บทที่7
“คุณหนู ตื่นเถิดเจ้าค่ะ” ชิงชิงตัดสินใจเขย่าสตรีที่หลับไม่ยอมตื่น
“เช้าแล้วเหรอ” เหมยตาฮวยงัวเงียลุกขึ้น เดินตามแรงประคองจากสาวใช้คนสนิทมานั่งที่โต๊ะ
“สายแล้วต่างหากเจ้าค่ะ ข้าเข้ามาดูคุณหนูสองสามหนแล้ว แต่ท่านก็ยังนอนอยู่” สาวใช้คนสนิทยกอ่างล้างหน้าใบใหญ่มาวางตรงหน้า พร้อมผ้าขาวบางหนึ่งผืน เพื่อให้คุณหนูของนางซับน้ำออกจากดวงหน้าหลังจากล้างหน้าเรียบร้อยแล้ว
เหมยตาฮวยทำทุกอย่างที่ชิงชิงจับมือให้ทำไม่ว่าจะล้างหน้า เช็ดหน้า เดินตามแรงประคองมานั่งริมหน้าต่าง ดวงหน้ากระจ่างใส่ยังคงงัวเงียราวกับคนนอนไม่เต็มอิ่ม ทั้งๆที่เมื่อวานก็นอนกลางวัน จ
บทที่8เหมยตาฮวยรอจนชิงชิงเดินออกไปจนห่าง จึงโน้มตัวขนานกับหน้าต่าง กระซิบเบาๆ ถามนกกระจิบสองตัวนั้น“นี่ๆ พวกเจ้าเข้าใจที่ข้าพูดไหม”สองนกน้อยเอียงคอก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ“ข้าคุยกับพวกเจ้าได้ตั้งแต่เมื่อไร”‘ตั้งแต่ข้าเกิด’ นกกระจิบตัวหนึ่งบอก“แล้วมันเมื่อไรเล่า” ต้องมานั่งทายอายุนกเหรอ นางเคยเป็นสัตวแพทย์ก็จริง แต่อายุสัตว์เลี้ยงอย่างไรก็ต้องให้เจ้าของบอก หรือหากต้องเดาก็ต้องตรวจองค์ประกอบมากมายในร่างกาย
บทที่9เหมยตาฮวยรีบเดินทางเข้าวังหลวง นางเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าวังได้โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า“มานี่เลย” สุรเสียงก้องกังวานไปทั้งตำหนักร่างบางเดินตัวลีบเข้าไปหาฮองเฮา ด้วยรู้สำนึกว่าทำสิ่งใดผิด พอนางจำทุกสิ่งได้ ก็รีบเดินทางมาหาเสด็จป้าทันที“นี่แน๊ะ” เมื่อเหมยตาฮวยเดินเข้ามาในรัศมี ฝ่ามือเหี่ยวย่นก็ฝาดลงมาไม่ยั้ง“เสด็จป้า ข้าผิดไปแล้ว” ร่างบางยืนรับฝ่ามือนั้นโดยไม่คิดจะหลบหลีก ยอมรับโทษทัณฑ์“ข้
บทที่10การสู้รบที่ชายแดนอยู่ๆก็สงบลง หลังจากยึดแคว้นซีเป่ยได้ รัชทายาทยาทแคว้นจ้าวก็สั่งถอนทัพออกจากเมืองหน้าด่านแคว้นซ่ง แม่ทัพจางที่เดินทางไปเฝ้าระวังข้าศึกที่หัวเมืองถึงห้าปี ในที่สุดก็ได้กลับบ้านเสียทีหัวคิ้วหนาขมวดจนเป็นปมใหญ่ พอท่านแม่ส่งจดหมายไปตามที่พักอยู่นอกเมืองหลวง เขาก็เดินทางกลับจวนทันที ไม่คาดคิดว่าจะมีจดหมายถอนหมั้นจากอู่เหมยตาฮวยทันทีที่เขาขี่ม้าเข้าประตูจวน“ไม่ดีใจหรือ” จางฮูหยินถามบุตรชายที่นั่งทำหน้าเครียดหลังจากที่อ่านหนังสือถอนหมั้น ที่ฮองเฮาให้ขันขีนำมาส่ง“ท่านแม่ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ”
บทที่11ข่าวการถอนหมั้นระหว่างอู่เหมยตาฮวยและแม่ทัพจาง การเป็นที่กล่าวถึงหนาหูในยามนี้ ไม่มีสตรีใดไม่จับกลุ่มสนทนา บ้างก็สงสารเพราะนางเล่นมาถอนหมั้นเอาตอนอายุป่านนี้ จะมีคุณชายตระกูลใดมาสนใจกันเล่า บ้างก็สมน้ำหน้าเหมยตาฮวยทำตัวผิดแปลกไม่คบค้ากับคุณหนูสกุลใด วันๆ เก็บตัวอยู่แต่ในจวนทำตัวเย่อหยิ่งเข้าถึงยาก ไม่ว่าจะส่งเทียบเชิญใดๆให้มาร่วมงานนางก็ไม่เคยมา เหมยตาฮวยจะไปเฉพาะงานที่ท่างวังหลวงจัดเท่านั้น เช่นงานเลี้ยงต้อนรับแม่ทัพและทหารในวันนี้“คุณหนูใหญ่ ได้ข่าวว่าท่านกับแม่ทัพถอนหมั้นกันแล้ว”คุณหนูกลุ่มใหญ่พอเห็นเหมยตาฮวยและคุณชายอู่พร้อมด้วยอู่เมยเหนียง เดินเข้างานมาก็รีบพากันเดินกรูเข้าไปสอบถามข่าวลือที่ว่านั้น
บทที่12เมื่องานพิธีเริ่มขึ้น ทุกคนจึงต้องแยกย้ายกันไปนั่งที่โต๊ะของตน ฮองเต้และฮองเฮาเดินมาเข้างานมาแสดงถึงการเปิดงาน ด้านหลังมีบุรุษผู้หนึ่งเดินตามหลังตามไม่ไกล ทุกคนได้แต่มองด้วยความสงสัยเหมยตาฮวยเองก็มองบุรุษนั้นตาค้าง เหมือนได้ยินเสียงเพลงดังขึ้นในหัวจังหวะตกหลุมรัก เป็นอย่างนี้เสี้ยววินาทีที่ได้พบเธอจังหวะเธอยิ้ม จังหวะเธอเขินมันดูเหมือนโลกหมุนช้าลงกว่าเดิมนางมองบุรุษนั้นไม่วางตา เขาเหมือนกับหลุดมาจากพระเอกซีรี่ย์จีนกำลังภายใน
บทที่13“คุณหนูอู่ ดูแล้วแม่นางคงชอบดอกไม้ ไปเดินเล่นกับข้าตรงนู้นดีหรือไม่ ปล่อยให้ไท่จื่อคุยกับท่านแม่ทัพจางดีกว่างานนี้จัดเพื่อต้อนรับท่านทัพคงมีเรื่องหารือกันหลายอย่าง ข้าเดินทางมาไกล ไม่อยากคุยเรื่องเครียดๆ”ชางเจี้ยเห็นสีหน้าของเหมยตาฮวยที่พร้อมจะปะทะคารมใส่อดีตคู่หมั้น เขาจึงอยากพานางให้ออกไปจากตรงนี้ อย่างน้อยนางจะได้ไม่ต้องทำใบหน้าบูดบึ้งเช่นนั้น“ได้สิ เชิญคุณชายชาง”เหมยตฮวยรู้สึกว่าการนั่งจิบสุราชมดอกไม้นั้นไม่รื่นเริงอีกต่อไป ร่างกายประท้วงเสียแล้ว ยิ่งลมพัดมายิ่งรู้สึกง่วงเหงาหาวนอน งานก็มาร่วมตามมารยาทแล้ว
บทที่14เสียงสะอึกสะอื้นของสตรีนางหนึ่งดังมาตลอดทางตั้งแต่วังหลวงจวบจนจะถึงจวนของสกุลจางอยู่แล้วนางก็ยังไม่คิดที่จะหยุด“เงียบสักทีจะได้ไหมข้ารำคาญ” แม่ทัพจางสุดจะทน จึงตวาดออกไปหวังให้นางหยุดส่งเสียงคร่ำครวญน่ารำคาญออกมาเสียที“ฮึก ทำไมท่านทำกับข้าเช่นนี้” ไป๋ซานยังคงนั่งสะอื้น เช็ดน้ำตาปรอยๆ คนรักของนางยังอาลัยอาวรณ์ในอดีตคู่หมั้นถึงขั้นหักหน้านางต่อหน้าผู้คน แม้ในนั้นจะมีเพียงสหายของเขาเป็นส่วนใหญ่ แต่แล้วอย่างไร เขาไม่ไว้หน้านางเลย“หากเจ้าไม่หยุดร้องไห้ ข้าจะให้เจ้าเดินกลับไปเอง&rd
บทที่15“น้องหญิง เจ้าออกไปพบแม่ทัพจางหน่อยเถอะ” อู่ไท่จง รีบร้อนมายังเรือนนอนของน้องสาวเมื่อทราบว่าสหายมาของพบนาง แต่นางไม่ยอมออกไปพบ จางชานฟงมานั่งรออยู่เกือบสองชั่วยามแล้ว“ท่านพี่ ท่านก็รู้ว่าข้ายังไม่หายดี ต้องนอนพักมากๆ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว” นางไม่ได้โกหก นางยังคงง่วงนอน ยังขี้เซาอยู่ตลอดเวลา พอได้นั่งนิ่งก็เริ่มหาวแล้ว จางชานฟงมาแล้วอย่างไร เขาอยากมาก็มาไม่ได้แจ้งล่วงหน้ามาตอนนางนอนกลางวัน เมื่ออยากพบก็รอต่อไปเถอะ“แต่ปล่อยให้ชางฟงรอแบบนั้นไม่ดี อีกอย่างเขาก็เป็นถึงแม่ทัพ ต่อให้เจ้าโกรธที่เขามีสตรีอื่นแต่อย่างไรเจ้ากับเขาก็เคยรักกันมาก่อน น่าจะนึกถึงความสัมพันธ์ครั้งในอดีต”
พิเศษใส่ใจ 2“ฟอด ทำอะไรอยู่” ชางเจี้ยเดินเข้ามาโอบกอดฮูหยินจากด้านหลัง หอมแก้มนวลฟอดใหญ่ ยิ่งนางนี้ครรภ์เบายิ่งเสพติดกลิ่นกายของนาง แทบอยากจะขอลาออกจากหน้าที่องครักษ์มาอยู่บ้านเฝ้านาง เพราะห่างนางเมื่อไรเขาต้องเวียนหัวจนบ้านหมุน ถูกรัชทายาทล้อเลียนมาหลงฮูหยินจนแพ้ท้องแทน พระชายามาได้ยินก็ถามว่า แล้วที่จ้าวหยุ่นหลงไม่ได้แพ้ท้องแทนนางเพราะไม่ได้รักนางใช่หรือไม่ จ้าวหลุ่นหลงถึงได้เงียบปากเรื่องนี้“ข้ากำลังเตรียมเขียนสูตรยาแก้ปรสิตของสัตว์เลี้ยง พวกเห็บหมัด ไรเรื้อนต่างๆ” เหมวยตาฮวยพออาสาไปดูแลพระชายาได้เพียงเดือนเดียว ก็พบว่าตนตั้งครรภ์ โชคดีที่นางไม่แพ้ท้องเลย สามีของนางเหมาอาการทั้งหมดไปหมดแล้ว อีกทั้งตอนนี้นางก็ไม่อย่าทำงานหนัก อยากดูแลเด็กในท้องให้ได้มากที่สุด เพราะรู้ความเสี่ยงมากมานที่จะเกิดขึ้นอการแพทย์ในยุคนี้ทันสมัยที่ไหนกัน จึงทำได้แค่เขียนสูตรยาต่างๆ และคัดลอกตำราที่เขียนเอาไว้ให้แพทย์รักษา หนึ่งฉบับส่งไปที่แคว้นหยางมอบให้ไท่จื่อ ส่งนอีกฉบับมอบให้รัชทายาทแคว้นจ้าว เหมยตาฮวยเพิ่งค้นพบว่า ข่าวลือเรื่องรัชทายาทความเหี้ยมโหดของพระองค์นั้นไม่เป็นความจริง พระองค์ทำทุกอย่างเพื่อสร้
พิเศษใส่ใจ 1ขบวนรถม้าเกือบร้อยคันขนสินเดิมของเจ้าสาวและสินสอดที่เจ้าบ่าวมอบคืนให้บุตรสาว บิดาของอู่เหมยตตาฮวยไม่เก็บเอาไว้แม้แต่ชิ้นเดียว แม้เขาจะเป็นบิดาของนาง แต่เป็นฮองเฮาที่เลี้ยงดูและอบรมนางมา ขบวนรถขององครักษ์ชาวและฮูหยินเดินทางมาถึงเมืองหลวงของแคว้นฉู่ในที่สุด ชาวเมืองออกมายืนขนาบสองข้างถนนจนแน่นขนัด อยากรู้อยากเห็นว่าองครักษ์ข้างกายของรัชทายาทผู้เหี้ยมโหดแต่งสตรีเช่นใดเข้าจวน จะโหดร้ายอย่างพระชายาของรัชทายาทหรือไม่ขบวนรถขับเคลื่อนไปถึงประตูของจวนสกุลชาง ราชครูออกมายืนรอบุตรชายและลูกสะใภ้ ในที่สุดบุตรก็คิดแต่งงานเขานึกว่าชาตินี้คงไม่มีลูกหลานสืบสกุล วันๆ บุตรชายเขาก็ตาสอารักขารัชทายาทไปทั่ว พอชาวเจี้ยส่งม้าเร็วมาว่าจะแต่งงานให้ส่งสินสอดไปขอบุตรสาวจากสกุลอู่ ราชครูแทบจะขนสมบัติขึ้นรถม้าจนเกือบหมดคลัง ก่อนไปยังสั่งให้รถม้าเร่งฝีเท้าให้ไวที่สุดอเกรงว่าเจ้าสาวจะเปลี่ยนใจ ราชครูเตรียมงานเลี้ยงรอไว้ต้อนรับอย่างดี ชะเง้อคอแล้วชะเง้อคอเล่า เมื่อไหร่ลูกสะใภ้จะมาถึงสักที บ่าวรับใช้วิ่งมาบอกว่าขบวนรถม้าของบุตรชายเขาผ่านประตูเมืองเข้ามานานแล้ว จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นหัวขบวนเมื่อขบวนรถท้
บทที่25 จบบริบูรณ์ ขบวนสินสอดทองหมั้นยาวจนสุดถนน กองทัพของรัชทายาทแคว้นจ้าวร่วมอารักขาปลอดภัยของขบวนสินมาตั้งแต่ออกจากแคว้น โดยจะมีการคัดเลือกทหารที่มีความสามารถและเป็นผู้ได้รับการฝึกฝนอย่างดีเพื่อให้เป็นผู้ดูแลความปลอดภัยในงานนี้ ด้วยความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ของขบวนสินสอดทองหมั้น ทำให้เป็นที่น่าสนใจจนชาวเมืองต่างพากันมายืนออดูเต็มสองข้างทาง งานแต่งระหว่างราชทูจากแคว้นจ้าวกับคุณหนูใหญ่สกุลอู่ ช่างแต่แตกต่างจากงานแต่งของท่านแม่ทัพจางอดีตคู่หมั้นของนางเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ก็เป็นพระราชทานสมรสเช่นเดียวกัน นอกจากในขบวนจะมีสินสอดของเจ้าบ่าวแล้ว ยังมีสินเดิมของเจ้าสาวที่ฮองเฮาขนออกมาเกทับเจ้าบ่าวอีกด้วย ขบวนจึงยิ่งอลังการเทียบเคียงงานแต่งงานเชื้อพระวงค์คนนึงเลยทีเดียว ในรอบเกือบห้าสิบปีเพื่งจะมีงานแบบนี้หลังจากงานอภิเษกของฮองเต้และฮองเฮาจ้าวหยุ่นหลงไม่ได้เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยเพราะพระชายากำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ซึ่งชางเจี้ยก็เข้าใจสหายในเรื่องนี้ดี แค่เขาส่งกองทัพมาดูแลเขาก็รู้สึกดีแล้วเสียงจุดประทัดดังสนั่น เหมยตาฮวยรีบวิ่งไปดู แต่ออกไปได้ไม่ไกลก็ถูกแม่สื่อลากกลับเข้ามาในเรือน ริม
บทที่24“หาววววว” ร่างบางลุกจากที่นอนบิดขีเกียจ จนกระดูกลั้นกรั๊บ หลังจากให้ชิงชิงไปอยู่กับเม่ยเหนียงแล้ว นางก็ไม่ให้ใครมาเป็สาวใช้คนสนิทอีก ใครมีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป ส่วนตัวนางนั้นดูแลตัวเองได้ “มาแต่เช้าเลย ว่าไงเจ้าตัวเล็กวันนี้มีอะไรมาเล่า” พอพวกมันรู้ว่าเหมยตาฮวยกำลังจะแต่งงานกับราชทูตที่มาจากแคว้นจ้าว ก็พาวกันบินวนเวียนไปที่วังของไท่จื่เพื่อสืบข่าวเรื่องของว่าที่สามีของคุณหนู ‘ก็เหมือนทุกวัน ตื่นตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นมาฝึกวรยุทธ พอตกบ่ายก็คงจะเดินทางมาหาคุณที่จวน’ นกน้อยรายงาน ‘ข้าๆ ข้ามีข่าวใหม่’ นกน้อยอีกตัวร้องบอก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโอ้อวดที่ไปรู้เรื่องใหม่ๆ ที่นกตัวอื่นไม่รู้ “ข่าวใหม่” เหมยตาฮวยเอียงคอ คุณชายชางเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันเป็นด้วยงั้นเหรอ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานางเห็นเขาทำอะไรเดิมๆ ซ้ำอยู่แค่นี้ จนข้าแทบจะเดาได้ว่า ตกบ่ายวันนี้เขาต้องโผล่หน้ามาหานางที่จวน‘ไม่ใช่ข่าวจากวังไท่จื่อ แต่เป็นข่าวจากจวนท่านแม่ทัพ’ร่างบางพิงกายแนบหน้าต่าง เขี่ยถ่านในเตาแล้วยกกาน้ำชาขึ้นวาง เช้าๆ เช่นนี้ดื่มอะไร อุ่นๆ ดีกับร่างกาย นางใส่ใจกับตัวเองมากขึ้น หวังให้วิญญาณทั้งสองผสาน
บทที่23“ท่านป้ายินดีด้วย” งานสมรสพระราชทานของแม่ทัพจาง แน่นอนว่าเหมยตาฮวยย่อมต้องมาร่วมงาน เพราะเจ้าสาวอย่างไรนางก็คือญาติผู้น้องของตน อีกทั้งนางอยากมาดูป้าจางด้วยตาของตนเองว่าจะยินดีกับงานแต่งครั้งนี้มากขนาดไหน“ตามสบาย ข้าต้องดูแลแขกคนอื่นๆ ในงาน คงดูแลเจ้าได้ไม่มาก” ป้าจางยิ้มขื่นรับ สุดท้ายไม่ว่าอย่างไรสะใภ้ของนางก้ไม่พ้นคนสกุลอู่ หากต้องเลือกระหว่างอู่เหมยตาฮวยกับอู่เม่ยเหนียง แม้อู่เหมยตาฮวยจะทำตัวราวกับเป็นเจ้าของจวน แต่นางก็สามารถเชิดชูวงค์ตระกูลจางให้กก้าวหน้าได้ ผิดกับเม่ยเหนียง เป็นเพียงคุณหนูสกุลอู่ บิดาก็ไม่มี อำนาจในวังหลวงก็แทบจะไร้หนทา“ไม่ต้องห่วงข้า ท่านดูแลแขกคนอื่นเถิด คนกันเอง จากนี้ไปก็ฝากญาติผู้น้องของข้าด้วย” เหมยตาฮวยหยอบกาย ก่อนจะหันไปมองเจ้าบ่าวที่ยืนต้อนรับแขก “ยินดีด้วยท่านแม่ทัพ หวังว่าท่านจะมีชีวิตคู่ที่สุขสมหวัง มีบุตรให้ท่านป้าอุ้มไวๆ “นางไม่ลืมที่จะมองสตรีอีกนางหนึ่งที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ไกล ไม่เพียงเหมยตาฮวยที่มองสตรีนางนั้น แขกคนอื่นๆที่มาร่วมงาน พอแสดงความยินดีกับจางฮูหยินแล้ว ก็ต้องนึกส่งสารไป๋ซานกันทุกคน เป็นถึงคนรักที่รอคอท่านแม่ทัพมานาน คอยดูแ
บทที่22เรื่องวุ่นวายหน้าประตูจวน ปล่อยให้พี่ชายของนางจัดการ นางมีเรื่องที่ต้องตกลงกับคุณชายชางเพียงลำพัง เมื่อมาถึงเรือนนอนก็รีบเชิญให้เขานั่งที่โต๊ะข้างหน้าต่าง“พี่ชางเจี้ยนั่งตรงนี้ก่อน ข้าจะไปหยิบกระดาษกับชุดเครื่องเขียนหนังสือมาให้ ท่านรอครู่เดียว” ร่างหนาชุดทรุดลงนั่ง ทำตัวตามสบายราวกับว่าเรือนนอนแห่งนี้เป็นของตน จนเหมยตาฮวยอดจะนึกหมั่นไส้ไม่ได้ มือบางกวักเรียกนกน้อยสองสามตัวที่อยผู้บริเวณนั้น “ตัวเล็กมานี่หน่อย พวกเจ้าช่วยไปดูต้นทางให้ข้าที หากมีคนเข้ามาใกล้เรือนนอนของข้าให้รีบร้องบอก” ไม่ใช้งานเปล่า นางหันไปเปิดกล่องเมล็ดของต้นปอป่าน หรือในยุคปัจจุบันเรียกว่า เมล็ดแฟลกซ์ สามารถป้องกัน และต่อต้านโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคระบบย่อยอาหาร โรคความดันโลหิตสูง สัตว์ทานได้มนุษย์ทานดีมีประโยชน์ เมื่อได้รับรางวัลแล้ว นกน้อยทั้งสามก็บินไปประจำการคนล่ะทิศ เพื่อเฝ้าระวัง“นึกว่าราวสับจะเป็นเมล็ดทานตะวันหรือผลไม้เสียอีก” ชางเจี้ยมองเมล็ดพันธุ์อะไรสักอย่างในกล่อง มันเล็กมาจนแมบจะปลิวตามลมได้เลย“ท่านอย่าดูถูกพวกสัตว์ พวกมันหากินเก่งนัก เมล็ดทานตะวัน ผัก ผลไม้ พวกมันหากินของพวกนั้นได้เองอย่างง่
บทที่21รถม้าแล่นมาถึงจวนหน้าสกุลอู่ อู่ไท่จงยืนรอเหมยตาฮวยด้วยท่าทีกระสับกระส่าย ข้างกันนั้นมีเม่ยเหนียงยืนอยู่ไม่ห่าง นางก็มีท่าทีไม่ต่างจากเขาเท่าไร พอเขารู้ว่าน้องสาวเข้าวังก็ร้อนใจ กลัวเหมยตาฮวยจะทำไม่สำเร็จแต่หากจะตามเข้าวังไปก็ไม่สามารถทำได้ ถึงเขาจะเป็นหลานของฮองเฮาเช่นเหมยตาฮวย แต่หากจะเข้าวังหลังก็ต้องส่งจดหมายเข้าไปขออนุญาตก่อนจะบุ่มบ่ามบุกเข้าวังไปเช่นน้องสาวไม่ได้ ทุกอย่างล้วนมีขั้นตอน มีเพียงเหมยตาฮวยเท่านั้นที่ได้รับการยกเว้นในทุกเรื่อง อู่ไท่จงจึงทำได้เพียงยืนรอฟังข่าวด้วยความกระวนกระวายใจ ส่วนเม่ยเหนียงนั้นพอรู้ว่าท่านแม่ทัพเข้าวังเพื่อของราชโองการแต่งงาน นางก็ร้อนใจไม่ต่างกัน จึงต้องมายืนรอกับอู่ไท่จงอยู่หน้าจวนเช่นนี้“น้องหญิง” อู่ไท่จงปรี่เข้าไปประชิดรถม้าทันทีที่รถม้าจอด สายตาคมมองบุรุษบนหลังอาชาด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย ยิ่งเห็นชิงชิงลงรถม้าด้วยดวงหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เขายิ่งร้อนใจ “เจ้าไปขัดขวางจางชานฟงไม่สำเร็จอย่างนั้นหรือ”เหมยตาฮวยหันไปส่งยิ้มให้พี่ชาย ก่อนจะหันไปทางเม่ยเหนียง “ยินดีกับจ้าด้วย อีกไม่นานแม่ทัพคงจะจัดเกี้ยวเจ้าสาวมารับเจ้าเข้าจวน” “หมาย
บทที่20เหมยตาฮวยถือม้วนราชโองการพระราชทานสมรสเดินออกมาถึงประตูทางเข้าพระราชวัง เมื่อชิงชิงเห็นนางเดินออกมาก็รีบวิ่งปรี่เข้ามาหา“คุณหนู เสร็จแล้วหรือเจ้าค่ะ” ชิงชิงประคองเจ้านายของตนขึ้นรถม้า ทุกครั้งที่คุณหนูเข้าวังไม่ว่าจะด้วยเรื่องใด นางไม่เคยได้เข้าไปด้วย ทำได้เพียงยืนรออยู่ที่รถม้าเท่านั้น พักหลังๆ คุณหนูก็มัดจะให้นางยืนรออยู่ห่างๆ ไม่ให้ยืนใกล้ชิดเหมือนเช่นเดิม ความทรงจำยังคงกลับมาไม่ครบถ้วนจึงยังดูแปลกๆ ไปในบางครั้ง“อืม รอนานหรือไม่” เหมยตาฮวยนั่งลงประจำที่ อีกฟากมีสาวใช้คนสนิทนั่งอยู่ รถม้าคันเล็กเคลื่อนตัวออกจากบริเวณหน้าวัง มุ่งตรงกลับจวนสกุลอู่ “อีกไม่นานสกุลอู่จะมีงานใหญ่” เหมยตาฮวยยื่นม้วนกระดาษให้ชิงชิง “สมรสพระราชทานกับราชทูตแคว้นจ้าว ใช่คุณชายชางเจี้ยหรือไม่เจ้าค่ะ” ชิงชิง กวาดสายตาอ่านทวนราชโองการอยู่หลายรอบ เพื่อจดจำข้อความทั้งหมดไปบอกคุณหนูเม่ยเหนียง“ใช่ แต่ไม่ได้มีเพียงงานแต่งของข้า แต่มีงานแต่งของเม่ยเหนียงด้วย” เหมยตาฮวยมองสาวใช้คนสนิทด้วยแววตาเย็นเฉียบ หากนางต้องแต่งออกไปอยู่แคว้นจ้าว นางก็ไม่ลืมที่เตรียมหนทางไว้เอาให้ชิงชิงด้วย“ห๊า คุณหนูเม่ยเหนียงจะแต่งก
บทที่19เหมยตาฮวยอดที่จะยิ้มขำสีหน้าของจางชานฟงไม่ไหว เดิมนางแค่ต้องการหยุดความคิดเห็นแก่ตัวของเขาเท่านั้นไม่คิดว่าฮองเต้จะมอบราชโองการแต่งงานให้เขานั้นแต่วกับเม่ยเหนียง แต่ก็ดีแล้วเม่ยเนียงจะได้สมหวังและออกไปจากจวนสกุลอู่เสียที “พวกเจ้าออกมาได้แล้ว” สุรเสียงเข้มเอ่ยให้คนที่อยู่หลังม่านทั้งสองออกมา เหมยตาฮวยรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเปิดผ้าม่านออกไปออก ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อพบว่าไม่ได้มีเพียงฮองเต้เท่านั้นที่อยู่ภายในห้องนี้ “เสด็จป้า พระองค์มาตั้งแต่เมื่อไร”ฮองเฮาเดินไปนั่งเก้าอี้ที่กงกงยกมาให้ พระนางนั่งลงเคียงข้างฮองเต้หยางเช่นนี้ตลอดเวลากว่าครึ่งชีวิต“เจ้าเข้าวังมา ข้าจะไม่ได้รู้ได้อย่างไร ข้าก็นั่งอยู่ห้องข้างๆ นี่ล่ะ”“เสด็จป้าได้ยินอะไรหรือไม่” เหมยตาฮวยภาวนาให้ผนังห้องด้านข้างหนาจนฮองเฮาไม่ได้ยินสิ่งใดที่เกิดขึ้นในโถงแห่งนี้“ข้าได้ยินทุกอย่างล่ะ” ฮองเฮางอมยิ้มกล่าวดับความหวังของเหมยตาฮวยได้ยินทุกอย่าง แสดงว่าเสด็จป้าก็ต้องได้ยินที่นางคุยกับคุณชายชางด้วย“ว่างอย่างไรองครักษ์ชางเจี้ย เจ้าจะแต่งงานกับหลานสาวของข้าแล้วจะยกเกี้ยวมาเมื่อไรดีล่ะ” สินเดิมเจ้าสาวพร้อม ยกเกี้ยวเจ้าสา