นางเตือนด้วยความหวังดี ผิดหวังกับผู้หญิงเพียงคนเดียว บุตรชายของนางถึงกับปิดประตูใจ เขาประชดชีวิตทำตัวเป็นเพลย์บอย เพียงเพราะไม่อยาก ‘รัก’ ใครอีก
ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆ เขาข่มความโกรธไว้ในอก ไม่มีวันยอมให้ใครย่างกรายเข้ามาในหัวใจ แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ “แม่มีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมงานยุ่ง ผมขอตัวก่อน” เขาเปรยเสียงแผ่ว ผุดลุกขึ้นยืน แล้วเดินจากไป แบบไม่ให้ท่านมีโอกาสได้รั้งไว้อีก
มืออวบอูมยกขึ้นกดลงบนอกข้างซ้าย เปลือกตาหลุบลง รีบเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เมื่อรู้สึกเจ็บแปลบๆ ขึ้นมาในบริเวณนั้น
“แม่ผิดเหรอออสติน? แม่ผิดเหรอที่อยากให้ลูกประสบความสำเร็จ โดยไม่มีเรื่องกวนใจ”
มีบางสิ่งที่เป็นความลับ!! มีเรื่องบางเรื่องที่นางทำ เพื่อให้บุตรชายไร้ความกังวล นางไม่คิดว่ามันจะมีผลทำให้เขากลายเป็นคนกระด้างเย็นชาแบบนี้ ช่างเถอะ!! เรื่องมันผ่านมาแล้วหลายปีดีดัก อีกไม่นานออสตินจะรู้สิ่งที่นางทำทั้งหมด...คือความหวังดี
“ฉันไม่ขอโทษเธอหรอกนะ ช่วยไม่ได้ เธออยากต้อยต่ำเอง...” นางรำพัน ไม่โทษใครทั้งนั้น นางเป็นแม่ ผิดเหรอที่นางจะคัดสรรแต่สิ่งดีๆ ให้ลูกตัวเอง
วันเวลาที่เคลื่อนที่ผ่านไปจะช่วยให้อดีตต่างๆ ถูกลบเลือน อีกไม่นานมันจะกลายเป็นแค่ความหลัง
ร่างสูงใหญ่ยืนอิงกรอบกระจก เขาทอดสายตามองความเวิ้งว้างตรงหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย ต่อให้โกหกคนทั้งโลกได้สำเร็จ ต่อให้ตะโกนปาวๆ ว่าไม่มี ‘เงาของใครคนนั้น’ อยู่ในหัวใจ แต่ในความเป็นจริงที่ชายหนุ่มรู้อยู่แก่ใจตัวเองเป็นอย่างดี เงาของหล่อน!! ไม่เคยลบเลือน ภาพความทรงจำนั่นยังตามมาหลอกหลอนเขาทุกครั้งยามที่เผลอตัว
“ไม่ ออกไป!!”
เสียงขับไล่ที่ฟังอ่อนล้าลงเรื่อยๆ จากที่เคยแข็งกร้าวดุดัน...เวลานี้แทบจะไร้ความแกร่งกล้าเสียแล้วนี่สิ เวลาไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย เพราะยิ่งพยายามผลักดัน...มากขึ้นเท่าไร มันก็ยิ่งมีผลสะท้อนกลับ และยิ่งทำให้เขาเจ็บหนักมากกว่าเดิม
“คนเลวแบบเธอ!! ไม่มีค่าพอให้พี่จำ!!”
เสียงที่ปนเปได้ด้วยความคลั่งแค้น น้อยใจ เสียใจ ไม่มีใครรู้ว่าออสตินกระซิบต่อว่าใคร มีแค่เขา คุณเยาวเรศ และสาวปริศนาคนนั้นเท่านั้นที่รู้
ป่วยการจะมาคิดถึงคนที่ทำให้เขาเจ็บ โลกกว้างใบนี้ยังมีดอกไม้สวยๆ รอให้เด็ดดมอีกมาก...ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่ความทรงจำแย่ๆ เป็นแค่ละลองฝุ่นที่เคยปลิวเข้ามาหล่นใกล้ตัว...แม้ฝุ่นนั้นจะเคยมีอิทธิพลทำให้หัวใจของเขาเบ่งบาน แต่มันคืออดีต...อดีตที่เขาจะฝั่งกลบไปกับกาลเวลา
“ที่เดิม...”
หลังกระแทกตัวลงนั่งบนเบาะหลังของรถยนต์สุดหรู วันนี้เขาไม่มีสมาธิพอที่จะโฉบเฉี่ยวรถยนต์คันโปรด...จึงต้องใช้บริการของคนขับรถ และสารถีย่อมรู้ดีที่ซ่องสุมของเขาอยู่หนใด เมื่อมันมีแค่ไม่กี่ที่ หลังจากออสตินเลิกงานประจำ...
แสงไฟที่ค่อยๆ สว่างไสวขึ้น หลังดวงสุริยาหายลับไปจากพื้นโลก ราตรีที่เต็มไปด้วยแสงสีคือวิถีของคนในเมืองหลวง...ราตรีที่ยาวนานและมีแต่สิ่งล่อลวง...มีหลายคนเพิ่งจะออกมาทำงาน และอีกหลายคนเช่นกันที่ใช้เวลายามค่ำ เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ
ออสตินนั่งท้าวปลายคาง ข้อศอกเขาอิงกับกรอบหน้าต่าง ใบหน้าคมคายผินมองออกไปนอกกระจก แต่ไม่ได้เพ่งมองจุดใดจุดหนึ่ง เขาเหม่อ เขากำลังคิด แม้จะพยายามสลัดแทบเป็นแทบตาย มันก็เหมือนเดิม!!
ใครคนนั่นยังสถิตเหนียวแน่นอยู่ที่เดิม...
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรงๆ เขาไม่เข้าใจตัวเอง เขาจะหงุดหงิดไปเพื่ออะไร...เรื่องมันผ่านมานานปี และก็คงเป็นเหมือนอย่างที่มารดาว่าไว้...
ปานนี้ ‘หล่อน’ น่าจะมีครอบครัว น่าจะมีคนเคียงข้าง...เมื่อหล่อนยังกล้าสลัดเขาทิ้ง...
ออสตินไม่อยากเชื่อ เด็กสาวที่เรียบร้อยคนนั้น จะกล้าตัดรอนเขา กล้าทิ้งเขา ทั้งๆ ที่เขากับเธอไม่ใช่แค่คนที่คบหาดูใจกันแค่นั้น เขากับเธอผ่านการมีความสัมพันธ์แนบแน่น จนถึงขั้นเรียกว่า...ผัว-เมีย ได้เลย แล้วทำไมล่ะ ทำไมหล่อนจึงกล้า!!
“บ้าชิป!!”
ชายหนุ่มเผลอสบถ เขาจะมาคร่ำครวญเพื่ออะไร เขาต้องลืมสิ เขาต้องลืมเสียให้สิ้น ผู้หญิงคนนั้นไม่มีค่าควรจำ
“กลับได้เลย ฉันหาทางกลับเอง...”
ชายหนุ่มร้องสั่ง วันนี้เขาไม่ต้องการ์ด เขาเบื่อคนคอยเฝ้า อยากอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง ก่อนจะมุดออกไปจากรถยนต์ คืนนี้คงเหมือนเช่นทุกๆ คืน เขาไม่เคยร้างคนข้างกาย และบ้านไม่ใช่ที่ที่เขาซุกหัวนอน
ร่างสูงใหญ่เด่นเตะตาเหมือนเช่นทุกครั้งที่ออสตินปรากฏตัว...ไม่มีใครไม่รู้จัก ทายาทของ ‘เทรย์เวอร์’ หนุ่มภาษีดี ดีกรีนักเรียนนอก หัวหอกคนสำคัญของเทรย์เวอร์คอปเรชั่น ว่าที่ผู้นำองค์กรคนต่อไป หากคุณเยาวเรศวางมือ
“ขอที่เงียบๆ กับบรั่นดีสักขวดนะ”
ชายหนุ่มเอ่ยปากบอกหลังบริกรเดินเข้ามาหา ตอนนี้ยังหัวค่ำ เขายังไม่ต้องการคนข้างกาย ขอนั่งจิบเหล้าคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว ผู้หญิง...หากกระเป๋าตุง...แค่กระดิกนิ้วเดี๋ยวก็มีคนเดินเข้ามาเองนั่นแหละ..
บทที่3.เป็นการพบเจอของโชคชะตาหรือความซวย!! อาจจะเป็นเพราะปูชิดาต้องสำรองเงินไว้ให้บุตรสาวมากกว่านี้อีกสักหน่อย เธอจึงยอมรับการจ้างวานของเพื่อน โดยไร้ข้อแม้ การทำงานค่าเวลา กับการต้องมานั่งคิดสตางค์แทนเจ้าหล่อน สาเหตุเพราะสามีของเธอก่อเรื่อง จนต้องขึ้นโรงพัก...เป็นคดีความที่ต้องเจรจา รำเพยจึงจำใจลางาน... “นะชิดา แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง นึกว่าช่วยรำเพย เธอก็ได้สตางค์ด้วย” เสียงเพื่อนคะยั้นคะยอ แถมควักสตางค์ยัดใส่มือเธอเสียอีก เป็นการบีบบังคับแบบอ้อมๆ “แล้วคนที่ทำงานของรำเพยจะไม่ว่าเอาเหรอ?” หญิงสาวติงเสียงอ่อนๆ กำธนบัตรนั่นจนแน่น แม้จะไม่เยอะ แต่หากสะสมไว้มันก็มากพอที่ทำให้ตัวเองอุ่นใจเพิ่มขึ้น
แต่... “เดี๋ยวสิ...สนใจนั่งเป็นเพื่อนฉันไหม? ฉันจ่ายไม่อั้น!!” ไม่รู้เพราะอะไร เขาควรรังเกียจหล่อน แต่ปากเจ้ากรรมกลับรั้งไว้ ปูชิดาชะงัก เธอยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อช้อนสายตามองหน้าลูกค้าหนุ่ม หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ครั้งแรกเธอฉุนกึก!! เพราะคำพูดเหยียดหยามของอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นหน้ากันจังๆ หญิงสาวกลับหวาดกลัวจนขนลุกชัน!! คนที่เธออยากหนี...คนที่เธอไม่อยากเจอ เวลานี้เขานั่งอยู่ตรงหน้า และสายตาของเขาทำให้เธอเกือบน้ำตาร่วง!! ไม่มีรอยพิศวาสเหมือนเก่า ไม่มีความอบอุ่นเหมือนเช่นเคย ในดวงตาคู่นั้นมีแต่รอยเหยียดหยาม...หญิงสาวตกตะลึงพรึงเพลิด!! เธอตัดพ้อออสตินในใจ เธอทำอะไรให้เขาล่ะ ทำไมถึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น เธอต่างหากเป็นฝ่ายถูกกระทำ เขาไม่รู้หรอก...เธอผ่านความลำบากอะไ
บทที่4.ผู้ชายอย่างเขามันปีศาจชัดๆ “ซวยชิปหาย!! มันอยากได้อะไรว่ะ ผู้หญิงมีลูก มีผัวแล้ว สวยๆ ดันไม่ชอบ!!” เก่งบ่นอุบ เขาเดินหาที่เหมาะๆ เพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัวของปูชิดาจากรำเพย เมื่อลูกค้าต้องการรู้และไอ้หมอนั่นคงเปย์ไม่อั้นเพราะกระเป๋าออสตินตุงพอตัว “รำเพย...พี่มีเรื่องอยากถาม?...” หนุ่มใหญ่รีบกรอกเสียงถาม หลังปลายสายกดรับ “มีอะไรเหรอพี่เก่ง หนูกำลังยุ๊งยุ่ง!!” หญิงสาวบ่นอุบ หล่อนกำลังวุ่นวายกับเรื่องสามี เธอจึงตอบเสียงเคร่งๆ เกือบจะกดวางสาย หากฝ่ายนั้นไม่รีบกรอกเสียงตอบกลับมา“อย่าเพิ่งวางนะโว้ย!! อีเพย...นี่เรื่องคอขาด หากแกตัดสายพี่ พรุ่งนี้แกเตรียมตัวตกงาน”เก่งไม่ได้ขู่ ไอ้หนุ่มนั่นดูจริงจัง เขาเชื่อว่าหมอนั่นทำได้ หากไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้อง
ในขณะที่ปูชิดาพยายามจะลืม อีกคนกลับไม่คิดเช่นนั้น ออสตินนั่งบนเก้าอี้นวมเนื้อนุ่ม ในมือของเขามีบรั่นดีรสเลิศ ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วที่ขอบแก้วไปมา เขากำลังใช้ความคิด ความคิดในการวางแผนจัดการใครบางคน...เทรย์เวอร์คอปเรชั่น... ห้องทำงานของรองประธาน...ออสตินนั่งหน้านิ้วอยู่หัวโต๊ะ เบื้องหน้าของเขาคือนักวางแผนมือดี เขากำลังคิดโปรเจ็กต์ใหม่ๆ และโครงงานอันนี้เขาลงมือทำด้วยตัวเอง เป็นการร่างแบบสร้างอาคารพาณิชย์บนเนื้อที่กว้างพอสมควร มีเสียงแย้งจากคนรอบข้าง เมื่อเป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยของคนหาเช้ากินค่ำ มันจะเกิดความยุ่งยากและอาจจะใช้เวลานานกว่าเก่า ในการเคลียร์กับคนเก่าๆ ที่พักอาศัยอยู่ แล้วก็มีหลายเสียงเช่นกันที่เห็นด้วย...เพราะการเดินทางสะดวก อาคารที่สร้างจะถูกซื้อ-ขายได้ไม่อยาก เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หากสามารถเจรจาตกลงกับคนเก่าๆ ได้ &ldqu
“แม่จ๋าทำงานเพลินไปนิดจ้ะ กำลังจะนอนเดี๋ยวนี้แหละ” เธอเดินมาหยุดข้างเตียง ทิ้งตัวลงนั่ง พร้อมกับยกมือลูบไปบนศีรษะเล็กๆ ของบุตรสาว “มาค่ะ มานอนกอดกัน” เจ้าตัวเล็กยิ้มแป้น แม้จะอยู่ในอาการง่วงงุน แต่เมื่อมีมารดาอยู่ใกล้ๆ อัปสราก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม สองแม่ลูกนอนกอดกันกลมหลับสนิทบนเตียงขนาดเล็ก ในขณะที่ออสตินนอนกระสับกระส่ายบนเตียงขนาดใหญ่ เตียงนอนกว้างแต่คนนอนกลับรู้สึกไม่ใคร่สบาย ที่นอนราคาแพงกลับไม่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลาย มันแข็งกระด้างจนไม่อาจนอนทอดกายได้ เขาผุดลุกขึ้นนั่ง สบถงึมงำ!! “เป็นอะไรว่ะ!!” ชายหนุ่มหงุดหงิด เขาไม่รู้สาเหตุความวุ่นวายใจที่เกิดขึ้น รู้แค่ว่ามันรุ่มร้อนไปทั้งกาย และใจ&n
แต่...นี่ไม่ใช่เวลามานั่งคร่ำครวญ หญิงสาวยกมือปาดน้ำตาลวกๆ มีคนจับตัวบุตรสาวของเธอไป และผู้ต้องสงสัยคงไม่พ้น....ออสติน ผู้ชายที่ร้ายกาจคนนั้น!! “คนเลว...” เธอสบถครั้งแรก ดวงตาแข็งกร้าวเพราะจำต้องฮึดสู้... เขากับเธอคงได้แตกหัก แต่เธอจะไม่มีวันปริปากบอกเขาเป็นเด็ดขาด...ความลับจะยังคงเป็นความลับต่อไป!!ห้องทำงานของรองประธาน... ออสตินยกมือกุมขมับ เขาปวดหัวกับเสียงร้องวี้ดๆ ของยัยเด็กตัวกลมนี่เหลือเกิน ไม่ว่าจะดุ จะขู่ เด็กปีศาจนั่นก็ไม่ยอมหยุดร้อง ปากแดงๆ นั่นแผดเสียงลั่น ดวงตาคู่นั้นฉ่ำน้ำตาและไหลปริ่มเหมือนก๊อกแตก เขาปวดหัว...บอกเลย “ใคร-ก็-ได้ ทำให้เด็กปีศาจนั่นหยุดร้องสักที” ชายหนุ่มตะโกนลั่น!! เขายกมือขึ้นปิดหู หูเขากำลัง
“ไม่ตลกค่ะคุ๊ณ!! เชิญไปเล่นปาหี่ที่อื่น คุณเป็นใคร? สำคัญแค่ไหนคะ จู่ๆ มาขอพบท่าน เห็นฉันว่างงานเหรอ ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกค่ะ” เจ้าหล่อนตวัดตามอง ก่อนจะตอบเสียงขุ่น ปรายตามองปูชิดาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แบบหมิ่นๆ ปัง!! ปูชิดาตบมือลงบนผิวเค้าน์เตอร์ เธอตวาดเสียงสั่น โกรธจัดจนตัวสั่นเทิ้ม “ฉันก็ไม่ตลกค่ะ และหากคุณกับทุกคนยังเฉยอยู่ ฉันจะแจ้งความ เจ้านายพวกคุณจับตัวลูกสาวของฉันมา จะให้ฉันนิ่งนอนใจเหรอไงคะ?” “ดูละครมากไปเหรอย่ะ ถึงได้มายืนละเมออยู่ตรงนี้ แม่คุ๊ณ!! มุขตื้นๆ แบบนี้เขาใช้กันให้เกร่อ แน่จริงแจ้งความเลยสิคะ อย่างคุณออสตินนะเหรอจะไปจับตัวลูกของเธอมา...เพื่อ!!” หลังจากหายตกใจ พนักงานสาวนางนั้นตวาดเสียงเกรี้ยวใส่!! ผู้หญิงตรงหน้ามอซอ สุดโทรม ชุดพนักงานที่หล่อนสวนนั่นเห็นได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ แล้วหล่อนมายืนปาวๆ อะไรอยู่ตรงนี้ แถมเรื่องที่หล่อนกุขึ้นมา มันเกินกว่าที่จะเชื่อลง!!&n
“เธอจะไปยังไงล่ะ เหาะไปเหรอ ฮ่าๆ” ชายหนุ่มพูดไปหัวเราะไป เขามีความสุข เมื่อเห็นความทุกข์ร้อนเกิดขึ้นบนใบหน้าของหล่อน สะใจว่ะ!! ‘โรคจิต!!’ หญิงสาวเม้มปากแอบค่อนว่าออสตินในใจ เขาไม่ใช่ผู้ชายแสนดีคนเดิม ผู้ชายที่เธอเคยรัก ความอบอุ่นที่เคยมีมันจางหายไปหมด ตรงหน้าเธอเวลานี้ คือออสติน แต่เขาไร้หัวใจเสียแล้ว!! ใช่...เธอรู้สึกว่าแขนตัวเองล้าๆ เพราะน้ำหนักเกินพิกัดของบุตรสาว หญิงสาวพยายามเกร็งแขน พยายามอุ้มอัปสราไว้แน่นๆ ต่อให้แขนหักเธอก็จะไม่ปล่อยลูกลงจากอ้อมแขนเด็ดขาด!! ออสตินเลิกปลายคิ้วขึ้นสูง เขาจงใจยียวน จนบรรดาการ์ดรอบตัวของชายหนุ่มพากันแปลกใจ บิ้กบอสไม่เคยเสวนากับคนที่ไม่รู้จัก? ยิ่งคนที่แทบไม่มีอะไรเลยอย่างผู้หญิงคนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ออสตินเจ้านายจะยอมลดตัว...แต่ที่พวกเขาเห็นคืออะไร? เหตุการณ์ตรงหน้านี่ เหมือนสามี-ภรรยาทะเลาะกัน!! เหมือนสามี
“ขอบคุณค่ะ” ปูชิดาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของหล่อนมีความยินดีเต็มเปี่ยม “แต่มีข้อแม้นะ...เธอต้องทำให้ฉันมีความสุข...ทุกคืน” ชายหนุ่มพูด เสียงเขาผสมความเหยียดหยาม ปูชิดารับรู้ เธอเจ็บแทบกระอัก แต่ทำได้แค่ฝืนยิ้ม “ต่อไป ฉันจะนอนเฉยๆ รอให้เธอทำทุกอย่างกับฉัน อยากแสดงฝีมือที่เธอฝึกกับ ‘ผัว’ จนเชี่ยว เวลานี้เธอมีโอกาสแล้วนะ...ชิดา” เขาว่ากระทบหญิงสาว แต่ทำไมกลับรู้สึกเจ็บเสียเอง เพียงแค่คิดว่าหล่อน...ครั้งหนึ่งเคยนอนครางใต้ร่างผู้ชายคนอื่น เขารังเกียจหล่อน เขาควรขยะแขยงหล่อน แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยมือล่ะ เขารั้งคนที่ตัวเองเกลียดไว้ทำไม ‘หึ’ ปูชิดาเสก้มหน้าหลบ เธอกระทดตัวลงจากเตียง แต่ก็ต้องชะงักกึก!! 
บทที่13.รักปนแค้น!!“คุณ!” ดวงตื่นๆ เหลียวมามองเมื่อจู่ๆ ก็ถูกกระชากจนตัวปลิว“เธอคิดเหรอว่าจะหนีจากฉันพ้น!! ไม่รู้เป็นไงสิพอเผลอหน่อย หายทุกที” ออสตินตวาดลั่น จนปูชิดาคอหดด้วยความกลัว“ปล่อยชิดาสิคะ ปล่อยนะชิดาเจ็บ!!” มือแกร่งกำแน่นที่ข้อมือเรียวของเธอ มันเจ็บจี๊ดๆ เหมือนกระดูกของเธอจะแหลกเป็นผุย เมื่อชายหนุ่มลงน้ำหนักมือกดเต็มแรง เขากำลังโมโหจนฟิวส์ขาด“แค่นี้ไม่ตายหรอก แล้วก็ไม่เจ็บเท่าที่ฉันเจ็บด้วย” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เขาอยากตะโกนด่าแต่เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วหวิวออสตินสะบัดมือจนหลุด แรงเหวี่ยงทำให้คนไม่มีเรี่ยวแรง ถลาลงไปนอนกองกับพื้นหญ้า ปูชิดากลืนน้ำตาไว้ในอก เธอเม้มปากแน่น กลั้นเสียงอ้อนวอนของตัวเอง พรางกระทดหนีถอยหลัง เมื่อไม่สามารถต้านทานแรงอันมากมายมหาศาลได้ของชายหนุ่มได้“ฉันยังไม่เอ่ยปาก เธอไม่มีสิทธิ์คลานลงจากเตียง!!” ชายหนุ่มยอมเฉลยความไม่พอใจ เขาโกรธจนแทบกระอักเมื่อลืมตาตื่น แต่คนข้างกายหายจ้อย“ชิดารีบมาดู
บทที่12.มากกว่ารักคือ...ชัง “คุณสนุกไหมคะ กับการบีบคนไม่มีทางสู้” เสียงแหบเครือของนมแผ้วเอ่ยเบาๆ นางจัดการถุงอาหารที่เหลือ เก็บเข้าที่เข้าทาง มือที่กำลังตักโจ๊กใส่ปากชะงัก เขาหลุบเปลือกตาลง ข่มความโกรธไว้ ไม่อยากอาละวาดที่บ้านหลังนี้เพราะหากอัปสราเห็น เขาจะเสียคะแนนนิยม “ไม่รู้อะไร...อย่าเสนอความเห็นดีกว่ายาย” ชายหนุ่มตักโจ๊กกินต่อ หลังจากพูดจบ... “คนที่ไม่รู้อะไรเลยคือคุณต่างหากค่ะ...ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณไม่รู้” นมแผ้วเหยียดยิ้ม รอยจีบมุมปากกดลึกเผยให้เห็นความร่วงโรย ออสตินกรอกตา เขาค่อน
บทที่11.วิหคคืนรัง ความจริงออสตินไม่อยากปล่อยผู้หญิงอวดดีคนนี้กลับบ้านไปเลย แต่เพราะมีใครบางคนรออยู่ ใครคนนั้นก็เป็นคนสำคัญเสียด้วย ออสตินจึงตัดใจพาปูชิดากลับแบบอ้อยอิ่ง... ภายในรถยนต์เงียบกริบ มีแค่เพียงเสียงแอร์คอนนิชั่นที่ทำงานสมราคา มันเบากริบแต่เวลานี้กลับดังจนสารถีคนขับรำคาญ “ไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ?” ชายหนุ่มเปรย สายตาของเขามองที่ถนน แต่หัวใจของเขาเฝ้าจับตามองคนข้างตัว ริมฝีปากบวมเจ่อเพราะฤทธิ์จูบ!! เม้มจนเป็นเส้นตรง เธอแทบหมดแรงยืนกับพายุสวาทที่ออสตินสาดใส่ เขาทำเหมือนอดอยากปากแห้งมาจากไหน เขากวนเธอทั้งคืน... ไม่ได้หลับได้นอน ทำซ้ำซากจนหญิงสาวสลบคาอก ผิวกายของเธอทุกตารางนิ้วมีแต่ร่องรอยของเขาฝากไว้เต็มไปหมด ทั้งรอยฟัน รอยข่วน รอยนิ้วมือ นาทีแรกที่มองเห็นตัวเองผ่านกระจกเงา เ
เสียงตอบโต้แทบทำให้ออสตินสติหลุด ปูชิดายังไม่ยอมสยบแม้ตัวหล่อนจะสั่นระริก“ก็ลองดูกัน เธอจะทานฉันได้อีกแค่ไหนกัน?” ชายหนุ่มสวนกลับอย่างหงุดหงิด เขาตวัดอุ้มหล่อนขึ้นพาดบ่า พร้อมกับเดินย่างสามขุมเข้าห้องนอนกว้างเบื้องหน้า“ปล่อยๆ คนอย่างคุณคงไม่ใช้กำลังกับชิดาใช่ไหมค่ะ ปล่อยสิๆ ทำให้ชิดายอมคุณสิคะ หากคุณมั่นใจว่าคุณเก่งจริง” หญิงสาวตะโกนลั่น เธอแผดเสียงดังๆ หนทางรอดของเธอเหลืออีกแค่นิดเดียว หากออสตินรักศักดิ์ศรีเขาจะต้องปล่อยเธอแต่ปูชิดาคิดผิด!! เวลานี้ออสตินหน้ามืดเสียแล้ว เขาโยนศักดิ์ศรีบนบ่าทิ้ง “เธอจะเสียใจที่ลองดีกับคนอย่างฉัน!”ตุ๊บ!! ออสตินเหวี่ยงปูชิดาขึ้นไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงกว้าง หล่อนกระทดตัวหนีพร้อมกับตะโกนสวน “คุณเองก็จะเสียใจเช่นกันที่ทำกับชิดาแบบนี้”“ไม่เลยชิดา ฉันจะหัวเราะให้ก้องกับการลงมือปลุกปล้ำเธอ มีแค่เธอกับฉัน ใครล่ะจะรู้ล่ะว่าฉันใช้วิธีต่ำทราม”ความโกรธและหยิ่งทะนงตน ทำให้ออสตินไม่รอช้าที่จะซ้ำเต
บทที่10.บทลงทัณฑ์ที่แฝงด้วยความรู้สึกบางอย่าง... สันกรามข้างแก้มเป็นรอยนูนเด่น เพราะเจ้าตัวของขึ้น!! มันขึ้นปุบปับแบบที่ออสตินยังตระหนก เขาควรดีใจสิ!! วันที่รอคอยมาถึงจนได้ เขาสามารถบีบต้อนจนปูชิดาจนมุม หล่อนต้องยอมสยบให้ หากชายหนุ่มบอกให้คลานเข่ามากราบกราน ปูชิดาก็คงทำ... “ฉันจะไม่ ‘ฟัน’ เธอที่นี่ อาบน้ำแต่งตัวรอล่ะ ฉันจะส่งคนมารับ” เสียงพูดแหบพร่า ไม่ใช่เพราะความกระสัน เขากำลังโกรธ!! โกรธอะไรไม่รู้ ออสตินไม่กล้าค้นหา ชายหนุ่มเดินเร็วๆ จากไป จากที่อารมณ์ดีๆ เวลานี้เขากำลังเดือดคลั่ก!! “โว้ย!!” เสียงออสตินตะโกนลั่น แม้แต่อัปสรายังโผล่หน้ามาดู เด็กแสบเห็นแค่เพียงแผ่นหลังคุณลุงใจดี หายลับเข้าไปในตอนหลังรถยนต์คันโปรด ก่อนที่ตัวรถยนต์จะทะยานออกไปเหมือนติดปีก
“โหแม่!! พรรณไม่โง่หรอก...ไม่มีวันนั้นแน่” หญิงสาวครางเสียงหลง ผู้หญิงยุคใหม่รักสนุก ต้องสตรองและไม่โง่ การตั้งครรภ์คือหายนะของชีวิต เธอไม่ยอมเสียทรงหรอก หากฝ่ายชายไม่รวยจริง “ก็ดี เกิดเป็นผู้หญิงต้องฉลาด อย่ารักใครมากกว่าตัวเอง ความรักมันกินไม่ได้!!” ฟังแล้วรู้สึกอนาถใจแทน เป็นคำสอนของมารดาที่ค่อนไปทางเห็นแก่ตัว สรุปนางรักเงิน มากกว่าความรักที่พูดถึง เป็นเวรกรรมของทรงธรรมล่ะมั้งที่คว้าก้อนกรวดขึ้นมายกเชิดชู ทิ้งเพชรเลอค่าให้ตรอมใจตาย... พรรณนารายหลุบเปลือกตาลงอีกครั้ง หล่อนฝันหวานถึงออสติน จากความทรงจำในวัยเยาว์ ผู้ชายที่เด่นสุดคงไม่พ้นเขา แต่สายตาคู่นั้น กลับมีไว้ให้แค่ปูชิดาพี่สาว เป็นความแค้นส่วนตัวที่เธอไม่มีวันลืม พอเกิดเรื่องกับพี่สาวต่างมารดา พรรณนารายเลยเลือกที่จะนิ่งเฉย เธอไม่ได้สงสารปูชิดา ออกจะสมเพชด้วยซ้ำ คิดจะรัก ก็ต้องรู้จักป้องกัน ไม่มีใครสอนเธอ พรรณนารายเรียนร
“อย่าบอกนะว่าเพิ่งกลับมาจากปาร์ตี้นะลูก!!” ท่านติงเสียงเข้ม กวาดตามองบุตรสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เพราะสภาพพรรณนารายมันชวนให้คิดเช่นนั้น เสื้อผ้าที่สมอยู่ยับยุ่ง ขอบตาดำคล้ำ ดวงตาปรือเหมือนจะหลับ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง “โธ่!! เกินไปค่ะคุณพ่อ ปาร์ตี้เลิกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่พรรณขับรถไม่ไหว เลยแวะนอนที่คอนโดเพื่อน” สาวสะคราญแก้ตัว พร้อมกับเสหลบตา เมื่อเจ้าหล่อนพูดโกหก ความจริงคือพรรณนารายมั่ว SEX กับคู่ขาหนุ่มจวบจนเช้าก่อนจะโผเผกลับรังนอน เพราะไม่อยากถูกสื่อโจมตีหากกระเซอะกระเซิงออกมาจากโรมแรมตอนเช้าตรู่ “ให้มันเบาๆ หน่อยสิลูก เป็นสาวเป็นแซ่ แบบนี้จะพลอยเสียชื่อ มันไม่งาม” สาววัยละอ่อนแอบเบ้ปาก คำสอนโบราณคร่ำครึ!! หากเธอเชื่อฟังก็จะเป็นสาวทึนทึก!! อดสนุก อดได้รับสิ่งบันเทิงเริงรมย์ “แค่สนุกในกลุ่มน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก นานๆ ครั้ง” หล่อนจึงแก้ตัวแบบขอไปที
หนุ่มใหญ่มองตามภรรยาคู่ทุกข์ไปด้วยความไม่สบายใจ ความรู้สึกละอายใจเกาะกุมใจ เมื่อหันมามองบุตรสาวคนโต เขาทำไม่ถูกต้องนักในอดีต ใจดำแม้กระทั่งลูกในไส้ เพียงเพื่อหน้าตาชื่อเสียง ปล่อยให้บุตรสาวตกระกำลำบาก รู้ทั้งรู้ว่าปูชิดาไม่มีที่พึ่ง เขายังแสร้งใจดำเมินเฉยได้ลงคอ ในวันที่ตัวเองตกที่นั่งลำบาก กลับมีหน้าย้อนกลับมาหาบุตรสาว ครั้นจะอ้าปากพูดโต้งๆ ก็ให้นึกละอายใจ จึงได้แต่กระอึก กระอักเหมือนน้ำท่วมปาก... “คือ...” หญิงชราแอบเบ้ปาก นางเอ่ยปากขอตัว แต่ก็ไม่วายเหน็บอดีตเจ้านายนิดๆ หน่อยๆ “รักตัวเองให้มากๆ นะคุณหนู ไม่มีใครรักเราจริง แม้แต่พ่อ แม่” แล้วนางก็เดินหายลับไปด้านหลังบ้าน เปิดโอกาสให้พ่อ-ลูก ได้คุยกัน หนุ่มใหญ่สะอึก!! ถูกอดีตคนรับใช้ถอนหงอกจนแสบๆ คันๆ แต่จะให้ถอยทัพ ก็ไม่ได้ เมื่อแบกภาระคือหน้าตาทางสังคมไว้เต็มบ่า หากเขาถอย ก็เท่ากับปล่อยให้ตระกูลล้มคลื่น&nb