“จะซื้ออะไรหนักหนา”
เนตราบ่นคนหยิบอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งใส่ตะกร้าหิ้ว หลังพาไปโรงพยาบาลเขาเลี้ยวรถเข้าร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านเธอ
“อาหารอ่อนๆ ไง ปากตุ่ยอย่างนี้จะทำอะไรได้ กินอย่างนี้แหละ เอาเข้าไมโครเวฟง่ายดี หรือจะให้ฉันมาทำกับข้าวให้ล่ะ”
เธอค้อน พอสารภาพรักแล้วชวินทร์ไม่อายเลยที่จะแสดงสิทธิ์ ในโรงพยาบาลก็ทีแล้ว นั่งเบียดชิดกระแซะ เข้าห้องไปฟังหมอซักอาการเธอด้วย
“จะกินนมแบบไหน นมวัวหรือถั่วเหลือง เอาไว้แก้หิว”
เขาเคาะนิ้วลังเลระหว่างแพ็คนมยูเอชที
“ไม่ต้องซื้อของตุนเยอะหรอก พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานแล้ว”
เธอหยิบนมถั่วเหลืองหนึ่งแพ็ค คิดได้ว่าที่มีในบ้านเหลือไม่กี่กล่อง สำรองเอาไว้นิดก็ดี
“พักอีกก็ได้ เดี๋ยวฉันบอกแปงให้”
ชวินทร์บอกเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับเนตราแล้วไม่เล็กเลย
“ฉันขาดงานมาหลายวันแล้ว ที่ออฟฟิศคงยุ่ง เกรงใจคุณแปง”
“ที่พูดน่ะ ดูตัวเองด้วย ปากแตกอย่างนี้น่ะนะ แปงมันคงไม่ใจดำให้คนเจ็บทำงานหรอก”
“ปากฉันเจ็
ภาพแรกที่ค่อยๆ แจ่มชัดในสายตาเนตราคือ แสงไฟสว่างจ้าจากหลอดฟูลออเรสเซนต์ในห้องขาวเธอกระพริบตากลมโตถี่ๆ เรียกสติคืนจากความง่วงงุน ศีรษะหนักอึ้ง คอแห้งเหมือนคนหลงในทะเลทรายมานานเมื่อสายตาชินกับแสงจึงเห็นสภาพห้อง เธอนอนบนเตียง มีขวดน้ำเกลือแขวนเหนือศีรษะ สายเล็กเรียวมาหยุดอยู่ที่กลางแขนขวาทีแรกคิดว่าตนเองอยู่ลำพัง แต่เหลือบเห็นประตูกระจกกั้นระเบียง ใครบางคนยืนอยู่ด้านนอก“มีใครอยู่บ้างคะ สวัสดีค่ะ”อยากลุก แต่จนด้วยเนื้อตัวระบมไปหมด ได้แต่ส่งเสียงทัก ประตูเคลื่อนเปิด เผยให้เห็นสมาชิกร่วมห้อง ชวินทร์! เนตราอ้าปากเหวอ“จะเอาอะไรเหรอ เดี๋ยวเรียกพยาบาลให้”เขาเดินมากดปุ่มเหนือหัวเตียง เผยให้เห็นไหล่กว้าง ท่อนแขนเข็งแรง“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วฉันล่ะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”คำถามยิงรัวเร็วเกือบเท่าจังหวะการหายใจถี่กระทั้น“คุณล้ม หัวฟาดกระถางต้นไม้ ผมพามาโรงพยาบาล”สรรพนามก็เปลี่ยนไป จากที่เคยเรียก “เธอ” กลายเป็น “คุณ” ท่าทีเย็นชาเปลี่ยนเป็นห่วงใย“หลับไปสองวันเต็มๆ”“แล้วนายไปเจอฉันหัวฟาดกระถางต้นไม้ได้ยังไง ไหนบอกว่าเราอย่าเจอกันสองต่อสองอีก”ชวินทร์ขมวดคิ้ว“อย่างนี้แฟนนายจะคิดยังไง”ดว
“มันไม่ได้เกิดแอคซิเดนท์ระหว่างเรา แบบว่า ...ฉันท้องหรอกนะ”เธอเดาคำตอบแบบกล้าๆ กลัวๆ คราวนี้ชวินทร์หัวเราะดังพรืด เธอหน้าร้อน อายจนอยากซุกหน้าเข้าผนัง ก็แหม ...นี่มันเป็นมุกคลาสสิคที่ทำให้ผู้หญิงบ้านๆ กับผู้ชายรวยๆ อย่างเขาต้องตกกระไดพลอยโจรต้องมาอยู่ด้วยกันเชียวนะ“อย่าขำสิ! ฉันซีเรียสนะ” เธอแว้ด กลั้นใจรอคำตอบ“คุณไม่ได้ท้อง”เนตราพ่นลมหายใจยาว สบายใจไปเปลาะหนึ่ง“ผมกลับมาจากอเมริกา เจอคุณ เราต่างไม่มีใครเลยคบกัน”“ง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ”เธอจำได้ว่าชวินทร์ก่อนมาคบกับแฟน ...หมายถึงคนก่อนที่เลิกกันไปก่อนจะมาคบกับเธอ เขามีสาวๆ รุมล้อมหน้าล้อมหลัง เรียกว่ามีให้ควงไม่ได้ขาด และสวยๆ ทั้งนั้น ไหงเขามาเลือกเธอล่ะ“การที่คนเราจะคบกันเป็นแฟนมันต้องยากสักแค่ไหนกันเชียว”เนตราไม่เคยนึกฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้มานั่งคุยกับเขาเรื่องนี้ บนเตียงโรงพยาบาล“นายกับฉันต่างกันมาก”“ผมชอบคบกับคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ”เธอแทบละลายกับประโยคนี้ ขณะคนพูดก็เสไม่มองตา บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความขวยเขิน“แต่ฉันก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี นายมีหลักฐานที่เราคบกันไหม”ชวินทร์ล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง ภาพปรากฏบนจอเป็นภ
โน้ตเป็นชื่อเล่นชวินทร์ ดาวเป็นชื่อเล่นเนตรา เธอกับเขาเป็นเพื่อนร่วมเรียนสาขาเดียวกันในมหาวิทยาลัยชวินทร์มีชีวิตเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ รูปร่างหน้าตาดี ฉลาด เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน รวย มีแฟนสวย เพื่อนๆ รักส่วนชีวิตเนตราขึ้นต้นเหมือนจะดี แต่แล้วกลับเคว้งคว้างดังว่าวหลุดลอย พ่อแม่เสียตอนอยู่ปีสอง ดีที่ได้ทุนการศึกษาของญาติชวินทร์มาช่วยเหลือหน้าตาเธอ หากจัดอันดับแล้วอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่สวยขนาดมีหนุ่มแปลกหน้ามาขอเบอร์ ยังพอมีหนุ่มชวนไปดูหนังกินไอศรีมบ้างปีละครั้งสองครั้งเนตราเคยคิด หากตัวเองเป็นดาวได้ เขาคงเป็นเดือน ส่องแสงสีเงินยวงให้เย็นใจ กลางคืนอวดโฉมกระจ่างฟ้า เหมือนสัมผัสได้แต่เอื้อมไม่ถึง เพราะเดือนอยู่สูง ไกลลิบดาวที่น่าจะมาจากดาวทะเลและเป็นคนอย่างเธอจึงได้แต่แหงนมองเขาคอตั้งบ่า มันคงเป็นเพียงอาการปลื้มคนหล่อ หากวันหนึ่งเดือนไม่เคลื่อนมาใกล้ เขาและเธอจำต้องจับกลุ่มรายงานด้วยกันเนตราที่เพิ่งเสร็จงานศพพ่อแม่มาเรียนด้วยอารมณ์หดหู่ พ่อแม่ทำประกันปิดหนี้บ้านไว้ก็จริง แต่หักลบกลบหนี้แล้วเงินไม่พอให้เธอเรียนจบแน่ ระหว่างกำลังเหม่อลอย ชวินทร์ก็มาอยู่ตรงข้าม“ดาวโอเคไหม”คำถามสั้นๆ ง่ายๆ
“ขนมเค้กหวานจริงๆ ด้วยแฮะ”ชวินทร์เลียริมฝีปาก เหมือนเด็กอาลัยอาวรณ์รสชื่นของน้ำตาล“นายทำงี้ ทำไม”เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในนิยายสักเรื่อง ประเภทนางเอกโดนลักจูบ อยากตบแต่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยดวงตาที่แหงนมองเขานั้นมีน้ำคลอหน่วย สองมือยกขืนตัวออกจากวงแขนรัดแน่นเหมือนงูเหลือมรัดเหยื่อ“ไม่รู้สิ ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ” งูเหลือมเอ๊ย! ชวินทร์ตอบหน้าตาย“แล้วมาจูบฉันทำไม”“... ก็เราเป็นแฟนกัน” เขาพึมพำอยู่เรือนผมยุ่งๆ ของเธอ“แต่ไม่ใช่ให้มารุ่มร่ามแบบนี้”“ใช้คำเชยจัง”“นายอย่ามาลวนลามฉัน”“แรงนะนั่น ฟังแล้วเหมือนผมเป็นพวกโรคจิต” เขาชะงัก ทำเสียงฮึ ในลำคอ“ก็ใช่ไหมล่ะ นายทำอะไรโดยฉันไม่ยินยอม”เนตราพยายามเปลี่ยนความรู้สึกอยากจะร้องไห้เป็นฮึดสู้ ไม่สนล่ะว่าเธอกับเขาขณะนี้มีสถานะเป็นอะไรกัน แต่เธอความจำเสื่อม ควรได้ความปลอดภัย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ“ห้ามแตะต้องฉันอีก”ชวินทร์ปล่อยวงแขนหลวมๆ มองเธอนิ่ง ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก“หมายถึง ฉันยังไม่พร้อม ความทรงจำยังไม่กลับมา มันสับสนไปหมด” เนตราโน้มน้าวให้เขาเชื่อ ตามสมองจะคิดได้ ใจตุ้มๆ ต่อมๆ เหมือนกัน กลัวเขาจะโกรธ ก็ตอนนี
“ฉันยังไม่หิว ถ้านายหิวละก็ สั่งเลย”เนตราใช้สายตาสำรวจทั่วห้อง คะเนจากทำเล วิวและการตกแต่ง ราคาคงหลายบาท อาจเป็นสิบล้านไม่น่าแปลกที่คนฐานะอย่างเขาจะเป็นเจ้าของห้องเช่นนี้ แปลกที่แปลกทางคือเธอต่างหาก ผู้หญิงธรรมดาๆ แถมความจำเสื่อม“ผมสั่งพิซซ่ามานะ สั่งของสดเล็กๆ น้อยมาด้วย เผื่อดาวอยากทำอะไรกินเอง”เขาบอกเมื่อละสายตาจากจอโทรศัพท์ ชวินทร์เปิดโทรทัศน์ นั่งบนโซฟา เธอยืนเก้ๆ กังๆ จะไปนั่งข้างบนโฟาตัวเดียวกันก็ยังเขินๆชวินทร์รู้ทันแกล้งลุกไปเปิดตู้เย็น เนตราจึงนั่งลงได้อย่างสบายใจ เขารินน้ำส้มเผื่อเธอ ส่วนน้ำเปล่าให้ตัวเอง“อะไรๆ เปลี่ยนไปเยอะนะตั้งหกปี” ในจอเป็นโฆษณาโทรศัพท์รุ่นใหม่ โดยดาราที่เธอไม่รู้จัก“ฉันเหมือนคนหลงยุค”“เวลาแค่นี้เอง ไม่ใช่สิบปีสักหน่อย อย่าคิดมากเลย”ชวินทร์กดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ อีกแล้ว เขาก็ไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาคุยกับเธอเหมือนกัน“เล่าเรื่องตอนเราเป็นแฟนกันให้ฟังหน่อยสิ”“ตอนนี้เราก็ยังเป็นแฟนกันอยู่นะ” เขากลั้นยิ้ม“ไม่ใช่ คือแบบ... ใครขอใครเป็นแฟนก่อน”เนตราแพ้ยิ้มละลานตาแบบนี้เสียด้วยสิ มือยกเกะกะ ไม่รู้เอาไปไว้ไหน
“ที่ร้านคนเยอะ ถ้าสั่งมาก็รอนานอาหารเย็นหมด โน้ตเลยทำกับข้าวเอง ทำเป็นตั้งหลายอย่างนะ”ชวินทร์ไม่ได้โม้ อาหารรสชาติดีจริงๆ ดีกว่าที่เนตราเคยทำเสียอีก จนเธออายนิดๆ มื้อนี้เนตรารับหน้าที่ล้างจาน เพราะ เขาทำอาหารไปแล้ว หลังจากนั้นเธอรีบเข้าห้องโดยไว แต่นอนไม่หลับหมอให้ยานอนหลับมาด้วย แต่เนตราไม่กิน หลายวันมานี้เธอใช้หลายครั้งแล้ว เธอกลัวเสพย์ติดนอนกระสับกระส่ายบนเตียง พยายามนับแกะก็แล้ว สวดมนต์ก็แล้ว แต่ยังไม่หลับ ตัดสินใจออกมาข้างนอกห้องรับแขกมืดแต่ไม่สนิทนัก นอกหน้าต่างมีแสงไฟสะท้อนบนผืนแม่น้ำเป็นทางระยิบระยิบเหมือนสะพานทอดสู่ดวงจันทร์ เนตรายืนมองเพลิน หันมาอีกทีก็เจอเงาตะคุ่มๆ กำลังจะกรี๊ด แต่ร่างนั้นก็พุ่งเข้ามาเสียก่อน“โน้ตเอง” ไฟในห้องสว่างวาบ ชวินทร์ยืนข้างเธอ เขาสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงลายสก็อต“นอนไม่หลับเหรอ ให้ไปนอนเป็นเพื่อนไหม”ชวินทร์กลับเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์อีกแล้ว“ทะลึ่ง นายรับปากว่าจะไม่ทำอะไรฉัน”“คร๊าบๆ ผมเป็นสุภาพบุรุษต้องรักษาสัญญา เพื่อให้ได้รับความเชื่อใจจากสุภาพสตรี”เขาล้อ ก่อนเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำรินใส่แก้วเนตราหันหลังให้เ
"ตื่นได้แล้วคนขี้เซา" เนตราปรือตาง่วงงุน จมูกได้กลิ่นอาหาร ไข่ดาวสุกใหม่ๆ ทำน้ำย่อยในกระเพาะเริ่มทำงาน“เช็ดน้ำลายแล้วมากินข้าว”เธอทะลึ่งพรวดขึ้นจากพื้น หน้าเหรอหรายกหลังมือปาดแก้ม ชวินทร์เทไข่จากกระทะใส่จาน พอดีกับที่ปิ้งขนมปังร้องดังติ๊ง“ผมล้อเล่นดาวไม่ได้นอนน้ำลายไหลหรอก” เขาหัวเราะร่วนเมื่อเห็นอาการ“แค่กรนดังเท่านั้นเอง”เธอค้อน คร้านจะเถียง มีแต่จะเข้าตัวเสียเปล่าๆ มาอาศัยห้องเขาอยู่ นอนก็นอนบนเตียงเขา ทนๆ เอาหน่อยก็แล้วกัน“ฉันอยากได้โทรศัพท์ ช่วยพาไปซื้อหน่อย” ชวินทร์อ่านข่าวในไอแพดแทนหนังสือพิมพ์“ไม่ต้องรีบใช้ก็ได้ ดาวยังไม่หายดี”“ถ้าได้มือถือฉันจะได้ติดต่อเพื่อนๆ บางทีความทรงจำจะกลับมาเร็วยิ่งขึ้น”“ทุกคนจะยิ่งเป็นห่วงดาวล่ะไม่ว่า ทำคนอื่นลำบากเปล่าๆ” เธอหรี่ตา ฉุนกับคำกล่าวหานั้น “นายพูดเหมือนไม่อยากให้ฉันไปเจอใคร”“ผมเปล่า”“งั้นพาฉันไปซื้อมือถือสิ ฉันจะไม่กวนนายอีกเลย”เนตราเชิดหน้า กอดอกต่อต้าน“ก็ได้ๆ”เขายอมแพ้แบบรำคาญ แต่ยังเล่นแง่นั่งดูรายการโทรทัศน์จนเกือบสิบโมง“รอเวลาห้างเปิด” เขาให้เหตุผลที่เถียงยากเสียงด้วยสิชวินทร์พามาห้างสรรพสินค้าใ
ชวินทร์ขับรถเงียบมาตลอดทาง โดยไม่หยุดพัก“เราจะไปไหนกัน”เนตราเป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องเปิดปากถาม“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”“บอกหน่อยสิ”“จะรู้ตอนนี้หรือรู้ตอนไหน ดาวก็ต้องไปที่นั่นอยู่ดี”“นายเผด็จการ”“โน้ตไม่สนใจวิธีการหรอกนะ ดาวนั่งเงียบๆดีกว่า”ชวินทร์สวมแว่นกันแดดอันโตปิดบังสายตา เธอเดาอารมณ์เขาไม่ออกเนตรามองไปนอกรถ หาคำบอกใบ้ว่าตนกำลังไปที่ไหน เขาทำลายสมาธิเธอด้วยการเปิดเพลง จนเธอเห็นป้าย 'ยินดีต้อนรับสู่หัวหิน'รถเลี้ยวเข้าสู่ประตูแนวรั้วสูงสีขาว มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น บ้านสองชั้นสีฟ้าอ่อนปรากฏแก่สายตา หลังบ้านติดทะเล เห็นระลอกคลื่นสะท้อนแดดส่องประกายระยับ“เราจะอยู่ที่นี่กันสักพักจนกว่าจะเคลียร์กับครอบครัวผมได้” มีคนวิ่งจากในบ้านมารับกระเป๋าท้ายรถ ท่าทางนอบน้อม“ครอบครัวนายไม่ชอบฉันขนาดนี้เลยเหรอ” บริเวณบ้านนี้กว้างกว่าบ้านเธอเสียอีก“ผมจัดการได้ ตอนนี้พักผ่อนให้สบายเถอะ จะได้หายเร็วๆ” รู้ได้อย่างหนึ่งล่ะ เขาอารมณ์ดีขึ้น“คนของผมเตรียมห้องให้แล้ว” เขาพยักหน้าไปในบ้าน “ผมมีเรื่องงานต้องจัดการ”“เมื่อไรนายจะปล่อยฉันไปเสียที” เขาเอียงคอ“ถ้าครอบครัวไม่เห็นด้วยที่เราคบกัน ง
“จะซื้ออะไรหนักหนา”เนตราบ่นคนหยิบอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งใส่ตะกร้าหิ้ว หลังพาไปโรงพยาบาลเขาเลี้ยวรถเข้าร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านเธอ“อาหารอ่อนๆ ไง ปากตุ่ยอย่างนี้จะทำอะไรได้ กินอย่างนี้แหละ เอาเข้าไมโครเวฟง่ายดี หรือจะให้ฉันมาทำกับข้าวให้ล่ะ”เธอค้อน พอสารภาพรักแล้วชวินทร์ไม่อายเลยที่จะแสดงสิทธิ์ ในโรงพยาบาลก็ทีแล้ว นั่งเบียดชิดกระแซะ เข้าห้องไปฟังหมอซักอาการเธอด้วย“จะกินนมแบบไหน นมวัวหรือถั่วเหลือง เอาไว้แก้หิว”เขาเคาะนิ้วลังเลระหว่างแพ็คนมยูเอชที“ไม่ต้องซื้อของตุนเยอะหรอก พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานแล้ว”เธอหยิบนมถั่วเหลืองหนึ่งแพ็ค คิดได้ว่าที่มีในบ้านเหลือไม่กี่กล่อง สำรองเอาไว้นิดก็ดี“พักอีกก็ได้ เดี๋ยวฉันบอกแปงให้”ชวินทร์บอกเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับเนตราแล้วไม่เล็กเลย“ฉันขาดงานมาหลายวันแล้ว ที่ออฟฟิศคงยุ่ง เกรงใจคุณแปง”“ที่พูดน่ะ ดูตัวเองด้วย ปากแตกอย่างนี้น่ะนะ แปงมันคงไม่ใจดำให้คนเจ็บทำงานหรอก”“ปากฉันเจ็
“โน้ต อย่านะ!”เนตรากอดแขนชวินทร์ไว้แน่น สุชัจจ์ได้ที ดีดตัวลุกขึ้นเหวี่ยงหมัดหวังโจมตีใบหน้า เธอมาขวางไว้จึงโดนลูกหลงเต็มๆ ร่วงลงไปกองกับพื้น“ดาว!”สองหนุ่มอุทานพร้อมกัน ชวินทร์อยู่ใกล้กว่า ปรี่เข้าประคองร่างเล็กที่ใบหน้าช้ำไปข้างหนึ่ง มีเลือดซึม บริเวณมุมปาก“พี่อาร์มพอก่อนค่ะ อย่าใช้กำลัง”ในปากเธอร้าวเหมือนจะแตก ส่วนที่โดนลูกหลงชาวาบแล้วค่อยทวีความปวด มือใหญ่คลำรอยบนแก้มทะนุถนอม ตาเข้ม กัดฟันกรอด ฮึดฮัดจะลุกขึ้นเอาคืน เนตราเกาะแขนเขาแน่นเป็นตุ๊กแก“พอแล้วโน้ต อย่ามีเรื่องกันอีกเลย โอ้ย!”เธอเสียงอู้อี้ แล้วยกมือลูบแก้ม เพราะแขนเขาไหวมากระทบส่วนที่ปวด ชวินทร์ชะงักกึก“เจ็บมากเหรอ เดี๋ยวพาไปโรงพยาบาลนะ ยัยบ้าเอ๊ย! เอาตัวมาขวางทำไม”ปากบ่น แต่สุชัจจ์เห็นความอาทรในดวงตาชายหนุ่ม“อย่ามาทำตัวอันธพาลแถวนี้”ประกอบกับท่าทีตัดพ้อของหญิงสาว เขาไม่ใช่คนโง่จนคิดไม่ออก“มาว่ากันได้ยังไง ฉันเอายามาให้นะ หมอนี่ต่างหากที่กวนตีนก
“เธอจะโทรไปหาใครก็โทรเลย ฉันจะได้บอกทุกคนเรื่องของเรา”เขาแสยะยิ้ม“ไม่มีเรื่องของเรา”“เรื่องหัวหินแล้วก็เช้าวันนั้นที่ตลาด ไม่คิดเหรอว่ามันอาจจะช้าเกินไป”เนตราหน้าซีด ในสมองคำนวณสิ่งที่เกิดขึ้นประจำทุกเดือนอย่างกังวล“ปฏิเสธหมอนั่นไปซะ มันไม่ใช่คนใจดีพอจะเลี้ยงลูกคนอื่นหรอก”“พี่อาร์มไม่เลวเหมือนคุณ!”“พนันกันไหมล่ะ จะให้ผมบอกหรือให้ดาวบอก”เขากอดอกยียวน เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นต่อ“ชั่วที่สุด”อยากบริภาษให้แรงกว่านี้ แต่สมองตื้อไปหมด“ผมยอมรับผลของการกระทำ ดาวล่ะ”อาจจะผิดจากที่คิดได้เมื่อครู่ แต่เขารู้สึกสบายใจได้เปลาะหนึ่ง เธอจะไม่ตอบตกลงแต่งงานกับสุชัจจ์ในเร็ววันนี้แน่“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ!”“บางทีดาวอาจจะได้เห็นทั้งหน้าผมทั้งหน้าลูกตลอดชีวิตเลยก็ได้”ชวินทร์หัวเราะ สตาร์ทรถออกไปอาการปวดหัวกลับมาอีกครา เธอเดินไปมาในบ้านเหมือนหนูติดจั่น ชวินทร์
การอาบน้ำนอกจากช่วยให้เนตราสดชื่น ยังขจัดเมฆหมอกที่รบกวนจิตใจในหลายวันนี้มลายหายไปด้วย เธอเข้าใจจุดประสงค์ของชวินทร์แล้วเขาต้องการปกป้องฉัตรบรรณ แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นถูกที่ถูกเวลา เขาจึงเล่นตามน้ำ สวมรอยว่าเป็นแฟนเธอ จนเลยเถิดถึงขนาดมีอะไรกัน ...นำความร้าวรานมาสู่เธออีกคราเสียงกดออดหน้าบ้านดึงสติกลับสู่ปัจจุบัน เธอรีบสวมชุดอยู่บ้านสบายๆ ออกมาดูแขกในยามสาย สุชัจจ์ยืนยิ้มพร้อมในมือมีถุงของใบเขื่อง“พี่เดาถูกจริงๆ ว่าดาวยังไม่กลับไปทำงาน”“ไม่เป็นไร คุณแปงบอกแล้วว่าสบายใจเมื่อไรค่อยไป”เนตราเคยโกหกเขาว่าเริ่มเบื่องานเพราะทำมาตั้งหกปีแล้ว เลยอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพื่อจะตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือหางานใหม่“วันนี้พี่อาร์มไม่เข้าออฟฟิศเหรอคะ”สุชัชจ์ทำงานบริษัทรถยนต์อยู่ในตำแหน่งฝ่ายขายอาวุโส“จะเข้าบ่ายๆ นะจ๊ะ พี่เอาขนมจากญี่ปุ่นมาฝาก”ก่อนเกิดอุบัติเหตุ สุชัชจ์ไปญี่ปุ่นกับบริษัท เขายังไลน์มาถามเธอเลยว่าอยากได้เครื่องสำอางไหม“ขอบคุณค่ะ”แฟนเธอเป็นคนน
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณแปงค่ะ”เธอรวบรวมความกล้า เข้ามายืนตรงหน้าเจ้านาย“เรื่อง?”ฉัตรบรรณมองลอดแว่น นิ้วพรมไปตามคีย์บอร์ดโน้ตบุค“มีข่าวเรื่องฉัน คิดว่าคุณแปงคงจะรู้แล้ว”เจ้านายชะงัก“ผมไม่อยากสนใจเรื่องส่วนตัวของคุณ ถ้ามันไม่ได้มีญาติผมอย่างโน้ตมาเกี่ยวด้วย”ความเงียบเคลื่อนมาเป็นเจ้าเรือนในห้องนั้น ต่างคนมองตา เนตราใจเสีย หน้าเหลือสองนิ้ว เจ้านายรู้เรื่องแล้วจริงๆ ...แต่รู้แค่ไหนกันล่ะ“ถ้าดาวไม่สะดวกเล่าก็ไม่เป็นไร”ฉัตรบรรณยกมือขึ้นประสานวางเหนือโน้ตบุคที่ปิดลง ห้วงเวลาแห่งความยากลำบากมาถึง สมองสรรหาคำพูดอย่างหนักเพื่ออธิบายเรื่องเมื่อหกปีที่แล้ว“ฉันเคยนอนกับคุณโน้ตค่ะ”เนตราเม้มริมฝีปาก รอฟังว่าเขาจะถามอะไรต่อ ฉัตรบรรณเพียงมองเธอนิ่ง“แต่ฉันไม่ได้แย่งคุณโน้ตมาจากคุณแจงนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ เราเมาทั้งคู่”ให้เป็นเหตุผลนี้จะดีกว่า เขาเมาสุรา แค่เธอเมารัก“แล้วเราก็ไม่ได้คบกันด้วย”
“เล่ามาเถอะค่ะเจ้ ก่อนที่คุณแปงรู้เองแล้วมันจะเป็นเรื่อง”เนตราเลือกเจ้านายมาอ้าง ปลายสายทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนร่าย“ดาวเคยแย่งคุณโน้ตมาจากแฟนเก่าเขาใช่ไหม”“พี่ไปเอาข่าวมาจากไหน”เธอตาโต ในอกบีบรัดแน่นแทบระเบิด“ลือกัน ตั้งแต่เมื่อคืน เจ้ก็ฟังเขามาอีกที”มือกำแน่นเล็บจิกกลางฝ่ามือ จนน่ากลัวจะเป็นแผล“แล้วจริงไหม...หือ”เธอวางโทรศัพท์ลง สูดลมหายใจลึกๆ สะกดกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่าน ไม่นึกเลยว่าผลการกระทำในคืนนั้นจะมาหลอกหลอนเพียงนี้ ข่าวแพร่มาที่ทำงานได้อย่างไร“บอกป้าหวานให้ชงกาแฟเข้มๆ ให้ผมถ้วยหนึ่ง”ฉัตรบรรณละจากการคุยมือถือ สั่งเธอก่อนเดินเข้าห้องไป แม่บ้านเอาของที่สั่งมาเสิร์ฟ ปรายตาดูเธอที่หน้าเครียดอยู่ กำลังจะขยับปาก เจ้านายก็เปิดประตูเรียก“ดาวมานี่หน่อย”ท้ายทอยเธอชาวาบ เลือดในกายแข็งไปหมด ฉัตรบรรณรู้เรื่องข่าวแล้วหรืออย่างไร“ช่วยดูให้หน่อยว่างานสัปดาห์นี้มีอะไรเลื่อนไปได้บ้าง ผมจะไปพัทยาเย็นวันศุก
ร่างในเสื้อคอปาดแขนยาวขาว กระโปรงทรงดินสอสีแดง เดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะเนตรา“คุณแปงอยู่ไหม”เจมิลลาสวมแว่นกันแดดสีชา เสียงนิ่ง ยากจะเดาความรู้สึก“กำลังคุยกับฝ่ายดีเวลล็อปเปอร์อยู่ค่ะ คงสักพักถึงจะเสร็จ”“แล้วคุณดาวไม่ประชุมด้วยเหรอคะ”ศีรษะปกคลุมด้วยผมย้อมสีน้ำตาลทองยาวถึงกลางหลัง ชะเง้อไปมองทางห้องทำงานคนรัก“เรื่องระบบฉันไม่ค่อยรู้เรื่อง เดี๋ยวคุณแปงก็ย่อให้ฟังอีกที แล้วค่อยทำรายงานการประชุมส่ง ระหว่างนี้รอรับโทรศัพท์ดีกว่าค่ะ”เธอผายมือไปทางชุดรับแขกขนาดกะทัดรัดหน้าห้อง“เชิญคุณเจมี่นั่งรอก่อนนะคะ”“อยากคุยกับคุณดาวมากกว่า”“คะ”“ดื่มกาแฟ คุยกันตามประสาผู้หญิงน่ะค่ะ”เจมิลลายิ้ม เดินไปนั่งที่ชุดรับแขก คนรักของฉัตรบรรณเป็นคนน่ารัก และเนตรารู้จักเพียงผิวเผิน ขนาดจะมาจิบกาแฟเม้าท์มอยนี่ก็ไม่เคย“มาสิคะ”อีกฝ่ายเร่ง เลื่อนแว่นคาดศีรษะ พยักหน้าไปยังเก้าอี้ตัวข้างกัน“คุณ
“ดาวซื้อไอ้นั่นมาหรือยัง”ฉัตรบรรณยืนอยู่หลังโต๊ะทำงาน ยกนิ้วขึ้น ทำท่าจะพูดอะไรแต่ติดอยู่ที่ริมฝีปาก ชวินทร์นั่งเก้าอี้ตัวตรงข้ามบนตักมีโน้ตบุค แสดงกราฟข้อมูล“สายชาร์ตไอแพ็ดอันใหม่ซื้อให้แล้วค่ะ อยู่ในลิ้นชักโต๊ะอันกลาง”เธอเอาแฟ้มงานต้องอนุมัติด่วนมาให้เขาเซ็น“บ่ายสองวันนี้...เลื่อนสัมภาษณ์นะคะ ฉันเลยจองสปาที่คุณเจมี่เคยแนะนำไปไว้ให้ เธอดีใจมาก เดี๋ยวจะให้คนเอาแบล๊คไทน์ออกงานคืนนี้ไปให้ที่นั่นเลยค่ะ จะได้ไปรับคุณเจมี่ทันเวลา”เนตราเอ่ยชื่อสื่อออนไลน์ยักษ์ใหญ่ในต้นประโยค แล้วจบท้ายด้วยเรื่องเกี่ยวข้องเจมิลลา...คู่หมั้นเขา“เลขาฯมึงรู้งานดีจังว่ะแปง”ชวินทร์ชมเหมือนเยาะ เพราะมีเสียงหึตามมาด้วย“แหงล่ะ เลขาฯดีๆ ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ”ฉัตรบรรณเปิดลิ้นชักหาของที่ต้องการ แล้วก็เจอจริงๆ“ว่างๆ ขอยืมตัวไปใช้ตอนทำโปรเจ็คบ้างสิ”ตาคมปลาบราวกับจะเฉือนเธอเป็นชิ้นๆ“เรื่องอะไร เลขาฯก็หาเองสิ”“เรื่องอย่างนี้มันต้
เนตรากะพริบตาปริบๆ ไล่ความง่วงงุนจากนิทรารมย์ออก กายค่อยขยับคลายความเมื่อยขบแดดยามเช้าส่องลอดกระจกหน้าต่างเข้ามา เธอเผลอหลับกลางห้องรับแขก ท่ามกลางอัลบั้มรูปที่เปิดกางหกปี...เธอเคยคิดว่าตัวเองก้าวผ่านเรื่องเขามาแล้ว แต่ชวินทร์ยังตามตอแยเธอไม่เลิก หลอกหลอนทั้งในความจริงและความฝันใครล่ะจะคิดว่าเธอ ชวินทร์ ดุลยา จะมาเจอกันที่บริษัทของฉัตรบรรณเนตราได้งานเลขาฯด้วยฉัตรบรรณให้โอกาสเด็กจบใหม่อย่างเธอ แรกๆ งานเต็มไปด้วยความขัดข้อง แต่หลายปีถัดไปอะไรก็เข้าที่เข้าทางฉัตรบรรณเป็นเจ้านายที่ดีและเนตราก็รักงานที่ทำอยู่ กระทั่งฉัตรบรรณไปเจรจาเป็นพันธมิตรกับนรธิปคนทั้งบริษัทดีใจมากที่ได้สัญญาธุรกิจนี้ เพราะบริษัทฉัตรบรรณเป็นสตาร์ทอัพแอปพลิเคชันเกี่ยวร้านอาหารการได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีเครือข่ายธุรกิจมากมาย เป็นการประชาสัมพันธ์บริษัทให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นวันเซ็นสัญญามีนักข่าวมาทำข่าวเยอะ และที่สำคัญคือการปรากฏตัวของดุลยา...ในฐานะคนรักของนรธิป เนตราจำได้ในวินาทีนั้นเอง นรธิปคือคนที่จูบกับดุลยาในคืนงานเลี้ยงอำลาหลังจากที