ลูกชายของเธอขวัญเสียอยู่นานหลักวัน ไม่กล้าเดินออกจากกระท่อมสุ่มสี่สุ่มห้าหากไม่ใช่เวลาเข้างาน หกโมงเช้ามักมีท่าทีระแวดระวังเป็นพิเศษเธอกลับมาตอนเที่ยง ๆ บ่าย ๆ ลูกเธอก็ไม่ออกไปช่วยกิจของทางวัดอย่างเคย แม่มาลีเห็นบุตรชายที่ตกบ่ายมาก็ยังนั่งขลุกช่วยหล่อนตำยาสมุนไพรก็นึกสงสัยขึ้นมาเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ไม่ว่าจะถามไถ่ว่าไปเจออะไรมา ด้วงก็มักจะหลีกเลี่ยงไม่ตอบเสียทุกครั้ง
‘มันไม่มีอะไรหรอก’
‘สงสัยฉันคงคิดไปเอง’
‘ฉันโตแล้วนะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก’
ลูกเธอเป็นคนโกหกไม่เป็น หรือต่อให้พูดโป้ปดก็เป็นคนเผยพิรุธออกมาอย่างชัดเจน เจ้าตัวคงรู้ดีว่าหากโกหกแม่จะรู้ได้ทันทีจึงใช้วิธีหนีจากคำตอบนั้น
แม่มาลีนั่งหั่นตะไคร้ใบมะกรูดเมื่อแล้วเสร็จจึงกวาดพวกมันลงถาดสังกะสี พลอยมองเจ้าลูกจอมดื้อโขลกเครื่องแกงอยู่ข้าง ๆ สีหน้านั้นเคร่งเครียดเรียบนิ่งผิดปกติประหนึ่งคนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา คราวอยากจะรู้อีกฝ่ายก็ไม่ปริปากบอกจนเธอเริ่มมีความคิดจะเค้นคอถามหากลูกคนนี้ไม่นำเรื่องมาปรึกษาแม่แท้ ๆ
“ด้วง เอ็งออกไปช่วยพระท่านกวาดลานพระธรรมไป”
“แต่ว
คิดเอาไว้ว่าเป็นเช่นนั้นเอาเข้าจริงการฝืนตื่นขึ้นมากลางดึกแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเกือบสามชั่วโมงนับตั้งแต่เขาเข้านอนตอนหกโมงครึ่งมันก็เพลียเอาการรอบข้างภายในกระท่อมมืดสนิทนอกจากเครื่องเรือนอย่างง่ายตามชั้นและพื้นฟากที่เขาห้ามทำให้เกิดเสียงแล้ว ก็ยังต้องเอื้อมมือไปหยิบเชิงเทียนอยู่เหนือศีรษะของผู้เป็นแม่อีก ด้วงเม้มริมฝีปากกลั้นลมหายใจแผ่วค่อย ๆ ชันข้อศอกดันตัวขึ้นอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้มารดารู้สึกตัว แล้วจึงเอื้อมมือไปจับเชิงเทียนมาไว้ในมือได้สำเร็จ“ด้วง...”“!!!”เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกก่อนจะก้มมองแล้วเห็นว่ามารดาเพียงพลิกตัวละเมอเอ่ยชื่อเขาขึ้นมาแต่เพียงเท่านั้น ด้วงโล่งใจจากที่เหงื่อตกมาก็นานพอสมควรเขาตั้งใจออกมาจุดเทียนให้แสงสว่างเมื่อเดินออกมาจากกระท่อมได้พอสมควรแล้ว ตอนนี้ภายในบ้านหลังน้อยมีเพียงมารดาที่นอนหลับพักผ่อนกับหมอนและผ้าห่มของเขาที่ระเกะระกะแต่เพียงเท่านั้นอากาศตอนกลางคืนเพราะไม่เคยได้ออกมาจริง ๆ จัง ๆ เขาจึงพึ่งมารู้อายุสิบเจ็ดว่ามันเย็นยะเยือกแม้อยู่ในฤดูร้อน ประกายแสงจากเทียนส่องสะท้อนใบหน้ากลมกลึงจ้องมองเรือนไ
“สงสัยอยู่ใช่ไหมล่ะเอ็ง ก็อุตส่าห์เลี้ยงมาตั้งนาน ขอเก็บเกี่ยวหน่อยจะเป็นอะไรไป...ใช่ไหม?” มันพูดปนเสียงขำในลำคอ พูดเรื่องทุเรศแบบนั้นออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาเนี่ยนะ ด้วงปากสั่นไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาก่นด่าเดรัจฉานพวกนี้ดี กรามฟันกัดกรอดจนกรอบหน้าแข็งเกร็ง เขาต้องหาจังหวะขึ้นไปช่วยไอ้แก้วออกไปจากที่นี่พร้อมกันให้จงได้เด็กหนุ่มคล้ายจะหมดแรงจากการขัดขืนและรอยบอบช้ำที่ได้จากการต่อสู้เมื่อครู่ จึงไม่อาจขัดขืนได้มากมายจนไม่อาจลากจับลากพาขึ้นแคร่เก่าได้อย่างไม่ยากเย็นแขนทั้งสองที่พยายามออกแรงเท่าที่ไหวไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้แก่เจ้าตัวเลยสักนิดนอกจากเพิ่มความกระเส่าเร้าใจให้แก่ชายเบื้องบน จนเมื่อเด็กหนุ่มคงจะสำเหนียกตนได้แล้วว่าไม่มีทางหลุดรอดไปได้จึงยอมละทิ้งร่างกายทั้งหมดให้เป็นที่พอใจ“เหอะ กว่าจะยอมกันได้-*พลั่ก!!*ด้วงใช้โอกาสที่ไอ้ทองชะล่าใจ หยิบคว้าท่อนไม้ที่คงจะหักกลิ้งลงมา และเพราะมันกลืนไปกับดินดอนเมื่ออยู่ในความมืดพวกมันที่ไม่สังเกตจึงมองไม่เห็นด้วงรวบรวมแรงทั้งหมดไว้ที่มืออีกครั
“เปลี่ยนชุดซะ แล้วเอาชุดเอ็งมาให้ข้า พวกมันไม่ปล่อยเอ็งไว้แน่”ที่พวกมันวิ่งเข้ามาฉุดถึงในเพิง คงจะพาไปปิดปากไม่ให้เรื่องหยาบโลนนี้แพร่งพรายออกไป และเขาเองหากโดนเจอก็คงมีสภาพไม่ต่างกันหรืออาจจะหนักกว่า แต่อย่างน้อยตอนนี้ขอให้แก้วมันปลอดภัยไปได้สักคนก่อน“อะ...เอ็งจะทำอะไร”“รีบเปลี่ยนเถอะ เราไม่มีเวลาแล้ว!”ด้วงขึ้นเสียงดังสนั่นจนแก้วตกใจกลัว ทว่าช่วงเวลาแบบนี้แม้จะทราบว่ากำลังขวัญเสียแต่คราวจะมานั่งปลอบใจกันคงไม่ทันกาลเพราะตอนนี้พวกเขากำลังเล่นกับความเป็นความตายแก้วรีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งกายปลอมเป็นหญิงคลุมผ้าใหม่ ส่วนผืนเก่าเขานำมาคลุมเอง“สถานีอยู่อีกไม่ไกล เอ็งข้ามสะพาน เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปก็จะเจอนายสถานี เอ็งหนีไปจังหวัดอื่นเลย ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี เข้าใจไหม?”“แล้วเอ็ง-“ข้าจะอยู่ที่นี่ล่อพวกมัน”“แต่-“พวกนั้นมากันแล้ว เอ็งรีบไป!!”ด้วงผลักร่างโฉมงามเข้าปะปนกับฝูงชน ก่อนจะหันหลังออกตัววิ่งล่อความสนใจพวกมันยังกลางถนน แม้รูปร่างสีผิวของเขากับแก้วจะต่างกันอย่างเห็นได้ชัดแต่เพราะเป็นช่ว
*เพียะ!* ฝ่ามือเหี่ยวย่นฟาดเข้าใบหน้านายตำรวจหนุ่มแน่นอย่างจังโดยที่เจ้าของร่างไม่แม้แต่จะหลบหลีก กลับยืนรับแรงบนหน้าแก้มอย่างจัง“ควบคุมอารมณ์ตัวเองหน่อยไอ้ไกร”“…”เขาทำเกินกว่าเหตุ แม้จะมีข้ออ้างที่พอฟังขึ้นบ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะมีนิ้วมือทั้งสิบที่หักงอผิดรูปเป็นเครื่องพิสูจน์ แค่หมอมาดูก็บอกได้แล้วว่ามันไม่เกิดจากความบังเอิญกระนั้นเมื่อทุกอย่างมาอยู่ในใต้การควบคุมของบิดามันก็ถูกกฎหมายและทนายคนสนิทช่วยเหลือจนเขาสามารถพ้นผิดมาได้แม้จะถูกชะลอการเลื่อนขั้นและตัดเงินเดือนเป็นระยะเวลาหนึ่งก็ตามนายตำรวจเกริกผู้พ่อเมื่อลงมือสั่งสอนบุตรตนก็ลงมาหย่อนกายนั่งไขว่ห้างจุดบุหรี่สูบพ่นควันออกไปนอกหน้าต่างบ้าน พลางเหยียดหางตามองเจ้าลูกชายที่สุขุมมาตลอด แต่กลับกลายเป็นบ้าเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้นแม้ขยะแขยงรสนิยมนั่นทว่าในฐานะตำรวจ ลูกเขายังคงต้องเรียนรู้อีกเยอะ ว่าการจะปกป้องสิ่งสำคัญได้นั้นมันมีรายละเอียดมากไปกว่าการบดทำลายอุปสรรค“หากมีคราวหน้า ฉันจะไม่ส่งทนายไปช่วยอีกเป็นครั้งที่สอง”“…”
“เมื่อกี้เรา...พูดว่าอะไรนะ?”“น้องบอกว่า น้องไม่ได้คิดเรื่องแบบนั้นกับพี่”“เดี๋ยวสิ เรื่องแบบนั้นมันคือ-“น้องไม่ได้รักพี่แล้ว” ไกรวิชญ์หน้าชา นี่เป็นบทสนทนาแรกระหว่างเขากับด้วงที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงคนไข้ ทว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายกลับพาเข้าเรื่องความสัมพันธ์จากนั้นก็โยงเข้าเรื่องนี้อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย“ด้วง เราแกล้งอะไรพี่อยู่รึเปล่า?”ไกรวิชญ์ยังคงตั้งสติคิดว่าเจ้าน้องคงจะหาเรื่องหยอกเขาเล่นเป็นแน่ หากเป็นเช่นนั้นก็เป็นการพูดเล่นที่จุกอกพอสมควร-“น้องไม่ได้แกล้ง”“…”ด้วงมองพี่ชายต่างสายเลือดด้วยสายตาเอาจริงเอาจัง เจ้าตัวเงียบไปพร้อมกับใบหน้านิ่งค้าง ก่อนจะปรับท่าทีเอนหลังสูดลมหายใจเข้าและพ่นมันออกมาอย่างหนักใจ“ทำไมจู่ ๆ เราจึงบอกเรื่องนี้กับพี่ครับ”“เพราะน้องคิดว่าพี่สมควรรู้ไว้”“แล้วเราไม่คิดเห็นใจพี่บ้างเลยเหรอ”“…”“ด้วง...ได้มีใครบังคับเรารึเปล่า?”“น้องคิดว่าเรากำลังจะเป็นพี่น้องกัน ไม่ควรมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น...มันก็เท่านั้น”“พ่อพี
วันนี้เป็นวันที่เขาจะได้ถอดสายน้ำเกลือและเก็บข้าวเก็บของออกจากโรงพยาบาลหลังจากอาศัยอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ นี้มาเป็นเวลาสองเดือนเต็มด้วงในชุดไปรเวทเสื้อยืดกางเกงขายาวตัวใหม่เอี่ยมตรวจทานตัวเองหน้ากระจกห้องน้ำก่อนจะเปิดประตูออกมากะพูดคุยปรึกษาอาการตนเองกับพยาบาลสักครู่แล้วค่อยถือถุงเสื้อผ้ากลับ“เหมาะกับเรามากครับ”“ขอบคุณที่อุตส่าห์ซื้อให้น้องนะ”ด้วงยิ้มมุมปากก่อนจะรีบเดินไปคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าในมือเจ้าพี่แล้วจึงเดินออกมา เขารู้ว่าบางทีมันอาจเสียมารยาทไปสักหน่อยแต่เขาอยากสร้างระยะห่างระหว่างตัวเขากับพี่ไกรให้มากที่สุดเพราะเจ้าตัวแต่งงานจดทะเบียนสมรสแล้ว น่าเสียดายไม่น้อยที่ช่วงเวลานั้นเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลด้วยว่าหลังสลบคาเตียงเพราะหายใจไม่ออกไปคราวนั้นก็โดนเลื่อนวันออกไปอีก จนในที่สุดวันนี้ก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตใหม่เสียทีพี่ไกรหลังจากเรื่องราววันนั้นก็มาหาเขาน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่พอใกล้จะกลับอีกฝ่ายก็มาถี่หรือมาแทบทุกเย็น เพราะช่วงที่ห่างไปนั้นอีกฝ่ายต้องตระเตรียมงานแต่งให้โอ่อ่าสมฐานะ ทว่าคิดอีกทีเขาก็ดีใจที่ไ
ไกรวิชญ์เคยคิดว่าช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่เศร้าที่สุดในชีวิต บิดาและภรรยาเขาเสียไปในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันเนื่องด้วยเหตุรถชนใจกลางเมืองหลวงขณะออกไปซื้อของ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับตอนที่เขาเสียมารดาไปในวัยเด็กนายตำรวจอนาคตไกลเจ้าภาพพิธีศพสวมชุดดำทางการยืนต้อนรับแขกญาติพี่น้องของทั้งสองคนเข้ามาเคารพศพ เขามองน้องชายและลูกในวัยสิบกว่าขวบนั่งด้วยกันโดยที่กันต์กำลังนอนร้องไห้เศร้าโศกเสียใจอยู่บนตักของคุณอาตลอดมาเป็นพี่เลี้ยงที่ดูแลกันต์จนหย่านมก่อนจะยกเลิกสัญญาจ้างกันไป กระนั้นผู้เป็นแม่กลับไม่ดูดำดูดีปล่อยให้คนอื่นในบ้านเลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ แล้วพาตัวเองไปออกงานสังคมลุงแดง คุณน้ามาลีและด้วงจึงเป็นสามคนที่คอยประคบประหงมกันต์แทนเขาที่งานล้นมือตลอดเวลาไกรวิชญ์ชำเลืองมองไปยังป้ายชื่อหน้าโลงสีขาวสะอาดก่อนจะได้อ่านชื่อภรรยาที่อยู่ใกล้สายตามากที่สุด‘กุหลาบ’ คือชื่อของหล่อนอย่างนั้นเหรอ... เขาในฐานะสามีมาตระหนักถึงนามของภรรยาเอาตอนที่เจ้าตัวจากไป ช่างน่าขายหน้าเสียจริง นึกแล้วก็แค่นหัวเราะ เขาที่พยายามบอกตัวเองไม่ให้เอาอย่างบิดา ทว่าตลอดมาตัวเขาเ
จากกระดาษที่คุณอุ่นเคยจดชื่อและแผนที่วิทยาลัยที่จะไปทำการบรรยายพิเศษไว้ให้ เขาตั้งใจว่าจะพาน้องกันต์ไปชมด้วยกัน อย่างไรเสียมันก็เป็นเสาร์ที่โรงเรียนมัธยมปิดวันหยุด ทั้งเขายังจะได้ใช้เวลาร่วมกับหลานรักอีกด้วยคุณอาในชุดไปรเวทสีสว่างตัดผิวเดินสะพายกระเป๋าเดินคู่หลานชายวัยสิบสามย่างสิบสี่บนทางเดินอิฐปู เมื่อหยิบกระดาษใบน้อยขึ้นมาดูจึงพอทราบว่าระยะทางเหลืออีกไม่ไกลหลังลงสถานีปลายทาง อาจารย์เจ้าที่แม้จะพูดภาษาไทยได้แต่เขียนไทยยังไม่คล่องก็อุตส่าห์พยายามและวาดรูปให้คนอ่านเข้าใจง่าย ทั้งยังมีตัวอักษรยึกยือมุมขวาล่างเขียนไว้ว่า ‘หวังว่าเราจะได้เจอกันนะครับ’ แม้ทีแรกจะต้องเพ่งสมาธิอ่านเพราะประโยคนั้นไม่ได้เขียนโดยเจ้าของภาษา แต่เขาก็รู้สึกปลื้มที่อาจารย์เจ้าพยายามตวัดเขียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าดูจากรอยยางลบกับรอยยับของกระดาษ แผนที่อันนี้คงถูกตระเตรียมมาเป็นอย่างดีเพียงเพื่อมาชวนเขาไปดูการบรรยายภาคเช้า ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกินในกระดาษเขียนถึงเส้นทางและระยะเวลาการเดินไว้อย่างละเอียด‘๕ นาที เห็นอาคานสีขาว’ด้วงยกยิ้มมุมปากหัวเราะในลำคอ
จากกระดาษที่คุณอุ่นเคยจดชื่อและแผนที่วิทยาลัยที่จะไปทำการบรรยายพิเศษไว้ให้ เขาตั้งใจว่าจะพาน้องกันต์ไปชมด้วยกัน อย่างไรเสียมันก็เป็นเสาร์ที่โรงเรียนมัธยมปิดวันหยุด ทั้งเขายังจะได้ใช้เวลาร่วมกับหลานรักอีกด้วยคุณอาในชุดไปรเวทสีสว่างตัดผิวเดินสะพายกระเป๋าเดินคู่หลานชายวัยสิบสามย่างสิบสี่บนทางเดินอิฐปู เมื่อหยิบกระดาษใบน้อยขึ้นมาดูจึงพอทราบว่าระยะทางเหลืออีกไม่ไกลหลังลงสถานีปลายทาง อาจารย์เจ้าที่แม้จะพูดภาษาไทยได้แต่เขียนไทยยังไม่คล่องก็อุตส่าห์พยายามและวาดรูปให้คนอ่านเข้าใจง่าย ทั้งยังมีตัวอักษรยึกยือมุมขวาล่างเขียนไว้ว่า ‘หวังว่าเราจะได้เจอกันนะครับ’ แม้ทีแรกจะต้องเพ่งสมาธิอ่านเพราะประโยคนั้นไม่ได้เขียนโดยเจ้าของภาษา แต่เขาก็รู้สึกปลื้มที่อาจารย์เจ้าพยายามตวัดเขียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าดูจากรอยยางลบกับรอยยับของกระดาษ แผนที่อันนี้คงถูกตระเตรียมมาเป็นอย่างดีเพียงเพื่อมาชวนเขาไปดูการบรรยายภาคเช้า ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกินในกระดาษเขียนถึงเส้นทางและระยะเวลาการเดินไว้อย่างละเอียด‘๕ นาที เห็นอาคานสีขาว’ด้วงยกยิ้มมุมปากหัวเราะในลำคอ
ไกรวิชญ์เคยคิดว่าช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่เศร้าที่สุดในชีวิต บิดาและภรรยาเขาเสียไปในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันเนื่องด้วยเหตุรถชนใจกลางเมืองหลวงขณะออกไปซื้อของ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับตอนที่เขาเสียมารดาไปในวัยเด็กนายตำรวจอนาคตไกลเจ้าภาพพิธีศพสวมชุดดำทางการยืนต้อนรับแขกญาติพี่น้องของทั้งสองคนเข้ามาเคารพศพ เขามองน้องชายและลูกในวัยสิบกว่าขวบนั่งด้วยกันโดยที่กันต์กำลังนอนร้องไห้เศร้าโศกเสียใจอยู่บนตักของคุณอาตลอดมาเป็นพี่เลี้ยงที่ดูแลกันต์จนหย่านมก่อนจะยกเลิกสัญญาจ้างกันไป กระนั้นผู้เป็นแม่กลับไม่ดูดำดูดีปล่อยให้คนอื่นในบ้านเลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ แล้วพาตัวเองไปออกงานสังคมลุงแดง คุณน้ามาลีและด้วงจึงเป็นสามคนที่คอยประคบประหงมกันต์แทนเขาที่งานล้นมือตลอดเวลาไกรวิชญ์ชำเลืองมองไปยังป้ายชื่อหน้าโลงสีขาวสะอาดก่อนจะได้อ่านชื่อภรรยาที่อยู่ใกล้สายตามากที่สุด‘กุหลาบ’ คือชื่อของหล่อนอย่างนั้นเหรอ... เขาในฐานะสามีมาตระหนักถึงนามของภรรยาเอาตอนที่เจ้าตัวจากไป ช่างน่าขายหน้าเสียจริง นึกแล้วก็แค่นหัวเราะ เขาที่พยายามบอกตัวเองไม่ให้เอาอย่างบิดา ทว่าตลอดมาตัวเขาเ
วันนี้เป็นวันที่เขาจะได้ถอดสายน้ำเกลือและเก็บข้าวเก็บของออกจากโรงพยาบาลหลังจากอาศัยอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ นี้มาเป็นเวลาสองเดือนเต็มด้วงในชุดไปรเวทเสื้อยืดกางเกงขายาวตัวใหม่เอี่ยมตรวจทานตัวเองหน้ากระจกห้องน้ำก่อนจะเปิดประตูออกมากะพูดคุยปรึกษาอาการตนเองกับพยาบาลสักครู่แล้วค่อยถือถุงเสื้อผ้ากลับ“เหมาะกับเรามากครับ”“ขอบคุณที่อุตส่าห์ซื้อให้น้องนะ”ด้วงยิ้มมุมปากก่อนจะรีบเดินไปคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าในมือเจ้าพี่แล้วจึงเดินออกมา เขารู้ว่าบางทีมันอาจเสียมารยาทไปสักหน่อยแต่เขาอยากสร้างระยะห่างระหว่างตัวเขากับพี่ไกรให้มากที่สุดเพราะเจ้าตัวแต่งงานจดทะเบียนสมรสแล้ว น่าเสียดายไม่น้อยที่ช่วงเวลานั้นเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลด้วยว่าหลังสลบคาเตียงเพราะหายใจไม่ออกไปคราวนั้นก็โดนเลื่อนวันออกไปอีก จนในที่สุดวันนี้ก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตใหม่เสียทีพี่ไกรหลังจากเรื่องราววันนั้นก็มาหาเขาน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่พอใกล้จะกลับอีกฝ่ายก็มาถี่หรือมาแทบทุกเย็น เพราะช่วงที่ห่างไปนั้นอีกฝ่ายต้องตระเตรียมงานแต่งให้โอ่อ่าสมฐานะ ทว่าคิดอีกทีเขาก็ดีใจที่ไ
“เมื่อกี้เรา...พูดว่าอะไรนะ?”“น้องบอกว่า น้องไม่ได้คิดเรื่องแบบนั้นกับพี่”“เดี๋ยวสิ เรื่องแบบนั้นมันคือ-“น้องไม่ได้รักพี่แล้ว” ไกรวิชญ์หน้าชา นี่เป็นบทสนทนาแรกระหว่างเขากับด้วงที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงคนไข้ ทว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายกลับพาเข้าเรื่องความสัมพันธ์จากนั้นก็โยงเข้าเรื่องนี้อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย“ด้วง เราแกล้งอะไรพี่อยู่รึเปล่า?”ไกรวิชญ์ยังคงตั้งสติคิดว่าเจ้าน้องคงจะหาเรื่องหยอกเขาเล่นเป็นแน่ หากเป็นเช่นนั้นก็เป็นการพูดเล่นที่จุกอกพอสมควร-“น้องไม่ได้แกล้ง”“…”ด้วงมองพี่ชายต่างสายเลือดด้วยสายตาเอาจริงเอาจัง เจ้าตัวเงียบไปพร้อมกับใบหน้านิ่งค้าง ก่อนจะปรับท่าทีเอนหลังสูดลมหายใจเข้าและพ่นมันออกมาอย่างหนักใจ“ทำไมจู่ ๆ เราจึงบอกเรื่องนี้กับพี่ครับ”“เพราะน้องคิดว่าพี่สมควรรู้ไว้”“แล้วเราไม่คิดเห็นใจพี่บ้างเลยเหรอ”“…”“ด้วง...ได้มีใครบังคับเรารึเปล่า?”“น้องคิดว่าเรากำลังจะเป็นพี่น้องกัน ไม่ควรมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น...มันก็เท่านั้น”“พ่อพี
*เพียะ!* ฝ่ามือเหี่ยวย่นฟาดเข้าใบหน้านายตำรวจหนุ่มแน่นอย่างจังโดยที่เจ้าของร่างไม่แม้แต่จะหลบหลีก กลับยืนรับแรงบนหน้าแก้มอย่างจัง“ควบคุมอารมณ์ตัวเองหน่อยไอ้ไกร”“…”เขาทำเกินกว่าเหตุ แม้จะมีข้ออ้างที่พอฟังขึ้นบ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะมีนิ้วมือทั้งสิบที่หักงอผิดรูปเป็นเครื่องพิสูจน์ แค่หมอมาดูก็บอกได้แล้วว่ามันไม่เกิดจากความบังเอิญกระนั้นเมื่อทุกอย่างมาอยู่ในใต้การควบคุมของบิดามันก็ถูกกฎหมายและทนายคนสนิทช่วยเหลือจนเขาสามารถพ้นผิดมาได้แม้จะถูกชะลอการเลื่อนขั้นและตัดเงินเดือนเป็นระยะเวลาหนึ่งก็ตามนายตำรวจเกริกผู้พ่อเมื่อลงมือสั่งสอนบุตรตนก็ลงมาหย่อนกายนั่งไขว่ห้างจุดบุหรี่สูบพ่นควันออกไปนอกหน้าต่างบ้าน พลางเหยียดหางตามองเจ้าลูกชายที่สุขุมมาตลอด แต่กลับกลายเป็นบ้าเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้นแม้ขยะแขยงรสนิยมนั่นทว่าในฐานะตำรวจ ลูกเขายังคงต้องเรียนรู้อีกเยอะ ว่าการจะปกป้องสิ่งสำคัญได้นั้นมันมีรายละเอียดมากไปกว่าการบดทำลายอุปสรรค“หากมีคราวหน้า ฉันจะไม่ส่งทนายไปช่วยอีกเป็นครั้งที่สอง”“…”
“เปลี่ยนชุดซะ แล้วเอาชุดเอ็งมาให้ข้า พวกมันไม่ปล่อยเอ็งไว้แน่”ที่พวกมันวิ่งเข้ามาฉุดถึงในเพิง คงจะพาไปปิดปากไม่ให้เรื่องหยาบโลนนี้แพร่งพรายออกไป และเขาเองหากโดนเจอก็คงมีสภาพไม่ต่างกันหรืออาจจะหนักกว่า แต่อย่างน้อยตอนนี้ขอให้แก้วมันปลอดภัยไปได้สักคนก่อน“อะ...เอ็งจะทำอะไร”“รีบเปลี่ยนเถอะ เราไม่มีเวลาแล้ว!”ด้วงขึ้นเสียงดังสนั่นจนแก้วตกใจกลัว ทว่าช่วงเวลาแบบนี้แม้จะทราบว่ากำลังขวัญเสียแต่คราวจะมานั่งปลอบใจกันคงไม่ทันกาลเพราะตอนนี้พวกเขากำลังเล่นกับความเป็นความตายแก้วรีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งกายปลอมเป็นหญิงคลุมผ้าใหม่ ส่วนผืนเก่าเขานำมาคลุมเอง“สถานีอยู่อีกไม่ไกล เอ็งข้ามสะพาน เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปก็จะเจอนายสถานี เอ็งหนีไปจังหวัดอื่นเลย ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี เข้าใจไหม?”“แล้วเอ็ง-“ข้าจะอยู่ที่นี่ล่อพวกมัน”“แต่-“พวกนั้นมากันแล้ว เอ็งรีบไป!!”ด้วงผลักร่างโฉมงามเข้าปะปนกับฝูงชน ก่อนจะหันหลังออกตัววิ่งล่อความสนใจพวกมันยังกลางถนน แม้รูปร่างสีผิวของเขากับแก้วจะต่างกันอย่างเห็นได้ชัดแต่เพราะเป็นช่ว
“สงสัยอยู่ใช่ไหมล่ะเอ็ง ก็อุตส่าห์เลี้ยงมาตั้งนาน ขอเก็บเกี่ยวหน่อยจะเป็นอะไรไป...ใช่ไหม?” มันพูดปนเสียงขำในลำคอ พูดเรื่องทุเรศแบบนั้นออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาเนี่ยนะ ด้วงปากสั่นไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาก่นด่าเดรัจฉานพวกนี้ดี กรามฟันกัดกรอดจนกรอบหน้าแข็งเกร็ง เขาต้องหาจังหวะขึ้นไปช่วยไอ้แก้วออกไปจากที่นี่พร้อมกันให้จงได้เด็กหนุ่มคล้ายจะหมดแรงจากการขัดขืนและรอยบอบช้ำที่ได้จากการต่อสู้เมื่อครู่ จึงไม่อาจขัดขืนได้มากมายจนไม่อาจลากจับลากพาขึ้นแคร่เก่าได้อย่างไม่ยากเย็นแขนทั้งสองที่พยายามออกแรงเท่าที่ไหวไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้แก่เจ้าตัวเลยสักนิดนอกจากเพิ่มความกระเส่าเร้าใจให้แก่ชายเบื้องบน จนเมื่อเด็กหนุ่มคงจะสำเหนียกตนได้แล้วว่าไม่มีทางหลุดรอดไปได้จึงยอมละทิ้งร่างกายทั้งหมดให้เป็นที่พอใจ“เหอะ กว่าจะยอมกันได้-*พลั่ก!!*ด้วงใช้โอกาสที่ไอ้ทองชะล่าใจ หยิบคว้าท่อนไม้ที่คงจะหักกลิ้งลงมา และเพราะมันกลืนไปกับดินดอนเมื่ออยู่ในความมืดพวกมันที่ไม่สังเกตจึงมองไม่เห็นด้วงรวบรวมแรงทั้งหมดไว้ที่มืออีกครั
คิดเอาไว้ว่าเป็นเช่นนั้นเอาเข้าจริงการฝืนตื่นขึ้นมากลางดึกแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเกือบสามชั่วโมงนับตั้งแต่เขาเข้านอนตอนหกโมงครึ่งมันก็เพลียเอาการรอบข้างภายในกระท่อมมืดสนิทนอกจากเครื่องเรือนอย่างง่ายตามชั้นและพื้นฟากที่เขาห้ามทำให้เกิดเสียงแล้ว ก็ยังต้องเอื้อมมือไปหยิบเชิงเทียนอยู่เหนือศีรษะของผู้เป็นแม่อีก ด้วงเม้มริมฝีปากกลั้นลมหายใจแผ่วค่อย ๆ ชันข้อศอกดันตัวขึ้นอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้มารดารู้สึกตัว แล้วจึงเอื้อมมือไปจับเชิงเทียนมาไว้ในมือได้สำเร็จ“ด้วง...”“!!!”เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกก่อนจะก้มมองแล้วเห็นว่ามารดาเพียงพลิกตัวละเมอเอ่ยชื่อเขาขึ้นมาแต่เพียงเท่านั้น ด้วงโล่งใจจากที่เหงื่อตกมาก็นานพอสมควรเขาตั้งใจออกมาจุดเทียนให้แสงสว่างเมื่อเดินออกมาจากกระท่อมได้พอสมควรแล้ว ตอนนี้ภายในบ้านหลังน้อยมีเพียงมารดาที่นอนหลับพักผ่อนกับหมอนและผ้าห่มของเขาที่ระเกะระกะแต่เพียงเท่านั้นอากาศตอนกลางคืนเพราะไม่เคยได้ออกมาจริง ๆ จัง ๆ เขาจึงพึ่งมารู้อายุสิบเจ็ดว่ามันเย็นยะเยือกแม้อยู่ในฤดูร้อน ประกายแสงจากเทียนส่องสะท้อนใบหน้ากลมกลึงจ้องมองเรือนไ
ลูกชายของเธอขวัญเสียอยู่นานหลักวัน ไม่กล้าเดินออกจากกระท่อมสุ่มสี่สุ่มห้าหากไม่ใช่เวลาเข้างาน หกโมงเช้ามักมีท่าทีระแวดระวังเป็นพิเศษเธอกลับมาตอนเที่ยง ๆ บ่าย ๆ ลูกเธอก็ไม่ออกไปช่วยกิจของทางวัดอย่างเคย แม่มาลีเห็นบุตรชายที่ตกบ่ายมาก็ยังนั่งขลุกช่วยหล่อนตำยาสมุนไพรก็นึกสงสัยขึ้นมาเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ไม่ว่าจะถามไถ่ว่าไปเจออะไรมา ด้วงก็มักจะหลีกเลี่ยงไม่ตอบเสียทุกครั้ง‘มันไม่มีอะไรหรอก’‘สงสัยฉันคงคิดไปเอง’‘ฉันโตแล้วนะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก’ลูกเธอเป็นคนโกหกไม่เป็น หรือต่อให้พูดโป้ปดก็เป็นคนเผยพิรุธออกมาอย่างชัดเจน เจ้าตัวคงรู้ดีว่าหากโกหกแม่จะรู้ได้ทันทีจึงใช้วิธีหนีจากคำตอบนั้นแม่มาลีนั่งหั่นตะไคร้ใบมะกรูดเมื่อแล้วเสร็จจึงกวาดพวกมันลงถาดสังกะสี พลอยมองเจ้าลูกจอมดื้อโขลกเครื่องแกงอยู่ข้าง ๆ สีหน้านั้นเคร่งเครียดเรียบนิ่งผิดปกติประหนึ่งคนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา คราวอยากจะรู้อีกฝ่ายก็ไม่ปริปากบอกจนเธอเริ่มมีความคิดจะเค้นคอถามหากลูกคนนี้ไม่นำเรื่องมาปรึกษาแม่แท้ ๆ“ด้วง เอ็งออกไปช่วยพระท่านกวาดลานพระธรรมไป”“แต่ว