หลังจากที่คาเรนตอบรับข้อเสนอในการเข้าร่วมคณะเดินทางของกรแทบจะทันที ทั้งคณะก็พากันหาที่พักในเมืองแกรมชั่วคราว ซึ่งก็ไม่พ้นร้านอาหารของเถ้าแก่ที่รู้จักกับเรเชลนั่นแหล่ะ เพราะได้โอกาส เรเชลก็เลยบอกเรื่องที่ช่วยน้องสาวได้แล้วกับเธอด้วย พอได้ยินแบบนั้นเถ้าแก่ก็ดีใจจนถึงกับน้ำตาปริ่มเลยทีเดียว บางทีเธอคงจะเป็นห่วงเรเชลคล้ายกับเป็นลูกของตัวเองเลยกระมั้ง กรคิดแบบนั้นแล้วก็พลอยดีใจไปด้วย หลังจากที่ได้ห้องพัก (ซึ่งเถ้าแก่ไม่คิดค่าบริการอีกแล้ว) สมาชิกทั้ง 9 คนแห่ง『DarkNight Sirius』 อันได้แก่ กร มีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า ลิลิธ เรเชล ริต้า และสมาชิกใหม่คาเรน ก็ทำการรวมตัวกันที่ห้องของกรเพื่อหารือถึงเป้าหมาย รวมถึงสถานะของคาเรนในกลุ่มเองก็ด้วย... นั่นทำให้ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งล้อมลงกันเป็นวงกลมหันหน้าเข้าหากัน อนึ่ง ตอนนี้ทุกคนอยู่ในชุดไปรเวทสบายๆเท่านั้น และพร้อมกันนั้นทุกๆคนต่างก็มีเครื่องดื่ม(น้ำผลไม้)กันคนละแก้ว และกิจกรรมก็เริ่มที่การกล่าวบางอย่างขึ้นมาของกร...〝 งั้นก่อนอื่น... ขอต้อนรับเข้ากลุ่มอย่างเป็นทางการนะคาเรน เอ้าดื่ม! 〞〝〝〝
〝 ขอโทษด้วย! ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง! 〞 หลังจากที่พวกกรได้รับการแจงเรื่องต่างๆและออกมานั่งรอตรงห้องโถง กรที่กำลังนั่งอยู่ก็ก้มหัวจนติดโต๊ะให้กับมีอากับเมอร์ลินในทันที ส่วนสาเหตุนั้นก็คือ.... เรื่องที่กรสารภาพกับทุกคน ว่าไปวางเงื่อนไขกับราชาไว้แบบไหนนั่นเอง〝 อีตาบ้าเอ้ย... ทีเรื่องแบบนี้นะ ดันไม่รู้จักรอบคอบเอาซะเลย 〞เมอร์ลินพูดแล้วก็ถอนหายใจเสียงดัง ทำกรรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ และนั่นยังไม่รวมสายตาทิ่มแทงจากสาวๆคนอื่น แต่ทางฝั่งมีอานั้น...〝 อืม... เจ้าหญิงที่ว่าจะเป็นคนยังไงกันนะ 〞 ว่าแบบนั้น แล้วก็เอานิ้วจิ้มแก้มตัวเอง พลางเอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังเหมือนทุกที และแน่นอนว่าไร้ซึ่งความกังวล〝 มีอานี่ก็นะ... 〞เมอร์ลินว่าแล้วก็กุมขมับ ส่ายหัวไปมาอย่างหน่ายๆ แต่ทางมีอาที่ใจเย็นกว่าก็ประเมินสถานการณ์ออกมาได้ว่า...〝 ก็แหม... ยังไงก็มันก็แค่การหมั้นเองไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่าจะต้องแต่งงานกันตอนนี้เลยซักหน่อย... 〞〝...อืม ที่เธอว่ามามันก็จริง 〞 นั่นเลยทำให้เมอร์ลินคิดตามอย่างใจเย็น แล้วก็ต้องหันไปมองตาของกร ที่เงยขึ้นมา
————วันต่อมา เป็นช่วงเช้าตรู่เวลาประมาณ 7 นาฬิกา ห่างจากโรงแรมอิกดราซิลที่พวกกรพักเพียง 100 เมตร ข้างๆที่นั่งริมทางใต้ต้นไม้ใหญ่ คล้ายกับเป็นจุดหย่อนใจประจำเมือง ณ ที่นั่งริมทางตรงนั้น... มีกรในชุดลำลองกำลังนั่งรอใครบางคนอยู่คนเดียวมาราวๆ 45 นาทีแล้วแล้วทำไมฉันถึงต้องมานั่งรออยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่งั้นเหรอ?เรื่องนี้มันมีสาเหตุอยู่... ถ้าถามว่าเป็นไงมาไง ก็คงต้องเล่าย้อนความกลับไปถึงเรื่องเมื่อวานนิดหน่อยหล่ะนะหลังจากเหตุการณ์ที่ฉันสารภาพรักกับเรเชลไปเมื่อวาน ทุกๆคนก็กลับมาหลังจากนั้นแค่แป๊ปเดียวแล้วก็มีการฉลองปาร์ตี้กันอย่างที่คิดไว้ตอนแรกเรเชลแสดงสีหน้าเป็นสุขออกมาอย่างเห็นได้ชัดตลอดงาน... สุขที่สุดนับแต่ที่เคยเห็นมาเลยแต่เอาเถอะ... จากที่ทำสีหน้ากังวลมาตลอด เราทำแบบนั้นไปก็คุ้มแล้วหล่ะนะเพียงแต่ฉันต้องบอกเรื่องนี้กับมีอาแล้วก็เมอร์ลินด้วย...จูบกับผู้หญิงคนอื่นทั้งที่มีพวกเธอเป็นแฟนอยู่แล้วนี่มันนอกใจชัดๆ แถมลับหลังอีกต่างหาก...เพราะคิดงั้นหรอกนะ เลยพยายามหาโอกาสบอก แต่ไม่รู้ทำไมทั้งสองคนพยายามเลี่ยงไม่คุยเรื่องนั้นด้วยกันซะงั้นพอจะพูดก็ถูกขัดตลอดเลย ย
ณ ที่นั่งริมทางใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเป็นจุดพักผ่อนประจำเมือง อันห่างจากตัวโรงแรมอิกดราซิลที่พวกกรพักอยู่เพียง 100 เมตร... ตรงนั้น มีกรคนเดิมกำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ แต่ด้วยท่าทีที่ต่างออกไปจากตอนแรกที่ตื่นเต้นด้วยความสนุกสนานปนประหม่าอย่างสิ้นเชิง ...ตัวกรในตอนนี้กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาพลางใช้มือทั้งสองข้างกุมศีรษะอยู่ พร้อมกับปล่อยบรรยากาศที่ดูน่าหดหู่และน่าสงสารในเวลาเดียวกันออกมา จนคู่รักบริเวณรอบๆไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เลยทีเดียว ส่วนสาเหตุมันก็เป็นเพราะ…ซาช่า... รักเรา?เอาจริงดิ!? นี่ฉันคิดถูกงั้นเหรอ? ไม่ได้คิดไปเองงั้นเหรอเนี่ย?ทำไมกันหล่ะ? นี่ฉันมีอะไรน่าหลงใหลขนาดนั้นเลยรึไง ทั้งเรเชลทั้งซาช่าถึงได้มาชอบคนอย่างฉันเนี่ย?เรื่องของเรเชลฉันยังตัดสินใจไม่ได้เลยแท้ๆ นี่ยังจะมีเรื่องของซาช่าเข้ามาอีก...บ้าจริง! แล้วถึงจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่เรากลับ... กลับรู้สึกดีใจที่ซาช่ารักเราซะได้!เรานี่มันเลวจริงๆให้ตายสิ...แล้วก็ตอนนี้ ซาช่ากลับไปอยู่กับพวกมีอาแล้วงั้นสินะ เอาเถอะ ก็โล่งใจได้เปราะนึงที่ไม่ได้เดินหนีตะลอนไปทั่วจนไปเจออันตรายเข้าใจจริงก
ณ ที่นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ประจำเมือง... ซึ่งเป็นที่เดิมหลังจากที่ผ่านการเดทมาสองครั้ง... ที่ตรงนั้น... มีกรที่กำลังนั่งอยู่กับพื้นแล้วก็ใช้ที่นั่งที่ประจำของตนเป็นที่ฟุบ ราวกับเด็กนักเรียนที่ฟุบหลับในห้องยังไงอย่างงั้นแทน... พร้อมกับปล่อยบรรยากาศแห่งความกังวลออกมามากยิ่งกว่าเดิม... จนตอนแรกที่ว่าไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แล้ว ในตอนนี้มีแต่นก หู หมา กา ไก่ ก็ยังกลัวบรรยากาศรอบตัวกรเลยทีเดียว...สับสนไปหมดแล้ว... นี่โลกใบนี้มันเพี้ยนไปแล้วรึยังไงเนี่ย?เรเชล ซาช่า... แถมยังลิลิธอีก...ทุกคนรักเรา... รักเราแบบชายหญิงทั่วไป...อือ.... จะทำยังไงดีๆๆๆๆๆปวดหัวไปหมดแล้ว คิดอะไรไม่ออกเลย... ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อดี...〝 เฮ้อ!!! 〞 กรคิดอย่างกังวลราวกับเจอปัญหาที่แก้ไม่ตกหลังชนฝา... แล้วก็ถอนหายออกมาอย่างอิดโรย...แล้วทำไมฉันถึงกลับมานั่งที่เดิมหน่ะเหรอ?ก็เพราะรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วหน่ะสิ... ว่าคิวต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น...แต่จะให้หนีมันก็น่าสมเพชเกินไป...เพราะยิ่งกว่าการไม่ทำอะไร ก็คือการหนีที่เราเกลียดและทำมาตลอดนั่นแหล่ะเพราะงั้น... ถึงได้ไม่หนี... แล
———— ครึ่งชั่วโมงต่อมาก๊อกๆ!〝 ดิฉันเองค่ะ! 〞 ชาลอตเคาะประตูห้องที่ทุกคนอยู่ หลังจากที่กรและเธอวาร์ปมาที่คาลิโอน่าหลังจากนั้นซักพัก แต่ว่ากรนั้นไม่ได้อยู่กับเธอ... แล้วประตูก็ถูกเปิดออกในทันทีโดยเมอร์ลิน〝 เป็นยังไงบ้างชาลอต? 〞เมอร์ลินเอ่ยถาม แล้วชาลอตก็ถูกเรเชล ซาช่าและลิลิธที่นั่งอยู่ในห้องจ้องมาที่เธอ เพราะหวังในคำตอบ หรือแม้แต่ริต้าและคาเรนเองก็ตาม〝 นายท่านบอกว่า ให้เวลาฉันซักหน่อย หน่ะค่ะ 〞〝 ...งั้นเหรอ 〞 พอได้ยินคำตอบ ทุกคนก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นกังวลกันแทน นั่นแม้แต่เมอร์ลินก็ด้วย... ยกเว้นคนๆเดียว...〝 ไม่เป็นไรหรอก! 〞〝 มีอา? 〞เมอร์ลินเลิกคิ้วขึ้น ให้กับเสียงของเด็กสาวที่พูดออกมาอย่างมั่นใจแบบนั้น ใช่... คนๆเดียวที่รู้ว่าทุกอย่างจะออกมาเรียบร้อย คนที่รู้จักตัวกรยิ่งกว่าตัวของกรเองซะอีกอย่างมีอา... เธอเป็นคนเดียวที่มั่นใจว่าทุกอย่างจะออกมาโอเค〝 ทุกอย่างจะต้องโอเคแน่ เชื่อฉันสิ! กรหน่ะ ทำให้พวกเธอตกหลุมรักได้เชียวนะ เพราะงั้นเชื่อมั่นในตัวกรเข้าไว้สิ ทุกคนรวมถึงเค้าจะต้องมีความสุขไปด้วยกันได้แน่! 〞
———— เช้าวันต่อมาหลังจากเหตุการณ์เมื่อวานที่ฉันคบเป็นคนรักกับทุกคน ทุกอย่างก็ดูเป็นไปได้ด้วยดีกว่าที่คิดอีกและที่สำคัญ... เมื่อวานพวกเราคุยกันซะไม่บันยะบันยังและนั่นทำให้รู้จักกันยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ซะอีกและมันจะพัฒนาไปยิ่งกว่านี้อีกแน่นอนแต่ถ้าจะพูดถึงเหตุการณ์น่าตื่นเต้นเมื่อวานหล่ะก็ คงเป็นเรื่อง『กฎในครอบครัว』ของพวกเราที่ตั้งขึ้นมาเมื่อวานหล่ะนะหนึ่งก็คือ ต้องจูบอรุณสวัสดิ์กันทุกเช้าหลังตื่นนอน และจูบราตรีสวัสดิ์ก่อนนอนทุกคืน...โคตรดีเลยอันนี้ เหมือนฉันได้ประโยชน์เต็มๆเลยแฮะ ถึงจะน่าเสียดายที่ต้องเริ่มกฎข้อนี้ตอนเย็นแทนก็เถอะสองก็คือ ต้องไม่มีเรื่องปิดบังกัน ถ้ามีปัญหาหรือข้องใจจะช่วยกันแก้ในทันทีอืม อันนี้ค่อยธรรมดาสมเป็นครอบครัวปกติหน่อย...สาม ห้ามเกรงใจกัน...ไม่เช่นนั้นระยะห่างของพวกเราอาจจะกว้างขึ้นกว่านี้อันนี้มันเหมือนธรรมเนียมมากกว่ากฎอ่ะนะ และมันถูกสร้างโดยเมอร์ลินสงสัยยังติดใจเรื่องที่ฉันแอบไปทำแบบนั้นกับมีอาอยู่แหงๆเลยแฮะ... เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเลยข้อสี่... อันนี้เป็นกฎของพวกผู้หญิงอ่ะนะเป็นสัญญาลูกผู้หญิงที่ว่า นอกจากจะรักฉันที่สุดแล้ว... ในหมู่ผู้ห
———— เช้าตรู่วันต่อมา ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ที่ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับกระดานหมากรุกขนาดใหญ่ราวๆ 100 ตารางเมตร แต่ไร้ซึ่งตัวหมาก ใดๆ โดยที่ด้านนอกของเขตหมากรุกเป็นสิ่งที่คล้ายกับกลุ่มเมฆ หากมองดูจากภายนอกได้ มันก็คงจะเหมือนกับกระดานหมากรุกที่ลอยอยู่เหนือเมฆนั่นแหล่ะ เพียงแต่การทำแบบนั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องด้วยความที่มันถูกสร้างขึ้นให้โดนจำกัดเขตใช้งานแค่ในบริเวณกระดานเท่านั้น พื้นที่นอกเหนือจากนั้นจึงคล้ายกับของประดับตกแต่งมากกว่า มองลงไปยังกระดานและเจาะรายละเอียด... แล้วก็จะพบเข้ากับเด็กสาวร่างเล็กผมยาวสีน้ำตาลและผูกส่วนที่เหลือเป็นโพนี่เทลด้านขวา สวมชุดที่ดูเคลื่อนไหวง่ายและค่อนข้างเปิดผิวกายให้เห็นโดยเฉพาะช่วงสะดือและต้นขา และจะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากคาเรน... หนึ่งในแฟนสาวของกร และเธอก็กำลังต่อสู้อยู่กับบางสิ่งอยู่...ตึก! ตึก! ตึก!———— สิ่งนั้นคือ หุ่นไม้ที่สามารถขยับได้ตามโปรแกรมที่ผู้ฝึกวางไว้ และสิ่งนั้นกำลังพุ่งเข้าหาคาเรนด้วยความเร็วพอๆกับนักกรีฑามืออาชีพอยู่〝 ฮึ่ย! ย้ากกกก! 〞 คาเรนที่เห็นหุ่นฝึกพุ่งตัวเข้ามาแบบนั้น ก
———— ในเวลาเดียวกัน, ทางฝั่งของมีอา หลังจากการปรากฏตัวของดันเจี้ยนมาสเตอร์อย่างอาร์เคมีดีสในฐานะของศัตรูอย่างเป็นทางการ พร้อมการช่วยเหลืออย่างไม่คาดฝันจากเหล่าดันเจี้ยนมาสเตอร์ของดันเจี้ยนที่พวกกรเคยพิชิตมาแล้ว ทำให้พวกกรที่ตอนนี้ถูกแยกออกเป็น 4 ปาร์ตี้เข้าสู่ทางเข้าเพื่อไปยังชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยนโบราณแห่งนี้ได้สำเร็จ ดังเช่นปาร์ตี้ของมีอาที่ประกอบด้วยริน ชาลอต ซาช่าและเจนนี่ที่กำลังเดินวิ่งลงบันไดวนหลังจากผ่านทางเข้ามาได้ แต่อย่างไรก็ดี... การจะบอกว่าสถานการณ์ในตอนนี้โล่งอกก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะรู้กันอยู่ว่ายิ่งลงไปดันเจี้ยนชั้นที่ลึกมาเท่าไหร่ อันตรายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นมหาทวีคูณ แม้จะปลอดภัยกว่าการที่ดันเจี้ยนมาสเตอร์ลงมาจัดการเองก็ตาม“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย! ฉันงงไปหมดแล้ว!”“แล้วดิฉันจะรู้ไหมคะเนี่ย!” แต่ที่สำคัญกว่าความอันตรายของสถานการณ์ คือเรื่องที่อยู่ ๆ เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นดันเกิดขึ้น ทำให้ความกังวลและสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของทุกคนตื่นตัวถึงขีดสุด อาจเพราะแบบนั้นเจนนี่กับชาลอตถึงได้แสดงความกังวลออกมามากปกต
———— ในขณะเดียวกัน, บนผิวน้ำเหนือมหาดันเจี้ยน ในเวลาเดียวกันกับที่ปาร์ตี้ของพวกกรกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ไม่คาดฝันกันอยู่ ฝ่ายกองกำลังป้องกันทมี่เป็นปราการด่านแรกก่อนที่มอนสเตอร์ของมหาดันเจี้ยนจะเคลื่อนที่ไปถึงแผ่นดินใหญ่เองก็กำลังเจอศึกหนักไม่ต่างกัน เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นไปทั่วน่าน้ำ เสียงปืนกลดังลั่นรัวราวประทัดงานเทศกาล ผสมปนเปกับเสียงร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งของเหล่ามอนสเตอร์ที่กรูกันออกมาจากปากทางน้ำวนด้วยจำนวนที่เกินกว่าจะนับด้วยสายตา ด้วยจำนวนราวกับมดแตกรังก็เพียงพอจะทำให้เหล่าทหารศึกและลูกเรือรบทุกคนหวาดผวาแล้ว ยังต้องยอมรับความจริงที่น่าสิ้นหวังอีกอย่างหนึ่งอีกคือ พวกมันทุกตัวมีสเตตัสสูงกว่าบอสของมหาดันเจี้ยนทุกตัวที่พวกกรเคยประมือด้วยเสียอีก แถมยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้สเตตัสของพวกมันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เวรเอ้ย! นี่มันแย่กว่าที่คิดไว้ไม่ใช่รึไงวะเนี่ย!” เสือที่อยู่ในห้องศูนย์บัญชาการตวาดพลางทุบโต๊ะอย่างหงุดหงิด เพราะแผนที่ตนกับกรช่วยกันคิดเหมือนจะทำได้แค่ยื้อเวลาจนกว่าพวกกรจะเคลียร์มหาดันเจี้ยนได้ ซึ่งอันที่จริง การทำได้แค่ยื้อเวลาก็เ
หลังจากนั้นปาร์ตี้ของพวกกรก็ใช้เวลาไม่นานนักในการเดินออกมานอกป่าที่เป็นวิวทิวทัศน์ตลอดเกือบชั่วโมงที่ผ่านมา สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าและกลายเป็นจุดรวมสายตาเป็นอย่างแรกของพวกกร แน่นอนว่าคือต้นไม้ยักษ์สูงเสียดฟ้า แทบหาคำเปรียบเปรยมิได้ว่ามาปลายสุดของมันไปจรดที่ดาวดวงไหน ส่วนโบราณสถานที่อยู่ในสภาพเป็นซากปรักหักพังที่ฟลอร่าบอกก่อนหน้านี้ก็อยู่เบื้องหน้าพวกกรนี้เอง ดูจากภายนอกวัสดุที่ใช้คล้ายกับอิฐโบกทับด้วยสีขาว สภาพของมันดูเก่าแก่เป็นพันปีหากใช้มาตรฐานปกติเป็นเกณฑ์ แต่เพราะที่นี่เป็นดันเจี้ยน กาลเวลาไม่น่าเป็นปัจจัยสำคัญเท่าพลังที่ดึงมาจากชีพจรพิภพมาใช้ เพราะตราบใดที่พลังที่ดึงมาใช้ยังมีอยู่ การคงสภาพวัตถุในดันเจี้ยนย่อมไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้น การที่มันอยู่สภาพปรักหักพัง จึงเดาได้เกือบ 100% เลยว่าเป็นความตั้งใจของดันเจี้ยนมาสเตอร์“แต่ดูภายนอกแล้ว น่าจะเรียกว่าเป็นเขาวงกตมากกว่านะคะเนี่ย”“นั่นสิ เห็นด้วยเลย” ไมน์กับกรเห็นพ้องต้องกันในเรื่องนั้นหลังสังเกตด้วยสายตาในระยะที่มองเห็น การออกแบบภายในของมันดูซับซ้อนเกินกว่าที่จะเคยเป็นสถาน
———— ในขณะเดียวกัน, ทางฝั่งของปาร์ตี้ B หากนับปาร์ตี้ของพวกกรเป็นปาร์ตี้ A แน่นอนว่าในขณะเดียวกัน ทุกคนที่กระะจัดกระจายไปเพราะเวทมนตร์ที่น่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามมิติสู่เกาะต่าง ๆ ในสถานที่แห่งหนึ่ง สมาชิกคนอื่น ๆ ของดาร์คไนท์ซิริอุสเองก็ถูกจับปาร์ตี้แบบสุ่มจากการที่โดนสุ่มเคลื่อนย้ายมาเช่นกัน และสำหรับปาร์ตี้ B อันมีสมาชิกประกอบไปด้วยมีอา ริน ชาลอต ซาช่าและเจนนี่ รวม 5 คน หากนับแค่จำนวนสมาชิก ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนถ้าประเมินจากกำลังรบเป็นรายคนก็ถือว่าใช้ได้ เพราะมีซาช่าที่ถูกประเมินจากในกลุ่มว่าเป็นระดับ S คือ ซาช่า ระดับ A อย่างมีอาและเจนนี่ ส่วนระดับ B ได้แก่รินและชาลอต ซึ่งผ่านขั้นต่ำที่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามข้อตกลงของกลุ่ม กระนั้น... ก็คงพูดไม่ได้ว่าสบายนัก เพราะตอนนี้ทั้งปาร์ตี้ก็กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันยากลำบากกันอยู่ สภาพพื้นที่ของเกาะที่พวกเธอทั้ง 5 คนกำลังเผชิญอยู่ต่างกับป่าดิบชื้นที่พวกกรเจออยู่บางส่วน นั่นคือมันเป็นป่าโปร่งเหนือทะเลทราย และมีหย่อมโอเอซิสเป็นพัก ๆ อากาศเองก็ร้อนกว่าพอสมควรแต่ไม่เกินคว
คงมีไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นทิวทัศน์อันกลมกลืนจนแทบจะเป็นสีเดียวอยู่เบื้องหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว กับทิวทัศน์ตามธรรมชาติก็ยิ่งยากแก่โอกาสเข้าไปใหญ่ สีฟ้าครามของท้องฟ้าที่สุดปลายขอบ แทบจะกลมกลืนเป็นสีเดียวกับน้ำทะเลที่อยู่สุดปลายสายตา เป็นภาพที่ดูแปลกประหลาดที่แต่ก็งดงามยิ่ง เสียงประกอบที่อยู่โดยรออบก่อเกิดจากคลื่นซัดกระแทกและจากเหล่าวิหคสีขาวนวลทำให้เสพบรรยากาศน่ามหัศจรรย์อันถูกรังสรรค์โดยธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ จะมีก็เพียงสิ่งเดียวที่มิได้เกิดขึ้นเอง หากแต่เป็นฝีมือของมนุษย์... มันคือเรือรบเหล็กขนาดมหึมาเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการถึง ขนาดที่คนที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนคิดว่ามันเป็นเปลือกทวีปเคลื่อนที่เลยทีเดียว มันฝ่าเกลียวคลื่นของมหาสมุทรโดยไม่ครั่นคร้ามต่อสิ่งใด เพราะนอกจากตัวมันเองแล้วก็ยังมีบริวารติดสอยห้อยตามมาอีกเป็นจำนวนที่มากพอควร นอกจากเรือธงที่เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดอย่าง UFG Glory ของมหาอำนาจอย่างแอนดรูวส์ แล้วก็ยังมีเรือประจัญบานกันกุต รีวาลูซาของคัทยูช่าแห่งไซบีเรียน ไทเกอร์ขนาบข้างมาด้วย นอกจากนั้นยังมีเรือบรรทุ
———— 1 เดือนต่อมา1 เดือนผ่านไปไวยังกับโกหก... ที่เขาว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วนี่ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะเพราะแล้วพอรู้ตัวอีกที ก็มาถึง ‘วันตัดสินชี้ชะตา’ ซะแล้วถึงจะไม่อยาก แต่ไม่ช้าก็เร็วยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงเข้าซักวันอยู่ดีส่วนเรื่องที่ว่าตลอด 1 เดือนที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้างนั้น...ขออดเปรี้ยวไว้กินหวาน พูดถึงเรื่องงานก่อนก็แล้วกันหลังจากการประชุมสภาโต๊ะจัตุรัสหนก่อน จนได้ข้อสรุปว่าจะขยายกองกำลังป้องกันให้มากขึ้นกว่าเดิม พวกเราก็ดำเนินการตามแผนกันในทันทีเริ่มจากการจัดหาทรัพยากรสร้างเรือรบ ไม่สิ เพราะมีฟังก์ชั่นลอยตัวของแกนเวทใหม่ของเมอร์ลิน เพราะงั้นก็ต้องเป็น ‘เรือเหาะเวทมนตร์’เดิมทีแผนก็คือสร้างอู่ต่อเรือ 10 แห่งให้เสร็จภายในเวลา 1 สัปดาห์ แต่พอเอาเข้าจริง พวกเราภาคีโต๊ะจัตุรัสก็ทำผลงานได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ผลก็คือสามารถสร้างอู่ต่อเรือเพิ่มได้ถึง 15 แห่งในเวลาเพียงแค่ 6 วันอาจมองว่าเป็นความต่างเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมากมหาศาลเลยเชียวล่ะเพราะตอนแรกประมาณการณ์ไว้ว่าจะมีเรือเหาะที่เป็นกำลังรบได้ 42 ลำ จากการใช้เวลาสร้าง 1 ลำต่อ 1 สัปดาห์ โดยใช้อู่
หลังจากที่ประชุมแผนการพิชิตมหาดันเจี้ยนอย่างเป็นรูปธรรมเสร็จแล้ว พวกเราทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเป็นภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งเอาเรื่องเลยสำหรับเด็กหนุ่มเด็กสาวอายุไม่ถึง 20 (ไม่นับอายุทางจิตใจของฉันนะ)พอมานึกดูเล่น ๆ... กลับกลายเป็นพวกเราทุกคนมีงานมีการ มีหน้าที่รับผิดชอบกันเป็นชิ้นเป็นอันกันหมดแล้วก็ถ้าเป็นในโลกเดิม พวกเราทุกคนกำลังเรียน ม.ปลายกันอยู่เลยนี่นะแต่ดูตอนนี้สิ... มีทั้งงาน มีทั้งบ้าน มีทั้งครอบครัวแล้วด้วยมาไกลเหมือนกันแฮะตัวเรา... ทั้งที่เพิ่งจากโลกเดิมมาได้ไม่ถึงครึ่งปีเลยแท้ ๆที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเรามีคู่ชีวิตดี ๆ นั่นแหล่ะนะ ถึงมาได้ไกลขนาดนี้อ๊ะ... เผลอนอกเรื่องอีกแล้วประเด็นที่อยากจะบอกก็คือ ถึงตอนนี้จะมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ แต่ก็อย่าลืมครอบครัวที่คอยสนับสนุนอยู่ต่างหากก็นะ ถึงฉันจะยกเรื่องครอบครัวเป็นอันดับหนึ่งเหนือเรื่องงานอยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็ยังอยากจะย้ำกับตัวเองอีกหลาย ๆ รอบอยู่ดีแล้วก็เพราะแบบนั้น ถึงได้ทำให้นึกถึงเรื่องสำคัญที่อยากจะทำออกด้วยคุยกับแมรี่ไว้แล้วนี่นะว่าจะให้แกเข้าโรงเรียนแล้วเดิมที จุดประสงค์หลักที่เป็นแบบนั้นก็คือ อยากจะ
เฮ้อ... ท่ามกลางบรรยากาศสงบสุขในเมือง กลางท้องถนนย่านการค้าที่กำลังคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ กลับมีเด็กหนุ่มถอนหายใจราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่างในชีวิต ทั้งที่เขาคนนี้มีสาวน้อยน่ารักเดินควงแขนอยู่แท้ ๆ“ กร ไม่สนุกที่มาเดทกับดิฉันเหรอคะ ” เด็กสาวเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่ทำหน้าเหมือนกับผิดหวังอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นสีหน้ากังวลใจของเด็กสาวที่เป็นแฟนของตัวเอง เด็กหนุ่มก็ดีดผึงจนหลังตรงหันมาให้ความสนใจกับเธอในทันที“ ไม่ ๆ ไม่ได้ไม่สนุกที่มาเดทกับเธอหรอกชาลอต แค่นึกถึงเรื่องเมื่อกี้นิดหน่อยน่ะ ” เด็กหนุ่ม... กรตอบกลับแฟนสาวอย่างชาลอตในทันทีเพื่อแก้ความเข้าใจผิด เพราะเดิมที การมาเดทกับเจ้าตัวก็เพื่อให้ชาลอตอารมณ์ดี รวมถึงต้องการจะเห็นแผนสาวสุดที่รักอย่าชาลอตยิ้มออกมาเยอะ ๆ ดังนั้นหากจะทำอะไรให้เธอกังวลและไม่พอใจ นั่นคงเป็นการผิดจุดประสงค์ที่ตั้งใจไว้ของตัวเอง“ เรื่องเมื่อกี้? ที่ทุกคนตกลงว่ากรต้องเดทกับทุกคนทุกวันน่ะเหรอ? ” ชาลอตเอ่ยถาม คิ้วเธอขมวดเล็กน้อยเหมือนไม่เข้าใจว่ากรจะกังวลเรื่องนี้ทำไม ซึ่งก็จริง เพราะกรมีแต่ได้กับได้“ ก็ฉันกลัวจะรับมือกับทุก
“ นาย... เอลกินจริงเหรอ? ” กรถึงกับต้องขมวดคิ้วจ้องมองชายคนที่อยู่ตรงหน้าเพราะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ซึ่งมีอาเองก็ทำแบบเดียวกัน“ ขอโทษด้วยนะครับ มากะทันหันแบบนี้คงตกใจกันน่าดู ” เอลกินยิ้มตอบแบบไม่ได้คิดมาก“ ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้ตกใจเรื่องที่มาปุบปับซะหน่อย ” กรอดที่จะพูดเหมือนกับตกมุกแบบนั้นไม่ได้“ นั่นสิ... ยังกับคนละคนเลยเนาะกร ” มีอาเองก็แอบกระซิบแบบนั้นข้างหูกรเหมือนกัน“ นั่นสินะครับ ต้องอธิบายเรื่องนั้นด้วย แต่ก่อนอื่น... ” และดูเหมือนเอลกินเองก็ได้ยินเสียงกระซิบของมีอา แต่ยังไงก็ตาม เจ้าตัวก็พยายามทำเรื่องที่ตั้งใจไว้หนแรกก่อน เขาจึงยื่นช่อดอกไม้ในมือให้กับกร“ อันนี้แทนคำขอโทษของผมนะครับ ขอโทษด้วยจริง ๆ ที่พูดจาเสียมารยาทไปมากมายเมื่อตอนนั้น ” เอลกินพูดจบก็โค้งให้พวกกรอย่างนอบน้อม ท่าทางนั้นออกมาจากใจจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เดิมที หากเขาเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีและโอ้อวดศักดาตัวเองแบบที่เจอกันครั้งแรกจริง เขาคงไม่มีทางยอมทำเรื่องแบบนี้อย่างเต็มใจแน่“ อืม... ยังไงก็เข้ามาก่อนแล้วกัน ว่างั้นไหมมีอา ”“ นั่นสินะ ถ้าขอโทษกันแล้วฉันก็ไม่ต