เฟิ่งเชียนอวี่ไม่รู้เรื่องเหล่านี้มากนัก ตอนนี้นางให้ความสนใจเพียงร้านของตัวเองที่กำลังจะเปิดกิจการวันนี้เดือนเจ็ดวันที่ยี่สิบ ห้ามเกียจคร้าน เหมาะแก่การเปิดกิจการร้านแห่งหนึ่งบนถนนทิศเหนือ ประตูใหญ่ทั้งสี่บานค่อย ๆ เปิดออก เมื่อผ้าแดงบนป้ายถูกปลด ตัวอักษรฮ่วนเหยียนที่ฉวัดเฉวียนส่องแสงสีทองวิบวับความคิดเดิมของเฟิ่งเชียนอวี่ คือขายเครื่องสำอางสมัยใหม่ แรกเริ่มยังให้พวกจิงเจ๋อฝึกฝนวิธีแต่งหน้าและทักษะต่าง ๆแต่ตอนหลับพบว่าสิ่งของมีมากเกินไป อีกทั้งยังต้องจับคู่กับน้ำยาลบเครื่องสำอาง มอยเจอร์ไรเซอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้ก่อนและหลังแต่งหน้าเป็นต้น ซ้ำยังต้องสอนลูกค้าใช้ ต้องผลิตจำนวนมาก ยุ่งยากเหลือเกินเฟิ่งเชียนอวี่ขี้เกียจมาก ไม่คิดจะขยายกิจการให้ใหญ่โตอลังการ จึงต้องเปลี่ยนความคิดแรกเริ่มร้านที่ค่อนข้างใหญ่แบ่งเป็นสี่ส่วน สินค้าที่จำหน่ายแบ่งเป็นสี่ประเภทประเภทที่หนึ่ง น้ำหอมหญิงสาวล้วนรักสวยรักงาม ย่อมชอบสิ่งที่มีกลิ่นหอมด้วย ไม่ว่าหญิงหรือชาย ไม่มีใครปฏิเสธหญิงในยุคโบราณ มักพกถุงหอมติดตัว เฟิ่งเชียนอวี่จึงผลิตน้ำหอมขึ้นนางนำแอลกอฮอล์และน้ำมันหอมระเหยออกมาจากห้องทดล
นางพาหลิวซู อิ้งเสวี่ย เหลิ่งหนิง เหลิ่งหานเดินสำรวจภายในร้านที่ค่อนข้างใหญ่พวกจิงเจ๋อทั้งแปดคนแบ่งเป็นกลุ่มละสองคน แยกย้ายกันไปดูแลสินค้าทั้งสี่ส่วนต่อมาเฟิ่งเชียนอวี่ไปซื้อแม่นางกลับมาจากตลาดค้าทาสอีกสองคน เป็นพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่งพี่สาวชื่อซูเสวียน น้องสาวชื่อซูไช่ ทั้งสองคนไม่ใช่คนในเมืองหลวงเดิมทีสองพี่น้องมาจากตระกูลค้าขาย ที่บ้านมีร้านตัดผ้า ร้านขายผ้า ถือเป็นผู้ค้าสิ่งทอรายใหญ่ที่บ้านเกิดของพวกนางแต่ทำอย่างไรได้เมื่อที่บ้านย่ำแย่ มีครั้งหนึ่งขาดทุนอย่างหนัก ทำให้ค้าขายไม่ดี หนำซ้ำยังติดหนี้จำนวนมาก บิดามารดาของสองพี่น้องตระกูลซูถูกคนทวงหนี้บีบจนต้องฆ่าตัวตายพวกนางสองคนที่เป็นคุณหนูตระกูลพ่อค้า ก็ตกต่ำจนต้องมาขายตัวเป็นทาสเพราะหน้าตาไม่เลวและอายุยังน้อย อีกทั้งยังเป็นสองสาวพี่น้อง หลังจากผกผันไปมา สุดท้ายจึงถูกขายมาเมืองหลวง และถูกเฟิ่งเชียนอวี่ซื้อตัวไว้นางซื้อตัวทั้งสองคนไว้ ไม่ได้เห็นว่าพวกนางน่าสงสาร เพราะคนน่าสงสารบนโลกใบนี้มีมากเกินไป มีทาสคนไหนในตลาดค้าทาสไม่น่าสงสารบ้างแต่ล้วนเป็นเพราะซูเสวียนพี่สาวในสองสาวพี่น้อง ที่เกิดมาในตระกูลพ่อค้า จึงทำให้นางมีพรส
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”“คุณหนูสามตามพวกเรากลับไปเถอะ!!”เฟิ่งเชียนอวี่ตกใจจนฝีเท้าเคลื่อนไหวเร็วขึ้น “ข้าไม่กลับ!! ข้าไม่แต่งกับท่านอ๋องหก!!”หนังสือสัญญาแต่งงานของฝ่าบาทระบุอย่างชัดเจน ให้พี่สาวของนางแต่งงานกับท่านอ๋องหก แล้วตอนนี้พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาบังคับนางแต่งงานแทน?“อ๊ะ!...”ทันใดนั้นเท้าลื่น ทั้งร่างตกลงมาจากหน้าผา!ความรู้สึกไร้น้ำหนักสายหนึ่งถาโถมเข้ามา ใต้หน้าผามืดสนิทท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เฟิ่งเชียนอวี่กลัวจนสิ้นใจเสียงดังปัง หยดน้ำสาดกระเซ็น! ศพของนางตกลงไปในน้ำพุร้อนที่อยู่ใต้หน้าผาท่ามกลางไอร้อนที่พวยพุ่ง ชายคนหนึ่งแช่อยู่ในน้ำพุร้อนครึ่งตัว แผ่นหลังพิงโขดหิน จ้องผิวน้ำที่สงบไร้คลื่น จากนั้นก็ว่ายเข้าไปน้ำอุ่นทะลักเข้าไปในปากและจมูก จู่ๆ ใบหน้าเล็กที่ไร้ปฏิกิริยาของเฟิ่งเชียนอวี่ก็ย่น และสำลักฟองน้ำแม่งเอ้ย ใครโยนเธอลงมาแช่น้ำเนี่ย?!วินาทีต่อมา พละกำลังสายหนึ่งกระชากท้ายทอยของนาง ฉูดนางขึ้นมาโดยตรง! เฟิ่งเชียนอวี่ลืมตาขึ้นอย่างสับสน“เจ้าเป็นใคร?” ใบหน้าชายคนนี้ใสเปล่งปลั่งราวหยก คิ้วบางขมวดแน่น ดวงตาที่เหมือนผลึกแก้วจ้องนางเขม็ง มีกลิ่นอายของการพิจารณา
เพียงแต่น่าเสียดายมาก ในความทรงจำของเจ้าของร่าง ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหน้าตาของท่านอ๋องหกคนนี้ ท่านอ๋องที่ไม่มีอำนาจอย่างเขา เฟิ่งหลิงหลงไม่มองข่าวลือบอกว่าท่านอ๋องหกคนนี้เกิดมาก็มีความบกพร่องโดยกำเนิด ต้องกินยาตลอดปี งานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ในวังก็ไม่เคยเข้าร่วม เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิดอย่างตาเป็นประกาย จวนตระกูลเฟิ่งในเวลานี้ วุ่นวายไปหมดนานแล้วเฟิ่งหลิงหลงเดินวนอยู่ในห้องอย่างร้อนใจ ใบหน้าที่งดงามก็ย่นยู่เป็นซาลาเปา“จบแล้วๆ!! ตอนนี้เฟิ่งเชียนอวี่ตายแล้ว ใครจะมาช่วยข้าแต่งงานกับไอ้คนขี้โรคนั่น?” นางน้ำตาคลอเบ้า มองไปทางฮูหยินใหญ่ มารดาของนางอย่างน่าเวทนา “ท่านแม่ ข้าจะเป็นพระชายารัชทายาท จะแต่งงานกับท่านอ๋องหกไม่ได้นะ…”“หลิงหลงเจ้าใจเย็นๆ ให้แม่ลองคิดดูก่อน” ฮูหยินใหญ่รวบรวมสมาธิครุ่นคิด แต่ศีรษะแทบระเบิดเพราะเสียงเอะอะของนางนานแล้ว จะมีแผนรับมือภายใต้ความตื่นตระหนกได้อย่างไร “หรือไม่…หรือไม่ พวกเราลองไปหารือกับรัชทายาท?”เพิ่งสิ้นเสียง จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะที่ถากถางสายหนึ่งดังขึ้น “รัชทายาท? รัชทายาทชอบพี่หญิงจริงๆ หรือ?”เสียงนี้…เฟิ่งหลิงหลงแน่นหน้าอกฉับพลัน ม่านตาขยายใหญ
ตงฟางจิ่งกำผ้ามงคลไว้ เผยอมุมปากหัวเราะอย่างเย็นชา “ที่แท้เป็นเจ้า”ใบหน้าเล็กเฟิ่งเชียนอวี่แดงทันทีร้องตะโกนในใจ : ข้าไม่ใช่! ข้าเปล่า! พูดเหลวไหล!!ขากรรไกรล่างถูกเขาบีบฉับพลันเฟิ่งเชียนอวี่ถูกบังคับให้จ้องตาเขา ตงฟางจิ่งก้มมองนาง ดวงตาที่เยือกเย็นลึกไม่อาจหยั่ง “เจ้าคือเฟิ่งหลิงหลงจริงหรือ?”หัวใจเฟิ่งเชียนอวี่สั่นสะท้านความแตกแล้วหรือ?เป็นไปไม่ได้นี่นา! ตงฟางจิ่งไม่เคยพบนางกับเฟิ่งหลิงหลงจึงจะถูก!เฟิ่งเชียนอวี่ยิ้มตอบ มุมปากชาเล็กน้อย “แน่ แน่นอนสิ! เหตุใดท่านอ๋องจึงสงสัยเรื่องนี้?”ความถากถางที่มุมปากของตงฟางจิ่งยิ่งเข้มข้นแล้วเรื่องแต่งงานแทนของตระกูลเฟิ่ง ที่จริงสายลับของเขามารายงานนานแล้วเพียงแต่เขาไม่ได้ถือสามากนักผู้หญิงที่แต่งเข้ามา แซ่อะไร ชื่ออะไร ลูกสาวบ้านไหน เขาไม่ได้ใส่ใจเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งเชียนอวี่ที่แต่งงานแทนคนนี้ จะเป็นผู้หญิงที่เจอใต้หน้าผาในวันนั้น…ซิ้ดเบาๆ ทีหนึ่ง มือที่บีบขากรรไกรล่างของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็นลูบไล้เพียงแต่มือเย็นเล็กน้อย ไร้ความอบอุ่น“ข้าแค่ได้ยินมาว่าเฟิ่งหลิงหลง คุณหนูรองจวนอัครเสนาบดีเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมใน
หน้าอกที่กระพือขึ้นลงอย่างต่อเนื่องของเขาเผยออกมาทั้งแผ่นตงฟางจิ่งหลับตา กัดฟันตำหนิด้วยความโกรธอย่างให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย “เจ้ากล้าแตะต้องข้า พรุ่งนี้เจ้าได้สวย[1]แน่!”เชอะ นางจะกลัวหรือ?“สวย? ตอนนี้ข้าก็สวยดีนะ”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคาง กะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา มือหยกยังคงลูบไล้อยู่บนหน้าอกของเขาเหมือนเอาคืนเมื่อสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขายิ่งแข็ง นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เหตุใดท่านอ๋องคนนี้ถึงหยอกเล่นหน่อยก็ไม่ได้เลย?แต่ว่านางไม่ได้มีเจตนาหยอกเขาเล่น หลังจากเจตนายิ้มในดวงตาลดลงไม่น้อย เฟิ่งเชียนอวี่ก็หยิบเข็มฝังเข็มที่เอามาจากห้องทดลองเมื่อครู่มาสายตาจับจ้องเส้นชีพจรหลักหลายจุดบนหน้าอกของเขา พลันพลิกฝ่ามือ ก็แทงลงไปอย่างชำนาญ!ร่างกายตงฟางจิ่งสั่นเล็กน้อย คิ้วก็ขมวดคิ้วย่นเป็นภูเขาแม่น้ำโดยไม่รู้ตัว“เจ้า…กำลังทำอะไร!”“ช่วยชีวิตท่าน” ดวงตาหงส์เฟิ่งเชียนอวี่กลับสู่ความสุขุม สีหน้าสยบ หยิบเข็มฝังเข็มขึ้นก็แทงลงไปบนหน้าผากตงฟางจิ่งมีเม็ดเหงื่อขนาดเท่าถั่วเขียวโผล่ออกมาแล้วช่วยชีวิต? เขาจะเชื่อผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร!“เจ้า หากกล้าทำอะไรไม่ดีกับข้า ข้ารับรองว่า…ทั
“สภาพนี้ของหลิงหลง เกรงว่าจะทำให้ฮองเฮาตกใจ” เฟิ่งเชียนอวี่แสร้งกะพริบตาปริบๆ อย่างน่าสังเวช “หรือไม่รอหลิงหลงเป็นผื่นหายแล้ว ค่อยไปขอขมาฮองเฮา?” “ไม่จำเป็นแล้ว”ตงฟางจิ่งหรี่ตายิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มจางๆ กลับทำให้เฟิ่งเชียนอวี่แอบตกใจ“คิดว่าเสด็จแม่ก็คงไม่สนใจรายละเอียดยิบย่อยเหล่านี้มากนัก ถ้าหากพระชายากังวลจริงๆ…”ดวงตาที่เยือกเย็นของตงฟางจิ่งขยับเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็คว้ามือของเฟิ่งเชียนอวี่!เฟิ่งเชียนอวี่เพิ่งร้อง ‘อ๊ะ’ ผ้าไหมที่อยู่ในแขนเสื้อก็ถูกเขาแย่งไปแล้ว ครู่ต่อมา คลุมบนใบหน้านาง!เขามองตรงไปที่นาง กลิ่นอายที่ไม่อนุญาตให้แสดงความคิดเห็นสายหนึ่งแผ่ออกมาในเวลานี้ “ถ้าหากพระชายาถือสา สามารถใช้ผ้าไหมปิดผื่นแดงไว้ พระชายาคิดว่าเป็นอย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่ถูกเขาถามจนหนังตากระตุก คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องขี้โรคคนนี้จะมีแรงมากเช่นนี้ ถึงกับทำให้นางไม่กล้าโต้แย้งอีก!นางแอบร้องทุกข์ระทมในใจ กลับทำได้เพียงสวมผ้าไหมแต่โดยดี “แค่ก…ท่านอ๋อง ฉลาดหลักแหลม”ระหว่างทางเข้าวัง เฟิ่งเชียนอวี่กระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลาเฟิ่งเชียนอวี่เป็นที่เป็นลูกอนุภรรยาจวนอัครเสนาบดี ฮองเฮาย่อมไม่เคยพบนาง แ
“เจ้าหลอกข้า?”สีหน้าของเฟิ่งเชียนอวี่ไม่อาจคาดเดาได้ หน้าเขียวหน้าแดง เมื่อนึกถึงท่าทางดัดจริต หลอกลวงของตนเองที่แสดงต่อหน้าเขา อันที่จริงถูกเขาเห็นตั้งแต่แรกแล้ว เพลิงโทสะเพราะถูกทำให้กลายเป็นตัวตลกก็พลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจ“ว่าอะไรนะ?” ตงฟางจิ่งขมวดคิ้วนางกัดฟันกรอด “ท่านรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าเป็นใคร”เฮอะ ที่แท้ก็คือเรื่องนี้ตงฟางจิ่งเลิกคิ้ว ท่าทางไม่ใส่ใจ “แปลกใจมากงั้นหรือ? อย่างไรก็ตาม เจ้าโง่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะโง่เหมือนกับเจ้า”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”น่ารังเกียจ หลอกนางแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะยังด่านางอีก?เฟิ่งเชียนอวี่โมโหจนหัวร้อนทันที หรี่ตากัดฟัน พูดจาข่มขู่ทันที “ท่านอ๋อง ข้าขอเตือนท่านเอาไว้จะพูดจาหรือทำอะไรก็ควรจะให้มันพอประมาณ อย่าลืมเสียละ ว่าท่านมีความลับที่เป็นจุดอ่อนอยู่ในมือของข้า”คนทั้งโลกต่างรู้ว่าท่านอ๋องหกเป็นคนขี้โรคที่ไร้ซึ่งหนทางรักษา แต่นางรู้อยู่เต็มอกว่า เจ้าหมอนี่เพียงแค่โดนพิษเหมันต์เท่านั้น แล้วฝีมือก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าตงฟางจิ่งผู้นี้เก็บซ่อนความลับนี้เอาไว้มานานหลายปี ความลับที่ไม่สามารถเปิดนี้ได้ถูกนางรู้เข้าแล้ว นางสามารถใ