธอต้องการสร้างสัมพันธ์แต่เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมด้วยในตอนนี้เพราะสิ่งที่เขาต้องเจอในอีกไม่กี่วินาทีต่อไปนี้มันต้องใช้สมาธิอย่างมาก การตัดสิ่งที่อาจทำให้หัวใจไขว้เขวเป็นสิ่งที่เขาต้องทำ“ดีดี้ มาสัมภาษณ์เหมือนกันค่ะ”คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันทำให้เธอรู้ว่าเขาเริ่มไม่พอใจ ดาวินีรู้สึกเหมือนเลือดลมจะขึ้นหน้าเมื่อความอายมาเยือนอย่างไ
“กระเป๋าเสื้อผ้ามีเยอะมั้ยจะได้ให้เด็กไปยก เดี๋ยวจะพาไปดูห้อง”“ท่านครับ...”เกียรติกรชะงักกับคำเรียกขานของเขา สีหน้ามีแววเศร้าเพียงนิดก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างรอคอยสิ่งที่เขาจะพูดออกมา“ผมเช่าห้องไว้แล้ว อยู่ด้านหลังโรงงานนี่แหละครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปเขาคิดว่าสุภาพที่สุดแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนความรู้สึกกันและกันไปมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะปฏิเสธความหวังดีนั้น แต่เพราะไม่อยากสร้างความยุ่งยากที่เริ่มก่อเค้าให้มากไปกว่านี้สิ่งที่เขาพูดเป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้ว ทว่าแววตาผ่านพ้นวันเวลาที่ฉายแววเจ็บปวดชั่วครู่ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ความสูงที่เขามองเห็นแล้วว่ามันไม่ได้แตกต่างกันเลย ไหล่หนาตั้งตรงดั่งคนพร้อมไปด้วยอำนาจสิทธิ์ขาด สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นแต่คนอื่นจะไม่มีวันเห็นก็คือ แรงกดทับแห่งภาระที่ไหล่หนาตั้งตรงนี้แบบรับไว้และภาระนั้นกำลังจะเปลี่ยนมือ..ดวงตาผ่านโลกมาเนิ่นนานมองตรงไปยังเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่คงอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับบุตรสาวของเขาพร้อมประเมินสิ่งที่ต้องการไปด้วย แววตากระตือรือร้นและดูไม่ยอมคนนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น และเขาก็หวังว่าเธอจะเป็นดั่งที่เข
“แต่เห็นฝ่ายบุคคลบอกว่า เขาไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลยนะโว้ย! กูว่างานนี้เหลวแน่ว่ะ”“มึงก็พูดเกินไป ท่านพามาเองแบบนี้ มึงคิดว่าจะเหลวจริงๆ หรือวะ กูว่าไม่ว่ะ” เพื่อนที่เบะปากอย่างไม่เชื่อใจทำให้ต้องบอกในสิ่งที่ทุกคนมองข้ามเพราะเป็นครั้งแรกที่ท่านประธานทำแบบนี้ ถ้าไม่สำคัญหรือเก่งจริง ท่านจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องเทคแคร์มากขนาดนี้ อย่างมากก็ควรให้คุณนิกรพามาแนะนำตัวเท่านั้น“งั้นมองคอยดูไป กูว่าอย่างเก่งไม่พ้น 3 เดือน พ่อเพ่นแน่” ไอ้คนแอนตี้ก็ยังคงแอนตี้อยู่อย่างนั้น“เออ...กูจะคอยดู”พนักงานสามคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติโดยมีอีกหลายคนรอฟังอยู่ด้วยนั้น ต้องเงียบเสียงลงและรีบกระจายกันไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพราะผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่เดินผ่านมาพร้อมหญิงสาวคนหนึ่ง สายตาแทะโลมหลายคู่จึงส่งไปอย่างลืมสถานการณ์ตรงหน้าทั้งหมดลืมแม้กระทั่งหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ เพราะใบหน้าจิ้มลิ้มที่ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้นี้น่าสนใจกว่าเยอะ .. ชายร่างสูงใหญ่ผิวดำจัดค่อนข้างท้วมไม่ต่างกับหมีควายตามที่เธอมักจะจินตนาการเดินยิ้มร่าเข้ามาในห้องอย่างคนอารมณ์ดีหนักหนา ทำให้เธอนึกขวางอยู่ในใจ สถานการณ
ภาพท่านประธานนำชายหนุ่มแปลกหน้าเดินชมพื้นที่ภายในโรงงานและแวะเวียนไปที่แผนกต่างๆ สร้างความสนใจให้แก่พนักงาน หลายคนชำเลืองมองเพราะไม่กล้าจะมองจ้องตรงๆ ราวกับกลัวว่าท่านจะจดจำหน้าได้ หลายคนหลบมุมแอบมอง และหลายคนขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะท่านไม่ค่อยได้พาใครเข้ามาชมในโรงงานมากนักด้วยหน้าที่การรับรองลูกค้าก็มีผู้จัดการการตลาดรับผิดชอบอยู่แล้ว และที่สร้างความแปลกใจมากกว่าก็คือ ท่าทีบุคลิกภาพที่เหมือนกัน ทั้งท่าเดิน ความมั่นใจ และสายตาที่ทอดมองไปในจุดหมายเดียวกัน มันให้ความรู้สึกแปลกๆ ราวกับท่านกำลังถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างของบริษัทให้กับชายแปลกหน้าคนนี้“เรามีเครื่องจักรกว่า 300 เครื่อง ทั้งเครื่องปั้ม เครื่องตัด เจาะ กลึง ตีหมุด วายคัท และก็เลเซอร์ อืม...และก็มีแผนกขัดเงาด้วย มาทางนี้สิจะพาไปดู”ท่าทางชี้ชวนและใบหน้าระบายรอยยิ้มอย่างสุขใจที่มองเห็นทำให้กฤปมัยถึงกับชะงักไปชั่วครู่ สัมผัสแห่งความสุขนั้นเขารับรู้ได้ ฝ่ามือที่เอื้อมมาโอบกระชับที่ไหล่หนาและพาเดินไปยังจุดที่ท่านต้องการจะแนะนำ มันคือความภาคภูมิใจอย่างที่สุด แต่เขามาเพราะหน้าที่เท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ“นี่คุณกฤปมัย คุณกฤปมัยจะมาเ
“กระเป๋าเสื้อผ้ามีเยอะมั้ยจะได้ให้เด็กไปยก เดี๋ยวจะพาไปดูห้อง”“ท่านครับ...”เกียรติกรชะงักกับคำเรียกขานของเขา สีหน้ามีแววเศร้าเพียงนิดก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างรอคอยสิ่งที่เขาจะพูดออกมา“ผมเช่าห้องไว้แล้ว อยู่ด้านหลังโรงงานนี่แหละครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปเขาคิดว่าสุภาพที่สุดแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนความรู้สึกกันและกันไปมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะปฏิเสธความหวังดีนั้น แต่เพราะไม่อยากสร้างความยุ่งยากที่เริ่มก่อเค้าให้มากไปกว่านี้สิ่งที่เขาพูดเป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้ว ทว่าแววตาผ่านพ้นวันเวลาที่ฉายแววเจ็บปวดชั่วครู่ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ความสูงที่เขามองเห็นแล้วว่ามันไม่ได้แตกต่างกันเลย ไหล่หนาตั้งตรงดั่งคนพร้อมไปด้วยอำนาจสิทธิ์ขาด สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นแต่คนอื่นจะไม่มีวันเห็นก็คือ แรงกดทับแห่งภาระที่ไหล่หนาตั้งตรงนี้แบบรับไว้และภาระนั้นกำลังจะเปลี่ยนมือ..ดวงตาผ่านโลกมาเนิ่นนานมองตรงไปยังเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่คงอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับบุตรสาวของเขาพร้อมประเมินสิ่งที่ต้องการไปด้วย แววตากระตือรือร้นและดูไม่ยอมคนนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น และเขาก็หวังว่าเธอจะเป็นดั่งที่เข
ใบหน้าเหวอๆ ของเธอทำให้คนที่เพียงชำเลืองมองมาต้องหันกลับไปสนใจกับสิ่งตรงหน้าตามเดิม เพราะรู้จากพี่ยามแล้วว่าจะมีคนมาสัมภาษณ์ร่วมกันอีก 1 คน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้หญิง กฤปมัยไม่ได้พูดอะไรแม้จะรู้ว่าเธอยังคงมองดูเขาอยู่อย่างสำรวจตรวจตราก็ตาม‘คนหล่อๆ ต้องทำคะแนนๆ ดีดี้ เอ๊ย! แกอาจจะได้ลงจากคานก็งานนี้ล่ะวะ เอาวะ! เป็นไงเป็นกันใกล้ขบวนสุดท้ายเข้าไปทุกที หล่ออย่างนี้ปล่อยไปก็โง่ตายล่ะ’“เอ่อ...สวัสดีค่ะ มาสัมภาษณ์เหมือนกันใช่มั้ยคะ”แม้ความคิดในใจนั้นจะหมายมั่นปั้นมือว่าต้องสานสัมพันธ์กับผู้ชายหล่อๆ ตรงหน้านี้มากมายเพียงใด แต่เอาเข้าจริงบทจะต้องพูดดาวินีก็รู้สึกประหม่าจนแก้มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อจนได้กฤปมัยชำเลืองมองผู้หญิงตัวเล็กกะทัดรัดข้างกาย แม้รู้ว่าเธอต้องการสร้างสัมพันธ์แต่เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมด้วยในตอนนี้เพราะสิ่งที่เขาต้องเจอในอีกไม่กี่วินาทีต่อไปนี้มันต้องใช้สมาธิอย่างมาก การตัดสิ่งที่อาจทำให้หัวใจไขว้เขวเป็นสิ่งที่เขาต้องทำ“ดีดี้ มาสัมภาษณ์เหมือนกันค่ะ”คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันทำให้เธอรู้ว่าเขาเริ่มไม่พอใจ ดาวินีรู้สึกเหมือนเลือดลมจะขึ้นหน้าเมื่อความอายมาเยือนอย่างไ
เสียงเครื่องจักรขนาดใหญ่กำลังทำงานอย่างสอดประสานเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังแว่วมาจากด้านในโรงงาน ทำให้เจ้าของดวงตาคมเข้มตื่นจากภวังค์ก่อนจะกวาดสายตามองไปให้ทั่วบริเวณ อาณาจักรแห่งนี้คือสถานที่ที่เขาจะต้องมาอยู่ทั้งที่ไม่เคยคาดคิดสักนิด ทว่าความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหนีได้พ้น และนอกเหนือไปจากความจริงที่รู้อยู่แก่ใจนั้นกลับสอดแทรกด้วยความเจ็บปวดอย่างลึกๆ ที่รู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่นี้ช่างน้อยนิดนัก ทุกวินาทีที่ก้าวผ่านไปมีค่าและหน้าที่ที่รับมอบมาเขาก็ต้องทำให้สำเร็จให้จงได้ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินสำรวจไปมารอบๆ ห้องประชุมใหญ่ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์รองรับการประชุมหรือการสัมมนาที่ทันสมัย พร้อมเกียรติบัตรอันบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมประดับอยู่ตามผนัง รวมทั้งภาพผู้บริหารสูงสุดที่เด่นเป็นสง่าอันจะบ่งบอกถึงอำนาจที่มีอย่างเต็มที่ภายในอาณาจักรแห่งนี้ และเป็นคนที่ชักพาเขาสู่หน้าที่ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยวันนี้บริษัท เกียรติกรเพลสพาร์ท จำกัด หรือที่คนทั่วไปรู้จักก็คือ KPP ได้รับพนักงานใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการของฝ่ายรับประกันคุณภาพ(Quality Assurance) หรือที่พนักงานเรียก