หลายชั่วโมงต่อมา"คนอะไรวะกินสลัดแต่มีแค่แอปเปิลกับฝรั่ง" ใบเฟิร์นมองจานสลัดของฉันที่สั่งกับแม่ค้าว่าขอแค่สองอย่างนี้จริงๆ เพราะอย่างอื่นฉันไม่ชอบตอนนี้เรามากินข้าวที่ศูนย์ขายอาหารในมหาวิทยาลัยที่จะเปิดขายของกินหลายๆ อย่างในช่วงเย็นตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงสองทุ่ม"คนมันชอบแค่นี้""เปิดใจให้กว้างดิ ลองกินอย่างอื่นมั่ง" นิเนยบอกฉันแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้"น้องญานิน" เสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกชื่อของฉันขึ้นมาแต่อีกสองคนหันไปมองด้วยและมองแบบตาค้างมาก"พี่ฮ่องเต้ มาทานที่นี่ด้วยเหรอคะ" ฉันถามแล้วยิ้มให้เขาอย่างมีมารยาท"ไอ้ธีก็มานะ""นินเบื่อหน้าพี่ธีแล้วค่ะ" ฉันพูดแล้วแกล้งทำหน้าสยองออกมาจนพี่ฮ่องเต้หัวเราะออกมาเบาๆวันนี้พวกพี่ๆ ใส่ชุดนักศึกษากันหมดและเสื้อนักศึกษาที่คณะนี้ใส่จะเป็นสีขาวสว่างไม่เหมือนกับคณะอื่นที่เป็นสีขาวนวล เลยทำให้เด่นๆ"พวกมึงนั่งนี่กันมั้ย ขอนั่งกับน้องๆ""ยินดีค่ะ พี่ๆ นั่งได้เลยถ้าไม่พอนั่งตักเฟิร์นก็ได้ค่ะ ฮ่าๆ" ยัยนิเนยกับใบเฟิร์นรีบขยับให้พวกพี่ฮ่องเต้นั่งทันทีแบบไม่ต้องคิดให้มากความแน่นอนว่าตอนนี้มีพี่ทศกัณฐ์ด้วย เขายืนมองเงียบๆ ก่อนจะเดินมาหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ฉันเพร
วันต่อมาและแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ฉันจะโดนเชือดเพราะไม่สามารถหาป้ายชื่อของตัวเองมาได้ยังไงล่ะ"วันนี้เป็นวันสำคัญนะครับ! เพราะดูแล้วเราน่าจะได้ปลดพวกคุณออกจากรุ่นทั้งหมด จะไม่มีชื่อรุ่นของพวกคุณอยู่ในคณะนี้!!"แล้วเสียงพี่ว้ากคนอื่นก็พากันตะโกนขึ้นมาเสริมทัพ"คนที่ไม่มีป้ายออกมา!!"ฉันเดินออกไปตามคำสั่งของพี่เฮดว้าก ก่อนจะยืนอยู่หน้าแถวแล้วหันหน้าไปหาเพื่อน"คุณจะทำยังไง ในเมื่อคุณเป็นต้นเหตุให้เพื่อนไม่ได้รุ่นแบบนี้!!""ขอพูดค่ะ""เชิญ!""หนูทำผิดคนเดียว ขอรับโทษคนเดียวค่ะ เพราะทำป้ายชื่อหายเอง" ฉันตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"ได้!! ผมจะให้เลือกระหว่างออกจากรุ่นกับวิ่งรอบสนามกีฬากลางห้าสิบรอบเพื่อให้อยู่ในรุ่นต่อ""วิ่งค่ะ""เชิญ!""หนูขออนุญาตช่วยเพื่อนค่ะ" ยัยนิเนยยกมือขึ้นมา ดวงตาของนิเนยแดงก่ำจนฉันเริ่มอยากร้องไห้ออกมา"คุณจะช่วยยังไง! จะให้เพื่อนขี่คอเหรอ""ขอแบ่งกับเพื่อนค่ะ""เห็นผมเป็นเพื่อนเล่นคุณเหรอ!! ถ้าอยากวิ่งกับเพื่อนก็ไปเลย คนละห้าสิบรอบ! ไม่มีแบ่ง ถ้าทำไม่ได้พวกคุณสองคนก็ไม่ต้องเอารุ่น"แล้วยัยนิเนยก็วิ่งออกจากแถวมาจริงๆ"นิเนย...""แกไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะอยู่กับแกเ
@โรงพยาบาล"ยัยนิน"เสียงของนิเนยดังขึ้นมาในโสตประสาท ขณะที่ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพบว่านอนอยู่ในห้องที่มีเพดานสีขาวโพลนถ้าไม่ใช่ห้องพยาบาลก็ต้องเป็นโรงพยาบาลแน่ๆ"เห้อ ฉันยังไม่ตาย" ฉันพูดออกมาอย่างขำๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้แทบไม่มีแรง"ฉันใจหายหมดยัยนิน" นิเนยพูดแล้วโผเข้ามากอดฉันไว้แน่นก่อนที่ใบเฟิร์นจะมาอีกคน"พวกแกพาฉันมาได้ไง""พี่ทศกัณฐ์กับพี่แกนั่นแหละพามา" นิเนยบอกแล้วขยับตัวไปนั่งเก้าอี้"แล้วพี่ฉันไปไหน รีบไปบอกพี่นธีด่วนว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับแม่เด็ดขาด" ฉันพยายามจะยันตัวขึ้นแต่แรงไม่มีเลยซักนิดเดียว"ยังไม่ได้บอก" แล้วพี่นธีก็เดินเข้ามาพร้อมกับหน้าเครียดๆ"พี่ห้ามบอกแม่เด็ดขาด ถ้าแม่รู้นินได้กลับไปเรียนที่นุ่นแน่" ฉันเขย่าแขนพี่ชายตัวเองที่มายืนข้างเตียง"อืม จะไม่บอก แต่แกต้องห้ามอดข้าวอดน้ำแบบนี้อีก" พี่นธีพูดเสียงเรียบหน้าเคร่งขรึมมาก"นินไม่ได้อด แต่ช่วงนี้มันเครียดจริงๆ""แล้วคืนนี้จะให้พี่เฝ้าหรือให้เพื่อนเฝ้า""เพื่อนค่ะ พี่นธีกลับไปได้เลย" ฉันบอกแล้วหันไปยิ้มให้เพื่อนๆ ที่ทำท่าทางตื่นเต้นกับการนอนโรงพยาบาลของฉัน"อืม พรุ่งนี้จะมาหา พี่ไปนะพักผ่อนด้วย""ค่ะ" ฉันโบกมือให้พี่ชา
"แกรู้มั้ยพี่ทศกัณฐ์กระโดดข้ามรั้วมาหาแกแบบไม่สนอะไรเลยนะ แล้วยังเรียกแกเหมือนคนคลั่งรักอะ กรี้ด! กร้าวใจมากค่ะนิเนย" ยัยใบเฟิร์นกรี๊ดกร๊าดประหนึ่งมีดาราเกาหลีมายืนอยู่ตรงหน้า"ฉันเห็นยังตกใจเลย ตกใจยิ่งกว่าเห็นเพื่อนเป็นลม ไม่ไหว...อกอิแป้นพองโตมาก" นิเนยยกมือขึ้นมาทาบอกตัวเอง "มันทำให้คิดถึงพี่เขาในตอนนั้นขึ้นมาเลย""คือเร็วกว่าพี่แกอีกยัยนิน คิดเอาเถอะ""เอาไปเทียบอะไรกับพี่นธี เฉยชาจะตายไป" ฉันบอกออกไปเหมือนไม่ใส่ใจนักแต่หัวใจกลับเต้นแรงมากเหมือนมันจะทะลุทะลวงออกมา"คืออุ้มแกแล้ววิ่งไปขึ้นรถอะ สั่งทุกอย่างจัดการทุกอย่าง โอ๊ย~ พ่อคนคลั่งรัก เจ้ายักษ์ทศกัณฐ์ของนิน" ใบเฟิร์นพูดด้วยท่าทางขวยเขิน จนฉันเกือบจะเขินตามมันเลยแต่เสียดายที่ฉันไม่รู้สึกตัวตอนนั้นจึงไม่รู้ว่าพวกนี้มันเล่าเกินจริงหรือเปล่านะสิ"ดูยังไงก็รู้ว่าเขารักแกอยู่นิน"นิเนยพูดเสริม"..."มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน เพราะเขาไม่สนใจฉันเลยแม้แต่น้อยตลอดสามปีที่เราเลิกกันมา มีแต่ฉันที่คิดถึงเขาแอบส่องเขาอยู่คนเดียว"เดี๋ยวพวกฉันจะไปอาบน้ำหาอะไรมากิน แกอยู่คนเดียวไหวมั้ย ไปแป๊บเดียว""อยู่ได้ ไปเถอะ" ฉันปัดมือให้พวกมันสองคนออกไป
EPISODE 10"ร้องไห้ทำไม" อยู่ๆ เขาก็ถามขึ้นด้านหลังอีกครั้งทั้งๆ ที่ฉันคิดว่าเขาคงเดินออกไปแล้ว"ไม่มีอะไรค่ะ...นินแค่ปวดหัวนิดหน่อย" ฉันบอกแล้วใช้มือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มลวกๆ"..." พี่ทศกัณฐ์เดินกลับมาอีกรอบ ถอนหายใจเหมือนฉันกำลังทำให้เขาคิดมากและยังมองฉันนิ่งๆ ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงอีกรอบ "เธอโกหก มีอะไรทำไมไม่พูดตรงๆ""..." ฉันเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจที่ฉันเป็นอย่างนี้ "ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ""อืม""พี่เกลียดนินใช่มั้ย" ฉันถามแล้วมองอีกคนที่จ้องฉันกลับมาเหมือนกัน"มีใครบอกเหรอว่าฉันเกลียดเธอ ทำไมชอบคิดไปเอง" คนพูดยังคงมองหน้าฉันอยู่ ทำอย่างกับฉันไปบ่นให้เขาฟังบ่อยๆ อย่างนั้นแหละตั้งแต่เลิกกันมาฉันเคยถามเขาครั้งแรกเลยนะเรื่องนี้"นินรู้สึกแบบนั้นจริงๆ""คิดไปเองแล้วมีความสุขมากมั้ย" เขามองฉันอย่างตำหนิ ตอนนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลย ต่างจากฉันที่ยังดูเป็นเด็กคิดอะไรไม่ได้ ในสายตาเขาฉันคงเป็นเด็กงี่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น"ไม่ค่ะ""..."แกร๊ก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่คนด้านนอกจะเปิดประตูเข้ามาเป็นพี่ปีสามกลุ่มหนึ่งและหนึ่งในนั้นมีพี่เฮดว้ากสุดโหดนั่นด้วย
แกร๊ก!ทำไมเสียงนี้มันดังบ่อยจังนะ ฉันเองก็เป็นสาวฮอตเหมือนกันงั้นเหรอ"กูก็ว่ามันหายไปไหน โทรหาก็ไม่รับ ไอ้ธีบอกกูมาดิว่าเพื่อนมึงหลงทางมาอยู่นี่ได้ไง อ้าว!ไอ้เดย์" พี่ฮ่องเต้ที่พุ่งพรวดเข้ามาต่อว่าพี่ทศกัณฐ์ก่อนจะเห็นว่ามีคนอยู่ในห้องอีกหลายคนเดย์น่าจะเป็นพี่เฮดว้ากคนนี้แน่นอน"มึงเลิกโวยวายซักทีเถอะน่า" พี่นธีพูดจบก็ดันตัวพี่ฮ่องเต้เข้ามาแล้วขยับมายืนข้างเตียงฉัน"พี่นธีกลับมาทำไมอีก" ฉันหันไปถามพี่ชายตัวเองจากตอนแรกที่มีแค่พี่ทศกัณฐ์คนเดียวพวกพี่ผู้หญิงก็ท่าทางตื่นเต้นกันใหญ่แล้วตอนนี้มาครบแก๊งยิ่งทำให้พวกพี่เขายิ้มแก้มปริเข้าไปใหญ่แล้วทุกคนวันนี้คือเท่ห์มากทั้งๆ ที่ใส่แค่เสื้อช็อปกับกางเกงยีนเอง แต่การที่มีผู้ชายหน้าตาดีถึงสี่คนมาอยู่รวมกันมันเหมือนสีแสงเจิดจ้าออกมาจริงๆ นะ"ก็ไอ้พวกนี้มันบอกจะมาดูใจแก""นินยังไม่ถึงตายค่ะพี่ๆ""พี่หมายถึงมาดูหัวใจเนี่ย รักษาหายยัง วันก่อนยังร้องเพลงหาคนมารักษาอยู่เลย" พี่คิวพูดยิ้มๆ แล้วหันไปมองพี่ทศกัณฐ์ถ้าให้เดาตอนนี้พวกพี่เขาคงรู้เรื่องของเราสองคนแล้วล่ะ พี่นธีคงเล่าหมดแล้ว"..." ฉันไม่ได้ตอบอะไรออกไปแค่ตีหน้านิ่งแก้เขินแล้วพวกพี่คณะก็อยู
EPISODE 11ภาวนาไม่ให้ยัยเพื่อนสองคนนั้นโผล่มาตอนนี้นะแกร๊ก!ไม่นะ!!ชาติที่แล้วฉันไปทำบาปอะไรไว้เนี่ย แค่คิดถึงพวกมันก็มาทันทีเลยฉันรีบเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ทศกันฐ์ทันที และเขาก็ก้มมามองฉันเช่นกัน เหมือนอ่านใจออกทันทีว่าฉันขอความช่วยเหลือ เขาก็รีบลุกขึ้นแล้วไปเขย่าตัวเพื่อนที่นอนเป็นคนไข้อยู่"ไอ้เต้ๆ เห้ยมึง! ไอ้เต้ชัก" พี่ทศกัณฐ์ทำหน้าตกใจสุดขีด ก็ไม่เบาเลยนะคะเรื่องการแสดง"แม่แค่นี้ก่อนนะจะไปเรียกหมอ!" แล้วพี่นธีก็รีบกดวางสายทันที "วางแล้ว""ไอ้นรกมึงให้กูเป็นมะเร็งปอดเลยเหรอ" พี่ฮ่องเต้ลุกขึ้นมาโวยวายใส่พี่ชายฉันทันที พี่คิวที่กลั้นขำอยู่นานก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังมาก รวมถึงฉันที่กำลังยืนขึ้นก็หัวเราะตามไปด้วย"เออ ถ้าเกิดแม่มึงขึ้นมาหาเจอไอ้เต้ยังไม่ตายจะทำไงวะ" พี่คิวพูดแล้วขำอยู่อย่างนั้นไม่หยุด"พวกพี่ทำอะไรกันคะ" ยัยนิเนยกับใบเฟิร์นที่เปิดประตูเข้ามามองดูเหตุการณ์อย่างงุนงง กระพริบตาปริบๆ "แล้วพี่ฮ่องเต้ไปแย่งที่นอนยัยนินทำไม""พอดีแม่โทรมา ฉันเลยหลบให้พี่ฮ่องเต้เป็นคนป่วยแทน เพราะกลัวแม่รู้ว่าอยู่โรงพยาบาลเพราะเรื่องรับน้อง" ฉันอธิบายให้เพื่อนฟังขณะที่ยังชอบใจอยู่ พอหัน
หลายวันต่อมา"น้องๆ ข้างหลังรีบวิ่งครับ!" เสียงของพี่วินัยตะโกนอยู่ด้านข้างขณะที่พาพวกเรามายังสนามกีฬากลางมหาวิทยาลัย เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญคือการรับน้องรวมแต่มันไม่มีอะไรมากหรอก แค่มีกิจกรรมสันทนาการเท่านั้นและที่สำคัญคือเหมือนมาดูบูมแต่ละคณะด้วย"กรี๊ดด แก!! พี่ทศกัณฐ์!!" เสียงยัยใบเฟิร์นดังขึ้นตอนที่พี่เขาในชุดเสื้อช็อปแบบเดิมที่เราเคยเห็นกำลังวิ่งถือธงสีแดงเลือดหมูที่มีรูปฟันเฟือง นำหน้าพวกวิศวะปีหนึ่งอยู่หลังจากวันนั้นที่โรงพยาบาลฉันก็ไม่ได้คุยกับเขาอีกเลย และไม่ได้เจอแม้แต่เสี้ยวหน้าของเขาด้วย"เบาๆ หน่อยเถอะฉันแสบแก้วหู" นิเนยเอื้อมมือไปปิดปากยัยใบเฟิร์นเอาไว้เพราะตอนนี้เพื่อนพากันหันมามองหมดและมีเสียงกรี๊ดทั่วสนาม"อย่างเราเนี่ยมองแค่ในคณะพอแล้วแก พี่ทศกัณฐ์นี่เอื้อมไม่ถึงจริงๆ" เพื่อนในคณะคนหนึ่งพูดขึ้นแต่ก็มองตามเขาไปแบบเพ้อฝันไม่ต่างกัน"ก็มีคนเอื้อมถึงอยู่น้าแก" ใบเฟิร์นตวัดสายตาไปมองเพื่อนคนนั้นแล้วพูดขึ้นท่าทางน่าหมั่นไส้มาก "หัวใจทศกัณฐ์ก็เก็บไว้แถวนี้แหละค่า""ใบเฟิร์นมานี่เลย" ฉันรีบดึงแขนมันกลับมายืนที่เดิม เพราะกลัวมันจะพูดอะไรที่เกินความเป็นจริงขึ้นมาแล้วทำคนอื่
"ไงมึง วางแผนกันดิบดีสุดท้ายก็แพ้เมีย" เสียงของพี่ฮ้องเต้ดังขึ้น น้ำเสียงปนหัวเราะของเขาบ่งบอกว่ากำลังเยาะเย้ยพี่ทศกัณฑ์อยู่ตอนนี้ฉันยืนแอบอยู่ตรงมุมตึกซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะที่พวกเขานั่งไม่กี่เมตร ทำให้ได้ยินบทสนทนาชัดเจน"…" พี่ทศกัณฑ์เงียบกริบไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่รู้ว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นแบบนี้มั้ยอาจจะคุยโม้ก็ได้ใครจะไปรู้"มึงมันไม่ได้เรื่อง เป็นพี่ว้ากจนน้องปีหนึ่งปีสองกลัวแต่มาแพ้ให้เด็กอักษรคนเดียว เหอะ" พี่คิวพูดออกมาเหมือนเสียอารมณ์เพราะเป็นคนคิดแผนทั้งที"มึงก็รอรับชะตากรรมแบบกูได้เลย" พี่ทศกัณฑ์พูดเสียงเบาหวิว จนฉันแอบสงสารจับใจ"กูไม่มีทางกลัวเมียแบบมึงแน่นอน ผู้หญิงก็แค่ลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด""มึงไม่กลัวเตยเลยเหรอ" พี่ทศกัณฐ์ถามซ้ำ"กลัวทำไม ยัยนั่นดิต้องกลัวฉันขาดฉันไปซักคนเตยคงอยู่ไม่ได้ ร้องไห้แงๆ"โอ้อวดนักนะ เดี๋ยวโดนดีแน่พี่คิว!"พี่ทศกัณฑ์!" ฉันเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วเรียกพี่ทศกัณฑ์เสียงดัง จนพี่ๆ หันมามองกันพรึบ ส่วนพี่นธีขมวดคิ้วมองฉันอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายทั้งคนอ่านออกแน่ๆ"ยะ…ญานิน มาได้ไง" เก่งมากคุณแฟน เสียงสั่นแบบไม่ต้องซ้อมมา"เดินมาค่ะ""น้องญาน
"…" เงียบอยู่นั่นแหละไม่คิดจะพูดอะไรเลยใช่มั้ย หรือว่าเขาไม่อยากคบฉันแล้ว แววตาของเขาที่มองเหมือนกำลังลังเลบางอย่างอยู่เลย"นินทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมพี่ไม่บอกถ้านินผิดก็พร้อมจะแก้ไข แต่พี่ทศกัณฑ์ไม่ให้โอกาสนินได้รับรู้เลย อึก...อยู่ๆ ก็ไม่เห็นค่ากันแบบนี้""ญานิน…" เขาเรียกชื่อฉันเบาๆ ขณะที่ฉันเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้"พี่เบื่อนินแล้วใช่มั้ย พี่ทศกัณฐ์ไม่รักนินแล้วใช่มั้ย...ฮึก""ไม่ใช่" เขาตอบแล้วค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือฉันพร้อมกับถอนหายใจเขาดันตัวฉันลงกับเตียงอีกรอบ ใช้นิ้วเรียวยาวลูบปัดน้ำตาออกจากพวงแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน"ที่จริงแล้วแค่อยากจะทดสอบ แต่ตอนนี้พี่คงแพ้อีกแล้ว" เขาพูดแล้วจ้องตาฉันนิ่ง"หมายความว่ายังไง" คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างแล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วชนกัน"…" เขาพ่นลมหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนีเหมือนกำลังลำบากใจที่จะพูด "เพราะคิดว่าช่วงนี้เราชอบเอาแต่ใจ ก็เลยอยากดัดนิสัยนิดหน่อย จะได้หันมาง้อพี่บ้างไม่ใช่ตัวเองถูกทุกอย่าง" เขาอธิบายแบบเหนี่ยมอายนิดหน่อยนี่มันอะไรกันเนี่ย…"อย่าบอกว่าที่แกล้งยุ่งกับงานก็เพราะอยากลองดูการกระทำของนินด้วย""…" พยักหน้าเป็นคำตอบ"แล้
Tossakan talk"ไอ้เชี่ยมึงใจเย็น นิ่งไว้ๆ""ฮ่าๆ มึงท่องไว้พุทธโธๆ เดี๋ยวแม่งเสียแผนหมด"เสียงของไอ้เต้กับไอ้คิวที่เกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็น ทั้งที่ภาพตรงหน้าคือผู้ชายกำลังเกาะแกะแฟนผมอยู่แล้วพวกมันก็มาฉุดรั้งตัวผมที่แทบจะพุ่งตัวไปหาญานิน ขณะที่ไอ้นธีเอาแต่นั่งยิ้มน้อยๆ มองผมเหมือนดูหนังตลกตลกเชี่ยไรเดี๋ยวเมียมันเจอมั่งจะรู้สึก"ถ้ามึงเข้าไปตอนนี้น้องมันรู้แน่ว่ามึงไม่ได้ยุ่งกับโปรเจ็ค แต่มาตามดูน้องมันอะ" ไอ้คิวบอกแต่กลับยิ้มขำ "แล้วที่มึงทำมาทั้งหมดน้องก็จะคิดว่ามึงโกหก""เออ มึงต้องนั่งดูอย่างใจเย็น"ใจเย็นอะไรของมันวะ ตอนนี้เหมือนกองไฟในอกผมมันกำลังจะปะทุออกมาอยู่แล้ว"มึงจะทำเสียแผนนะเว่ย จากที่จะดัดนิสัยน้องกลายเป็นน้องได้ดัดนิสัยมึงแทน"'แผน' ที่ว่านั้นมันเริ่มจากปัญหาของผมนี่แหละเรื่องมันมีอยู่ว่าอาทิตย์ก่อนเราทะเลาะกันเรื่องญานินลืมมือถือไว้ในห้องก่อนออกไปเรียน โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย เราเลยทะเลาะกันใหญ่โตแต่สุดท้ายผมก็เป็นคนง้อญานินเพราะเรื่องมันมักจะจบแบบเดิมคือน้องมันถูกเสมอไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คนที่เป็นฝ่ายผิดสุดท้ายแล้วต้องเป็นผมเพราะญานินจะไม่ยอมง้อผมเลย
หลายเดือนต่อมาหลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดตอนนั้นจบลง ชีวิตของฉันก็กลับมาสงบสุขและคบกับพี่ทศกัณฐ์อย่างแฮปปี้ใช่ซะที่ไหนกัน!การคบกันมันก็ต้องมีทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาและทุกครั้งที่ทะเลาะกันนั้นพี่ทศกัณฐ์มักจะเป็นฝ่ายยอมฉันเสมอไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะพี่ทศกัณฐ์รักฉันมากๆ ยังไงล่ะ!"เป็นอะไรหน้าบูดเป็นตูดหมามาเลย" เสียงของนิเนยทักขึ้นตอนที่ฉันกำลังเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆ พอใบเฟิร์นได้ยินคำพูดของนิเนยก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสนใจตอนนี้เราอยู่ปีสองกันแล้วนะ เป็นรุ่นพี่แล้วและช่วงนี้ก็เป็นช่วงรับน้องทำให้ค่อนข้างเหนื่อยกับการจัดเตรียมกิจกรรมให้น้องๆ ทำส่วนพี่ทศกัณฐ์ก็อยู่ปีสี่แล้วเขาก็วุ่นวายกับการทำโปรเจ็คหลังจากที่เพิ่งฝึกงานสามเดือนจบแล้วก็เหลือเวลาอีกแค่เทอมกว่าในรั้วมหาวิทยาลัยทำให้ช่วงนี้เราแทบจะไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดกัน"ไม่มีอะไร" ฉันตอบนิเนยแล้วหยิบเอกสารสำหรับวิชานี้ขึ้นมาเตรียมไว้บนโต๊ะเลคเชอร์"ทะเลาะกับพี่ยักษ์เหรอ" นิเนยถามแล้วกอดอกมองฉัน"..." พยักหน้าเป็นคำตอบ"เรื่อง?""เมื่อวานฉันเข้าคอนโดก่อน เพราะเขาบอกว่าจะเลิกดึก พอถามว่าจะให้ไปนั่งทำงานด้วยมั้ยก็
เช้าวันต่อมา"ได้เรื่องมั้ยครับ"เสียงของพี่ทศกัณฐ์ดังขึ้นจากปลายเตียงเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครซักคนฉันจึงค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นมอง"มีหลักฐานครบแล้วใช่มั้ย""ดีเลย งั้นรบกวนคุณลุงจัดการให้ผมหน่อย""น้องดีขึ้นแล้วครับ ตรวจแล้วไม่เป็นอะไร มีรอยช้ำที่โดนตีนั่นแหละ...ผมรู้แล้วน่า ว่าที่หลานสะใภ้ลุงทั้งคนจะไม่ดูแลได้ไง"นี่กำลังพูดถึงฉันอยู่ใช่มั้ย แอบฟังเองก็เขินเองแล้วนะ"ครับ ขอบคุณครับ รอชมผลงานนะแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทางนี้เอง" แล้วพี่ทศกัณฐ์ก็กดวางสายก่อนจะหันมามองทางฉันที่แกล้งขยับเปือกตาขึ้นมาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน "เช้าอยู่เลยรีบตื่นทำไม""นินปวดหัวค่ะ" ฉันตอบแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง "เหมือนจะเป็นไข้""..." พี่ทศกัณฐ์ลุกขึ้นจากปลายเตียงขยับมานั่งขอบเตียงข้างฉันแล้วเอาหลังมือมาอังหน้าผากไว้ "นอนพักก่อนเดี๋ยวกินข้าวกินยา""ค่ะ" ฉันพยักหน้าทำตามคำสั่งแล้วเขาก็หายออกไปจากห้องตอนนั้นทันทีไม่นานนักก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวต้ม ยาและน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว แกล้งป่วยซักเดือนดีมั้ยเนี่ยมีบุรุษพยาบาลส่วนตัวซะด้วย"เมื่อกี้คุยกับใครเหรอ" ฉันเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยเพราะนอนคิดคนเดียวก็คงไม่รู้คำตอ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ฉันตรวจ ใส่เฝือกอ่อนที่เท้าและรับยาเสร็จก็มาแจ้งความที่สถานีตำรวจกับพี่เนย์ต่อ มีรุ่นพี่ปีสองและพวกนิเนยอยู่เป็นเพื่อนรอให้พี่ทศกัณฑ์และพี่นธีมารับ"เป็นไงบ้าง" พี่นธีถามทันทีที่มาถึงส่วนพี่ทศกัณฑ์กำลังเดินเข้ามาท่าทางเงียบครึมเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่"ให้รายละเอียดกับตำรวจไว้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องมาอีก""เอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะเว้ย ต้องไม่ยอมมันรอบนี้ต้องเอาให้มันจมดิน!" ใบเฟิร์นพูดและกำหมัดแน่นหมับ!อยู่ๆ ร่างของฉันถูกดึงไปกอดไว้ในอ้อมแขนขณะที่เจ้าของการกระทำนั้นไม่พูดอะไรเลยซักคำ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนและรุ่นพี่รวมไปถึง...พี่เนย์ยังดีที่ตอนนี้นิเนยมันเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนแล้วไม่อย่างนั้นคงดูตลกน่าดูหนุ่มวิศวะกอดกับหญิงสาวในชุดโบราณ"กลับเลยมั้ย" พี่ทศกัณฑ์ปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระซะทีเดียวเขายังโอบฉันไว้อย่างหลวมๆ"ค่ะ อยากอาบน้ำพักผ่อนแล้ว" ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปขอบคุณพี่ๆพี่ทศกัณฐ์อุ้มฉันขึ้นออกมาจากตรงนั้นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเลยไม่รู้ว่าทำไม พอมานั่งในรถเขาก็ติดเครื่องแต่ก็ไม่ยอมขับออกไป สายตาของเขาหันไปมองพี่เนย์ที่กำ
"แกต้องได้รับบทเรียนที่ทำกับฉัน!"เสียงของคนด้านหลังดังขึ้นอย่างเยือกเย็น ฉันรู้สึกว่าเคยได้ยินมันมาก่อนหรือว่าจะเป็น..."ฟาง..."ฉันพูดชื่อของยัยนั่นแล้วได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาก่อนจะทำท่าตรงเข้ามาหาฉันอีก รีบหันไปขวามือที่จำได้ว่าตอนเข้ามันมีเก้าอี้อยู่ตัวหนึ่งตรงนั้นคิดว่าจะทำฉันได้คนเดียวเหรอ!หมับ! ปึก! ปึก! ปึก!ฉันคว้าเก้าอี้ขึ้นมาแล้วจับฟาดมันอย่างไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่พอได้ยินเสียงมันร้องออกมาถึงได้รู้ว่ามันถูกจุด"โอ๊ย! กรี๊ด!! แก!" ยัยนั่นร้องเดือดดานเหมือนคนบ้า ฉันรีบหันหลังเข้าประตูคลำหากลอนจนเจอแล้วเปิดออก วิ่งตรงไปทางบันไดทันทีขณะที่ยัยนั่นก็ยังคงวิ่งตามออกมากัดไม่ปล่อยจริงๆ ยัยหมาบ้า!ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของคนด้านหลังวิ่งตามมาขณะที่ขาฉันแทบจะพันกัน ทางผ่านมืดๆ ตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกหวั่นใจปึกเพราะชุดหญิงโบราณที่ยาวจนถึงข้อเท้าทำให้ฉันสะดุดมันล้มลงกับพื้น จากที่เจ็บขมับและแผ่นหลังที่ถูกยัยนั่นเอาไม้ตี ตอนนี้มันยังต้องเจ็บที่ข้อเท้าอีกจากการสะดุดล้ม"กูควรตีมึงให้ตายไปซะ!!" คนด้านหลังพูดเสียงแหลมดังก้อง พอหันไปก็พบว่าไม้หน้าสามกำลังถูกง้างและเหวี่ยงมาที่
หลายวันต่อมาหลายวันมานี้ทุกคณะล้วนมีการซ้อมใหญ่กันหมด ทำให้ฉันกับพี่ทศกัณฐ์แทบไม่ได้เจอกันช่วงกลางวันเลย แต่เขาก็จะรอรับฉันทุกวันที่คณะเพราะส่วนใหญ่แล้วฉันเลิกดึกกว่า"พรุ่งนี้ก็จะถึงวันงานแล้ว ตื่นเต้นจัง" เวลานี้เที่ยงคืนกว่าแล้วเราเพิ่งจะได้เข้านอนคอนโดที่ฉันเช่าไว้ไม่ต่างจากห้องร้างเลยล่ะ เพราะตั้งแต่คบกันเขาก็ไม่ให้ฉันไปนอนที่ห้องคนเดียวเลย"มีอะไรให้ตื่นเต้น" เขาพูดเสียงเหนื่อยล้า คงเพราะกิจกรรมที่คณะเขาหนักพอสมควร ขนาดฉันเป็นแค่รุ่นน้องยังเหนื่อยรุ่นพี่ที่ทำเพื่อน้องๆ จะเหนื่อยขนาดไหนกัน"พี่ทศกัณฐ์อยู่ปีสามแล้วก็พูดได้สิ นินเพิ่งเคยครั้งแรก" ฉันพูดเสียงอู้อี้แล้วซุกหน้าเข้าหาแผงอกกว้างอันอบอุ่น"พรุ่งนี้อาจจะเลิกดึกนะ กลับกับเพื่อนมารอที่ห้องเลย" ฝ่ามือหนาลูบศีรษะฉันอย่างอ่อนโยน"ได้ยินว่าพรุ่งนี้มอบเกียร์ใช่มั้ยคะ""อืม หลังจบงาน"คงเป็นธรรมเนียมที่คณะวิศวะทำมาทุกๆ ปีล่ะมั้ง เพราะเพื่อนๆ ที่คณะฉันก็รู้กันหมดฉันก็เพิ่งรู้มาเหมือนกัน"นินจะมารอที่ห้องนะ""ถึงห้องแล้วโทรบอก หรือไม่ก็แชทมา""ค่ะ"วันต่อมาช่วงเช้ามีการแข่งขันกีฬาและกรีฑาหลายประเภท ส่วนฉันผู้ที่ไม่ถนัดกีฬาซักอย่
“พี่คิดยังไงถึงสักชื่อนินเนี่ย ถ้าเกิดว่าเราเลิกกันแล้วกลับมาคบกันไม่ได้อีกจะทำไงคะ” ฉันถามแล้วดันตัวออกเพื่อก้มดูรอยสักนั้นให้ชัดยิ่งขึ้นใช้ปลายนิ้วสัมผัสมันเบาๆ ตรงตัวอักษรพวกนั้นอย่างหลงไหล รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเลย ฉันสำคัญกับพี่ทศกัณฐ์ถึงขั้นที่เขาสักชื่อฉันติดตัวไว้แบบนี้เลยเหรอ“ก็ไปลบออก แต่นั่นคงเป็นตัวเลือกสุดท้าย”“ไม่คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจจากนินบ้างเหรอ นินยังเด็กแต่พี่โตแล้ว” ฉันพูดแล้วแนบใบหน้าซบลงกับแผงอกเขาอีกครั้ง“เธอก็โตแล้วนี่ ฉันบอกแล้วว่าฉันมั่นคงและจริงจังกับรักของเราขนาดไหน""ขอบคุณนะคะ นินรักพี่ทศกัณฑ์จัง" ฉันกอดเขาอีกครั้งและเขาก็กอดตอบอย่างแนบแน่น"ไปอาบน้ำกันเถอะ"“ไหนๆ ก็ถอดเสื้อแล้วพี่ทศกัณฐ์อาบก่อนเลย” ฉันพูดแซวขำๆ แล้วดันตัวออกห่าง“…” พี่ทศกัณฐ์ยิ้มมุมปากก่อนจะรวบตัวฉันแล้วอุ้มพาดบ่าจนฉันตกใจกับการกระทำนั้น“กรี๊ด นินจะตก! พี่ทศกัณฐ์จะทำอะไรเนี่ย”“ไหนๆ ก็ถอดแล้วทำอย่างอื่นดีกว่า”พูดจบเขาก็อุ้มฉันเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องน้ำแล้ววางลงนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า แล้วแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางหว่างขาขอฉัน ดีนะที่มันเป็นกระโปรงอัดพลีทไม่อย่างนั้นกระโปรงคงได้