"โปรโมทตัวเอง" ยัยนิเนยพูดขึ้นก่อนจะโบกมือทักทายเพื่อนในเฟสของฉันที่เข้ามาดูตอนนี้เกือบร้อยคนแล้ว
ทำไมมีคนเข้ามาดูเยอะจัง
"สวัสดีค่ะ นิเนยนะคะ วันนี้นิเนยจะพาสาวสวยน่ารักน่าหยิกอย่างญานินมาเปิดตัว ด้วยเพลงเพราะๆ ก่อนนอนรับรองว่าทุกคนจะต้องหลงรักเธอแน่ๆ"
เกิดมาเพิ่งเคยทำแบบนี้ครั้งแรกเลยนะ แต่ตอนอยู่โรงเรียนฉันก็ขึ้นแสดงโฟล์กซองเหมือนกันมันเลยไม่ได้ดูเขินเท่าไหร่
"ใครอยากให้ญานินเล่นเพลงไหนรีเควซท์มาได้เลยนะคะ"
แล้วเพื่อนในเฟสก็พากันขอเพลงเข้ามาจริงๆ ตอนนี้คอมเม้นขึ้นมาเป็นร้อยแล้วคนดูเพิ่มมาเกือบห้าร้อยคนเลย
"อ๊ะ งั้นเอาเพลงนี้นะคะ กำลังเข้ากับอารมณ์คนร้องพอดี" ว่าแล้วยัยนิเนยก็ใช้มือถือตัวเองเปิดคอร์ดและเนื้อเพลงให้ฉันดู
เพลงนี้ฉันฟังบ่อยนะ และเศร้าทุกครั้งด้วย
"ลบไม่ได้ช่วยให้ลืมค่ะ" พอนิเนยพูดจบฉันก็เริ่มเล่นเพลงนั้นทันที
อยากจะรู้วิธีลืมใครสักคนต้องทำอย่างไร
เก็บข้าวของของเธอที่มีอยู่ และโยนทิ้งมันไปไม่เหลืออะไรเลย
และลบทุกรูปที่มีเธอ
ภาพความทรงจำในวันนั้น
ลบมันไปทุกข้อความ
ตั้งแต่วันที่เราได้พบกัน
ยัยนิเนยช่วยร้องเสริมท่อนนี้ด้วย ขณะที่ฉันก็เล่นกีตาร์และร้องไปอย่างนั้น อยู่ๆ ความรู้สึกที่มีก็ทำให้มันเริ่มจุกอก
ลบทุกอย่างที่นึกออก ที่มันเคยเกิดขึ้นระหว่างเรา
แม้พยายามเท่าไหร่แต่สุดท้าย...
มันไม่มีทางลืมใครสักคน ถ้าหากว่าเรานั้นยังรัก
มันไม่มีทางลบใครสักคน ถ้ายังเก็บไว้ในหัวใจ
ให้ลบดวงดาวทุกดวงหมดฟ้า ลบเรื่องราวที่เคยผ่านมา
ลบอะไรก็ตามแต่ถ้าสุดท้ายยังรักอยู่ การลบไม่ได้ช่วยให้ลืม
ไม่เคยลืมเธอได้ลงซักที
ตอนนี้คนดูพุ่งขึ้นพันกว่า คงเพราะมีคนกดแชร์ล่ะมั้ง และยังมีคอมเม้นจากใครหลายๆ คนที่ไม่รู้จักด้วย
'น่ารักมาก น้องชื่อญานินใช่มั้ย'
'โอ๊ย ร้องเพราะมากค่ะน้อง พี่จะร้องไห้แล้ว'
'ยังมีอารมณ์มาร้องเพลงใช่มั้ย ฉันเครียดนะ' นี่คือคอมเมนท์ของใบเฟิร์นที่แทรกขึ้นมาท่ามกลางคนไม่รู้จัก
"ไม่ต้องเครียดค่ะใบเฟิร์น คนที่ควรเครียดคือยัยนิน" นิเนยตอบใบเฟิร์นในไลฟ์สดหลังจากที่เราร้องเพลงนั้นจบแล้ว "มีคนขอเพลงอีกแล้วค่ะ ญานินจะร้องต่อมั้ยคะ"
นิเนยหันมาถามฉัน จึงพยักหน้าให้มัน
"ขออีกสองเพลงนะคะ นินเริ่มง่วงแล้ว" นี่ฉันเหมือนคนดังข้ามคืนเลยนะ ตอนนี้คนเข้ามาดูสองพันกว่าคนแล้วด้วย
"เอาเพลงเศร้านะคะ พอดีเพื่อนเนยอกหักหลายปีแล้วไม่หายสักที ใครอยากดามใจสมัครมาได้เลยค่ะ"
"ยัยเนย" ฉันมองค้อนมันทันทีก่อนจะเล่นเพลงต่อไปที่มันยื่นมาให้
'ขอสมัครเลยนะครับ ถึงพี่จะไม่ใช่หมอแต่รักษาแผลใจให้น้องได้แน่นอน'
'มาซบอกพี่แล้วจะลืมคนที่ทำร้ายน้องไปเลย'
"ฮ่าๆ มีคนสนใจญานินเยอะเลยแบบนี้ต้องต่อแถวแล้วค่ะ เพื่อนเนยโสดมานานแล้วต้องเลือกหน่อย" ยัยนิเนยยังคงโปรโมทฉันไม่หยุดจนต้องส่ายหน้าให้มันอย่างเอือมระอา "มาฟังเพลงต่อไปกันดีกว่าค่ะ เพลงนี้เหมาะกับน้องนินมากกก ใครที่ยังมีคนรักอยู่ รักษาเขาไว้ดีๆ นะคะ ถ้ารักก็อย่าปล่อยเขาไปค่ะ เพราะเดี๋ยวต้องมาร้องไห้แบบนี้"
ฉันฟังยัยนิเนยอ่านคอมเมนท์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฉันเริ่มร้องเพลงนิเนยก็หยุดแล้วเคาะจังหวะตาม
ฉันผิดไปแล้ว ตอนนั้นที่พูดอะไรไม่ทันคิด จะขอแก้ตัวก็คงไม่มีสิทธิ์ มันก็ถูกแล้วใช่ไหม ที่ต้องคร่ำครวญแบบนี้
เธอรู้ไหม ที่ฉันยังไม่รักใคร ที่จริงแล้ว ฉันนั้นพร้อมเริ่มต้นใหม่ แต่ฉันอยากเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม
เพลงนี้มันเกินไปแล้วนะ เล่นเอาฉันขอบตาร้อนขึ้นมาเลยใครจะเห็นก็ช่างเถอะเพราะเขาคนนั้นคงไม่มาเห็นฉันในสภาพนี้ เราลบเฟสบุ๊คกันไปตั้งนานแล้วเพราะฉันไม่สามารถทนเห็นเขาได้ ฉันกลัว...
กลัวว่าวันหนึ่งเขาจะมีใครมาแทนที่ฉัน...
ที่บอกเลิกวันนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจ ที่ตอนนั้น ฉันพลั้งพูดไป เพราะใจร้อน ที่บอกเลิกวันนั้น รู้ไหมฉันเสียใจ ขอได้ไหมขอเริ่มต้นใหม่ เพราะฉันไม่พร้อมรักใคร นอกจากเธอ
หลังจากออกไลฟ์สดนั่นแล้วก็มีคนมาเพิ่มเพื่อนในเฟสมากมายเลย ไหนจะข้อความที่พวกเขาทักมาหาอีกแต่ฉันก็ไม่ได้ตอบใครแม้แต่คนเดียวN : ทำไมต้องร้องเพลงเศร้าขนาดนั้นฉันเปิดอ่านข้อความนั้นแล้ววางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง เก็บไดร์เป่าผมแล้วหยิบมันขึ้นมาตอบYanin : ก็คนมันเศร้าN : เรื่องไหนอีกYanin : เรื่องเดิม ไม่น่าถามที่จริงฉันเคยระบายเรื่องนี้กับเขาแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าคนที่คุยด้วยเป็นใครแต่เขาก็ยอมรับฟังปัญหาใจของฉันได้เป็นอย่างดีN : ทำไมYanin : วันนี้เจอเขาด้วย เขามองฉันเหมือนเกลียดมากๆ ทั้งที่ฉันคิดว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำลงไปบ้าง แต่ฉันก็ผิดจริงๆ จะโทษเขาก็ไม่ได้N : รู้ได้ไงว่าเขาเกลียดYanin: ฉันไปขอเบอร์กับไลน์ของเขาแต่เขาไม่ให้ แล้วยังหนีไปอีก สายตาที่มองมามันทำให้ฉันเจ็บปวดมากเลยนายรู้มั้ยN : เธอก็มีแล้วไม่ใช่เหรอYanin : รู้ได้ยังไงว่ามีN : เธอคงไม่ลบทิ้งหรอก หรือลบไปหมดแล้ว?Yanin : ไม่นะ ฉันยังมีทุกอย่าง แต่ฉันอยากขอเขาก่อนเพราะไม่อยากให้เขาโกรธN : ขอไปทำไมYanin : ฉันทำป้ายชื่อหาย พวกพี่ว้ากบอกให้ฉันหาให้เจอ ไม่อย่างนั้นต้องโดนลงโทษทั้งรุ่น พี่ว้ากให้กระดาษแผ่นหนึ่
หลายชั่วโมงต่อมา"คนอะไรวะกินสลัดแต่มีแค่แอปเปิลกับฝรั่ง" ใบเฟิร์นมองจานสลัดของฉันที่สั่งกับแม่ค้าว่าขอแค่สองอย่างนี้จริงๆ เพราะอย่างอื่นฉันไม่ชอบตอนนี้เรามากินข้าวที่ศูนย์ขายอาหารในมหาวิทยาลัยที่จะเปิดขายของกินหลายๆ อย่างในช่วงเย็นตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงสองทุ่ม"คนมันชอบแค่นี้""เปิดใจให้กว้างดิ ลองกินอย่างอื่นมั่ง" นิเนยบอกฉันแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้"น้องญานิน" เสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกชื่อของฉันขึ้นมาแต่อีกสองคนหันไปมองด้วยและมองแบบตาค้างมาก"พี่ฮ่องเต้ มาทานที่นี่ด้วยเหรอคะ" ฉันถามแล้วยิ้มให้เขาอย่างมีมารยาท"ไอ้ธีก็มานะ""นินเบื่อหน้าพี่ธีแล้วค่ะ" ฉันพูดแล้วแกล้งทำหน้าสยองออกมาจนพี่ฮ่องเต้หัวเราะออกมาเบาๆวันนี้พวกพี่ๆ ใส่ชุดนักศึกษากันหมดและเสื้อนักศึกษาที่คณะนี้ใส่จะเป็นสีขาวสว่างไม่เหมือนกับคณะอื่นที่เป็นสีขาวนวล เลยทำให้เด่นๆ"พวกมึงนั่งนี่กันมั้ย ขอนั่งกับน้องๆ""ยินดีค่ะ พี่ๆ นั่งได้เลยถ้าไม่พอนั่งตักเฟิร์นก็ได้ค่ะ ฮ่าๆ" ยัยนิเนยกับใบเฟิร์นรีบขยับให้พวกพี่ฮ่องเต้นั่งทันทีแบบไม่ต้องคิดให้มากความแน่นอนว่าตอนนี้มีพี่ทศกัณฐ์ด้วย เขายืนมองเงียบๆ ก่อนจะเดินมาหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ฉันเพร
วันต่อมาและแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ฉันจะโดนเชือดเพราะไม่สามารถหาป้ายชื่อของตัวเองมาได้ยังไงล่ะ"วันนี้เป็นวันสำคัญนะครับ! เพราะดูแล้วเราน่าจะได้ปลดพวกคุณออกจากรุ่นทั้งหมด จะไม่มีชื่อรุ่นของพวกคุณอยู่ในคณะนี้!!"แล้วเสียงพี่ว้ากคนอื่นก็พากันตะโกนขึ้นมาเสริมทัพ"คนที่ไม่มีป้ายออกมา!!"ฉันเดินออกไปตามคำสั่งของพี่เฮดว้าก ก่อนจะยืนอยู่หน้าแถวแล้วหันหน้าไปหาเพื่อน"คุณจะทำยังไง ในเมื่อคุณเป็นต้นเหตุให้เพื่อนไม่ได้รุ่นแบบนี้!!""ขอพูดค่ะ""เชิญ!""หนูทำผิดคนเดียว ขอรับโทษคนเดียวค่ะ เพราะทำป้ายชื่อหายเอง" ฉันตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"ได้!! ผมจะให้เลือกระหว่างออกจากรุ่นกับวิ่งรอบสนามกีฬากลางห้าสิบรอบเพื่อให้อยู่ในรุ่นต่อ""วิ่งค่ะ""เชิญ!""หนูขออนุญาตช่วยเพื่อนค่ะ" ยัยนิเนยยกมือขึ้นมา ดวงตาของนิเนยแดงก่ำจนฉันเริ่มอยากร้องไห้ออกมา"คุณจะช่วยยังไง! จะให้เพื่อนขี่คอเหรอ""ขอแบ่งกับเพื่อนค่ะ""เห็นผมเป็นเพื่อนเล่นคุณเหรอ!! ถ้าอยากวิ่งกับเพื่อนก็ไปเลย คนละห้าสิบรอบ! ไม่มีแบ่ง ถ้าทำไม่ได้พวกคุณสองคนก็ไม่ต้องเอารุ่น"แล้วยัยนิเนยก็วิ่งออกจากแถวมาจริงๆ"นิเนย...""แกไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะอยู่กับแกเ
@โรงพยาบาล"ยัยนิน"เสียงของนิเนยดังขึ้นมาในโสตประสาท ขณะที่ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพบว่านอนอยู่ในห้องที่มีเพดานสีขาวโพลนถ้าไม่ใช่ห้องพยาบาลก็ต้องเป็นโรงพยาบาลแน่ๆ"เห้อ ฉันยังไม่ตาย" ฉันพูดออกมาอย่างขำๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้แทบไม่มีแรง"ฉันใจหายหมดยัยนิน" นิเนยพูดแล้วโผเข้ามากอดฉันไว้แน่นก่อนที่ใบเฟิร์นจะมาอีกคน"พวกแกพาฉันมาได้ไง""พี่ทศกัณฐ์กับพี่แกนั่นแหละพามา" นิเนยบอกแล้วขยับตัวไปนั่งเก้าอี้"แล้วพี่ฉันไปไหน รีบไปบอกพี่นธีด่วนว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับแม่เด็ดขาด" ฉันพยายามจะยันตัวขึ้นแต่แรงไม่มีเลยซักนิดเดียว"ยังไม่ได้บอก" แล้วพี่นธีก็เดินเข้ามาพร้อมกับหน้าเครียดๆ"พี่ห้ามบอกแม่เด็ดขาด ถ้าแม่รู้นินได้กลับไปเรียนที่นุ่นแน่" ฉันเขย่าแขนพี่ชายตัวเองที่มายืนข้างเตียง"อืม จะไม่บอก แต่แกต้องห้ามอดข้าวอดน้ำแบบนี้อีก" พี่นธีพูดเสียงเรียบหน้าเคร่งขรึมมาก"นินไม่ได้อด แต่ช่วงนี้มันเครียดจริงๆ""แล้วคืนนี้จะให้พี่เฝ้าหรือให้เพื่อนเฝ้า""เพื่อนค่ะ พี่นธีกลับไปได้เลย" ฉันบอกแล้วหันไปยิ้มให้เพื่อนๆ ที่ทำท่าทางตื่นเต้นกับการนอนโรงพยาบาลของฉัน"อืม พรุ่งนี้จะมาหา พี่ไปนะพักผ่อนด้วย""ค่ะ" ฉันโบกมือให้พี่ชา
"แกรู้มั้ยพี่ทศกัณฐ์กระโดดข้ามรั้วมาหาแกแบบไม่สนอะไรเลยนะ แล้วยังเรียกแกเหมือนคนคลั่งรักอะ กรี้ด! กร้าวใจมากค่ะนิเนย" ยัยใบเฟิร์นกรี๊ดกร๊าดประหนึ่งมีดาราเกาหลีมายืนอยู่ตรงหน้า"ฉันเห็นยังตกใจเลย ตกใจยิ่งกว่าเห็นเพื่อนเป็นลม ไม่ไหว...อกอิแป้นพองโตมาก" นิเนยยกมือขึ้นมาทาบอกตัวเอง "มันทำให้คิดถึงพี่เขาในตอนนั้นขึ้นมาเลย""คือเร็วกว่าพี่แกอีกยัยนิน คิดเอาเถอะ""เอาไปเทียบอะไรกับพี่นธี เฉยชาจะตายไป" ฉันบอกออกไปเหมือนไม่ใส่ใจนักแต่หัวใจกลับเต้นแรงมากเหมือนมันจะทะลุทะลวงออกมา"คืออุ้มแกแล้ววิ่งไปขึ้นรถอะ สั่งทุกอย่างจัดการทุกอย่าง โอ๊ย~ พ่อคนคลั่งรัก เจ้ายักษ์ทศกัณฐ์ของนิน" ใบเฟิร์นพูดด้วยท่าทางขวยเขิน จนฉันเกือบจะเขินตามมันเลยแต่เสียดายที่ฉันไม่รู้สึกตัวตอนนั้นจึงไม่รู้ว่าพวกนี้มันเล่าเกินจริงหรือเปล่านะสิ"ดูยังไงก็รู้ว่าเขารักแกอยู่นิน"นิเนยพูดเสริม"..."มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน เพราะเขาไม่สนใจฉันเลยแม้แต่น้อยตลอดสามปีที่เราเลิกกันมา มีแต่ฉันที่คิดถึงเขาแอบส่องเขาอยู่คนเดียว"เดี๋ยวพวกฉันจะไปอาบน้ำหาอะไรมากิน แกอยู่คนเดียวไหวมั้ย ไปแป๊บเดียว""อยู่ได้ ไปเถอะ" ฉันปัดมือให้พวกมันสองคนออกไป
EPISODE 10"ร้องไห้ทำไม" อยู่ๆ เขาก็ถามขึ้นด้านหลังอีกครั้งทั้งๆ ที่ฉันคิดว่าเขาคงเดินออกไปแล้ว"ไม่มีอะไรค่ะ...นินแค่ปวดหัวนิดหน่อย" ฉันบอกแล้วใช้มือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มลวกๆ"..." พี่ทศกัณฐ์เดินกลับมาอีกรอบ ถอนหายใจเหมือนฉันกำลังทำให้เขาคิดมากและยังมองฉันนิ่งๆ ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงอีกรอบ "เธอโกหก มีอะไรทำไมไม่พูดตรงๆ""..." ฉันเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจที่ฉันเป็นอย่างนี้ "ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ""อืม""พี่เกลียดนินใช่มั้ย" ฉันถามแล้วมองอีกคนที่จ้องฉันกลับมาเหมือนกัน"มีใครบอกเหรอว่าฉันเกลียดเธอ ทำไมชอบคิดไปเอง" คนพูดยังคงมองหน้าฉันอยู่ ทำอย่างกับฉันไปบ่นให้เขาฟังบ่อยๆ อย่างนั้นแหละตั้งแต่เลิกกันมาฉันเคยถามเขาครั้งแรกเลยนะเรื่องนี้"นินรู้สึกแบบนั้นจริงๆ""คิดไปเองแล้วมีความสุขมากมั้ย" เขามองฉันอย่างตำหนิ ตอนนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลย ต่างจากฉันที่ยังดูเป็นเด็กคิดอะไรไม่ได้ ในสายตาเขาฉันคงเป็นเด็กงี่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น"ไม่ค่ะ""..."แกร๊ก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่คนด้านนอกจะเปิดประตูเข้ามาเป็นพี่ปีสามกลุ่มหนึ่งและหนึ่งในนั้นมีพี่เฮดว้ากสุดโหดนั่นด้วย
แกร๊ก!ทำไมเสียงนี้มันดังบ่อยจังนะ ฉันเองก็เป็นสาวฮอตเหมือนกันงั้นเหรอ"กูก็ว่ามันหายไปไหน โทรหาก็ไม่รับ ไอ้ธีบอกกูมาดิว่าเพื่อนมึงหลงทางมาอยู่นี่ได้ไง อ้าว!ไอ้เดย์" พี่ฮ่องเต้ที่พุ่งพรวดเข้ามาต่อว่าพี่ทศกัณฐ์ก่อนจะเห็นว่ามีคนอยู่ในห้องอีกหลายคนเดย์น่าจะเป็นพี่เฮดว้ากคนนี้แน่นอน"มึงเลิกโวยวายซักทีเถอะน่า" พี่นธีพูดจบก็ดันตัวพี่ฮ่องเต้เข้ามาแล้วขยับมายืนข้างเตียงฉัน"พี่นธีกลับมาทำไมอีก" ฉันหันไปถามพี่ชายตัวเองจากตอนแรกที่มีแค่พี่ทศกัณฐ์คนเดียวพวกพี่ผู้หญิงก็ท่าทางตื่นเต้นกันใหญ่แล้วตอนนี้มาครบแก๊งยิ่งทำให้พวกพี่เขายิ้มแก้มปริเข้าไปใหญ่แล้วทุกคนวันนี้คือเท่ห์มากทั้งๆ ที่ใส่แค่เสื้อช็อปกับกางเกงยีนเอง แต่การที่มีผู้ชายหน้าตาดีถึงสี่คนมาอยู่รวมกันมันเหมือนสีแสงเจิดจ้าออกมาจริงๆ นะ"ก็ไอ้พวกนี้มันบอกจะมาดูใจแก""นินยังไม่ถึงตายค่ะพี่ๆ""พี่หมายถึงมาดูหัวใจเนี่ย รักษาหายยัง วันก่อนยังร้องเพลงหาคนมารักษาอยู่เลย" พี่คิวพูดยิ้มๆ แล้วหันไปมองพี่ทศกัณฐ์ถ้าให้เดาตอนนี้พวกพี่เขาคงรู้เรื่องของเราสองคนแล้วล่ะ พี่นธีคงเล่าหมดแล้ว"..." ฉันไม่ได้ตอบอะไรออกไปแค่ตีหน้านิ่งแก้เขินแล้วพวกพี่คณะก็อยู
EPISODE 11ภาวนาไม่ให้ยัยเพื่อนสองคนนั้นโผล่มาตอนนี้นะแกร๊ก!ไม่นะ!!ชาติที่แล้วฉันไปทำบาปอะไรไว้เนี่ย แค่คิดถึงพวกมันก็มาทันทีเลยฉันรีบเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ทศกันฐ์ทันที และเขาก็ก้มมามองฉันเช่นกัน เหมือนอ่านใจออกทันทีว่าฉันขอความช่วยเหลือ เขาก็รีบลุกขึ้นแล้วไปเขย่าตัวเพื่อนที่นอนเป็นคนไข้อยู่"ไอ้เต้ๆ เห้ยมึง! ไอ้เต้ชัก" พี่ทศกัณฐ์ทำหน้าตกใจสุดขีด ก็ไม่เบาเลยนะคะเรื่องการแสดง"แม่แค่นี้ก่อนนะจะไปเรียกหมอ!" แล้วพี่นธีก็รีบกดวางสายทันที "วางแล้ว""ไอ้นรกมึงให้กูเป็นมะเร็งปอดเลยเหรอ" พี่ฮ่องเต้ลุกขึ้นมาโวยวายใส่พี่ชายฉันทันที พี่คิวที่กลั้นขำอยู่นานก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังมาก รวมถึงฉันที่กำลังยืนขึ้นก็หัวเราะตามไปด้วย"เออ ถ้าเกิดแม่มึงขึ้นมาหาเจอไอ้เต้ยังไม่ตายจะทำไงวะ" พี่คิวพูดแล้วขำอยู่อย่างนั้นไม่หยุด"พวกพี่ทำอะไรกันคะ" ยัยนิเนยกับใบเฟิร์นที่เปิดประตูเข้ามามองดูเหตุการณ์อย่างงุนงง กระพริบตาปริบๆ "แล้วพี่ฮ่องเต้ไปแย่งที่นอนยัยนินทำไม""พอดีแม่โทรมา ฉันเลยหลบให้พี่ฮ่องเต้เป็นคนป่วยแทน เพราะกลัวแม่รู้ว่าอยู่โรงพยาบาลเพราะเรื่องรับน้อง" ฉันอธิบายให้เพื่อนฟังขณะที่ยังชอบใจอยู่ พอหัน
"ไงมึง วางแผนกันดิบดีสุดท้ายก็แพ้เมีย" เสียงของพี่ฮ้องเต้ดังขึ้น น้ำเสียงปนหัวเราะของเขาบ่งบอกว่ากำลังเยาะเย้ยพี่ทศกัณฑ์อยู่ตอนนี้ฉันยืนแอบอยู่ตรงมุมตึกซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะที่พวกเขานั่งไม่กี่เมตร ทำให้ได้ยินบทสนทนาชัดเจน"…" พี่ทศกัณฑ์เงียบกริบไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่รู้ว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นแบบนี้มั้ยอาจจะคุยโม้ก็ได้ใครจะไปรู้"มึงมันไม่ได้เรื่อง เป็นพี่ว้ากจนน้องปีหนึ่งปีสองกลัวแต่มาแพ้ให้เด็กอักษรคนเดียว เหอะ" พี่คิวพูดออกมาเหมือนเสียอารมณ์เพราะเป็นคนคิดแผนทั้งที"มึงก็รอรับชะตากรรมแบบกูได้เลย" พี่ทศกัณฑ์พูดเสียงเบาหวิว จนฉันแอบสงสารจับใจ"กูไม่มีทางกลัวเมียแบบมึงแน่นอน ผู้หญิงก็แค่ลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด""มึงไม่กลัวเตยเลยเหรอ" พี่ทศกัณฐ์ถามซ้ำ"กลัวทำไม ยัยนั่นดิต้องกลัวฉันขาดฉันไปซักคนเตยคงอยู่ไม่ได้ ร้องไห้แงๆ"โอ้อวดนักนะ เดี๋ยวโดนดีแน่พี่คิว!"พี่ทศกัณฑ์!" ฉันเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วเรียกพี่ทศกัณฑ์เสียงดัง จนพี่ๆ หันมามองกันพรึบ ส่วนพี่นธีขมวดคิ้วมองฉันอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายทั้งคนอ่านออกแน่ๆ"ยะ…ญานิน มาได้ไง" เก่งมากคุณแฟน เสียงสั่นแบบไม่ต้องซ้อมมา"เดินมาค่ะ""น้องญาน
"…" เงียบอยู่นั่นแหละไม่คิดจะพูดอะไรเลยใช่มั้ย หรือว่าเขาไม่อยากคบฉันแล้ว แววตาของเขาที่มองเหมือนกำลังลังเลบางอย่างอยู่เลย"นินทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมพี่ไม่บอกถ้านินผิดก็พร้อมจะแก้ไข แต่พี่ทศกัณฑ์ไม่ให้โอกาสนินได้รับรู้เลย อึก...อยู่ๆ ก็ไม่เห็นค่ากันแบบนี้""ญานิน…" เขาเรียกชื่อฉันเบาๆ ขณะที่ฉันเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้"พี่เบื่อนินแล้วใช่มั้ย พี่ทศกัณฐ์ไม่รักนินแล้วใช่มั้ย...ฮึก""ไม่ใช่" เขาตอบแล้วค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือฉันพร้อมกับถอนหายใจเขาดันตัวฉันลงกับเตียงอีกรอบ ใช้นิ้วเรียวยาวลูบปัดน้ำตาออกจากพวงแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน"ที่จริงแล้วแค่อยากจะทดสอบ แต่ตอนนี้พี่คงแพ้อีกแล้ว" เขาพูดแล้วจ้องตาฉันนิ่ง"หมายความว่ายังไง" คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างแล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วชนกัน"…" เขาพ่นลมหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนีเหมือนกำลังลำบากใจที่จะพูด "เพราะคิดว่าช่วงนี้เราชอบเอาแต่ใจ ก็เลยอยากดัดนิสัยนิดหน่อย จะได้หันมาง้อพี่บ้างไม่ใช่ตัวเองถูกทุกอย่าง" เขาอธิบายแบบเหนี่ยมอายนิดหน่อยนี่มันอะไรกันเนี่ย…"อย่าบอกว่าที่แกล้งยุ่งกับงานก็เพราะอยากลองดูการกระทำของนินด้วย""…" พยักหน้าเป็นคำตอบ"แล้
Tossakan talk"ไอ้เชี่ยมึงใจเย็น นิ่งไว้ๆ""ฮ่าๆ มึงท่องไว้พุทธโธๆ เดี๋ยวแม่งเสียแผนหมด"เสียงของไอ้เต้กับไอ้คิวที่เกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็น ทั้งที่ภาพตรงหน้าคือผู้ชายกำลังเกาะแกะแฟนผมอยู่แล้วพวกมันก็มาฉุดรั้งตัวผมที่แทบจะพุ่งตัวไปหาญานิน ขณะที่ไอ้นธีเอาแต่นั่งยิ้มน้อยๆ มองผมเหมือนดูหนังตลกตลกเชี่ยไรเดี๋ยวเมียมันเจอมั่งจะรู้สึก"ถ้ามึงเข้าไปตอนนี้น้องมันรู้แน่ว่ามึงไม่ได้ยุ่งกับโปรเจ็ค แต่มาตามดูน้องมันอะ" ไอ้คิวบอกแต่กลับยิ้มขำ "แล้วที่มึงทำมาทั้งหมดน้องก็จะคิดว่ามึงโกหก""เออ มึงต้องนั่งดูอย่างใจเย็น"ใจเย็นอะไรของมันวะ ตอนนี้เหมือนกองไฟในอกผมมันกำลังจะปะทุออกมาอยู่แล้ว"มึงจะทำเสียแผนนะเว่ย จากที่จะดัดนิสัยน้องกลายเป็นน้องได้ดัดนิสัยมึงแทน"'แผน' ที่ว่านั้นมันเริ่มจากปัญหาของผมนี่แหละเรื่องมันมีอยู่ว่าอาทิตย์ก่อนเราทะเลาะกันเรื่องญานินลืมมือถือไว้ในห้องก่อนออกไปเรียน โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย เราเลยทะเลาะกันใหญ่โตแต่สุดท้ายผมก็เป็นคนง้อญานินเพราะเรื่องมันมักจะจบแบบเดิมคือน้องมันถูกเสมอไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คนที่เป็นฝ่ายผิดสุดท้ายแล้วต้องเป็นผมเพราะญานินจะไม่ยอมง้อผมเลย
หลายเดือนต่อมาหลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดตอนนั้นจบลง ชีวิตของฉันก็กลับมาสงบสุขและคบกับพี่ทศกัณฐ์อย่างแฮปปี้ใช่ซะที่ไหนกัน!การคบกันมันก็ต้องมีทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาและทุกครั้งที่ทะเลาะกันนั้นพี่ทศกัณฐ์มักจะเป็นฝ่ายยอมฉันเสมอไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะพี่ทศกัณฐ์รักฉันมากๆ ยังไงล่ะ!"เป็นอะไรหน้าบูดเป็นตูดหมามาเลย" เสียงของนิเนยทักขึ้นตอนที่ฉันกำลังเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆ พอใบเฟิร์นได้ยินคำพูดของนิเนยก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสนใจตอนนี้เราอยู่ปีสองกันแล้วนะ เป็นรุ่นพี่แล้วและช่วงนี้ก็เป็นช่วงรับน้องทำให้ค่อนข้างเหนื่อยกับการจัดเตรียมกิจกรรมให้น้องๆ ทำส่วนพี่ทศกัณฐ์ก็อยู่ปีสี่แล้วเขาก็วุ่นวายกับการทำโปรเจ็คหลังจากที่เพิ่งฝึกงานสามเดือนจบแล้วก็เหลือเวลาอีกแค่เทอมกว่าในรั้วมหาวิทยาลัยทำให้ช่วงนี้เราแทบจะไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดกัน"ไม่มีอะไร" ฉันตอบนิเนยแล้วหยิบเอกสารสำหรับวิชานี้ขึ้นมาเตรียมไว้บนโต๊ะเลคเชอร์"ทะเลาะกับพี่ยักษ์เหรอ" นิเนยถามแล้วกอดอกมองฉัน"..." พยักหน้าเป็นคำตอบ"เรื่อง?""เมื่อวานฉันเข้าคอนโดก่อน เพราะเขาบอกว่าจะเลิกดึก พอถามว่าจะให้ไปนั่งทำงานด้วยมั้ยก็
เช้าวันต่อมา"ได้เรื่องมั้ยครับ"เสียงของพี่ทศกัณฐ์ดังขึ้นจากปลายเตียงเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครซักคนฉันจึงค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นมอง"มีหลักฐานครบแล้วใช่มั้ย""ดีเลย งั้นรบกวนคุณลุงจัดการให้ผมหน่อย""น้องดีขึ้นแล้วครับ ตรวจแล้วไม่เป็นอะไร มีรอยช้ำที่โดนตีนั่นแหละ...ผมรู้แล้วน่า ว่าที่หลานสะใภ้ลุงทั้งคนจะไม่ดูแลได้ไง"นี่กำลังพูดถึงฉันอยู่ใช่มั้ย แอบฟังเองก็เขินเองแล้วนะ"ครับ ขอบคุณครับ รอชมผลงานนะแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทางนี้เอง" แล้วพี่ทศกัณฐ์ก็กดวางสายก่อนจะหันมามองทางฉันที่แกล้งขยับเปือกตาขึ้นมาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน "เช้าอยู่เลยรีบตื่นทำไม""นินปวดหัวค่ะ" ฉันตอบแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง "เหมือนจะเป็นไข้""..." พี่ทศกัณฐ์ลุกขึ้นจากปลายเตียงขยับมานั่งขอบเตียงข้างฉันแล้วเอาหลังมือมาอังหน้าผากไว้ "นอนพักก่อนเดี๋ยวกินข้าวกินยา""ค่ะ" ฉันพยักหน้าทำตามคำสั่งแล้วเขาก็หายออกไปจากห้องตอนนั้นทันทีไม่นานนักก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวต้ม ยาและน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว แกล้งป่วยซักเดือนดีมั้ยเนี่ยมีบุรุษพยาบาลส่วนตัวซะด้วย"เมื่อกี้คุยกับใครเหรอ" ฉันเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยเพราะนอนคิดคนเดียวก็คงไม่รู้คำตอ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ฉันตรวจ ใส่เฝือกอ่อนที่เท้าและรับยาเสร็จก็มาแจ้งความที่สถานีตำรวจกับพี่เนย์ต่อ มีรุ่นพี่ปีสองและพวกนิเนยอยู่เป็นเพื่อนรอให้พี่ทศกัณฑ์และพี่นธีมารับ"เป็นไงบ้าง" พี่นธีถามทันทีที่มาถึงส่วนพี่ทศกัณฑ์กำลังเดินเข้ามาท่าทางเงียบครึมเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่"ให้รายละเอียดกับตำรวจไว้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องมาอีก""เอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะเว้ย ต้องไม่ยอมมันรอบนี้ต้องเอาให้มันจมดิน!" ใบเฟิร์นพูดและกำหมัดแน่นหมับ!อยู่ๆ ร่างของฉันถูกดึงไปกอดไว้ในอ้อมแขนขณะที่เจ้าของการกระทำนั้นไม่พูดอะไรเลยซักคำ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนและรุ่นพี่รวมไปถึง...พี่เนย์ยังดีที่ตอนนี้นิเนยมันเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนแล้วไม่อย่างนั้นคงดูตลกน่าดูหนุ่มวิศวะกอดกับหญิงสาวในชุดโบราณ"กลับเลยมั้ย" พี่ทศกัณฑ์ปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระซะทีเดียวเขายังโอบฉันไว้อย่างหลวมๆ"ค่ะ อยากอาบน้ำพักผ่อนแล้ว" ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปขอบคุณพี่ๆพี่ทศกัณฐ์อุ้มฉันขึ้นออกมาจากตรงนั้นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเลยไม่รู้ว่าทำไม พอมานั่งในรถเขาก็ติดเครื่องแต่ก็ไม่ยอมขับออกไป สายตาของเขาหันไปมองพี่เนย์ที่กำ
"แกต้องได้รับบทเรียนที่ทำกับฉัน!"เสียงของคนด้านหลังดังขึ้นอย่างเยือกเย็น ฉันรู้สึกว่าเคยได้ยินมันมาก่อนหรือว่าจะเป็น..."ฟาง..."ฉันพูดชื่อของยัยนั่นแล้วได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาก่อนจะทำท่าตรงเข้ามาหาฉันอีก รีบหันไปขวามือที่จำได้ว่าตอนเข้ามันมีเก้าอี้อยู่ตัวหนึ่งตรงนั้นคิดว่าจะทำฉันได้คนเดียวเหรอ!หมับ! ปึก! ปึก! ปึก!ฉันคว้าเก้าอี้ขึ้นมาแล้วจับฟาดมันอย่างไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่พอได้ยินเสียงมันร้องออกมาถึงได้รู้ว่ามันถูกจุด"โอ๊ย! กรี๊ด!! แก!" ยัยนั่นร้องเดือดดานเหมือนคนบ้า ฉันรีบหันหลังเข้าประตูคลำหากลอนจนเจอแล้วเปิดออก วิ่งตรงไปทางบันไดทันทีขณะที่ยัยนั่นก็ยังคงวิ่งตามออกมากัดไม่ปล่อยจริงๆ ยัยหมาบ้า!ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของคนด้านหลังวิ่งตามมาขณะที่ขาฉันแทบจะพันกัน ทางผ่านมืดๆ ตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกหวั่นใจปึกเพราะชุดหญิงโบราณที่ยาวจนถึงข้อเท้าทำให้ฉันสะดุดมันล้มลงกับพื้น จากที่เจ็บขมับและแผ่นหลังที่ถูกยัยนั่นเอาไม้ตี ตอนนี้มันยังต้องเจ็บที่ข้อเท้าอีกจากการสะดุดล้ม"กูควรตีมึงให้ตายไปซะ!!" คนด้านหลังพูดเสียงแหลมดังก้อง พอหันไปก็พบว่าไม้หน้าสามกำลังถูกง้างและเหวี่ยงมาที่
หลายวันต่อมาหลายวันมานี้ทุกคณะล้วนมีการซ้อมใหญ่กันหมด ทำให้ฉันกับพี่ทศกัณฐ์แทบไม่ได้เจอกันช่วงกลางวันเลย แต่เขาก็จะรอรับฉันทุกวันที่คณะเพราะส่วนใหญ่แล้วฉันเลิกดึกกว่า"พรุ่งนี้ก็จะถึงวันงานแล้ว ตื่นเต้นจัง" เวลานี้เที่ยงคืนกว่าแล้วเราเพิ่งจะได้เข้านอนคอนโดที่ฉันเช่าไว้ไม่ต่างจากห้องร้างเลยล่ะ เพราะตั้งแต่คบกันเขาก็ไม่ให้ฉันไปนอนที่ห้องคนเดียวเลย"มีอะไรให้ตื่นเต้น" เขาพูดเสียงเหนื่อยล้า คงเพราะกิจกรรมที่คณะเขาหนักพอสมควร ขนาดฉันเป็นแค่รุ่นน้องยังเหนื่อยรุ่นพี่ที่ทำเพื่อน้องๆ จะเหนื่อยขนาดไหนกัน"พี่ทศกัณฐ์อยู่ปีสามแล้วก็พูดได้สิ นินเพิ่งเคยครั้งแรก" ฉันพูดเสียงอู้อี้แล้วซุกหน้าเข้าหาแผงอกกว้างอันอบอุ่น"พรุ่งนี้อาจจะเลิกดึกนะ กลับกับเพื่อนมารอที่ห้องเลย" ฝ่ามือหนาลูบศีรษะฉันอย่างอ่อนโยน"ได้ยินว่าพรุ่งนี้มอบเกียร์ใช่มั้ยคะ""อืม หลังจบงาน"คงเป็นธรรมเนียมที่คณะวิศวะทำมาทุกๆ ปีล่ะมั้ง เพราะเพื่อนๆ ที่คณะฉันก็รู้กันหมดฉันก็เพิ่งรู้มาเหมือนกัน"นินจะมารอที่ห้องนะ""ถึงห้องแล้วโทรบอก หรือไม่ก็แชทมา""ค่ะ"วันต่อมาช่วงเช้ามีการแข่งขันกีฬาและกรีฑาหลายประเภท ส่วนฉันผู้ที่ไม่ถนัดกีฬาซักอย่
“พี่คิดยังไงถึงสักชื่อนินเนี่ย ถ้าเกิดว่าเราเลิกกันแล้วกลับมาคบกันไม่ได้อีกจะทำไงคะ” ฉันถามแล้วดันตัวออกเพื่อก้มดูรอยสักนั้นให้ชัดยิ่งขึ้นใช้ปลายนิ้วสัมผัสมันเบาๆ ตรงตัวอักษรพวกนั้นอย่างหลงไหล รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเลย ฉันสำคัญกับพี่ทศกัณฐ์ถึงขั้นที่เขาสักชื่อฉันติดตัวไว้แบบนี้เลยเหรอ“ก็ไปลบออก แต่นั่นคงเป็นตัวเลือกสุดท้าย”“ไม่คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจจากนินบ้างเหรอ นินยังเด็กแต่พี่โตแล้ว” ฉันพูดแล้วแนบใบหน้าซบลงกับแผงอกเขาอีกครั้ง“เธอก็โตแล้วนี่ ฉันบอกแล้วว่าฉันมั่นคงและจริงจังกับรักของเราขนาดไหน""ขอบคุณนะคะ นินรักพี่ทศกัณฑ์จัง" ฉันกอดเขาอีกครั้งและเขาก็กอดตอบอย่างแนบแน่น"ไปอาบน้ำกันเถอะ"“ไหนๆ ก็ถอดเสื้อแล้วพี่ทศกัณฐ์อาบก่อนเลย” ฉันพูดแซวขำๆ แล้วดันตัวออกห่าง“…” พี่ทศกัณฐ์ยิ้มมุมปากก่อนจะรวบตัวฉันแล้วอุ้มพาดบ่าจนฉันตกใจกับการกระทำนั้น“กรี๊ด นินจะตก! พี่ทศกัณฐ์จะทำอะไรเนี่ย”“ไหนๆ ก็ถอดแล้วทำอย่างอื่นดีกว่า”พูดจบเขาก็อุ้มฉันเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องน้ำแล้ววางลงนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า แล้วแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางหว่างขาขอฉัน ดีนะที่มันเป็นกระโปรงอัดพลีทไม่อย่างนั้นกระโปรงคงได้