EPISODE 10"ร้องไห้ทำไม" อยู่ๆ เขาก็ถามขึ้นด้านหลังอีกครั้งทั้งๆ ที่ฉันคิดว่าเขาคงเดินออกไปแล้ว"ไม่มีอะไรค่ะ...นินแค่ปวดหัวนิดหน่อย" ฉันบอกแล้วใช้มือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มลวกๆ"..." พี่ทศกัณฐ์เดินกลับมาอีกรอบ ถอนหายใจเหมือนฉันกำลังทำให้เขาคิดมากและยังมองฉันนิ่งๆ ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงอีกรอบ "เธอโกหก มีอะไรทำไมไม่พูดตรงๆ""..." ฉันเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจที่ฉันเป็นอย่างนี้ "ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ""อืม""พี่เกลียดนินใช่มั้ย" ฉันถามแล้วมองอีกคนที่จ้องฉันกลับมาเหมือนกัน"มีใครบอกเหรอว่าฉันเกลียดเธอ ทำไมชอบคิดไปเอง" คนพูดยังคงมองหน้าฉันอยู่ ทำอย่างกับฉันไปบ่นให้เขาฟังบ่อยๆ อย่างนั้นแหละตั้งแต่เลิกกันมาฉันเคยถามเขาครั้งแรกเลยนะเรื่องนี้"นินรู้สึกแบบนั้นจริงๆ""คิดไปเองแล้วมีความสุขมากมั้ย" เขามองฉันอย่างตำหนิ ตอนนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลย ต่างจากฉันที่ยังดูเป็นเด็กคิดอะไรไม่ได้ ในสายตาเขาฉันคงเป็นเด็กงี่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น"ไม่ค่ะ""..."แกร๊ก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่คนด้านนอกจะเปิดประตูเข้ามาเป็นพี่ปีสามกลุ่มหนึ่งและหนึ่งในนั้นมีพี่เฮดว้ากสุดโหดนั่นด้วย
แกร๊ก!ทำไมเสียงนี้มันดังบ่อยจังนะ ฉันเองก็เป็นสาวฮอตเหมือนกันงั้นเหรอ"กูก็ว่ามันหายไปไหน โทรหาก็ไม่รับ ไอ้ธีบอกกูมาดิว่าเพื่อนมึงหลงทางมาอยู่นี่ได้ไง อ้าว!ไอ้เดย์" พี่ฮ่องเต้ที่พุ่งพรวดเข้ามาต่อว่าพี่ทศกัณฐ์ก่อนจะเห็นว่ามีคนอยู่ในห้องอีกหลายคนเดย์น่าจะเป็นพี่เฮดว้ากคนนี้แน่นอน"มึงเลิกโวยวายซักทีเถอะน่า" พี่นธีพูดจบก็ดันตัวพี่ฮ่องเต้เข้ามาแล้วขยับมายืนข้างเตียงฉัน"พี่นธีกลับมาทำไมอีก" ฉันหันไปถามพี่ชายตัวเองจากตอนแรกที่มีแค่พี่ทศกัณฐ์คนเดียวพวกพี่ผู้หญิงก็ท่าทางตื่นเต้นกันใหญ่แล้วตอนนี้มาครบแก๊งยิ่งทำให้พวกพี่เขายิ้มแก้มปริเข้าไปใหญ่แล้วทุกคนวันนี้คือเท่ห์มากทั้งๆ ที่ใส่แค่เสื้อช็อปกับกางเกงยีนเอง แต่การที่มีผู้ชายหน้าตาดีถึงสี่คนมาอยู่รวมกันมันเหมือนสีแสงเจิดจ้าออกมาจริงๆ นะ"ก็ไอ้พวกนี้มันบอกจะมาดูใจแก""นินยังไม่ถึงตายค่ะพี่ๆ""พี่หมายถึงมาดูหัวใจเนี่ย รักษาหายยัง วันก่อนยังร้องเพลงหาคนมารักษาอยู่เลย" พี่คิวพูดยิ้มๆ แล้วหันไปมองพี่ทศกัณฐ์ถ้าให้เดาตอนนี้พวกพี่เขาคงรู้เรื่องของเราสองคนแล้วล่ะ พี่นธีคงเล่าหมดแล้ว"..." ฉันไม่ได้ตอบอะไรออกไปแค่ตีหน้านิ่งแก้เขินแล้วพวกพี่คณะก็อยู
EPISODE 11ภาวนาไม่ให้ยัยเพื่อนสองคนนั้นโผล่มาตอนนี้นะแกร๊ก!ไม่นะ!!ชาติที่แล้วฉันไปทำบาปอะไรไว้เนี่ย แค่คิดถึงพวกมันก็มาทันทีเลยฉันรีบเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ทศกันฐ์ทันที และเขาก็ก้มมามองฉันเช่นกัน เหมือนอ่านใจออกทันทีว่าฉันขอความช่วยเหลือ เขาก็รีบลุกขึ้นแล้วไปเขย่าตัวเพื่อนที่นอนเป็นคนไข้อยู่"ไอ้เต้ๆ เห้ยมึง! ไอ้เต้ชัก" พี่ทศกัณฐ์ทำหน้าตกใจสุดขีด ก็ไม่เบาเลยนะคะเรื่องการแสดง"แม่แค่นี้ก่อนนะจะไปเรียกหมอ!" แล้วพี่นธีก็รีบกดวางสายทันที "วางแล้ว""ไอ้นรกมึงให้กูเป็นมะเร็งปอดเลยเหรอ" พี่ฮ่องเต้ลุกขึ้นมาโวยวายใส่พี่ชายฉันทันที พี่คิวที่กลั้นขำอยู่นานก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังมาก รวมถึงฉันที่กำลังยืนขึ้นก็หัวเราะตามไปด้วย"เออ ถ้าเกิดแม่มึงขึ้นมาหาเจอไอ้เต้ยังไม่ตายจะทำไงวะ" พี่คิวพูดแล้วขำอยู่อย่างนั้นไม่หยุด"พวกพี่ทำอะไรกันคะ" ยัยนิเนยกับใบเฟิร์นที่เปิดประตูเข้ามามองดูเหตุการณ์อย่างงุนงง กระพริบตาปริบๆ "แล้วพี่ฮ่องเต้ไปแย่งที่นอนยัยนินทำไม""พอดีแม่โทรมา ฉันเลยหลบให้พี่ฮ่องเต้เป็นคนป่วยแทน เพราะกลัวแม่รู้ว่าอยู่โรงพยาบาลเพราะเรื่องรับน้อง" ฉันอธิบายให้เพื่อนฟังขณะที่ยังชอบใจอยู่ พอหัน
หลายวันต่อมา"น้องๆ ข้างหลังรีบวิ่งครับ!" เสียงของพี่วินัยตะโกนอยู่ด้านข้างขณะที่พาพวกเรามายังสนามกีฬากลางมหาวิทยาลัย เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญคือการรับน้องรวมแต่มันไม่มีอะไรมากหรอก แค่มีกิจกรรมสันทนาการเท่านั้นและที่สำคัญคือเหมือนมาดูบูมแต่ละคณะด้วย"กรี๊ดด แก!! พี่ทศกัณฐ์!!" เสียงยัยใบเฟิร์นดังขึ้นตอนที่พี่เขาในชุดเสื้อช็อปแบบเดิมที่เราเคยเห็นกำลังวิ่งถือธงสีแดงเลือดหมูที่มีรูปฟันเฟือง นำหน้าพวกวิศวะปีหนึ่งอยู่หลังจากวันนั้นที่โรงพยาบาลฉันก็ไม่ได้คุยกับเขาอีกเลย และไม่ได้เจอแม้แต่เสี้ยวหน้าของเขาด้วย"เบาๆ หน่อยเถอะฉันแสบแก้วหู" นิเนยเอื้อมมือไปปิดปากยัยใบเฟิร์นเอาไว้เพราะตอนนี้เพื่อนพากันหันมามองหมดและมีเสียงกรี๊ดทั่วสนาม"อย่างเราเนี่ยมองแค่ในคณะพอแล้วแก พี่ทศกัณฐ์นี่เอื้อมไม่ถึงจริงๆ" เพื่อนในคณะคนหนึ่งพูดขึ้นแต่ก็มองตามเขาไปแบบเพ้อฝันไม่ต่างกัน"ก็มีคนเอื้อมถึงอยู่น้าแก" ใบเฟิร์นตวัดสายตาไปมองเพื่อนคนนั้นแล้วพูดขึ้นท่าทางน่าหมั่นไส้มาก "หัวใจทศกัณฐ์ก็เก็บไว้แถวนี้แหละค่า""ใบเฟิร์นมานี่เลย" ฉันรีบดึงแขนมันกลับมายืนที่เดิม เพราะกลัวมันจะพูดอะไรที่เกินความเป็นจริงขึ้นมาแล้วทำคนอื่
EPISODE 12"ว่าไงนะ!!""ตอนนี้อยู่กับไอ้พวกนั้น ฉันให้พวกมันถ่วงเวลาไว้อยู่" พี่ชายฉันทำท่าทางเคร่งเครียด "ไอ้เต้หน้าซีดหมดแล้ว"ฉันเกือบหลุดขำเมื่อคิดถึงเรื่องวันนั้นแต่ตอนนี้ขำไม่ได้กลัวพี่นธีด่า"พี่ก็บอกไปดิว่านินรับน้องอยู่ เสร็จแล้วจะรีบไปหา" ฉันยกมือขึ้นมาเท้าเอวมองพี่ชายตัวเอง"บอกแล้วแม่ไม่ยอม บอกให้มารับแกเนี่ย มีใบเสร็จค่าใช้จ่ายตอนแกเข้าโรงพยาบาลส่งไปที่บ้าน แม่ถึงมา""งั้นอีกชั่วโมงครึ่งพี่มารับนินนะ บอกแม่ว่าวันนี้มีงานสำคัญ นินต้องเข้ากิจกรรมรับน้อง""อืม เดี๋ยวจะกลับมารับเสร็จแล้วรีบโทรมา แล้วแผลที่แก้มแกหายแล้วใช่มั้ย" พี่นธีถามแล้วยื่นมือมาจับหน้าฉันหันเพื่อดูรอย"หายแล้ว นินไปนะ"ฉันบอกพี่นธีแล้วรีบวิ่งออกมาเพราะมีรุ่นพี่ปีสามหลายคนกำลังพากันมองเราทั้งคู่อยู่"หนึ่งสามเก้า เพื่อนรออยู่นะ ยังไปสนใจผู้ชายไม่สนใจเพื่อนเลยใช่มั้ย!" พี่ว้ากคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจนักแล้วยืนกอดอกขวางฉันเอาไว้"ปัญหาเยอะมาก...คนนี้นะ" พี่ผู้หญิงอีกคนพูดเสริมแล้วคนอื่นก็พากันมายืนล้อมฉัน"พี่ชายหนูค่ะ พอดีวันนี้แม่มาหาเขาเลยจะมารับ" ฉันพูดออกไปด้วยสีหน้านิ่งๆพอพูดจบเท่านั้นแหละพวกนั้
"รถใครวะ คุ้นๆ" ยัยนิเนยเอ่ยถามขึ้นมาทันที รวมถึงคนอื่นๆ ที่กำลังเดินออกมาพร้อมกับพวกเราก็หันไปมองด้วย"พี่นธียืมเพื่อนมา" ฉันบอกแล้วโบกมือลาพวกมัน ก่อนจะเดินไปที่รถคันนั้น เปิดประตูเข้าไปนั่ง ท่ามกลางสายตาคนแถวนั้นที่มองเป็นแถวถ้ารู้ว่าคนขับเป็นพี่ทศกัณฐ์ฉันไม่วุ่นวายกว่านี้อีกเหรอ"..." ฉันหันหน้าไปมองคนขับที่ไม่พูดไม่จา"ขอบคุณที่มารับค่ะ รบกวนพี่อีกแล้ว" ฉันจึงเป็นฝ่ายพูดออกไปก่อน"อืม" เขาตอบแค่นั้นแล้วขับรถออกไปเงียบๆทำไมระหว่างฉันกับเขามันกลับมาอึดอัดอีกแล้วล่ะหรือเพราะเราไม่ได้เจอกันหลายวัน"คอนโดนินไปทางเดียวกับพี่ธีเลยค่ะ แต่ถึงก่อน" ฉันบอกแล้วหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะเปิดรูปโปรไฟล์ต้องสงสัยนั้นดู"..." พี่ทศกัณฐ์ยังคงเงียบแต่ฉันรู้สึกว่าเขากำลังมองมาทางนี้จึงหันหน้าไปดู เขากำลังจ้องมือถือฉันอยู่จริงๆ แล้วทำหน้านิ่งด้วยไม่รู้คิดอะไรพอรู้ตัวว่าฉันมองเขาก็หันกลับไปด้านหน้าแล้วขับรถไปต่อตอนสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดีแต่ไม่เนียนนะ ญานินดูออกว่าพี่สนใจ"มีอะไรหรือเปล่าคะ""ดูรูปนั้นทำไม" เขาถ่ายขึ้นแล้วปรายตามองโทรศัพท์ของฉันอีกรอบ"ไม่มีอะไรค่ะ แค่สงสัยบางอย่าง"ว่าแล้ว
EPISODE 13"เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ" เขายังคงไม่เลิกจ้องหน้าฉัน เราสบตากันนานพอสมควรแต่ครั้งนี้ฉันจ้องตอบอย่างไม่ยอมแพ้แอบใจเต้นแรงขึ้นมาแล้วเหมือนกันไม่ได้เด็ดขาดถ้าหลบตาแปลว่าแพ้!"แน่นอนค่ะ เพราะนินโตแล้วย่อมไม่เหมือนเดิม" ฉันพูดแล้วเหยียดยิ้มไปให้เขาแบบกวนๆ บ้าง"เหรอ""ค่ะ"พี่ทศกัณฐ์ยกยิ้มมุมปากก่อนจะโน้มหน้าหล่อเหลานั้นเข้ามาใกล้ รั้งศีรษะฉันเข้าไปจูบแบบไม่ทันตั้งตัว กดริมฝีปากของเขาย้ำอยู่อย่างนั้นแถมยังพยายามจะแทรกลิ้นเข้ามาอีกตอนนี้ฉันรู้สึกชาไปทั้งตัวแล้ว ขะ...เขาจูบฉันอยู่เหรอได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ลอยออกมาจากลมหายใจของเขาด้วย ไปดื่มมาตอนไหนนะ ตอนค่ำยังไปนำบูมอยู่เลย"อื้อ~" ฉันผลักอกเขาออกทั้งที่จริงๆ แล้วก็ชอบอยู่เหมือนกัน >แต่จะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าฉันเองก็อยากจูบเขาอยู่ เดี๋ยวได้ใจใหญ่แล้วคิดจะทำอะไรกับฉันก็ได้"ก็เหมือนเดิมนะ ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยน แต่อันที่ฉันไม่เคยสัมผัสฉันไม่รู้" เขาพูดแล้วยิ้มมุมปากอีกรอบก่อนจะเลื่อนสายตาลงต่ำ"นิสัยไม่ดี!" ฉันพูดจบก็ผลักหน้าอกเขาเต็มแรงจนแผ่นหลังข้างเขาเกือบกระแทกประตู โชคดีที่องศาการนั่งของเขามีเบาะกั้นอยู่ จากนั้นก็รีบยกม
"แม่!" ฉันรีบวิ่งเข้าไปกอดแม่ที่ยืนรออยู่หน้าห้องกับพี่นธีอย่างออดอ้อน ขณะที่แม่ยังคงทำสีหน้าขึงขัง"กลิ่นตัวแม่หอมขึ้นนะเนี่ย""อย่ามาทำเฉไฉไปเรื่องอื่น แม่ขอดูหน่อยสรุปเป็นอะไร" แม่ดันตัวฉันออกหมุนตัวฉันดูจนทั่ว"ก็แบบที่พี่นธีบอกนั่นแหละค่ะ" ฉันรีบเอียงคอไปมองพี่นธี เพราะไม่รู้ว่าพี่ชายฉันไปบอกแม่ว่ายังไง ถ้าตอบไม่ตรงกันต้องตายแน่"บอกแล้วไงแม่ว่านินมันสะดุดล้มตอนไปวิ่งออกกำลังกาย""นินซุ่มซ่ามเองค่ะ เกือบเสียโฉมแล้วเนี่ย หน้าสวยๆ ที่แม่ให้มาเกือบพังซะแล้ว" ฉันพูดแล้วซบหน้าลงกับบ่าเล็กของแม่ตัวเองพร้อมกับเปิดประตูห้อง"แน่ใจนะ ไม่ใช่เพราะรับน้องหนักใช่มั้ย""โหย ไม่มีอะไรหนักเลยค่ะ เนอะพี่ธี" ฉันพูดแล้วขยิบตาให้พี่ตัวเอง"ใช่ ยิ่งคณะยัยนินนี่แทบไม่มีอะไรเลย" สมแล้วที่ฉันคลานตามเขามา"แม่ทานข้าวยังคะ" รีบเปลี่ยนเรื่องเลยดีกว่า"ทานมากับเพื่อนๆ ของเจ้าธีแล้ว นินทานหรือยังล่ะ""กินกับเพื่อนที่คณะแล้วค่ะ" ฉันตอบแล้วดันตัวแม่นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับบีบๆ นวดๆ"แล้วทำไมมาช้าแม่คิดว่าจะมาถึงก่อน กลับมากับใคร" แม่ยิงคำถามที่ฉันไม่ได้คิดเอาไว้ขึ้นมา จนต้องรีบหันไปมองหน้าพี่นธีเพื่อขอความช่วยเหลือ
"ไงมึง วางแผนกันดิบดีสุดท้ายก็แพ้เมีย" เสียงของพี่ฮ้องเต้ดังขึ้น น้ำเสียงปนหัวเราะของเขาบ่งบอกว่ากำลังเยาะเย้ยพี่ทศกัณฑ์อยู่ตอนนี้ฉันยืนแอบอยู่ตรงมุมตึกซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะที่พวกเขานั่งไม่กี่เมตร ทำให้ได้ยินบทสนทนาชัดเจน"…" พี่ทศกัณฑ์เงียบกริบไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่รู้ว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นแบบนี้มั้ยอาจจะคุยโม้ก็ได้ใครจะไปรู้"มึงมันไม่ได้เรื่อง เป็นพี่ว้ากจนน้องปีหนึ่งปีสองกลัวแต่มาแพ้ให้เด็กอักษรคนเดียว เหอะ" พี่คิวพูดออกมาเหมือนเสียอารมณ์เพราะเป็นคนคิดแผนทั้งที"มึงก็รอรับชะตากรรมแบบกูได้เลย" พี่ทศกัณฑ์พูดเสียงเบาหวิว จนฉันแอบสงสารจับใจ"กูไม่มีทางกลัวเมียแบบมึงแน่นอน ผู้หญิงก็แค่ลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด""มึงไม่กลัวเตยเลยเหรอ" พี่ทศกัณฐ์ถามซ้ำ"กลัวทำไม ยัยนั่นดิต้องกลัวฉันขาดฉันไปซักคนเตยคงอยู่ไม่ได้ ร้องไห้แงๆ"โอ้อวดนักนะ เดี๋ยวโดนดีแน่พี่คิว!"พี่ทศกัณฑ์!" ฉันเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วเรียกพี่ทศกัณฑ์เสียงดัง จนพี่ๆ หันมามองกันพรึบ ส่วนพี่นธีขมวดคิ้วมองฉันอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายทั้งคนอ่านออกแน่ๆ"ยะ…ญานิน มาได้ไง" เก่งมากคุณแฟน เสียงสั่นแบบไม่ต้องซ้อมมา"เดินมาค่ะ""น้องญาน
"…" เงียบอยู่นั่นแหละไม่คิดจะพูดอะไรเลยใช่มั้ย หรือว่าเขาไม่อยากคบฉันแล้ว แววตาของเขาที่มองเหมือนกำลังลังเลบางอย่างอยู่เลย"นินทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมพี่ไม่บอกถ้านินผิดก็พร้อมจะแก้ไข แต่พี่ทศกัณฑ์ไม่ให้โอกาสนินได้รับรู้เลย อึก...อยู่ๆ ก็ไม่เห็นค่ากันแบบนี้""ญานิน…" เขาเรียกชื่อฉันเบาๆ ขณะที่ฉันเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้"พี่เบื่อนินแล้วใช่มั้ย พี่ทศกัณฐ์ไม่รักนินแล้วใช่มั้ย...ฮึก""ไม่ใช่" เขาตอบแล้วค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือฉันพร้อมกับถอนหายใจเขาดันตัวฉันลงกับเตียงอีกรอบ ใช้นิ้วเรียวยาวลูบปัดน้ำตาออกจากพวงแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน"ที่จริงแล้วแค่อยากจะทดสอบ แต่ตอนนี้พี่คงแพ้อีกแล้ว" เขาพูดแล้วจ้องตาฉันนิ่ง"หมายความว่ายังไง" คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างแล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วชนกัน"…" เขาพ่นลมหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนีเหมือนกำลังลำบากใจที่จะพูด "เพราะคิดว่าช่วงนี้เราชอบเอาแต่ใจ ก็เลยอยากดัดนิสัยนิดหน่อย จะได้หันมาง้อพี่บ้างไม่ใช่ตัวเองถูกทุกอย่าง" เขาอธิบายแบบเหนี่ยมอายนิดหน่อยนี่มันอะไรกันเนี่ย…"อย่าบอกว่าที่แกล้งยุ่งกับงานก็เพราะอยากลองดูการกระทำของนินด้วย""…" พยักหน้าเป็นคำตอบ"แล้
Tossakan talk"ไอ้เชี่ยมึงใจเย็น นิ่งไว้ๆ""ฮ่าๆ มึงท่องไว้พุทธโธๆ เดี๋ยวแม่งเสียแผนหมด"เสียงของไอ้เต้กับไอ้คิวที่เกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็น ทั้งที่ภาพตรงหน้าคือผู้ชายกำลังเกาะแกะแฟนผมอยู่แล้วพวกมันก็มาฉุดรั้งตัวผมที่แทบจะพุ่งตัวไปหาญานิน ขณะที่ไอ้นธีเอาแต่นั่งยิ้มน้อยๆ มองผมเหมือนดูหนังตลกตลกเชี่ยไรเดี๋ยวเมียมันเจอมั่งจะรู้สึก"ถ้ามึงเข้าไปตอนนี้น้องมันรู้แน่ว่ามึงไม่ได้ยุ่งกับโปรเจ็ค แต่มาตามดูน้องมันอะ" ไอ้คิวบอกแต่กลับยิ้มขำ "แล้วที่มึงทำมาทั้งหมดน้องก็จะคิดว่ามึงโกหก""เออ มึงต้องนั่งดูอย่างใจเย็น"ใจเย็นอะไรของมันวะ ตอนนี้เหมือนกองไฟในอกผมมันกำลังจะปะทุออกมาอยู่แล้ว"มึงจะทำเสียแผนนะเว่ย จากที่จะดัดนิสัยน้องกลายเป็นน้องได้ดัดนิสัยมึงแทน"'แผน' ที่ว่านั้นมันเริ่มจากปัญหาของผมนี่แหละเรื่องมันมีอยู่ว่าอาทิตย์ก่อนเราทะเลาะกันเรื่องญานินลืมมือถือไว้ในห้องก่อนออกไปเรียน โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย เราเลยทะเลาะกันใหญ่โตแต่สุดท้ายผมก็เป็นคนง้อญานินเพราะเรื่องมันมักจะจบแบบเดิมคือน้องมันถูกเสมอไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คนที่เป็นฝ่ายผิดสุดท้ายแล้วต้องเป็นผมเพราะญานินจะไม่ยอมง้อผมเลย
หลายเดือนต่อมาหลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดตอนนั้นจบลง ชีวิตของฉันก็กลับมาสงบสุขและคบกับพี่ทศกัณฐ์อย่างแฮปปี้ใช่ซะที่ไหนกัน!การคบกันมันก็ต้องมีทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาและทุกครั้งที่ทะเลาะกันนั้นพี่ทศกัณฐ์มักจะเป็นฝ่ายยอมฉันเสมอไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะพี่ทศกัณฐ์รักฉันมากๆ ยังไงล่ะ!"เป็นอะไรหน้าบูดเป็นตูดหมามาเลย" เสียงของนิเนยทักขึ้นตอนที่ฉันกำลังเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆ พอใบเฟิร์นได้ยินคำพูดของนิเนยก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสนใจตอนนี้เราอยู่ปีสองกันแล้วนะ เป็นรุ่นพี่แล้วและช่วงนี้ก็เป็นช่วงรับน้องทำให้ค่อนข้างเหนื่อยกับการจัดเตรียมกิจกรรมให้น้องๆ ทำส่วนพี่ทศกัณฐ์ก็อยู่ปีสี่แล้วเขาก็วุ่นวายกับการทำโปรเจ็คหลังจากที่เพิ่งฝึกงานสามเดือนจบแล้วก็เหลือเวลาอีกแค่เทอมกว่าในรั้วมหาวิทยาลัยทำให้ช่วงนี้เราแทบจะไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดกัน"ไม่มีอะไร" ฉันตอบนิเนยแล้วหยิบเอกสารสำหรับวิชานี้ขึ้นมาเตรียมไว้บนโต๊ะเลคเชอร์"ทะเลาะกับพี่ยักษ์เหรอ" นิเนยถามแล้วกอดอกมองฉัน"..." พยักหน้าเป็นคำตอบ"เรื่อง?""เมื่อวานฉันเข้าคอนโดก่อน เพราะเขาบอกว่าจะเลิกดึก พอถามว่าจะให้ไปนั่งทำงานด้วยมั้ยก็
เช้าวันต่อมา"ได้เรื่องมั้ยครับ"เสียงของพี่ทศกัณฐ์ดังขึ้นจากปลายเตียงเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครซักคนฉันจึงค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นมอง"มีหลักฐานครบแล้วใช่มั้ย""ดีเลย งั้นรบกวนคุณลุงจัดการให้ผมหน่อย""น้องดีขึ้นแล้วครับ ตรวจแล้วไม่เป็นอะไร มีรอยช้ำที่โดนตีนั่นแหละ...ผมรู้แล้วน่า ว่าที่หลานสะใภ้ลุงทั้งคนจะไม่ดูแลได้ไง"นี่กำลังพูดถึงฉันอยู่ใช่มั้ย แอบฟังเองก็เขินเองแล้วนะ"ครับ ขอบคุณครับ รอชมผลงานนะแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทางนี้เอง" แล้วพี่ทศกัณฐ์ก็กดวางสายก่อนจะหันมามองทางฉันที่แกล้งขยับเปือกตาขึ้นมาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน "เช้าอยู่เลยรีบตื่นทำไม""นินปวดหัวค่ะ" ฉันตอบแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง "เหมือนจะเป็นไข้""..." พี่ทศกัณฐ์ลุกขึ้นจากปลายเตียงขยับมานั่งขอบเตียงข้างฉันแล้วเอาหลังมือมาอังหน้าผากไว้ "นอนพักก่อนเดี๋ยวกินข้าวกินยา""ค่ะ" ฉันพยักหน้าทำตามคำสั่งแล้วเขาก็หายออกไปจากห้องตอนนั้นทันทีไม่นานนักก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวต้ม ยาและน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว แกล้งป่วยซักเดือนดีมั้ยเนี่ยมีบุรุษพยาบาลส่วนตัวซะด้วย"เมื่อกี้คุยกับใครเหรอ" ฉันเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยเพราะนอนคิดคนเดียวก็คงไม่รู้คำตอ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ฉันตรวจ ใส่เฝือกอ่อนที่เท้าและรับยาเสร็จก็มาแจ้งความที่สถานีตำรวจกับพี่เนย์ต่อ มีรุ่นพี่ปีสองและพวกนิเนยอยู่เป็นเพื่อนรอให้พี่ทศกัณฑ์และพี่นธีมารับ"เป็นไงบ้าง" พี่นธีถามทันทีที่มาถึงส่วนพี่ทศกัณฑ์กำลังเดินเข้ามาท่าทางเงียบครึมเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่"ให้รายละเอียดกับตำรวจไว้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องมาอีก""เอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะเว้ย ต้องไม่ยอมมันรอบนี้ต้องเอาให้มันจมดิน!" ใบเฟิร์นพูดและกำหมัดแน่นหมับ!อยู่ๆ ร่างของฉันถูกดึงไปกอดไว้ในอ้อมแขนขณะที่เจ้าของการกระทำนั้นไม่พูดอะไรเลยซักคำ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนและรุ่นพี่รวมไปถึง...พี่เนย์ยังดีที่ตอนนี้นิเนยมันเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนแล้วไม่อย่างนั้นคงดูตลกน่าดูหนุ่มวิศวะกอดกับหญิงสาวในชุดโบราณ"กลับเลยมั้ย" พี่ทศกัณฑ์ปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระซะทีเดียวเขายังโอบฉันไว้อย่างหลวมๆ"ค่ะ อยากอาบน้ำพักผ่อนแล้ว" ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปขอบคุณพี่ๆพี่ทศกัณฐ์อุ้มฉันขึ้นออกมาจากตรงนั้นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเลยไม่รู้ว่าทำไม พอมานั่งในรถเขาก็ติดเครื่องแต่ก็ไม่ยอมขับออกไป สายตาของเขาหันไปมองพี่เนย์ที่กำ
"แกต้องได้รับบทเรียนที่ทำกับฉัน!"เสียงของคนด้านหลังดังขึ้นอย่างเยือกเย็น ฉันรู้สึกว่าเคยได้ยินมันมาก่อนหรือว่าจะเป็น..."ฟาง..."ฉันพูดชื่อของยัยนั่นแล้วได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาก่อนจะทำท่าตรงเข้ามาหาฉันอีก รีบหันไปขวามือที่จำได้ว่าตอนเข้ามันมีเก้าอี้อยู่ตัวหนึ่งตรงนั้นคิดว่าจะทำฉันได้คนเดียวเหรอ!หมับ! ปึก! ปึก! ปึก!ฉันคว้าเก้าอี้ขึ้นมาแล้วจับฟาดมันอย่างไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่พอได้ยินเสียงมันร้องออกมาถึงได้รู้ว่ามันถูกจุด"โอ๊ย! กรี๊ด!! แก!" ยัยนั่นร้องเดือดดานเหมือนคนบ้า ฉันรีบหันหลังเข้าประตูคลำหากลอนจนเจอแล้วเปิดออก วิ่งตรงไปทางบันไดทันทีขณะที่ยัยนั่นก็ยังคงวิ่งตามออกมากัดไม่ปล่อยจริงๆ ยัยหมาบ้า!ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของคนด้านหลังวิ่งตามมาขณะที่ขาฉันแทบจะพันกัน ทางผ่านมืดๆ ตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกหวั่นใจปึกเพราะชุดหญิงโบราณที่ยาวจนถึงข้อเท้าทำให้ฉันสะดุดมันล้มลงกับพื้น จากที่เจ็บขมับและแผ่นหลังที่ถูกยัยนั่นเอาไม้ตี ตอนนี้มันยังต้องเจ็บที่ข้อเท้าอีกจากการสะดุดล้ม"กูควรตีมึงให้ตายไปซะ!!" คนด้านหลังพูดเสียงแหลมดังก้อง พอหันไปก็พบว่าไม้หน้าสามกำลังถูกง้างและเหวี่ยงมาที่
หลายวันต่อมาหลายวันมานี้ทุกคณะล้วนมีการซ้อมใหญ่กันหมด ทำให้ฉันกับพี่ทศกัณฐ์แทบไม่ได้เจอกันช่วงกลางวันเลย แต่เขาก็จะรอรับฉันทุกวันที่คณะเพราะส่วนใหญ่แล้วฉันเลิกดึกกว่า"พรุ่งนี้ก็จะถึงวันงานแล้ว ตื่นเต้นจัง" เวลานี้เที่ยงคืนกว่าแล้วเราเพิ่งจะได้เข้านอนคอนโดที่ฉันเช่าไว้ไม่ต่างจากห้องร้างเลยล่ะ เพราะตั้งแต่คบกันเขาก็ไม่ให้ฉันไปนอนที่ห้องคนเดียวเลย"มีอะไรให้ตื่นเต้น" เขาพูดเสียงเหนื่อยล้า คงเพราะกิจกรรมที่คณะเขาหนักพอสมควร ขนาดฉันเป็นแค่รุ่นน้องยังเหนื่อยรุ่นพี่ที่ทำเพื่อน้องๆ จะเหนื่อยขนาดไหนกัน"พี่ทศกัณฐ์อยู่ปีสามแล้วก็พูดได้สิ นินเพิ่งเคยครั้งแรก" ฉันพูดเสียงอู้อี้แล้วซุกหน้าเข้าหาแผงอกกว้างอันอบอุ่น"พรุ่งนี้อาจจะเลิกดึกนะ กลับกับเพื่อนมารอที่ห้องเลย" ฝ่ามือหนาลูบศีรษะฉันอย่างอ่อนโยน"ได้ยินว่าพรุ่งนี้มอบเกียร์ใช่มั้ยคะ""อืม หลังจบงาน"คงเป็นธรรมเนียมที่คณะวิศวะทำมาทุกๆ ปีล่ะมั้ง เพราะเพื่อนๆ ที่คณะฉันก็รู้กันหมดฉันก็เพิ่งรู้มาเหมือนกัน"นินจะมารอที่ห้องนะ""ถึงห้องแล้วโทรบอก หรือไม่ก็แชทมา""ค่ะ"วันต่อมาช่วงเช้ามีการแข่งขันกีฬาและกรีฑาหลายประเภท ส่วนฉันผู้ที่ไม่ถนัดกีฬาซักอย่
“พี่คิดยังไงถึงสักชื่อนินเนี่ย ถ้าเกิดว่าเราเลิกกันแล้วกลับมาคบกันไม่ได้อีกจะทำไงคะ” ฉันถามแล้วดันตัวออกเพื่อก้มดูรอยสักนั้นให้ชัดยิ่งขึ้นใช้ปลายนิ้วสัมผัสมันเบาๆ ตรงตัวอักษรพวกนั้นอย่างหลงไหล รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเลย ฉันสำคัญกับพี่ทศกัณฐ์ถึงขั้นที่เขาสักชื่อฉันติดตัวไว้แบบนี้เลยเหรอ“ก็ไปลบออก แต่นั่นคงเป็นตัวเลือกสุดท้าย”“ไม่คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจจากนินบ้างเหรอ นินยังเด็กแต่พี่โตแล้ว” ฉันพูดแล้วแนบใบหน้าซบลงกับแผงอกเขาอีกครั้ง“เธอก็โตแล้วนี่ ฉันบอกแล้วว่าฉันมั่นคงและจริงจังกับรักของเราขนาดไหน""ขอบคุณนะคะ นินรักพี่ทศกัณฑ์จัง" ฉันกอดเขาอีกครั้งและเขาก็กอดตอบอย่างแนบแน่น"ไปอาบน้ำกันเถอะ"“ไหนๆ ก็ถอดเสื้อแล้วพี่ทศกัณฐ์อาบก่อนเลย” ฉันพูดแซวขำๆ แล้วดันตัวออกห่าง“…” พี่ทศกัณฐ์ยิ้มมุมปากก่อนจะรวบตัวฉันแล้วอุ้มพาดบ่าจนฉันตกใจกับการกระทำนั้น“กรี๊ด นินจะตก! พี่ทศกัณฐ์จะทำอะไรเนี่ย”“ไหนๆ ก็ถอดแล้วทำอย่างอื่นดีกว่า”พูดจบเขาก็อุ้มฉันเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องน้ำแล้ววางลงนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า แล้วแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางหว่างขาขอฉัน ดีนะที่มันเป็นกระโปรงอัดพลีทไม่อย่างนั้นกระโปรงคงได้