“เชี่ยนอวี่ เจ้าไม่เลวเลยนะ สามารถทำให้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ ได้ยินมาว่าฮ่องเต้มอบของวิเศษให้เจ้าสองชิ้นหรือ รีบนำมาให้ดูเร็วเข้า”พออวิ๋นจิ่นเซ่อเข้ามาถึงก็พูดไม่หยุด แต่ไม่นานสายตาก็ถูกสินค้าภายในร้านดึงดูดเฟิ่งเชียนอวี่ยิ้มตาหยีแล้วเดินไปหา “เป็นอย่างไรบ้าง ของพวกนี้สวยมากสินะ”นางพยักหน้าแรง ๆ มองดูจนไม่อาจละสายตา อีกทั้งถือน้ำหอมขวดหนึ่งไว้ไม่ยอมวาง ต่อให้นางเป็นหญิงสาวที่ไม่ชอบเครื่องสำอางหรือไม่รักสวยรักงาม ก็ไม่อาจหนีพ้นแรงดึงดูดจากขวดหลิวหลีได้“เชียนอวี่ เจ้านี่สวยมากเลย นี่ก็คือแก้วหลิวหลีที่เจ้ามอบให้ฮ่องเต้หรือ?”“ถูกต้อง แต่นี่เป็นขวดหลิวหลี ที่ข้ามอบให้ฮ่องเต้คือชุดน้ำชาแก้วหลิวหลีหลายชุด”เฟิ่งเชียนอวี่เปิดน้ำหอมขวดหนึ่งให้นางลองดม “น้ำหอมกลิ่นนี้ ให้ผลคล้ายคลึงกับถุงหอมที่พวกเจ้าชอบพกติดตัว เจ้าดมดูสิ นี่เป็นกลิ่นดอกหอมหมื่นลี้”“หอมจังเลย”อวิ๋นจิ่นเซ่อสีหน้าตะลึง จากนั้นหันมองสินค้าอย่างอื่น ทุกสิ่งที่มองเห็น ล้วนมีสีสันงดงามทั้งสิ้น“เจ้าเก่งมากเลย ของพวกนี้คงแพงมากสินะ”เพราะแก้วหลิวหลีเป็นสิ่งที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังชื่นชอบเฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “ราคาค่อนข้า
“ส่วนนี่คือสบู่ มีคุณสมบัติเหมือนเซียงอี๋จื่อ สามารถใช้อาบน้ำ ล้างหน้า ล้างมือ อีกทั้งมีกลิ่นให้เลือกหลากหลายกลิ่น”แน่นอน สิ่งที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือชาดทาปาก เพราะมีกระจก“ให้ตายสิ นี่ก็คือกระจกเงินหรือ?”“ได้ยินมาตลอดว่าพระชายาอ๋องหกมอบกระจกเงินให้ฮ่องเต้หนึ่งบาน ฝ่าบาททรงโปรดปรานมาก ขนาดเม่ยเฟยอยากได้ยังไม่ทรงประทาน”“ถูกต้อง เดิมทีข้าก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ก็แค่กระจกบานหนึ่งไม่ใช่หรือ แต่นึกไม่ถึงว่ามันน่าอัศจรรย์มาก ชัดเจนมากเกินไปแล้ว”“พวกเจ้ารีบดูสิ ส่องถนนหนทางนอกร้านชัดเจนเชียว ร้ายกาจมาก ทำได้อย่างไรกัน?”กู๋อวี่กับไป๋ลู่ที่รับหน้าที่ดูแลพื้นที่ชาดทาปาก รีบนำชาดทาปากหลายสีออกมานำเสนออย่างถูกเวลาทันที“ลูกค้าผู้มีเกียรติทุกท่านสามารถส่องกระจกของเราเพื่อทดลองชาดทาปาก สีสันมีให้เลือกมากมาย เมื่อแต้มลงบนริมฝีปากทั้งชุ่มชื่นและมันวาว แตกต่างจากชาดทาปากทั่วไป”เมื่อสนใจและใคร่รู้ในกระจก ทำให้หญิงสาวลูกคุณหนูหลายคนนั่งลง และเริ่มทดลองชาดทาปากกระจกที่เฟิ่งเชียนอวี่นำมาไว้ในร้านเป็นกระจกรูปทรงยาว สามารถนั่งเรียงกันได้ครั้งละห้าคนมีหญิงสาวหลายคนที่แย่งที่นั่งไม่ไ
“เถ้าแก่พวกเราบอกไว้แล้ว ความงดงามและประณีตของของขวัญ ไม่ได้ด้อยไปกว่าสินค้าที่จำหน่ายในร้านเลย”“อีกอย่าง บัตรใบนี้ ยังสามารถลดราคาสินค้าให้เหลือเพียงแปดส่วน ยิ่งซื้อเยอะส่วนลดยิ่งเยอะ บัตรหน้าตาเป็นเช่นนี้ ลูกค้าทุกท่านโปรดดูเจ้าค่ะ”ระหว่างที่ซูไช่พูด ในมือนางถือบัตรหลิวหลีโปร่งแสงหนึ่งใบ ขนาดของบัตรมีขนาดเท่ากับบัตรธนาคารในยุคปัจจุบันขอบรอบด้านของบัตร ถูกเคลือบด้วยผงสีทองงดงาม บนพื้นผิวสลักชื่อร้านฮ่วนเหยียน รวมถึงชื่อและฐานะของผู้ถือบัตร เลขที่บัตร ดูแล้วช่างสูงส่งล้ำค่าสำหรับเหล่าลูกคุณหนูทั้งหลาย บัตรใบนี้เหมาะสมกับฐานะลูกค้าผู้มีเกียรติอย่างพวกนางมาก จึงสั่งทำกันทุกคนถูกต้อง จำเป็นต้องสั่งทำ วันนี้ลูกค้าจ่ายเงิน ซูเสวียนจะบันทึกเลขที่และชื่อรวมถึงฐานะของอีกฝ่ายเอาไว้ ถึงตอนนั้น ค่อยส่งไปสั่งทำที่สวนฟางเฟยเพราะข้อมูลเหล่านี้ ต้องสลักเอาไว้บนบัตรบัตรลูกค้าผู้มีเกียรติ ใบละห้าร้อยตำลึงหลังจากพนักงานร้านฮ่วนเหยียนส่งลูกค้าคนสุดท้ายเสร็จ ก็ปิดร้านทันทีเฟิ่งเชียนอวี่เดินออกมาจากหลังร้านทุกคนยืนมาทั้งวัน แม้จะเหนื่อยแต่ทุกคนดีต่างดีใจมาก“พระชายา วันนี้แค่วันเดียวขา
หากนับเวลาปิดร้านเป็นเวลาในยุคปัจจุบัน คือเวลาห้าโมงครึ่งเพราะเป็นฤดูร้อน แม้จะเป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว ท้องฟ้าด้านนอกยังคงสว่างจ้าเมื่อเฟิ่งเชียนอวี่กลับไปที่เรือนชิงหลานก็เห็นตงฟางจิ่งอยู่ที่นั่น เขานั่งอยู่ในศาลาพักร้อนเล่นหมากรุกไปด้วย พร้อมดื่มชาไปด้วย“กลับมาแล้วหรือ วันนี้เปิดร้านวันแรก ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”นางเลิกคิ้ว แล้วเดินไปหาอย่างกระหยิ่ม รับชาจากหลิวซูแล้วดื่มรวดเดียวหมด จากนั้นยิ้ม “กิจการไปได้ไม่เลว หากไม่รวมกับต้นทุน กำไรเก้าหมื่นตำลึงเศษ”ตงฟางจิ่งชะงักไปทันที ในดวงตามีความประหลาดใจแวบผ่าน มากถึงเก้าหมื่นตำลึงเชียวหรือ?เขาหรี่ตา แล้วเอ่ยเชื่องช้า “หากข้าจำไม่ผิด สินค้าภายในร้านเจ้ามีทั้งหมดสี่ประเภทเท่านั้น แต่ว่าวันหนึงทำเงินได้มากถึงเก้าหมื่นตำลึงเชียวหรือ? หรือว่าราคาสูงมาก?”“ไม่ถือว่าแพงมาก แต่ก็ไม่ได้ถูกจนเกินไป”เฟิ่งเชียนอวี่นั่งลงตรงข้าม แล้วยักไหล่ “เอาเถอะ ความจริงกำไรมีเพียงครึ่งเดียว ไม่ถึงห้าหมื่นตำลึงด้วยซ้ำ”“ส่วนอีกครึ่งคือค่าบัตรลูกค้าผู้มีเกียรติ”นางอธิบายประโยชน์ของบัตรลูกค้าผู้มีเกียรติให้ตงฟางจิ่งฟังแววตาตงฟางจิ่งมีความทึ่งแวบผ่าน กา
นอกจากเหล่าหญิงสูงศักดิ์ หญิงชาวบ้านทั่วไปบางส่วนได้มาเยือนที่ร้านเช่นกัน สำหรับพวกนางทุกสิ่งในร้านฮ่วนเหยียนเต็มไปด้วยความฝันและความงดงามแต่ราคาก็ทำให้พวกนางทำได้เพียงมอง เข้ามาดูด้วยความอิจฉาเท่านั้นยิ่งแก้วหลิวหลียิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่พวกนางก็พยายามเก็บเงิน หวังอยากซื้อสบู่กลับไปลองใช้ดูเมื่อเฟิ่งเชียนอวี่รู้ว่ามีสถานการณ์เช่นนี้ แต่ไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะร้านของนางต้องเป็นร้านระดับสูง ทำร้านราคาย่อมเยาไม่ได้เพราะเมื่อทำเป็นร้านราคาย่อมเยา ราคาจะลดลง กลายเป็นกลุ่มลูกค้ามีจำนวนมากขึ้น ทำให้ต้องผลิตสินค้ามากขึ้นนางไม่มีแรงมากพอขนาดนั้น ที่ต้องไปคิดทุกวันว่าจะผลิตสินค้าให้ได้จำนวนมากอย่างไร จึงได้แต่ปล่อยไปยามนี้เหล่าหญิงสูงศักดิ์ภายในเมืองหลวง แทบจะมีน้ำหอมขวดหลิวหลีกันคนละหนึ่งขวด พวกนางนำมาแขวนไว้ที่เอว ความงดงามไม่แพ้หยกเครื่องประดับเลยทีเดียวแม้สินค้าภายในร้านของเฟิ่งเชียนอวี่จะผลิตได้น้อย แต่นางไม่เป็นห่วงยอดขายในอนาคตเลยสักนิดเพราะเมื่อใดที่ร้านมีชื่อเสียง ไม่เพียงแค่ในเมืองหลวง ยังมีพ่อค้าและขบวนพ่อค้าจากเมืองในละแวกใกล้เคียง ที่ได้ยินชื่อเสียงของขวดแก้วหลิวหลีร้านฮ
“เมื่อรวมกันทั้งหมด เฟิ่งฮูหยินต้องจ่ายสี่พันแปดร้อยยี่สิบตำลึงเจ้าค่ะ”สีหน้านางหลิ่วเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ได้ยินนางแจ้งราคาน้ำหอม เมื่อรอซูเสวียนแจ้งราคาสุทธิเสร็จสิ้น สีหน้านางย่ำแย่มากยังไม่ทันที่นางจะได้อาละวาด ซูไช่รีบพูดต่อไป “เฟิ่งฮูหยินจำเป็นต้องสั่งทำบัตรลูกค้าผู้มีเกียรติของตัวเอง เพียงแค่ห้าร้อยตำลึงเท่านั้น จ่ายในราคาแปดส่วน สามารถใช้สิทธิ์ได้ตลอดชีพเจ้าค่ะ”นางหลิ่ว “...”นางโกรธจนหน้าซีด แล้วมองซูไช่อย่างไม่พอใจ “เจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นใครหรือ?”“ร้านนี้เป็นของลูกสาวคนที่สามของข้า ซึ่งแต่งเข้าจวนท่านอ๋องหก ข้าคือแม่ใหญ่ของนาง เจ้าเป็นแค่บ่าวมีตาหามีแววไม่ บังอาจเอ่ยปากเก็บเงินจากข้าหรือ?”ซูไช่ชะงักไป พวกจิงเจ๋อก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ไม่สามารถเรียกเก็บเงิน? ความหมายของเฟิ่งฮูหยินคือมอบให้นางเลยหรือ?พระชายาต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน“เรื่องนี้ต้องขออภัยเฟิ่งฮูหยินด้วย เรื่องนี้พวกเราตัดสินใจโดยพลการไม่ได้เจ้าค่ะ” ในใจซูไช่กระวนกระวาย แล้วทำใจแข็งกล่าวขึ้นนางและพี่สาวไม่ใช่คนเมืองหลวง สำหรับพวกนาง ฐานะฮูหยินเสนาบดี ถือว่าสูงมากแล้วแต่ว่าฐานะของพระชายาดูเหมือนจะสูงกว่าเล็ก
เฟิ่งเชียนอวี่หัวเราะ “คุณหนูเฟิ่ง ต้องขออภัยด้วย ร้านเรามีกฎไม่ส่งของไปถึงบ้าน กฎข้อนี้ยากจะละเมิดได้”“ข้าเห็นว่าท่านทั้งสองมีทั้งสาวใช้และบ่าวชายติดตาม ใช้ใครสักคนไปเอาก็เหมือนกัน หรือไม่ ข้าให้คนในร้านของข้าไปเอาให้พวกท่านก็ไม่มีปัญหา”“เฟิ่งฮูหยินกับคุณหนูเฟิ่งคิดว่าอย่างไร?”สีหน้าเฟิ่งหลิงหลงดูไม่จืด นางมองอีกฝ่ายอย่างเยือกเย็นเมื่อเทียบกันแล้ว นางหลิ่วถือว่าตัวเองมีฐานะอาวุโสกว่าจึงโอหังยิ่งกว่า นางทำหน้าบึ้งทันที จากนั้นพูดเสียงแหลมปรี๊ด“เฟิ่งเชียนอวี่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร? แค่ตั๋วเงินไม่กี่พันตำลึงเท่านั้น หรือคิดว่าตระกูลเฟิ่งจะเบี้ยวเจ้าหรือ? นี่คือท่าทีที่เจ้าปฏิบัติต่อแม่ใหญ่อย่างข้าหรือ?”“ไม่รู้จักความกตัญญูและกฎระเบียบแม้แต่น้อย หากข่าวแพร่ออกไป ใครเขาจะพูดกันไปว่าข้าที่เป็นแม่ใหญ่ไม่ได้สั่งสอนเจ้าให้ดี”“ลูกอนุอย่างไรก็เป็นลูกอนุ โชคดีที่ท่านอ๋องหกไม่รังเกียจ ฮึ”นางหลิ่วทำหน้าไม่ยี่หระ เหยียดหยามเฟิ่งเชียนอวี่จนจมดินแม้แต่พวกจิงเจ๋อได้ยินยังรู้สึกโกรธ แต่ด้วยความต่างของสถานะ จึงไม่กล้าพูดสิ่งใดหลิวซูกับอิ้งเสวี่ยเป็นสาวใช้ในจวนอ๋อง เมื่อได้ยินดังนั้นส
จวนตระกูลเฟิ่ง“ท่านพี่ ยัยเด็กบ้าเฟิ่งเชียนอวี่เหิมเกริมยิ่งนักเจ้าค่ะ ถึงกับกล้าสั่งให้คนลงไม้ลงมือกับพวกเราสองแม่ลูก อกตัญญูโหดเหี้ยม ช่างน่าโมโหยิ่งนัก”“ท่านพี่ ต่อให้ท่านไม่ออกหน้าให้ข้า ก็ไม่ควรให้หลิงหลงถูกยัยเด็กบ้านั่นเหยียดหยามว่าร้าย มันไม่เห็นตระกูลเฟิ่ง ยิ่งไม่เห็นท่านพี่อยู่ในสายตาเลยสักนิด”“ยัยเด็กแพศยานั่นคงคิดว่าแต่งกับท่านอ๋องก็เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เก่งกล้าสามารถขึ้นมาทันที จึงได้บังอาจเช่นนี้ ท่านพี่ ต้องสั่งสอนนางให้รู้จักเข็ดหลาบนะเจ้าคะ”นางหลิ่วร้องห่มร้องไห้ฟ้องเฟิ่งอวี้เทียนเฟิ่งอวี้เทียนหน้าเสียพร้อมเหลือบมองนาง เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังไปทั่ว โดยที่เขาไม่ต้องจงใจไปสืบเสาะ ก็มีข่าวเล็ดลอดมาถึงหูเขา“ออกหน้าหรือ? เจ้าจะให้ข้าออกหน้าอย่างไร คนข้างนอกนั่นเขาพูดกันไปอย่างไรบ้างเจ้าไม่มีหูหรือ?”แค่ตั๋วเงินไม่กี่ใบ แม้จำนวนจะไม่น้อย แต่คนรู้กันไปทั่วว่าจวนเสนาบดีที่ยิ่งใหญ่กลับเบี้ยวหนี้ด้วยเงินเพียงเท่านี้ เฟิ่งอวี้เทียนย่อมโกรธเป็นธรรมดานางหลิ่วยิ่งรู้สึกขัดใจทันที “ท่านพี่ คนข้างนอกนั่นก็พูดกันไปเรื่อย ท่านจะเชื่อได้อย่างไร? อีกอย่าง นี่จะเรียกว่าเบี้ย
“ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื
“รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง
ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท
“พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้
บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี
“...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้
“เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่
“เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ