“สวยใช่ไหมล่ะ ฝีมือแม่เขา”
ชีวันพยักหน้าไปทางภรรยา ที่อยู่ตรงหน้าคือมะปรางสีส้มสดคว้านเม็ดด้านนอกริ้วเป็นลายวางอวดโฉมบนจานของหวาน
“อวดเมียอยู่ได้ พ่อไม่เบื่อหรือไง”
ชวินทร์ใช้ส้อมจิ้มมะปรางเข้าปาก แบบไม่เสียดายความสวย
“ก็เขามีดีนะสิถึงต้องอวด”
ชีวันหัวเราะลงคอ ภรรยาค้อนน้อยๆ ให้
“หนูดาวล่ะชอบทำอาหารไหม มาเรียนกับแม่เขาได้นะ”
“ดาวพอทำอาหารได้ค่ะ แต่ไม่ค่อยเก่ง ไว้วันหลังจะมาขอเรียนกับคุณแม่ ถ้าท่านจะกรุณา”
เธอส่งสายตานอบน้อมให้รัชนี
“ฉันน่ะสอนได้เสมอ ว่าแต่หนูเถอะจะมีเวลาไหม งานในครัวผู้หญิงบางคนสมัยนี้มองว่าน่าเบื่อ ซื้อกินเองง่ายกว่า”
รัชนีเปรยอย่างไว้ตัวนิดๆ
“เดี๋ยวฉันไปรับดาวมาเรียนกับคุณแม่ก็ได้ วันอาทิตย์นี้ดีไหม”
“โห...ทุ่มทุนสร้างว่ะ ทีชวนไปไหนวันหยุดไม่เคยไป นี่ถึงขนาดไปรับไปส่ง”
ฉัตรบรรณอดแซวไม่ได้
“ดาวเพิ่งหายป่วย ฉันไม่อยากให้ขับรถมากนัก จะไปรับส่งที่ทำงานเขาก็ไม่เอา”
เช้าวันจันทร์เป็นวันที่ยุ่งที่สุดของสัปดาห์ เนตรามาออฟฟิศเร็วกว่าปรกติเพื่อคัดแยกอีเมล์และเตรียมการประชุมเธอดื่มกาแฟไปอึกใหญ่ ก่อนสำรวจตารางงานในวันนี้ของเจ้านายในไอแพดอีกครั้ง โทรศัพท์มือถือดังขึ้นและเป็นเบอร์แปลก“เนตราใช่ไหม ฉันรัชนี แม่ชวินทร์”ความหนาวจากที่ใดก็ไม่รู้เข้ามาเยือนกายเธออย่างกะทันหัน หายใจได้ไม่ทั่วท้อง“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอหน่อย เย็นนี้ว่างไหม”“คะ...ค่ะ”เนตราตอบแบบแทบไม่รู้ตัว รัชนีพูดชื่อร้านอาหารในห้างใกล้ที่ทำงาน และนัดเวลา“ฉันจะรอ”เธอวางโทรศัพท์ลง ผ่อนลมหายใจยาว รัชนีมีเรื่องอะไรจะคุยกันหนอ แล้วเธอควรบอกชวินทร์ไหม ยังไม่ทันได้ให้คำตอบกับตัวเอง ฉัตรบรรณก็เข้ามาเสียแล้ว สมองเธอจึงปรับเข้าโหมดการทำงาน เป็นสุดยอดเลขาฯของเขาจนจบวันอันแสนยาวนาน เนตราลองส่งไลน์หาชวินทร์ ยังไม่มีสถานะอ่าน ชวินทร์คงทำงานยุ่งๆ อยู่เหมือนกัน ไม่เป็นไร เธอจะลองจัดการเรื่องนี้ดูเอง แล้วค่อยบอกเขาทีหลังรัชนีนั่งรอเธออยู่แล้วในร้านอาหาร นางแต่งตัวเรียบๆ แต่ดูออกเลยว
ร้านอาหารที่เพื่อนนัดเป็นร้านกินดื่มบรรยากาศรีสอร์ต ปอ ส้ม ฟลุ๊คนั่งรออยู่แล้ว โดยมีแพรวที่อยู่ต่างจังหวัดเฟซไทม์มาคุยร่วมวงด้วย“ฉันมีเรื่องจะถามดาว”ปอเอ่ยต่อหน้าจานปลาช่อนลุยสวนที่เพิ่งเสิร์ฟ เนตราหน้าเหลอหลาชี้เข้าตัวเอง“เป็นคำถามที่ทุกคนค้างคาใจ”คุยเล่นกันอยู่ดีๆ เข้าโหมดซีเรียสได้ยังไงไม่รู้“ฟลุ๊ค ขอมือถือ”“ทำไมต้องเป็นของฉันล่ะ”เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์แนบอก หวงแหน“ก็มือถือแกหน้าจอใหญ่สุดอ่ะ ฉันไม่แอบอ่านที่แกไปเม้นท์ในอินสตราแกรมสาวๆ หรอก”เมื่อไม่ให้ดีๆ ปอก็แย่งมาเสียเลย โดยเจ้าของเครื่องยังบ่นอุบอิบ“นี่...”เพื่อนยื่นมาถือมาตรงหน้า เป็นอินสตราแกรมของชวินทร์ ปรากฏรูปถ่ายด้านหลังของเธอในร้านสะดวกซื้อ ใต้รูปมีข้อความ พาแฟนมาซื้อของตุน มีความคิดเห็นและกดถูกใจล้นหลาม เนตรามองมือถือสลับกับหน้าทุกคน“รูปนี้ตีลังกาดูยังไงก็เป็นดาว”แพรวที่แม้จะอยู่ต่างจังหวัดแต่ไม่เคยพลาดข่าวสารทางโซเชียลจากเมืองกรุ
เสียงแตรรถไม่คุ้นหูดังหน้าบ้าน มือเนตรากำลังเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่มชะงัก มองไปทางประตูรั้ว รถสปอร์ตชวินทร์จอดอยู่“ไหนว่าจะอยู่ปราจีนฯเป็นอาทิตย์”“เร่งทำงานให้เสร็จแทบตาย คิดถึง”เขาแสดงมันออกมาโดยการรวบตัวเธอไปกอดแล้วจุมพิตหน้าผากนวลเนียน“ดาวล่ะ คิดถึงโน้ตไหม”ริมฝีปากท่าจะเคลื่อนลงมาหาริมฝีปากเธอ ถ้าไม่ใช้มือยันจมูกเขาไว้ก่อน“พอเลย เข้าบ้านก่อน อายชาวบ้านเขา”“จะอายทำไม เราเคยทำอะไรมากกว่านี้มาแล้ว”ชวินทร์ส่งสายตาทะเล้น เธอรีบแกะมือยาวๆ เป็นปลาหมึกออก เดินนำเข้าบ้านไป เขาขับรถมาจอดในรั้ว“หิว กินข้าวหรือยัง”“ยัง เพิ่งเลิกงาน”ชายหนุ่มถือวิสาสะเปิดสำรวจตู้เย็นทำเหมือนเป็นบ้านตัวเอง“เดี๋ยวทำมาม่าผัดไข่ให้กิน”เขาลำเลียงของออกมามี ไข่ ไส้กรอก แล้วเอื้อมมือหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากชั้นไม้ติดผนังเหนือตู้เย็น“ไม่มีผักสดนะ”เธอมองบนโต๊ะกินข้าว บอกเขาที่กำลังนั่งย่อตัวหาอะไร
หากนี่เป็นค่ำคืนปรกติ เวลานี้ชีวันควรอยู่ห้องทำงาน ส่วนรัชนีต้องดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น แต่ค่ำนี้เธอขอให้เขานั่งรอคุยกับลูกด้วยกัน พร้อมกับเรื่องราวแต่หนหลังของเนตราถูกเล่าใหม่ซึ่งชีวันรับฟังอย่างสงบเขารอฆ่าเวลาด้วยการกางหนังสือพิมพ์กรอบบ่ายอ่าน ผิดกับอีกคนที่ผุดลุกผุดนั่ง หนักเข้าก็เตือนให้สามีส่งไลน์บอกลูกชายให้รับกลับ เพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ชวินทร์ตอบกลับไลน์มาเพียง“ครับ”ชวินทร์กลับถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม ทันทีที่เดินเข้าประตูบ้าน คนรับใช้ก็มาแจ้งทันทีว่าพ่อกับแม่รออยู่ในห้องนั่งเล่น“คิดว่าจะไม่กลับบ้านเสียแล้ว”รัชนีประชด ชวินทร์เข้าไปใกล้ ยิ้มสู้ รู้ว่าจะโดนเรื่องอะไร“กินข้าวมาแล้วหรือยัง”ผู้เป็นพ่อถามเพื่อลดบรรยากาศกดดันที่รัชนีสร้าง“กินข้าวกับดาวมาแล้วครับ”“แม่นั่นฟ้องอะไรลูกบ้างล่ะ”รัชนีหรี่ตาประเมินลูกชาย“เปล่านี่ครับ”เขาเลิกคิ้ว“แล้วคุณแม่มีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับผม”&ldq
“แจงทำผิดเหรอคะ”“แล้วทำไมไม่เล่าด้วยล่ะ ว่าสาเหตุที่เมาจนมีอะไรกับดาวมันมาจากที่คุณนอกใจผม”ชวินทร์เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่แฉฝ่ายหญิง แต่ดูที่เธอทำสิ“เราเลิกกันแล้วนะคะ โน้ตจะรื้อฟื้นเรื่องขึ้นมาทำไม”“หยุดปล่อยข่าวเรื่องดาวซะ ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการคุณ”“โน้ตจะทำอะไรแจงเหรอคะ”เธอเหยียดยิ้มท้าทายให้กระจก“บริษัทที่อยากจะขายให้จีนใจจะขาดนั่น ถ้าเขารู้ปัญหาที่ซุกไว้จะเป็นยังไงนะ”ฉัตรบรรณเคยเล่าให้ฟังเรื่องกิจการบ้านดุลยา เพราะเจมิลลาเคยถูกขอให้ช่วยเหลือ แต่เขาแนะนำให้คู่หมั้นปฏิเสธ ด้วยไม่ไว้ใจในรายงานผลประกอบการประจำปีของบริษัท กลัวจะเป็นการตกแต่งตัวเลข“คุณจำได้ไหมว่าผมมีเพื่อคนจีนหลายคนสมัยเรียนโท บางคนก็กลับไปทำกิจการหนังสือพิมพ์ของที่บ้าน”“อย่ามาขู่แจงเลยค่ะ อยากทำอะไรก็ทำไป”ชวินทร์เคยอ่อนโยนมากกว่านี้ เขาทั้งรัก ทั้งหลงเธอ สาเหตุที่เลิกกันไปเพราะดุลยาเลือกนรธิป เธอเคยอยู่เหนือเขา แล้ววันนี้ชวินทร์กลับมาข
เนตรามองของในกล่องกระดาษสลับกับโต๊ะทำงานโล่งโจ้ง หกปีที่ผ่านมากับการทำงานที่นี่ เธอมีสมบัติน้อยชิ้นขนาดนี้เชียวหรือ แต่ที่น้อยกว่านั้นคือเพื่อนร่วมงาน เนตราเข้าใจว่าทุกคนเกรงอำนาจฉวีวรรณจึงได้แต่แอบดูเธอเก็บของอยู่ห่างๆ“รีบเก็บของเร็วจัง ฉันคิดว่าเธอจะย่องมาเก็บดึกๆ เสียอีก เหมือนที่ชอบย่องทำอะไรลับหลังคนอื่น”ตัวเป้งๆ มากันครบ ทั้งดุลยา ภิรมย์ เจมิลลา แขกไม่ได้รับเชิญทั้งนั้น“ไปแล้วขอให้ไปลับ อย่ากลับมานะ”ดุลยาส่งยิ้มหวานเคลือบยาพิษ“เราได้เจอกันอีกแน่ ในงานแต่งฉันกับโน้ต”ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงตัวตัวแท้จริงว่า ...ฉันเป็นนางร้ายนะจ๊ะ เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นนางเอก จึงกวนกลับเสียเลย“คิดเหรอว่าจะได้แต่ง”“ไม่ได้คิดแต่มีคนมาขอแล้ว”ชวินทร์เคยพูดกับเธอแล้วนะ ถือว่าเนตราไม่ได้โกหก“หน้าด้าน! โกหก!”พอเอ่ยถึง “คนที่ว่า” อีกฝ่ายรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร ยิ่งเพิ่มความฉุนหนัก“ยังดีกว่าคนที่ชอบยุแยงคนอื่นไปทั่วอย่างเธอละ
จนสักพักคนเริ่มซา ดุลยาจึงเดินเชิดหน้ากลับไปลานจอดรถ ทิ้งให้ภิรมย์กับเจมิลลาอยู่บนชั้นสอง โดยไม่สนใจเลยฉัตรบรรณรู้เรื่องเนตรดาวจากผู้จัดการฝ่ายบุคคล แต่รู้แค่เพียงเธอตกบันได ยังไม่รู้เรื่องคำสั่งไล่ออก เพราะผู้จัดการเกรงอำนาจฉวีวรรณ เนื่องด้วยรู้ว่าเงินทุนในบริษัทมาจากมารดาเจ้านาย ฉวีวรรณคือผู้ชี้เป็นชี้ตายที่แท้จริงมีไม่กี่ครั้งในชีวิตที่หัวใจชวินทร์เต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะหลุดจากขั้ว ไม่ใช่ด้วยความยินดี แต่ด้วยความกลัว ฉัตรบรรณโทรมาบอกว่าเนตราตกบันไดศีรษะฟาดพื้น“แม่งเอ๊ย!”ชายหนุ่มสบถให้รถคันหน้าที่บีบแตรยามเขาขับแซง เนตราก็ซุ่มซ่ามเหลือเกิน หกล้มหัวฟาดถึงสองหน คราวนี้จะความจำเสื่อมอีกหรือเปล่า แต่ชวินทร์ไม่รอแล้ว ตั้งใจจับแต่งงานเสียเลย เธอจะได้ไม่อยู่ไกลสายตาจนเกิดเหตุแบบนี้ดุลยาขับรถไปจอดร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอเลือกร้านเงียบๆ ห่างไกลผู้คน กะเวลาสักประมาณยี่สิบนาทีแล้วก็โทรหาฉัตรบรรณ“ครับ คุณแจง”เขารับสายในทันทีทันใด เธอทำเสียงอ่อนๆ“คุณแปงว่าหรือเปล่าคะ แจงมีเรื่องจะสารภาพค่ะ”
เนตรากะพริบตาปริบๆ เห็นเท้าตนกำลังยืนอยู่บนพื้นที่นุ่มมาก สีขาวและบางเบาเรี่ยข้อเท้า ราวอยู่บนเมฆ ลมอ่อนพัดโชย กลิ่นสดชื่นเหมือนฝนตกใหม่ เธอกำลังก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตรงหน้าปรากฎคนคู่หนึ่ง“พ่อคะ...แม่”เธอวิ่งถลาเข้าไปหา เหมือนเวลาเด็กอนุบาลมีพ่อแม่มารับหลังเลิกเรียน ท่านทั้งสองโอบกอดเนตราอย่างอบอุ่น น้ำตาเธอไหลพรากอย่างไม่อาย“หนูคิดถึงพ่อแม่ที่สุด”หญิงสาวบอกอู้อี้กับปกเสื้อพ่อ ซึ่งชื้นด้วยน้ำตา จำได้ว่าตัวนี้สวมให้กับมือก่อนนำร่างท่านบรรจุโลง“พ่อกับแม่ไม่ได้ไปไหน เราอยู่กับลูกเสมอในความทรงจำ”แม่ยิ้มละไม มือลูบศีรษะเธอด้วยความรัก“หนูอยากอยู่กับพ่อแม่”การที่ได้เห็นทั้งสองแบบนี้ แสดงว่าชีวิตเธอดับไปแล้วแน่ และที่นี่คงเป็นสวรรค์ แม้ไม่มีนางฟ้า เทวดา ไม่มีทิพยวิมาน แต่ขอแค่มีพ่อแม่ลูก แค่นั้นก็พอแล้ว“ยังจ้ะดาว ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”เนตราเงยหน้ามองแม่แบบเหวอๆ ท่านยกนิ้วแตะริมฝีปาก“หนูต้องเจอเรื่องต่างๆ อีกเยอะแยะ เข้มแข็
“ใครกันมาแต่ไก่โห่”บิดาตวาดด้วยอารมณ์กำลังขึ้น คนรับใช้หน้าเสีย“เขาบอกว่าเป็นลูกน้องเฮียไช้ค่ะ” ชื่อที่ได้ยินทำเอาชะงัก“คุณยังติดต่อกับไอ้เสี่ยนั่นอยู่เหรอ”ภรรยาเบ้ปากอย่างรังเกียจ“ไหนว่าคืนเงินที่ยืมมันหมดไปแล้วไง”สามีหลบตา เดินออกประตูไปหาแขกที่มิได้เต็มใจต้อนรับ“คุณเดี๋ยวก่อนสิ กลับมาพูดกันก่อน!”มารดาดุลยาร้องไล่หลัง“ใครมาหาพ่อคะแม่”“เสี่ยเจ้าของบ่อนที่พ่อแกไปยืมเงินไงล่ะ”นางตอบเสียงสะบัด“ไหนคุณพ่อบอกว่าเล่นพนันนิดๆ หน่อยๆ ไงคะ”บิดาเธอชอบแบบนี้ ท่านมีเพื่อนก้วนที่เล่นกันประจำ โดยเล่าว่ากินเงินกันขำๆ“นิดหน่อยกับผีล่ะสิ เป็นหนี้เสี่ยนั่นทีเป็นสิบล้าน ถามทีไรก็บอกแต่ว่าคืนแล้ว นี่ไม่รู้รอบใหม่เอามาอีกเท่าไร”ดุลยาอึ้งกับความจริงในฐานะครอบครัวที่ยอบแยบมากกว่าที่คิด“พ่อแกก็เป็นแบบนี้ บริหารงานรึก็ไปไม่รอด ญาติคนอื่นก็รอจะฮุบบริษัท”มาร
“แล้วนี่ละพี่”ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือเครื่องคุ้นตา“ทั้งไลน์ที่ส่งให้คุณเจมี่ คุณแจง ทั้งรูปถ่าย”ฉัตรบรรณรับมาสไลด์ดูช้าๆ ชัดๆ พร้อมกับคิ้วที่ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน ภิรมย์เหงื่อแตกอ้าปากพะงาบๆ“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะคุณแปง คือ...”“รูปนี้ของผมกับดาวมาอยู่ในกล้องพี่ได้ยังไง”ชายหนุ่มเปิดรูปที่เขาปลอบเนตรดาวในวันที่เธอร้องไห้“...พี่เซฟรูปมาจากที่เขาแชร์กันมา”โธ่เอ๋ย! เธอน่าจะตั้งรหัสโทรศัพท์ตั้งแต่แรก เป็นผลจากความกลัวจำไม่ได้ ประมาทว่าจะไม่มีใครยุ่งกับของตัว“แล้วในไลน์ล่ะ”ฉัตรบรรณกดไปดูแอปพลิเคชั่นแชทสุดฮิตในทันใด แชทกลุ่มเจมิลลากับดุลยาปักหมุดไว้บนสุด เขาไล่สายตาตามบทสนทนาทุกบรรทัด ดุลยาเป็นตัวเสี้ยม ภิรมย์เป็นลูกคู่ ช่วยกันวางแผนบงการให้เจมิลลาไปทำเรื่องต่างๆ“ยังมีที่ไปปั่นเฟซอีกค่ะ”เจ้านายกดปิดหน้าจอ เพราะข้อมูลเพียงแค่นี้ก็เพียงพอต่อการตัดสินใจแล้ว“พี่ไปเซ็นใบลาออกที่เอชอาร์ได
ชื่อสายเรียกเข้าจากจอมือถือทำดุลยาสะดุ้ง เธอสูดหายใจลึกรวบความกล้าส่งเสียงรับ“ไงคะโน้ต”“คุณแสบมากนะ ทำร้ายคนที่ผมรัก”...คนที่ผมรัก ยิ่งทำใจดุลยาร้อนรุ่ม แต่เธอไม่ใช่เด็กสาวอ่อนวัย จนกรีดร้องเก็บอารมณ์โกรธเกรี้ยวไว้ไม่อยู่“แจงไม่ได้ทำอะไรนะ แค่อยู่ในเหตุการณ์เฉยๆ เจมี่ต่างหากเป็นคนลงมือ เขาหึงคุณแปง”“แล้วใครล่ะที่คอยยุเขา คุณไม่ใช่เหรอ”“อย่ามากล่าวหากันนะ!”ดุลยาไม่เคยทำอะไรผิด ทุกอย่างเพราะสถานการณ์บังคับ หรือไม่ก็กดดันจนเธอต้องตัดสินใจทำอย่างนั้น หญิงสาวหาเหตุผลเข้าข้างตนเองได้เสมอ“ไปสอบสวนเจมี่โน่น”“ผมทำแน่”เขาย้ำเยือกเย็น แต่ดุลยาใจดีสู้เสือทำไม่กลัว“แล้วคุณจะได้รู้ว่าเจมี่เพ้อเจ้อขนาดไหน เขาน่ะเด็กเลี้ยงแกะตัวจริง เรียกร้องความสนใจ รู้เรื่องความแสบของเจมี่สมัยอยู่อเมริกาไหม”“ผมไม่อยากฟังจากคุณ จะคุยกับเจ้าตัวเอง”อย่างน้อยดุลยาก็ปล่อยพิษที่เรียกว่าความค้างคาใจไว้ให้เขาแล้ว
เนตรากะพริบตาปริบๆ เห็นเท้าตนกำลังยืนอยู่บนพื้นที่นุ่มมาก สีขาวและบางเบาเรี่ยข้อเท้า ราวอยู่บนเมฆ ลมอ่อนพัดโชย กลิ่นสดชื่นเหมือนฝนตกใหม่ เธอกำลังก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตรงหน้าปรากฎคนคู่หนึ่ง“พ่อคะ...แม่”เธอวิ่งถลาเข้าไปหา เหมือนเวลาเด็กอนุบาลมีพ่อแม่มารับหลังเลิกเรียน ท่านทั้งสองโอบกอดเนตราอย่างอบอุ่น น้ำตาเธอไหลพรากอย่างไม่อาย“หนูคิดถึงพ่อแม่ที่สุด”หญิงสาวบอกอู้อี้กับปกเสื้อพ่อ ซึ่งชื้นด้วยน้ำตา จำได้ว่าตัวนี้สวมให้กับมือก่อนนำร่างท่านบรรจุโลง“พ่อกับแม่ไม่ได้ไปไหน เราอยู่กับลูกเสมอในความทรงจำ”แม่ยิ้มละไม มือลูบศีรษะเธอด้วยความรัก“หนูอยากอยู่กับพ่อแม่”การที่ได้เห็นทั้งสองแบบนี้ แสดงว่าชีวิตเธอดับไปแล้วแน่ และที่นี่คงเป็นสวรรค์ แม้ไม่มีนางฟ้า เทวดา ไม่มีทิพยวิมาน แต่ขอแค่มีพ่อแม่ลูก แค่นั้นก็พอแล้ว“ยังจ้ะดาว ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”เนตราเงยหน้ามองแม่แบบเหวอๆ ท่านยกนิ้วแตะริมฝีปาก“หนูต้องเจอเรื่องต่างๆ อีกเยอะแยะ เข้มแข็
จนสักพักคนเริ่มซา ดุลยาจึงเดินเชิดหน้ากลับไปลานจอดรถ ทิ้งให้ภิรมย์กับเจมิลลาอยู่บนชั้นสอง โดยไม่สนใจเลยฉัตรบรรณรู้เรื่องเนตรดาวจากผู้จัดการฝ่ายบุคคล แต่รู้แค่เพียงเธอตกบันได ยังไม่รู้เรื่องคำสั่งไล่ออก เพราะผู้จัดการเกรงอำนาจฉวีวรรณ เนื่องด้วยรู้ว่าเงินทุนในบริษัทมาจากมารดาเจ้านาย ฉวีวรรณคือผู้ชี้เป็นชี้ตายที่แท้จริงมีไม่กี่ครั้งในชีวิตที่หัวใจชวินทร์เต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะหลุดจากขั้ว ไม่ใช่ด้วยความยินดี แต่ด้วยความกลัว ฉัตรบรรณโทรมาบอกว่าเนตราตกบันไดศีรษะฟาดพื้น“แม่งเอ๊ย!”ชายหนุ่มสบถให้รถคันหน้าที่บีบแตรยามเขาขับแซง เนตราก็ซุ่มซ่ามเหลือเกิน หกล้มหัวฟาดถึงสองหน คราวนี้จะความจำเสื่อมอีกหรือเปล่า แต่ชวินทร์ไม่รอแล้ว ตั้งใจจับแต่งงานเสียเลย เธอจะได้ไม่อยู่ไกลสายตาจนเกิดเหตุแบบนี้ดุลยาขับรถไปจอดร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอเลือกร้านเงียบๆ ห่างไกลผู้คน กะเวลาสักประมาณยี่สิบนาทีแล้วก็โทรหาฉัตรบรรณ“ครับ คุณแจง”เขารับสายในทันทีทันใด เธอทำเสียงอ่อนๆ“คุณแปงว่าหรือเปล่าคะ แจงมีเรื่องจะสารภาพค่ะ”
เนตรามองของในกล่องกระดาษสลับกับโต๊ะทำงานโล่งโจ้ง หกปีที่ผ่านมากับการทำงานที่นี่ เธอมีสมบัติน้อยชิ้นขนาดนี้เชียวหรือ แต่ที่น้อยกว่านั้นคือเพื่อนร่วมงาน เนตราเข้าใจว่าทุกคนเกรงอำนาจฉวีวรรณจึงได้แต่แอบดูเธอเก็บของอยู่ห่างๆ“รีบเก็บของเร็วจัง ฉันคิดว่าเธอจะย่องมาเก็บดึกๆ เสียอีก เหมือนที่ชอบย่องทำอะไรลับหลังคนอื่น”ตัวเป้งๆ มากันครบ ทั้งดุลยา ภิรมย์ เจมิลลา แขกไม่ได้รับเชิญทั้งนั้น“ไปแล้วขอให้ไปลับ อย่ากลับมานะ”ดุลยาส่งยิ้มหวานเคลือบยาพิษ“เราได้เจอกันอีกแน่ ในงานแต่งฉันกับโน้ต”ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงตัวตัวแท้จริงว่า ...ฉันเป็นนางร้ายนะจ๊ะ เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นนางเอก จึงกวนกลับเสียเลย“คิดเหรอว่าจะได้แต่ง”“ไม่ได้คิดแต่มีคนมาขอแล้ว”ชวินทร์เคยพูดกับเธอแล้วนะ ถือว่าเนตราไม่ได้โกหก“หน้าด้าน! โกหก!”พอเอ่ยถึง “คนที่ว่า” อีกฝ่ายรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร ยิ่งเพิ่มความฉุนหนัก“ยังดีกว่าคนที่ชอบยุแยงคนอื่นไปทั่วอย่างเธอละ
“แจงทำผิดเหรอคะ”“แล้วทำไมไม่เล่าด้วยล่ะ ว่าสาเหตุที่เมาจนมีอะไรกับดาวมันมาจากที่คุณนอกใจผม”ชวินทร์เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่แฉฝ่ายหญิง แต่ดูที่เธอทำสิ“เราเลิกกันแล้วนะคะ โน้ตจะรื้อฟื้นเรื่องขึ้นมาทำไม”“หยุดปล่อยข่าวเรื่องดาวซะ ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการคุณ”“โน้ตจะทำอะไรแจงเหรอคะ”เธอเหยียดยิ้มท้าทายให้กระจก“บริษัทที่อยากจะขายให้จีนใจจะขาดนั่น ถ้าเขารู้ปัญหาที่ซุกไว้จะเป็นยังไงนะ”ฉัตรบรรณเคยเล่าให้ฟังเรื่องกิจการบ้านดุลยา เพราะเจมิลลาเคยถูกขอให้ช่วยเหลือ แต่เขาแนะนำให้คู่หมั้นปฏิเสธ ด้วยไม่ไว้ใจในรายงานผลประกอบการประจำปีของบริษัท กลัวจะเป็นการตกแต่งตัวเลข“คุณจำได้ไหมว่าผมมีเพื่อคนจีนหลายคนสมัยเรียนโท บางคนก็กลับไปทำกิจการหนังสือพิมพ์ของที่บ้าน”“อย่ามาขู่แจงเลยค่ะ อยากทำอะไรก็ทำไป”ชวินทร์เคยอ่อนโยนมากกว่านี้ เขาทั้งรัก ทั้งหลงเธอ สาเหตุที่เลิกกันไปเพราะดุลยาเลือกนรธิป เธอเคยอยู่เหนือเขา แล้ววันนี้ชวินทร์กลับมาข
หากนี่เป็นค่ำคืนปรกติ เวลานี้ชีวันควรอยู่ห้องทำงาน ส่วนรัชนีต้องดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น แต่ค่ำนี้เธอขอให้เขานั่งรอคุยกับลูกด้วยกัน พร้อมกับเรื่องราวแต่หนหลังของเนตราถูกเล่าใหม่ซึ่งชีวันรับฟังอย่างสงบเขารอฆ่าเวลาด้วยการกางหนังสือพิมพ์กรอบบ่ายอ่าน ผิดกับอีกคนที่ผุดลุกผุดนั่ง หนักเข้าก็เตือนให้สามีส่งไลน์บอกลูกชายให้รับกลับ เพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ชวินทร์ตอบกลับไลน์มาเพียง“ครับ”ชวินทร์กลับถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม ทันทีที่เดินเข้าประตูบ้าน คนรับใช้ก็มาแจ้งทันทีว่าพ่อกับแม่รออยู่ในห้องนั่งเล่น“คิดว่าจะไม่กลับบ้านเสียแล้ว”รัชนีประชด ชวินทร์เข้าไปใกล้ ยิ้มสู้ รู้ว่าจะโดนเรื่องอะไร“กินข้าวมาแล้วหรือยัง”ผู้เป็นพ่อถามเพื่อลดบรรยากาศกดดันที่รัชนีสร้าง“กินข้าวกับดาวมาแล้วครับ”“แม่นั่นฟ้องอะไรลูกบ้างล่ะ”รัชนีหรี่ตาประเมินลูกชาย“เปล่านี่ครับ”เขาเลิกคิ้ว“แล้วคุณแม่มีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับผม”&ldq
เสียงแตรรถไม่คุ้นหูดังหน้าบ้าน มือเนตรากำลังเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่มชะงัก มองไปทางประตูรั้ว รถสปอร์ตชวินทร์จอดอยู่“ไหนว่าจะอยู่ปราจีนฯเป็นอาทิตย์”“เร่งทำงานให้เสร็จแทบตาย คิดถึง”เขาแสดงมันออกมาโดยการรวบตัวเธอไปกอดแล้วจุมพิตหน้าผากนวลเนียน“ดาวล่ะ คิดถึงโน้ตไหม”ริมฝีปากท่าจะเคลื่อนลงมาหาริมฝีปากเธอ ถ้าไม่ใช้มือยันจมูกเขาไว้ก่อน“พอเลย เข้าบ้านก่อน อายชาวบ้านเขา”“จะอายทำไม เราเคยทำอะไรมากกว่านี้มาแล้ว”ชวินทร์ส่งสายตาทะเล้น เธอรีบแกะมือยาวๆ เป็นปลาหมึกออก เดินนำเข้าบ้านไป เขาขับรถมาจอดในรั้ว“หิว กินข้าวหรือยัง”“ยัง เพิ่งเลิกงาน”ชายหนุ่มถือวิสาสะเปิดสำรวจตู้เย็นทำเหมือนเป็นบ้านตัวเอง“เดี๋ยวทำมาม่าผัดไข่ให้กิน”เขาลำเลียงของออกมามี ไข่ ไส้กรอก แล้วเอื้อมมือหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากชั้นไม้ติดผนังเหนือตู้เย็น“ไม่มีผักสดนะ”เธอมองบนโต๊ะกินข้าว บอกเขาที่กำลังนั่งย่อตัวหาอะไร