ใบหน้าเหวอๆ ของเธอทำให้คนที่เพียงชำเลืองมองมาต้องหันกลับไปสนใจกับสิ่งตรงหน้าตามเดิม เพราะรู้จากพี่ยามแล้วว่าจะมีคนมาสัมภาษณ์ร่วมกันอีก 1 คน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้หญิง กฤปมัยไม่ได้พูดอะไรแม้จะรู้ว่าเธอยังคงมองดูเขาอยู่อย่างสำรวจตรวจตราก็ตาม
‘คนหล่อๆ ต้องทำคะแนนๆ ดีดี้ เอ๊ย! แกอาจจะได้ลงจากคานก็งานนี้ล่ะวะ เอาวะ! เป็นไงเป็นกันใกล้ขบวนสุดท้ายเข้าไปทุกที หล่ออย่างนี้ปล่อยไปก็โง่ตายล่ะ’
“เอ่อ...สวัสดีค่ะ มาสัมภาษณ์เหมือนกันใช่มั้ยคะ”
แม้ความคิดในใจนั้นจะหมายมั่นปั้นมือว่าต้องสานสัมพันธ์กับผู้ชายหล่อๆ ตรงหน้านี้มากมายเพียงใด แต่เอาเข้าจริงบทจะต้องพูดดาวินีก็รู้สึกประหม่าจนแก้มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อจนได้
กฤปมัยชำเลืองมองผู้หญิงตัวเล็กกะทัดรัดข้างกาย แม้รู้ว่าเธอต้องการสร้างสัมพันธ์แต่เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมด้วยในตอนนี้เพราะสิ่งที่เขาต้องเจอในอีกไม่กี่วินาทีต่อไปนี้มันต้องใช้สมาธิอย่างมาก การตัดสิ่งที่อาจทำให้หัวใจไขว้เขวเป็นสิ่งที่เขาต้องทำ
“ดีดี้ มาสัมภาษณ์เหมือนกันค่ะ”
คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันทำให้เธอรู้ว่าเขาเริ่มไม่พอใจ ดาวินีรู้สึกเหมือนเลือดลมจะขึ้นหน้าเมื่อความอายมาเยือนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะอาการของเขามันแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่าเขาไม่พร้อมจะตามเกมของเธอแน่นอน
‘คนบ้า! จะพูดหน่อยก็ไม่ได้ กลัวดอกพิกุลจะร่วงหรือไงนะ เชอะ! คิดว่าง้อเหรอ สวยเลือกได้อย่างฉันไม่ง้อย่ะ!’
ดาวินีพูดค่อนขอดคนหน้าหล่ออยู่ภายในใจ ก่อนจะยิ้มแหยๆ เมื่อคนตรงหน้าเหมือนจะอ่านความคิดเธอออกว่ากำลังสวดเขาอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะเห็นได้จากสายตาขุ่นเขียวแต่หล่อชะมัดคู่นั้น
“ขอโทษทีนะครับที่ต้องทำให้รอนาน”
ชายร่างท้วมหัวล้านเลี่ยนที่เดินเข้ามาใหม่นั้นเธอจำได้ ‘คุณนิกร’ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ที่ให้เธอเขียนใบสมัครงานทิ้งไว้วันก่อน ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อให้เธอมาสัมภาษณ์งานในวันนี้ ดาวินีลุกขึ้นยืนพร้อมพนมมือไหว้อย่างอ่อนช้อยที่สุดที่คิดว่าจะทำได้ ทว่าหางตาดันตวัดไปมองคนที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม ไม่เพียงเขาจะไม่ทักทายคุณนิกรแต่กลับยิ่งทำหน้าเฉยๆ เข้าไปใหญ่
‘หรือเขาจะรู้จักกันแล้วนะ’ สิ่งที่คิดไว้ก็คงเป็นไปตามนั้นเพราะจากสิ่งที่คุณนิกรพูดตามมาก็คงจะยืนยันได้เป็นอย่างดี
“คุณกฤปมัยครับ ท่านประธานเชิญที่ห้องครับ”
กิริยาโค้งกายท้วมๆ นั้นอย่างเกรงอกเกรงใจยิ่งทำให้ดาวินีเสียวสันหลังวาบยามดวงตาคมเข้มนั้นตวัดขึ้นมองเธออย่างกรุ่นๆ อะไรสักอย่าง
“คุณดา เอ่อ...”
“ดาวินีค่ะ” สีหน้าครุ่นคิดชื่อของเธอทำให้ดาวินีชิงพูดต่อให้ก่อนที่นิกรจะเรียกชื่อเธอจนเพี้ยนและจะยิ่งอายคนหล่อที่ชื่อกฤปมัยนี้มากยิ่งขึ้น
“อืม...คุณดาวินี รอสักครู่นะเดี๋ยวผมมา”
ดาวินีรับคำก่อนจะค่อยๆ นั่งลงอย่างแหยงๆ เพราะไม่รู้ว่าไปปล่อยไก่หรือทำกิริยาอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า ดูท่าแล้วเขาจะเป็นคนสำคัญของที่นี่ไม่น้อย หรือว่าเธอเข้าใจผิดไปเอง พนักงานใหม่ที่จะเข้าสัมภาษณ์งานในวันนี้พร้อมๆ กันกับเธอ...คงไม่ใช่เขา
“ไอ้ดี้เอ๊ย! แกเสร็จแน่ แล้วอย่างนี้เขาจะรับแกเข้าทำงานเหรอวะ”
นิ้วมือเกาศีรษะตัวเองไปมา ก่อนจะค่อยๆ ชำเลืองมองเขาที่เดินพ้นประตูไป ทว่าดวงตาคมเข้มคู่นั้นยังไม่วายมองตรงมาที่เธออย่างเอาเรื่องเช่นกัน
.
.
เจ้าของห้องเงยหน้าจากเอกสารขึ้นในทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามา ก่อนจะลุกขึ้นและผายมือไปที่ชุดรับแขกด้านหน้า ใบหน้าที่เคร่งเครียดจนหัวคิ้วยับย่นคลายออกและมีรอยยิ้มน้อยๆ เข้ามาแทนที่ รวมไปถึงแววตาคมเข้มคู่นั้นที่แม้จะร่วงโรยและอ่อนล้าไปตามวันเวลา ทว่าขณะนี้มันกลับฉายแววยินดีในอะไรบางอย่างจนเปี่ยมล้น
“นั่งสิดิน นิกรขอบคุณมากที่ไปตามมาให้ ไปเหอะ เดี๋ยวผมสัมภาษณ์ให้เอง” เจ้าของห้องพยักหน้าให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเพียงนิดก่อนจะส่งรอยยิ้มทั้งหมดนั้นมาที่เขา
‘คุณเกียรติกร รัตนโอฬารสภา’ เถ้าแก่หรือท่านประธานก็แล้วแต่ว่าพนักงานจะเรียกกัน ซึ่งพนักงานรุ่นเก่าหน่อยก็จะเรียกว่าเถ้าแก่ แต่ถ้าเป็นพนักงานรุ่นใหม่โดยมากแล้วก็จะเรียกว่าท่านประธานกันทั้งนั้น เจ้าของบริษัท เกียรติกรเพลสพาร์ท จำกัด ในวัย 55 ปี แต่ยังดูหนุ่มกว่าอายุอยู่มาก ทว่าในรอบ 3 ปีนี้ เกียรติกรกลับต้องเผชิญกับภาวะสถานการณ์ธุรกิจที่ไม่ค่อยมั่นคงและยังต้องเผชิญกับสารพัดโรคที่เริ่มจะมาเยือน ทำให้เขาดูแก่ไปมากกว่าครั้งล่าสุดที่พบกัน
“สวัสดีครับ” กฤปมัยยกมือไหว้ก่อนจะนั่งลงตามที่ท่านเชื้อเชิญ
“เป็นไง ขับรถมาเหนื่อยมั้ย” สายตาห่วงใยและน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างที่สุดส่งตรงไปยังคนที่นั่งอยู่ในฝั่งตรงกันข้าม คำทักทายที่ไม่ได้ต่างไปจากการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ทว่าคนถามก็รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจยิ่งนัก แค่ได้เห็นเขาในอาณาจักรนี้
“ไม่เหนื่อยครับ แค่ไม่กี่ชั่วโมง” ดวงตาคมเข้มไหววูบลงเพียงนิดเพราะรับรู้ในบางสิ่งที่เจ้าของอาณาจักรแห่งนี้พยายามจะสื่อออกมา แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ของเขา สถานที่แห่งนี้มีเจ้าของโดยชอบธรรมอยู่แล้ว
“ขอบใจและขอโทษนะที่ทำให้ต้องลำบาก แต่...” น้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะก้อนความรู้สึกบางอย่างกำลังปะทุ ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งนั้นเสมือนกระจกย้อนเวลาไปสู่อดีตที่เขากำลังใช้สายตาพร่าเลือนตามวัยและพร่าเลือนเพราะหยาดน้ำบางอย่างเพ่งมองให้เต็มตา
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ” เพราะท่าทีลำบากใจที่จะเอ่ยนั้นทำให้เขาเป็นฝ่ายชิงพูดเสียเอง เพราะบางสิ่งบางอย่างก็ไม่อยากรื้อฟื้นขึ้นมาให้กระทบกระเทือนจิตใจกันและกัน
“กระเป๋าเสื้อผ้ามีเยอะมั้ยจะได้ให้เด็กไปยก เดี๋ยวจะพาไปดูห้อง”“ท่านครับ...”เกียรติกรชะงักกับคำเรียกขานของเขา สีหน้ามีแววเศร้าเพียงนิดก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างรอคอยสิ่งที่เขาจะพูดออกมา“ผมเช่าห้องไว้แล้ว อยู่ด้านหลังโรงงานนี่แหละครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปเขาคิดว่าสุภาพที่สุดแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนความรู้สึกกันและกันไปมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะปฏิเสธความหวังดีนั้น แต่เพราะไม่อยากสร้างความยุ่งยากที่เริ่มก่อเค้าให้มากไปกว่านี้สิ่งที่เขาพูดเป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้ว ทว่าแววตาผ่านพ้นวันเวลาที่ฉายแววเจ็บปวดชั่วครู่ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ความสูงที่เขามองเห็นแล้วว่ามันไม่ได้แตกต่างกันเลย ไหล่หนาตั้งตรงดั่งคนพร้อมไปด้วยอำนาจสิทธิ์ขาด สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นแต่คนอื่นจะไม่มีวันเห็นก็คือ แรงกดทับแห่งภาระที่ไหล่หนาตั้งตรงนี้แบบรับไว้และภาระนั้นกำลังจะเปลี่ยนมือ..ดวงตาผ่านโลกมาเนิ่นนานมองตรงไปยังเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่คงอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับบุตรสาวของเขาพร้อมประเมินสิ่งที่ต้องการไปด้วย แววตากระตือรือร้นและดูไม่ยอมคนนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น และเขาก็หวังว่าเธอจะเป็นดั่งที่เข
ภาพท่านประธานนำชายหนุ่มแปลกหน้าเดินชมพื้นที่ภายในโรงงานและแวะเวียนไปที่แผนกต่างๆ สร้างความสนใจให้แก่พนักงาน หลายคนชำเลืองมองเพราะไม่กล้าจะมองจ้องตรงๆ ราวกับกลัวว่าท่านจะจดจำหน้าได้ หลายคนหลบมุมแอบมอง และหลายคนขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะท่านไม่ค่อยได้พาใครเข้ามาชมในโรงงานมากนักด้วยหน้าที่การรับรองลูกค้าก็มีผู้จัดการการตลาดรับผิดชอบอยู่แล้ว และที่สร้างความแปลกใจมากกว่าก็คือ ท่าทีบุคลิกภาพที่เหมือนกัน ทั้งท่าเดิน ความมั่นใจ และสายตาที่ทอดมองไปในจุดหมายเดียวกัน มันให้ความรู้สึกแปลกๆ ราวกับท่านกำลังถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างของบริษัทให้กับชายแปลกหน้าคนนี้“เรามีเครื่องจักรกว่า 300 เครื่อง ทั้งเครื่องปั้ม เครื่องตัด เจาะ กลึง ตีหมุด วายคัท และก็เลเซอร์ อืม...และก็มีแผนกขัดเงาด้วย มาทางนี้สิจะพาไปดู”ท่าทางชี้ชวนและใบหน้าระบายรอยยิ้มอย่างสุขใจที่มองเห็นทำให้กฤปมัยถึงกับชะงักไปชั่วครู่ สัมผัสแห่งความสุขนั้นเขารับรู้ได้ ฝ่ามือที่เอื้อมมาโอบกระชับที่ไหล่หนาและพาเดินไปยังจุดที่ท่านต้องการจะแนะนำ มันคือความภาคภูมิใจอย่างที่สุด แต่เขามาเพราะหน้าที่เท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ“นี่คุณกฤปมัย คุณกฤปมัยจะมาเ
“แต่เห็นฝ่ายบุคคลบอกว่า เขาไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลยนะโว้ย! กูว่างานนี้เหลวแน่ว่ะ”“มึงก็พูดเกินไป ท่านพามาเองแบบนี้ มึงคิดว่าจะเหลวจริงๆ หรือวะ กูว่าไม่ว่ะ” เพื่อนที่เบะปากอย่างไม่เชื่อใจทำให้ต้องบอกในสิ่งที่ทุกคนมองข้ามเพราะเป็นครั้งแรกที่ท่านประธานทำแบบนี้ ถ้าไม่สำคัญหรือเก่งจริง ท่านจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องเทคแคร์มากขนาดนี้ อย่างมากก็ควรให้คุณนิกรพามาแนะนำตัวเท่านั้น“งั้นมองคอยดูไป กูว่าอย่างเก่งไม่พ้น 3 เดือน พ่อเพ่นแน่” ไอ้คนแอนตี้ก็ยังคงแอนตี้อยู่อย่างนั้น“เออ...กูจะคอยดู”พนักงานสามคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติโดยมีอีกหลายคนรอฟังอยู่ด้วยนั้น ต้องเงียบเสียงลงและรีบกระจายกันไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพราะผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่เดินผ่านมาพร้อมหญิงสาวคนหนึ่ง สายตาแทะโลมหลายคู่จึงส่งไปอย่างลืมสถานการณ์ตรงหน้าทั้งหมดลืมแม้กระทั่งหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ เพราะใบหน้าจิ้มลิ้มที่ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้นี้น่าสนใจกว่าเยอะ .. ชายร่างสูงใหญ่ผิวดำจัดค่อนข้างท้วมไม่ต่างกับหมีควายตามที่เธอมักจะจินตนาการเดินยิ้มร่าเข้ามาในห้องอย่างคนอารมณ์ดีหนักหนา ทำให้เธอนึกขวางอยู่ในใจ สถานการณ
เสียงเครื่องจักรขนาดใหญ่กำลังทำงานอย่างสอดประสานเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังแว่วมาจากด้านในโรงงาน ทำให้เจ้าของดวงตาคมเข้มตื่นจากภวังค์ก่อนจะกวาดสายตามองไปให้ทั่วบริเวณ อาณาจักรแห่งนี้คือสถานที่ที่เขาจะต้องมาอยู่ทั้งที่ไม่เคยคาดคิดสักนิด ทว่าความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหนีได้พ้น และนอกเหนือไปจากความจริงที่รู้อยู่แก่ใจนั้นกลับสอดแทรกด้วยความเจ็บปวดอย่างลึกๆ ที่รู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่นี้ช่างน้อยนิดนัก ทุกวินาทีที่ก้าวผ่านไปมีค่าและหน้าที่ที่รับมอบมาเขาก็ต้องทำให้สำเร็จให้จงได้ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินสำรวจไปมารอบๆ ห้องประชุมใหญ่ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์รองรับการประชุมหรือการสัมมนาที่ทันสมัย พร้อมเกียรติบัตรอันบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมประดับอยู่ตามผนัง รวมทั้งภาพผู้บริหารสูงสุดที่เด่นเป็นสง่าอันจะบ่งบอกถึงอำนาจที่มีอย่างเต็มที่ภายในอาณาจักรแห่งนี้ และเป็นคนที่ชักพาเขาสู่หน้าที่ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยวันนี้บริษัท เกียรติกรเพลสพาร์ท จำกัด หรือที่คนทั่วไปรู้จักก็คือ KPP ได้รับพนักงานใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการของฝ่ายรับประกันคุณภาพ(Quality Assurance) หรือที่พนักงานเรียก
“แต่เห็นฝ่ายบุคคลบอกว่า เขาไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลยนะโว้ย! กูว่างานนี้เหลวแน่ว่ะ”“มึงก็พูดเกินไป ท่านพามาเองแบบนี้ มึงคิดว่าจะเหลวจริงๆ หรือวะ กูว่าไม่ว่ะ” เพื่อนที่เบะปากอย่างไม่เชื่อใจทำให้ต้องบอกในสิ่งที่ทุกคนมองข้ามเพราะเป็นครั้งแรกที่ท่านประธานทำแบบนี้ ถ้าไม่สำคัญหรือเก่งจริง ท่านจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องเทคแคร์มากขนาดนี้ อย่างมากก็ควรให้คุณนิกรพามาแนะนำตัวเท่านั้น“งั้นมองคอยดูไป กูว่าอย่างเก่งไม่พ้น 3 เดือน พ่อเพ่นแน่” ไอ้คนแอนตี้ก็ยังคงแอนตี้อยู่อย่างนั้น“เออ...กูจะคอยดู”พนักงานสามคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติโดยมีอีกหลายคนรอฟังอยู่ด้วยนั้น ต้องเงียบเสียงลงและรีบกระจายกันไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพราะผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่เดินผ่านมาพร้อมหญิงสาวคนหนึ่ง สายตาแทะโลมหลายคู่จึงส่งไปอย่างลืมสถานการณ์ตรงหน้าทั้งหมดลืมแม้กระทั่งหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ เพราะใบหน้าจิ้มลิ้มที่ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้นี้น่าสนใจกว่าเยอะ .. ชายร่างสูงใหญ่ผิวดำจัดค่อนข้างท้วมไม่ต่างกับหมีควายตามที่เธอมักจะจินตนาการเดินยิ้มร่าเข้ามาในห้องอย่างคนอารมณ์ดีหนักหนา ทำให้เธอนึกขวางอยู่ในใจ สถานการณ
ภาพท่านประธานนำชายหนุ่มแปลกหน้าเดินชมพื้นที่ภายในโรงงานและแวะเวียนไปที่แผนกต่างๆ สร้างความสนใจให้แก่พนักงาน หลายคนชำเลืองมองเพราะไม่กล้าจะมองจ้องตรงๆ ราวกับกลัวว่าท่านจะจดจำหน้าได้ หลายคนหลบมุมแอบมอง และหลายคนขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะท่านไม่ค่อยได้พาใครเข้ามาชมในโรงงานมากนักด้วยหน้าที่การรับรองลูกค้าก็มีผู้จัดการการตลาดรับผิดชอบอยู่แล้ว และที่สร้างความแปลกใจมากกว่าก็คือ ท่าทีบุคลิกภาพที่เหมือนกัน ทั้งท่าเดิน ความมั่นใจ และสายตาที่ทอดมองไปในจุดหมายเดียวกัน มันให้ความรู้สึกแปลกๆ ราวกับท่านกำลังถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างของบริษัทให้กับชายแปลกหน้าคนนี้“เรามีเครื่องจักรกว่า 300 เครื่อง ทั้งเครื่องปั้ม เครื่องตัด เจาะ กลึง ตีหมุด วายคัท และก็เลเซอร์ อืม...และก็มีแผนกขัดเงาด้วย มาทางนี้สิจะพาไปดู”ท่าทางชี้ชวนและใบหน้าระบายรอยยิ้มอย่างสุขใจที่มองเห็นทำให้กฤปมัยถึงกับชะงักไปชั่วครู่ สัมผัสแห่งความสุขนั้นเขารับรู้ได้ ฝ่ามือที่เอื้อมมาโอบกระชับที่ไหล่หนาและพาเดินไปยังจุดที่ท่านต้องการจะแนะนำ มันคือความภาคภูมิใจอย่างที่สุด แต่เขามาเพราะหน้าที่เท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ“นี่คุณกฤปมัย คุณกฤปมัยจะมาเ
“กระเป๋าเสื้อผ้ามีเยอะมั้ยจะได้ให้เด็กไปยก เดี๋ยวจะพาไปดูห้อง”“ท่านครับ...”เกียรติกรชะงักกับคำเรียกขานของเขา สีหน้ามีแววเศร้าเพียงนิดก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างรอคอยสิ่งที่เขาจะพูดออกมา“ผมเช่าห้องไว้แล้ว อยู่ด้านหลังโรงงานนี่แหละครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปเขาคิดว่าสุภาพที่สุดแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนความรู้สึกกันและกันไปมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะปฏิเสธความหวังดีนั้น แต่เพราะไม่อยากสร้างความยุ่งยากที่เริ่มก่อเค้าให้มากไปกว่านี้สิ่งที่เขาพูดเป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้ว ทว่าแววตาผ่านพ้นวันเวลาที่ฉายแววเจ็บปวดชั่วครู่ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ความสูงที่เขามองเห็นแล้วว่ามันไม่ได้แตกต่างกันเลย ไหล่หนาตั้งตรงดั่งคนพร้อมไปด้วยอำนาจสิทธิ์ขาด สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นแต่คนอื่นจะไม่มีวันเห็นก็คือ แรงกดทับแห่งภาระที่ไหล่หนาตั้งตรงนี้แบบรับไว้และภาระนั้นกำลังจะเปลี่ยนมือ..ดวงตาผ่านโลกมาเนิ่นนานมองตรงไปยังเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่คงอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับบุตรสาวของเขาพร้อมประเมินสิ่งที่ต้องการไปด้วย แววตากระตือรือร้นและดูไม่ยอมคนนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น และเขาก็หวังว่าเธอจะเป็นดั่งที่เข
ใบหน้าเหวอๆ ของเธอทำให้คนที่เพียงชำเลืองมองมาต้องหันกลับไปสนใจกับสิ่งตรงหน้าตามเดิม เพราะรู้จากพี่ยามแล้วว่าจะมีคนมาสัมภาษณ์ร่วมกันอีก 1 คน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้หญิง กฤปมัยไม่ได้พูดอะไรแม้จะรู้ว่าเธอยังคงมองดูเขาอยู่อย่างสำรวจตรวจตราก็ตาม‘คนหล่อๆ ต้องทำคะแนนๆ ดีดี้ เอ๊ย! แกอาจจะได้ลงจากคานก็งานนี้ล่ะวะ เอาวะ! เป็นไงเป็นกันใกล้ขบวนสุดท้ายเข้าไปทุกที หล่ออย่างนี้ปล่อยไปก็โง่ตายล่ะ’“เอ่อ...สวัสดีค่ะ มาสัมภาษณ์เหมือนกันใช่มั้ยคะ”แม้ความคิดในใจนั้นจะหมายมั่นปั้นมือว่าต้องสานสัมพันธ์กับผู้ชายหล่อๆ ตรงหน้านี้มากมายเพียงใด แต่เอาเข้าจริงบทจะต้องพูดดาวินีก็รู้สึกประหม่าจนแก้มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อจนได้กฤปมัยชำเลืองมองผู้หญิงตัวเล็กกะทัดรัดข้างกาย แม้รู้ว่าเธอต้องการสร้างสัมพันธ์แต่เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมด้วยในตอนนี้เพราะสิ่งที่เขาต้องเจอในอีกไม่กี่วินาทีต่อไปนี้มันต้องใช้สมาธิอย่างมาก การตัดสิ่งที่อาจทำให้หัวใจไขว้เขวเป็นสิ่งที่เขาต้องทำ“ดีดี้ มาสัมภาษณ์เหมือนกันค่ะ”คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันทำให้เธอรู้ว่าเขาเริ่มไม่พอใจ ดาวินีรู้สึกเหมือนเลือดลมจะขึ้นหน้าเมื่อความอายมาเยือนอย่างไ
เสียงเครื่องจักรขนาดใหญ่กำลังทำงานอย่างสอดประสานเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังแว่วมาจากด้านในโรงงาน ทำให้เจ้าของดวงตาคมเข้มตื่นจากภวังค์ก่อนจะกวาดสายตามองไปให้ทั่วบริเวณ อาณาจักรแห่งนี้คือสถานที่ที่เขาจะต้องมาอยู่ทั้งที่ไม่เคยคาดคิดสักนิด ทว่าความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหนีได้พ้น และนอกเหนือไปจากความจริงที่รู้อยู่แก่ใจนั้นกลับสอดแทรกด้วยความเจ็บปวดอย่างลึกๆ ที่รู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่นี้ช่างน้อยนิดนัก ทุกวินาทีที่ก้าวผ่านไปมีค่าและหน้าที่ที่รับมอบมาเขาก็ต้องทำให้สำเร็จให้จงได้ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินสำรวจไปมารอบๆ ห้องประชุมใหญ่ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์รองรับการประชุมหรือการสัมมนาที่ทันสมัย พร้อมเกียรติบัตรอันบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมประดับอยู่ตามผนัง รวมทั้งภาพผู้บริหารสูงสุดที่เด่นเป็นสง่าอันจะบ่งบอกถึงอำนาจที่มีอย่างเต็มที่ภายในอาณาจักรแห่งนี้ และเป็นคนที่ชักพาเขาสู่หน้าที่ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยวันนี้บริษัท เกียรติกรเพลสพาร์ท จำกัด หรือที่คนทั่วไปรู้จักก็คือ KPP ได้รับพนักงานใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการของฝ่ายรับประกันคุณภาพ(Quality Assurance) หรือที่พนักงานเรียก