“ใครจะมองหนูอย่างไรแม่ไม่สนใจ ถึงบ้านใหญ่เซียวจะจน แต่ไม่เคยขอใครกิน ไม่เคยทำร้ายใคร เราก็อยู่แต่เราก็พอนะลูก แต่เมื่อไรที่พวกเรามีเหลือพอจะแบ่งปัน แม่ก็อยากให้หนูแบ่งให้พ่อและพี่ชายใหญ่ของหนู อย่างไรทั้งสองคนก็คือครอบครัวนะลูก”
เธอไม่อยากให้ลูกสะใภ้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนอกตัญญู อย่างน้อย ๆ ชุยหลายก็เป็นเพื่อนรุ่นน้องของสามีเธอ
“ขอบคุณมากนะคะแม่” ชุยเหมยฮวารู้สึกอิ่มเอมและอบอุ่นในหัวใจ เธอคิดไม่ผิดที่จะยืนหยัดอยู่กับครอบครัวของสามี
ชาวบ้านได้มองภาพนี้รู้สึกเกิดความสงสารชุยเหมยฮวาขึ้นมา เมื่อคิดว่าที่ว่าที่ผ่านมานั้นคงจะโดนแม่เลี้ยงและน้องต่างแม่กลั่นแกล้งจนต้องเผยนิสัยร้ายกาจให้เห็น
“เมื่อก่อนทำดีกับลูกเลี้ยงต่อหน้าคนอื่น ฉันก็เห็นเหมยฮวาคล้อยตามนางเมิ่งเสียตลอด สงสัยโดนขู่มาตั้งแต่เด็ก พอมีสามีและแม่สามีรักด้วยใจจริง จึงรู้ว่าที่ผ่านมานั้นเป็นความรักจอมปลอมของนางเมิ่งเสียมอบให้ ดีแล้วล่ะเหมยฮวา หล่อนมีแม่สามีที่ดี ฉันดีใจด้วย”
นางจื่อซื่อเห็นใจในโชคชะตาของชุยเหมยฮวาขึ้นมาดื้อ ๆ ชาวบ้านทั้งหลายต่างก็ส่ายหน้าให้กับสองแม่ลูกอย่างนางเมิ่งเสียและชุยเผยหราน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปทำงานของตัวเองเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรร้ายแรง
เมื่อทุกคนแยกย้ายกันหมดแล้ว ชุยเหมยฮวาจึงเดินเข้าหาสองแม่ลูกอีกครั้ง “อย่าคิดว่าเล่นละครเป็นคนเดียว ฉันร้ายแต่ร้ายต่อหน้าไม่เล่นลับหลังใคร แต่เพราะการกระทำของพวเธอทำให้ฉันเล่นละครเป็น ต้องขอบคุณมากจริง ๆ ฉันจะนับหนึ่งถึงสามหากยังไม่กลับไป คราวนี้ทั้งสองคนได้โชคเลือดแน่ จำไว้!”
นางเมิ่งเสียและชุยเผยหรานกลัวแววตาของชุยเหมยฮวา ทั้งสองไม่ต้องรอให้เริ่มนับก็รีบวิ่งออกจากบ้านใหญ่เซียวแบบไม่เหลียวหลัง
“ฮ่า ๆ ๆ” ชุยเหมยฮวาและนางเมิ่งหลานสองแม่สามีกับลูกสะใภ้หันมามองหน้ากันและหัวเราะสุดเสียง
“สองคนนี้ต้องเจอแบบนี้แหละค่ะ”
“แล้วจิกมือตัวเองจนเลือดซิบขนาดนั้นเจ็บไหม ไปทำแผลก่อนดีกว่า” นางเมิ่งหลันห่วงลูกสะใภ้ ไม่น่า ทำให้ตัวเองเจ็บเลย
“ไม่เจ็บหรอกค่ะแม่ ฉันทายาและปิดแผลไม่นานก็หายแล้ว” ชุยเหมยฮวามีปลาสเตอร์ยาในมิติ ในห้องนอนและห้องทำงานของเธอนั้นมีอุปกรณ์ทำแผลทุกอย่างเพราะชาติก่อนเธอซุ่มซ่ามอย่าบอกใครเชียว
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นแม่ให้อาหารไก่ กับไปดูแปลงผักข้างบ้านก่อนนะ อย่าลืมทำแผลด้วยล่ะ” นางเมิ่งหลัน กล่าวจบจึงเดินไปทางเล้าไก่ข้างบ้าน ปล่อยให้ลูกสะใภ้เข้าไปทำแผลเอง ส่วนตัวเองกลับไปจัดการงานที่คั่งค้างต่อ
เวลาผ่านเลยมาจนเกือบเย็น ชุยเหมยฮวาจึงเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารให้กับทุกคน เธอตั้งใจทำผัดไทยแสนอร่อยสูตรของเธอ น้ำซอสนั้นเธอคิดค้นมาด้วยตนเอง อีกทั้งยังโรยด้วยกากหมูตบท้าย สูตรนี้อร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะ นอกจากผัดไทยแล้วเธอยังทำหมูสามชั้นคั่วพริกเกลืออีกอย่าง รวมถึงผลไม้ตบท้ายเพื่อให้ทุกคนล้างปาก ในระหว่างที่กำลังปรุงรสชาติของผัดไทยแต่สิ่งที่เธอลืมหยิบออกมาจากมิติคือซอสสูตรพิเศษของเธอ
“แย่จัง ดันลืมซอสสุดพิเศษเสียได้ แล้วนี่จะเป็นผัดไทยได้อย่างไร”
ชุยเหมยฮวาเคาะหน้าผากหนึ่งครั้งให้กับความขี้หลงขี้ลืมของตน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้ซอส ดังนั้นจึงมองซ้ายมองขวา จนคนที่แอบมองอยู่ต้องรีบหลบ เมื่อเห็นว่าอยู่คนเดียวและไม่มีใครชุยเหมยฮวาจึงเอาซอสออกมาจากมิติ ทำให้เซียวหย่งเสียนที่มองอยู่ตกใจไม่น้อย แต่ไม่นานก็ตั้งสติได้ และรู้ว่าหญิงสาวที่ทำอาหารอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ภรรยาตัวเองอีกแล้ว
เขาไม่รู้ว่าชุยเหมยฮวาคนเดิมนั้นไปไหน แม้ว่าจะไม่ได้ผูกใจรักใคร่ แต่อย่างไรก็คือภรรยาของเขา อย่างน้อยต้องสอบถามเพื่อความกระจ่าง แต่ถ้าหากเทียบกับภรรยาคนเดิม จะว่าเขาเห็นแก่ตัวหรือเป็นคนเลวก็ได้ ความรู้สึกลึก ๆ เขาอยากให้คนตรงหน้าเป็นภรรยาของเขาต่อไป
ชุยเหมยฮวาไม่รู้เลยว่าความลับของตนเองนั้นโดนเห็นพร้อมหลักฐานไปเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงทำอาหารด้วยรอยยิ้มและความสุขพร้อมกับร้องเพลงไปด้วยเหมือนที่เคยทำชาติก่อน
กลิ่นอาหารตลบอบอวลไปหมด ยิ่งหมูสามชั้นผัดพริกเกลือกลิ่นนี่โชยออกมานอกบ้าน ทำให้ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาหยุดมองกัน พร้อมกับดมกลิ่นของอาหารพร้อมกับกลืนน้ำลาย “อาซวน วันนี้บ้านนายทำอะไรกินหรือ กลิ่นโชยออกมาหอมทั่วไปหมด” ชาวบ้านคนหนึ่งพอรู้รักมักคุ้นเอ่ยอย่างเป็นกันเอง“เมียเจ้าใหญ่นะสิ บอกจะทำเนื้อเพื่อบำรุงพวกเรา กับทำอาหารที่ชื่อผัดไทยให้กิน”พ่อเซียวหรือเซียวจ้ายซวนยืดอกยอมรับ เขาไม่อายและภูมิใจด้วยซ้ำ ในเมื่อลูกสะใภ้ต้องการทำอาหารบำรุงทุกคน และยังเปลี่ยนนิสัยตัวเองแบบนี้ใครบ้างไม่อยากอวด ก่อนหน้านี้เหมยฮวาจะเป็นอย่างไรเขาไม่อยากจะเก็บมาคิดอีกอีก คนเราต้องอยู่กับวันนี้และพรุ่งนี้เท่านั้น ส่วนอดีตหากปล่อยวางได้ก็ควรจะปล่อยวาง“นายโชคดีมากนะที่เมียหย่งเสียนปรับปรุงตัวเอง ฉันอิจฉานายจริง ๆ แล้วนี่เอาไม้มาทำอะไรเยอะแยะ”“เมียเจ้าใหญ่อยากขายอาหารเลยร้องขอให้ฉันกับเจ้าใหญ่ทำรถเข็นให้”“ดี ดีจริง ๆ ในที่สุดเมียหย่งเสียนก็รู้จักทำมาหากินเสียที”ลุงจางเอ่ยอย่างดีใจกับครอบครัวบ้านใหญ่เซียว หากสะใภ้คิดช่วยทำมาหากินก็ดีไม่น้อย นอกจากทำไร่ ทำนาแล้ว ไม่นานคงจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าบ้านใหญ่เ
สองสามีภรรยาจึงเดินกันออกมาจากบ้านเพื่อไปบ้านเดิมของชุยเหมยฮวา ระหว่างทางมีเพียงชุยเหมยฮวาเท่านั้นที่ชวนคุย เซียวหย่งเสียนทำได้เพียงขานรับและพยักหน้าเบา ๆ ในความคิดของชายหนุ่มกำลังคิดว่า เขาควรจะถามเธอตอนไหนดี หรือว่ารออีกสักหน่อย ทั้งสองคนเดินมาพักใหญ่ก็มาถึงบ้านชุย และเจอกับชุยซีหานนั่งอยู่หน้าบ้านพอดี“พี่ใหญ่!”ชุยเหมยฮวาร้องเรียกพี่ชายเสียงดัง ทำให้ชุยซีหานแทบร่วงตกลงมาจากแคร่ การที่ได้ยินน้องสาวเรียกแบบนี้เขาคิดว่าเธอคงผิดปกติจริง ๆ เพราะตั้งแต่ที่แม่เลี้ยงแต่งเข้ามาน้องสาวคนนี้เชื่อฟังแม่เลี้ยงยิ่งกว่าอะไร และแทบจะไม่เข้าใกล้เขาเลยด้วยซ้ำ“เสี่ยวฮวา มีอะไรหรือเปล่า เรียกซะเสียงดังเชียว” แม้ว่าจะตกใจ แต่เขาก็ยังยิ้มอ่อนโยนส่งไปให้ ไม่ว่าเสี่ยวฮวาจะเป็นยังไงเธอก็คือน้องสาวที่เขารักมากที่สุด“พ่ออยู่ไหมพี่ใหญ่ หนูทำอาหารมาให้พ่อกับพี่ด้วยนะ”ชุยเหมยฮวายิ้มหวานให้และตลกกับท่าทางของพี่ชาย นี่คงไม่คิดว่าเธอผีเข้าหรอกใช่ไหม ก็แน่ละสิร่างเดิมช่างน่ารังเกียจจริง ๆ มีพี่ชายที่แสนดีแต่กลับหูเบาเชื่อคนอื่น เฮ้อ…ไม่รู้จะด่ายังไงแล้วชุยซีหานยืนน้ำตาคลอ นี่เสี่ยวฮวาพูดจาดี ๆ กับเขาแล้ว“อยู่
“จริงเหรอพี่หย่งเสียน เสี่ยวฮวาพูดว่าจะขายอาหาร” ชุยซีหานหันมาถามคนที่เป็นน้องเขยตัวเองแทนที่จะถามน้องสาว“อืม เหมยฮวาอยากทำอาหารขายเพื่อหารายได้เข้าครอบครัว ฉันกับพ่อเลยขึ้นไปตัดไม้ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะทำรถเข็นและโต๊ะขายของให้” เซียวหย่งเสียนพยักหน้ารับ“พรุ่งนี้เสร็จงานแล้วพ่อกับเจ้าใหญ่จะไปช่วย วันนี้กลับกันก่อนเถอะ จะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว” ชุยหลายบอกกับลูกสาว“อาหารพวกนี้หนูเอามาให้พ่อกับพี่ใหญ่เท่านั้นนะ คนอื่นไม่เกี่ยว”ชุยเหมยฮวาเห็นชายเสื้อของแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่เหมือนยืนแอบฟังอยู่ เธอจึงเน้นย้ำเพื่อให้คนในบ้านได้ยิน สองพ่อลูกบ้านชุยพยักหน้าอย่างแข็งขันว่าจะไม่ให้ใครกิน ทำให้ชุยเหมยฮวายิ้มกว้างพร้อมกับชวนสามีกลับเพราะไม่อยากให้พ่อและแม่สามีต้องรอนานเมื่อลูกสาวไปแล้ว สองพ่อลูกบ้านชุยจึงถืออาหารเข้ามาในบ้าน ทำให้นางเมิ่งเสียและชุยเผยหรานมองตาเป็นมัน ใครบ้างไม่อยากกินเนื้อ ฐานะของบ้านชุยไม่ได้มีเงินเหลือเก็บถึงขนาดต้องซื้อเนื้อมากินทุกวันนะ“พี่หลาย ไม่คิดจะแบ่งให้ฉันกับลูกบ้างเหรอ เผยหรานก็ลูกพี่เหมือนกัน” นางเมิ่งเสียบ่นสามี เธอมองจานอาหารที่สามีและลูกติดของเขากินอย่างเสีย
เมื่อมื้อเย็นผ่านไป ทุกคนจึงนั่งคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าห้องนอน เซียวหย่งเสียนก็เช่นกัน เขาทำแบบเดิมเช่นทุกคืน คือเอาฟูกและหมอนออกมานอนที่ห้องโถง แต่ครั้งนี้ชุยเหมยฮวากลับคิ้วขมวดและถามขึ้น“ทำไมพี่ไม่นอนในห้อง จะไปนอนที่ห้องโถงทำไม”“สมองได้รับความกระทบกระเทือนเหรอ ที่พี่ต้องไปนอนนอกห้องเพราะเราให้พี่ไปนอน”“ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่คืนนี้ไป พี่ก็นอนในห้องนี่แหละ เราทั้งสองคนแต่งงานกันแล้ว จะแยกห้องทำไม?”“คุณเป็นใครกันแน่ คุณไม่ใช่เหมยฮวาคนที่ผมรู้จัก” อยู่ ๆ เซียวหย่งเสียนถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“และไม่ต้องโกหก ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่เธอและคุณยังสามารถเอาของออกมาจากอากาศได้อีกด้วย ถ้าเป็นชุยเหมยฮวาคนก่อนเธอไม่มีทางทำได้แน่”หญิงสาวตัวแข็งทื่อ ไม่คิดว่าเพียงวันเดียวเธอจะทำพลาดให้เขาเห็น จึงได้ถามกลับไปด้วยเสียงที่แผ่วเบาและไม่มั่นคง “พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้หรือเปล่าคะ เรื่องที่ฉันไม่ใช่ชุยเหมยฮวา”เมื่อเห็นว่าเซียวหย่งเสียนส่ายหน้า เธอจึงพ่นลมหายใจและสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง เอาว่ะในเมื่อโดนจับได้แล้ว โกหกไปก็เท่านั้น ไม่สู้ยอมรับความจริงเสียแต่ตอนนี้“คุณคิดถูกแล้ว ฉันไม่ใช่ชุยเห
เมื่อพากันเข้ามาในมิติ เซียวหย่งเสียนจึงอยู่ในร้านอาหารของเธอ จะเรียกว่าร้านอาหารคงไม่ใช่ต้องบอกว่าเป็นภัตตาคารอันหรูหรามากกว่า“นี่คือกิจการเพียงอย่างเดียวของหนูที่มีและติดตัวมาด้วย พี่คิดว่าเราเอาของไปขายในตลาดมืดดีไหม คงจะได้เงินเยอะ จะได้มีเงินสร้างบ้านและไว้ใช้จ่าย ทุกคนจะได้ไม่ลำบาก” เธอพูดลองใจอยากจะรู้ว่าเขาจะตอบยังไง“อย่าเลย ในเมื่อมันคือกิจการของหนู ก็ทำมันเหมือนเดิมนี่แหละ อยากขายอาหารไม่ใช่เหรอ ช่วยกันทำดีกว่าแม้ว่าจะเหนื่อยแต่มันภูมิใจกว่านะ เพราะใช้แรงงานทำเองไม่ได้เอาของพวกนี้ออกไปเร่ขาย”เซียวหย่งเสียนหลังจากที่รวบรวมสติได้เขาจึงตอบกลับตามความคิดของตัวเอง“แล้วพี่ไม่อยากได้เงินเยอะๆ เหรอ”“ไม่ล่ะ มีเงินเยอะแต่ไม่ได้มาเพราะหยาดเหงื่อแรงกายของตนเองพี่ก็ไม่ต้องการ ถ้าหนูอยากจะขายพี่พาเข้าตลาดมืดได้ หนูต้องเก็บเงินเองเพราะพี่ไม่ต้องการแต่ถ้าจะทำการค้าที่ใช้แรงงานของตนเองพี่ยินดีที่จะช่วย ทำงานหาเงินสักหน่อยคงจะเก็บเงินเช่าร้านได้ หากการทำร้านอาหารคือความฝันของหนูพี่ยินดีจะช่วย อย่างน้อยเราไม่ต้องลงทุนของอะไร” ในเมื่อมีวัตถุดิบขนาดนี้แล้ว ไม่สู้เก็บไว้กินหรือทำอาหารขายล่ะ
หลังจากที่ช่วยกันเลือกเสื้อผ้าและของใช้บางอย่างที่จำเป็นแยกไว้แล้ว ชุยเหมยฮวาจึงชวนสามีขึ้นชั้นบนซึ่งเป็นโซนบริเวณส่วนตัวที่ใช้สำหรับพักผ่อน ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ด้านในนั้นโอ่อ่าและหรูหรามากสำหรับเซียวหย่งเสียน ทำให้เขามีคิดว่าหากเธอหย่ากับเขาแล้วไปใช้ชีวิตใหม่จะดีกว่ามาลำบากกับเขาไหมเมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับรูปใบใหญ่ ภาพนั้นเป็นภาพของหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาสะสวยและยิ้มแบบมีเสน่ห์ แววตาเหมือนกับภรรยาเขาในตอนนี้ ทำให้เขามั่นใจยิ่งขึ้นว่าเรื่องทั้งหมดที่เธอพูดมาคือเรื่องจริงแต่พอเห็นอีกภาพที่ใส่เพียงผ้าสองชิ้นซึ่งปิดอะไรแทบไม่มิด ชายหนุ่มกลับหน้าแดงลามไปถึงใบหู แม้ว่าสมองจะสั่งให้หันหน้าหนีแต่ร่างกายกลับไม่ทำตาม ส่วนภายในใจนั้นเกิดความไม่ยินยอมและไม่พอใจขึ้นมาดื้อๆ“ใครถ่ายภาพนี้ให้?” พูดจบก็ชี้ไปที่ภาพใบนั้น“เพื่อนของหนูเองค่ะ ตอนนั้นไปเที่ยวทะเลกัน เห็นว่าสวยดีเลยใส่กรอบเก็บไว้” ชุยเหมยฮวายังไม่รู้ตัวว่าโดนไม่พอใจเข้าแล้ว เพราะยุคสมัยของเธอใส่บิกินี่ที่ทะเลไม่ใช่เรื่องแปลก คนใส่กันทั้งนั้น“ที่นั่นเขาใส่กันแบบนี้?”“ใช่ค่ะ ใส่ว่ายน้ำและตอนไปเที่ยวทะเล” เธอยังคงตอบด้วยความใสซื่อ“พี่
“ครับ พี่เข้าใจ ในเมื่อหนูมาเป็นภรรยาของพี่ พี่สัญญาว่าพี่จะดูแลหนูให้ดีที่สุด เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ แม้หนูอาจจะไม่สุขสบายเหมือนก่อน แต่เราช่วยกันสร้างได้นี่ ใช่ไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะโยกตัวเล็กน้อยเพื่อปลอบคนในอ้อมกอด ปกติเขาไม่ใช่คนฉวยโอกาสกับผู้หญิง ต่อให้เป็นชุยเหมยฮวาคนก่อนเขาก็ไม่คิดที่จะแตะต้องตัวเธอ แต่เธอคนนี้เขากลับไม่มีทีท่ารังเกียจทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกัน“หนูไม่ใช่เด็กนะ ปลอบหนูเหมือนเป็นเด็กสามขวบเลย หนูหนาวแล้วไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”ชุยเหมยฮวาเงยหน้ามองเขาพูดอย่างอาย ๆ แต่กลับทำให้เซียวหย่งเสียนอดใจไม่ไหว จนต้องประกบปากของตนเองลงมากับปากน้อย ๆ ของเธอ เมื่อรู้ว่าคนในอ้อมกอดเริ่มจะหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มจึงต้องปล่อยด้วยความเสียดาย“พรุ่งนี้เราทำบุญให้กับเหมยฮวาคนเก่ากันนะครับ เธอจะได้ไปอย่างหมดห่วงและได้อยู่ในภพภูมิที่ดี และต่อไปเราสองคนจะไม่พูดเรื่องหย่ากันอีกแล้วนะครับ”ทั้งสองคนสบตากันอย่างมีความหมาย ก่อนจะเดินจูงมือกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า คืนนี้ทั้งสองคนต่างก็นอนในอ้อมกอดกันและกันในมิติด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไรวันต่อมา ชุยเหมยฮวาและเซียวหย
หลังจากที่กินมื้อเช้าและทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนบอกกับพ่อแม่ว่าจะเข้าอำเภอ ไปดูซื้อของที่ต้องใช้ในการค้ามาไว้ก่อน จากนั้นทั้งสองคนจึงมารอเกวียนของหมู่บ้านรอบสาย เพราะรอบเช้ามืดนั้นไม่ทันแล้วชาวบ้านที่เห็นสองสามีมาด้วยกันได้แต่ทำหน้าแปลกใจ แม้ว่าเมื่อวานจะมีข่าวมาบ้างแล้วว่าทั้งสองคนผูกสมัครรักใคร่กันดีแล้ว แต่ก็มีหลายคนที่ยังไม่เชื่อ แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเอง กลับแปลกใจไม่น้อย“พี่หย่งเสียน จะเข้าอำเภอเหรอคะ”เหม่ยอีลูกสาวบ้านโจเธอแอบชอบเซียวหย่งเสียนมานานแล้ว แต่ที่บ้านไม่สนับสนุนเพราะบ้านเซียวนั้นจน วันนี้เห็นชายในดวงใจเดินมาเธอจึงยิ้มกว้างและเอ่ยทักทาย“อืม ผมจะพาภรรยาไปซื้อของคุณถามทำไม”ชายหนุ่มตอบเพียงแค่นั้น แต่ร่างกายกลับขยับเข้ามาใกล้ภรรยาอีกเล็กน้อย ทำให้ชุยเหมยฮวาอดขำไม่ได้ ไม่คิดว่าสามีจะรังเกียจผู้หญิงขนาดนี้ แต่พอนึกภาพเมื่อคืนที่โดนขโมยจูบทำให้หน้าแดงขึ้นมาแทนโจเหม่ยอีเมื่อได้รับคำตอบมาแบบนั้นเธอมีสีหน้าไม่สู้ดีก่อนจะปรายตามองชุยเหมยฮวาด้วยความโกรธแค้น“ทำไมวันนี้เธอถึงมากับพี่หย่งเสียนได้ล่ะเหมยฮวา ปกติฉันเห็นเธอตามติดพี่เจี้ยนซูอยู่ตลอด นึกว่าเธ
ถ้าจะไม่พูดถึงเซียวหมิงหย่วนก็คงไม่ได้ ตอนนี้เธอเองก็แต่งงานกับลู่จื่อฉี และกำลังท้องลูกคนแรก แต่กว่าที่ทั้งสองคนจะตกลงปลงใจกันได้ ชุยเหมยฮวาเธอทั้งช่วยเข็นช่วยดันไม่น้อยเพราะลู่จื่อฉีมักคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสม อีกทั้งอาสะใภ้รองคอยกีดกันอยากให้ลูกสาวได้คนที่มีหน้ามีตากว่านี้ ส่วนเซียวเจี้ยนซูก็แต่งกับพนักงานของร้านเหมยฮวา เธอและสามีเคยบอกว่าจะให้สูตรอาหารเพื่อให้ทั้งสองคนได้มีกิจการเป็นของตัวเอง แต่สองพี่น้องบอกว่าแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้วส่วนไร่ผลไม้ของสองตระกูลเริ่มผลิดอกออกผล แต่บางอย่างก็ต้องรอให้เต็มวัยก่อนจะเก็บผลผลิตไปขายได้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชุยเหมยฮวาพูดไว้ ชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า ไม่มีหนี้สินมีเพียงกิจการเล็ก ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว เพราะนี่คือความสุขที่แท้จริง“ในที่สุดสองแสบก็หลับเสียที”เซียวหย่งเสียนแทบจะปาดเหงื่อเมื่อต้องเอาลูกน้อยทั้งสองคนเข้านอน หน้าที่นี้เขาขอทำเองตั้งแต่ลูกเกิด ชายหนุ่มรู้สึกว่าแค่ภรรยาต้องอุ้มทองและเจ็บท้องคลอดก็พอแล้ว อะไรที่ทำได้เขายินดีที่จะทำ“เหนื่อยไหมคะ ทำงานเสร็จกลับมาบ้านยังต้องช่วยหนูเลี้ยงลูกอีก” ไม่ใช่ไม่เห็นใจสามีที่เหนื่อยจากงานแล้วต้อ
การใช้ชีวิตใจฐานะของพ่อและแม่ดำเนินไปอย่างมีความสุข แม้ว่าเซียวหย่งเสียนจะต้องไปดูร้านทั้งสองแทนภรรยาก็ตาม เมื่อเสร็จงานเขาก็จะรีบกลับมาหาลูกและภรรยา จนภาพพวกนี้ชินตากับลูกน้องและคนในครอบครัวเด็กน้อยทั้งสองคนเติบโตทุกวันจนอายุครบสามขวบ ความซนและความแสบไม่มีใครเกินใครเหมือนกับวันนี้“แม่ฮะ วันนี้พ่อจีบฉาว” เซียวคุนหยางหรือว่าหยางหยางวิ่งตัวกลมเข้ามาฟ้องแม่คนสวยของตัวเอง“หยุดเลยนะหยางหยาง พ่อยังไม่ได้ทำอย่างที่ลูกพูดสียหน่อย อยากให้พ่อโดนแม่ไล่มานอนนอกห้องหรือยังไง”คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้วช่างหาเรื่องให้เขาเสมอ ไม่รู้ได้ความแสบมายังไง“ไหนหยางหยางลองเล่าให้แม่ฟังสิครับ ว่าพ่อของลูกจีบสาวที่ไหน”“จีบที่ร้านที่อาเจี้ยนซูดูแลอยู่ฮะ ฉาวสวยมาก”ชุยเหมยฮวาหันมองหน้าสามีตาเขียว ก่อนจะมาตั้งใจฟังลูกชายเล่าต่อ“ฉาวชื่อ ป้าเจียงเย่วฮะ ป้าเอาบัญชีมาให้พ่อแทนลุงฉงซาน ฮ่า ๆ”นั่นปะไร เชื่อได้ที่ไหนกับความกวนของลูกชาย ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นพ่อกับลูกหรือว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันแน่“เป็นยังไงบ้างคะ วันนี้ร้านขนมตกแต่งเสร็จหรือยัง”นอกจากร้านอาหาร เธอเริ่มที่จะสร้างร้านขนมอีกด้วย ตอนนี้จึงเหลือเพียงตกแต่ง
บทส่งท้ายความสุขของครอบครัวเซียวหย่งเสียนมารอที่ห้องพักนานแล้ว ยังไม่เห็นภรรยารักตามเข้ามา ใจเขาเริ่มกระวนกระวายอีกครั้ง แต่ไม่นานพยาบาลและเจ้าหน้าที่เข็นคนป่วยเข้ามา“ตอนนี้คนไข้ยังไม่ตื่นนะคะ รออีกสักหน่อย แต่ปลอดภัยแล้วค่ะ” ดูจากสีหน้าของคนเป็นสามีพยาบาลวัยกลางคนจึงบอกด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณมากครับ”เซียวหย่งเสียนหันมาขอบคุณพยาบาล ก่อนจะเดินไปยืนข้างภรรยารักที่กำลังนอนอยู่ สายตาที่มองช่างอ่อนโยน ยากจะหาสิ่งใดเปรียบ จนนางหลินหลานอดที่จะปลื้มใจความรักของทั้งสองคนได้“เดี๋ยวแม่ขอไปดูหลานก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมา ลูกจะไปด้วยไหม” ในเมื่อลูกสะใภ้ยังไม่ตื่น เจ้าหน้าที่คงยังไม่พาหลานทั้งสองคนมา เธอจึงขอไปดูด้วยตัวเองก่อน“ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมขออยู่กับเสี่ยวฮวาดีกว่า เดี๋ยวตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอใคร”นางหลินหลานพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปดูหลานรักทั้งสองคน“หิวน้ำ” เสียงอันอิดโรยของชุยเหมยฮวาดังขึ้น ทำให้เซียวหย่งเสียนตื่นตัวอีกครั้งและรีบไปรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมาป้อนภรรยารัก“ค่อย ๆ กินนะครับ เดี๋ยวสำลัก”“ขอบคุณมากค่ะ หนูอิ่มแล้ว”เซียวหย่งเสียนวางแก้วไว้ตรงโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาแทรกตัวข
เจ้าใหญ่ นั่งก่อนเถอะ เสี่ยวฮวาอยู่กับหมอแล้วไม่เป็นอะไรหรอก” นางหลินหลานอดที่จะบ่นลูกชายไม่ได้ เธอมองตามไปมาตอนนี้เริ่มจะหน้ามืดแล้วเหมือนกัน“ผมเป็นห่วงครับแม่ เสี่ยวฮวาเข้าไปนานแล้ว หมอยังไม่ออกมาบอกเลย ผม...ผมกลัว”แค่ได้ยินเสียงที่เจ็บปวดของภรรยารัก เขาแทบจะไม่อยากให้คลอดลูกแล้ว ถ้าเป็นไปได้เขาขอเจ็บแทบดีกว่า แค่เห็นน้ำตาเธอเขาก็ใจสลายแทน“เจ้าใหญ่มานั่งนี่”เธอกวักมือเรียกให้ลูกชายมานั่ง เซียวหย่งเสียนไม่อยากขัดจึงเดินมานั่งข้าง ๆ นางหลินหลานจึงจับมือลูกชายมาตบหลังมือเบา ๆ และพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน“ฟังแม่นะ ลูกผู้หญิงทุกคนเมื่อแต่งงานย่อมต้องเจอเหตุการณ์นี้ แม้ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน แต่เมื่อเห็นหน้าลูกย่อมหายเจ็บและรู้สึกว่าคุ้มค่ามากหากเทียบกับความเจ็บที่เจอมา เสี่ยวฮวาคนนี้ย่อมต้องผ่านมันไปได้ เธอรู้ดีว่ามีครอบครัวและสามีที่ดีเช่นลูกรออยู่ เธอไม่มีทางไปไหนแน่นอน”เซียวหย่งเสียนได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของแม่ แผ่นหลังของชายหนุ่มเย็นไปหมด แม่พูดเช่นนี้เท่ากับท่านรับรู้มาตลอดว่าชุยเหมยฮวาไม่ใช่คนเดิม เขาจึงหันมองหน้าแม่อย่างตื่นตกใจ“แม่รู้...”“อย่าลืมว่าพ่อของลูกกับพ่อของเสี่ยวฮ
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ท้องได้สองเดือนแล้ว” คุณหมอกล่าวหลังจากตรวจเสร็จ ชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดเจ้าตัวเล็กก็มาเสียทีตอนนี้ครอบครัวเขาสมบูรณ์แล้วจากนั้นคุณหมอจึงบอกวิธีการดูแลคนท้องให้กับสองสามีฟังอย่างละเอียด แต่มีเหรอที่เซียวหย่งเสียนจะไม่ถามเรื่องการแสดงความรักกับภรรยา“ยังคงปฏิบัติได้เหมือนเดิมค่ะ เพียงแค่รอให้พ้นช่วงสามเดือนแรกไปก่อน แต่หลังจากนั้นยังคงต้องระวังความรุนแรงสักเล็กน้อย จนกว่าจะใกล้กำหนดคลอด”คุณหมอใบหน้าเกิดริ้วแดง ไม่คิดว่าสามีคนไข้ท่านนี้จะถามออกมาตรงๆหลังจากรับยาบำรุงสองสามีภรรยาจึงกลับมาที่ร้านเพื่อบอกข่าวดีแก่ทุกคน“เสี่ยวฮวา น้องกำลังท้องอยู่นะ เดินเหินระวังด้วยสิ” เซียวหย่งเสียนปวดหัวมากกับความดื้อรั้นของภรรยารัก“พี่หย่งเสียน หนูท้องนะไม่ได้ป่วยพี่จะไม่ให้หนูทำอะไรเลยไม่ได้ ฮือ...พี่ไม่รักหนูแล้วใช่ไหม พี่เลยดุหนูตลอด หนูแค่เดินมาหาทุกคนเท่านั้นเอง” ชุยเหมยฮวาน้ำเสียงสะอื้นตอบกลับ เธอไม่รู้อารมณ์ตัวเองเหมือนกัน เพียงแค่โดนดุเล็กน้อยเธอก็น้ำตาซึมแล้ว“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่ใช่พี่ไม่รักหนู แต่เพราะรัก พี่จึงเป็นห่วง ครั้
ชุยเหมยฮวายิ้มรับก่อนจะพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ไม่ใช่เพราะฉันคนเดียวหรอกป้า แต่ทุกคนต่างหากที่ร่วมด้วยช่วยกันจนมีวันนี้ ฉันเองก็ต้องขอบคุณพี่หย่งเสียนที่ยอมแต่งกับหญิงร้ายกาจเช่นฉัน พอวันหนึ่งที่ฉันคิดได้จึงรู้ว่าอะไรและใครสำคัญที่สุด ฉันเลยคิดที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่รัก”ชาวบ้านได้แต่ยิ้มให้ จากนั้นชุยเหมยฮวาจึงเดินดูความเรียบร้อยในส่วนอื่น ๆ ก่อนจะเดินมาหาสามีที่ยังนั่งดื่มกินกับเจ้าบ่าวและกลุ่มของเพื่อนที่มาจากในอำเภอและในหมู่บ้าน“พี่หย่งเสียน หนูจะเข้าไปหาพี่สะใภ้ พี่เองก็อย่าแกล้งพี่ใหญ่มากล่ะ เดี๋ยวจะเมาแล้วไม่ได้เข้าหอ”“พี่ไม่แกล้งพี่สัญญา เพราะคืนนี้พี่ต้องเข้าหอด้วยเหมือนกัน”เมื่อเจอการหยอกล้อของสามีใบหน้าของหญิงสาวจึงแดงขึ้นเพราะความเขินอายและรีบเดินจากไปทันทีชุยเหมยฮวาอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้อีกสักพักก่อนจะกลับไปจัดการอาหารที่บ้านใหญ่เซียวเพราะเดี๋ยวจะมีชาวบ้านมาขนไปที่บ้านชุย เพื่อนำไปแจกจ่าย และรอสามีรักกลับมาเข้าหอกับเธอเหมือนพี่ชายและพี่สะใภ้วันเวลาผ่านไปจนวันที่รอคอยของชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมาถึงเสียที ภัตตาคารเซียวเหมยเปิดทำการแล้ว พิธีเปิดในวันนี้เซียวจ้า
หลังจากจัดการเรื่องต่าง ๆ เสร็จสิ้น ทุกคนจึงดำเนินชีวิตอย่างปกติเช่นทุกวัน เซียวเจี้ยนซูไปช่วยงานที่ร้านเหมยฮวา เซียวหมิงหย่วนไปช่วยที่ร้านขายข้าวเหนียวหมูทอดของพ่อแม่สามี ตอนนี้บ้านชุยก็สร้างเสร็จแล้ว สองพ่อลูกบ้านชุยจึงย้ายกลับบ้านของตัวเอง แม้จะย้ายเข้าบ้านใหม่แล้วแต่ทั้งสองบ้านยังไม่ได้เลี้ยงฉลอง ทุกคนจึงเห็นว่าควรจะจัดงานแต่งของชุยซีหานและฟางเซียนเสียทีจะได้เลี้ยงพร้อมกันทีเดียวตอนนี้น้ำซอสปรุงอาหารเริ่มทยอยส่งขายแล้ว พร้อมกับลูกชิ้นชนิดต่าง ๆ ของชุยซีหาน ผลตอบรับทั้งสองอย่างดีเกินคาด ส่วนที่ดินที่สองครอบครัวซื้อไว้ ส่วนหนึ่งปลูกผลไม้ ส่วนหนึ่งนำมาเลี้ยงไก่เลี้ยงหมู ซึ่งเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ไม่น้อย ส่วนสองพี่น้องบ้านลู่ คนหนึ่งเป็นหัวหน้าคนงานในไร่โดยมีหวางห่าวสามีของกู้จิงคอยมาช่วยอีกแรง เวลาว่างก็จะมาช่วยที่ร้านเช่นเดิม อีกคนช่วยดูงานในโรงงานลูกชิ้นขนาดเล็กของบ้านชุย เพียงแค่นี้ค่าแรงทั้งสองคนแต่ละเดือนมากจนใครได้ยินก็ต่างตกใจในที่สุดวันแต่งงานของชุยซีหานและฟางเซียนมาถึง บรรยากาศในหมู่บ้านแทบจะติดผ้าสีแดงทั้งหมด วันนี้บ้านชุยและบ้านเซียวเลี้ยงฉลองนอกจากงานแต่งของชุยซีหานแล้วยังเล
ชุยเหมยฮวาแทบจะกระโดดปรบมือให้กับน้องสามีคนนี้เหลือเกิน เธอรู้มาตลอดว่าเนื้อแท้ของสองพี่น้องบ้านรองไม่ใช่คนเลว อาจจะหลงผิดไปบ้าง แต่ในเมื่อคิดปรับปรุงตัวเธอก็พร้อมจะให้อภัย ส่วนเรื่องของเซียวเจี้ยนซูจะโทษเขาฝ่ายเดียวคงไม่ถูก เพราะชุยเหมยฮวาคนเก่าเป็นฝ่ายตามตื๊อเขาเอง“ฉันรักพี่หย่งเสียนมาก่อน ในอดีตนังเหมยฮวาไม่ได้รักพี่หย่งเสียน มันรักพี่เจี้ยนซู มันไม่เหมาะที่จะเป็นเมียพี่” เจียวมิ่งยังคงดึงดัน แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดก็ตาม“เหมาะหรือไม่ ผมเป็นคนตัดสินใจไม่เกี่ยวกับคุณ ครั้งนี้ผมจะยอมจบเรื่องแต่โดยดี ถ้ามีครั้งต่อไป คุณได้เป็นภรรยาของชายคนใดคนหนึ่งแน่ ในเมื่อรู้จักผมดีไม่ใช่เหรอ ย่อมรู้ว่าผมพูดจริงทำจริง”พูดจบเขาจูงมือภรรยาและชวนทุกคนออกจากห้องเพื่อไปกินอาหารที่ร้านเป็นการตอบแทน“พี่หย่งเสียนมีงานให้เราสองคนทำบ้างไหม”เซียวเจี้ยนซูเอ่ยถามโดยมีเซียวหมิงหย่วนพยักหน้าตาม ตอนนี้ทั้งสองพี่น้องอยากทำงานเก็บเงินมาก เพราะเงินในบ้านที่เคยมีพ่อเอาไปเล่นการพนันแทบจะไม่เหลือแล้ว“ได้สิ พี่เจี้ยนซูฝึกงานกับพี่ฉงซานไปก่อนนะ ฉันกับพี่หย่งเสียนตั้งใจจะเปิดร้านอาหารอีกแห่ง ตอนนี้ซื้อที่
“ฉันจะเปิดเข้าไปดูถ้าเป็นพี่หย่งเสียนจริง ฉันยินดีที่จะหย่าให้ถ้าเขาอยากอยู่กับอดีตคนรัก เมื่อฉันมาทีหลัง ฉันพร้อมจะหลีกทาง” พูดจบก็เปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นหากไม่รู้แผนการมาก่อนคงใจสลายไม่น้อย เพราะรูปร่างของชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าไม่ต่างจากสามีของเธอ“พี่หย่งเสียน! พี่ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง พี่ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องนะ” ชุยเหมยฮวาเล่นเต็มที่ ทำเอาเซียวหมิงหย่วนอยากจะปรบมือให้พี่สะใภ้เสียเหลือเกินเจียวมิ่งแอบอมยิ้ม ก่อนจะแกล้งบิดขี้เกียจและทำเสียงงัวเงีย “ใครมารบกวนเราค่ะพี่หย่งเสียน” พอเห็นว่าเข้าตามแผนก็รีบปรับสีหน้าเป็นตกใจ และปลุกชายหนุ่มที่นอนข้างกัน“พี่หย่งเสียน ตื่นเถอะ ภรรยาพี่มา”“เกิดอะไรขึ้น ทำไมภรรยาผมมา ในเมื่อผมไม่มีภรรยาเสียหน่อย” ในเมื่อทุกอย่างลุล่วงเขาจึงแกล้งลืมตาและส่งเสียง ก่อนจะหันมาเจอหน้ากับทุกคน จึงทำให้เจียวมิ่งร้องลั่นห้อง“กรี๊ด! แกไม่ใช่พี่หย่งเสียน แกมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง”“เอ้า... ผมนอนของผมอยู่ดี ๆ คุณนั่นแหละเป็นใคร มานอนแก้ผ้าทำไมในห้องผม หรือว่าคุณต้องการทำมิดีมิร้าย ต่อให้ผมหน้าตาแบบนี้แต่ผมก็เลือกนะ” ชายหนุ่มพูดตามความคิด ถ้าเขาเป็นพี่หย่งเสี