“เหตุใดข้าต้องโกรธด้วย?”กู้หว่านเยว่ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว นางไม่เคยมีความรู้สึกอะไรต่อสกุลกู้ ตั้งแต่ตัดความสัมพันธ์ไปนางไม่เคยเสียใจเลย บัดนี้ครั้นได้เห็นความไร้ยางอายของท่านโหวกู้ จึงไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใดนางกล่าวเสริมอีกว่า “ข้าไม่ได้คาดหวังสกุลกู้มานานมาแล้ว ไม่มีทางโกรธแน่นอน”“เรามีบ้านของเราเอง”ซูจิ่งสิงเป็นห่วงนางมาก กู้หว่านเยว่กลับอ่านจดหมายฉบับนั้นอย่างละเอียดอีกหนึ่งรอบ“สกุลกู้....ท่านพ่อของข้าไร้ยางอายจริง ๆ ทำมาเป็นพูดว่าเขายกเงินกับเราแล้ว เพียงแต่ถูกสนมยักยอกไปเสียก่อน”กู้หว่านเยว่ดูหมิ่นเขา กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ โยนความผิดให้สตรี เป็นบุรุษประสาอะไร“จดหมายฉบับนี้ เจ้าตั้งใจจะจัดการอย่างไร”“ไม่จัดการ”กู้หว่านเยว่โยนจดหมายทิ้งลงในถังเตาถ่าน นางเดาว่าหลังจากที่นางขนสิ่งของในจวนกู้โหวไปจนเกลี้ยงแล้ว กิจการที่ค้าขายได้ไม่ดีเหล่านั้นก็ยากจะประคับประคองให้อยู่รอดต่อได้ บัดนี้เสบียงได้หมดเกลี้ยงแล้ว“ในเมื่อตัดความสัมพันธ์ไปแล้ว ก็ต้องหาเหตุผลกระชับมิตรใหม่”ท่านกู้โหวได้ยินว่าซูจิ่งสิงได้รับตำแหน่งคืนแล้ว ทั้งยังคอยควบคุมข่าวลือในเจดีย์หนิงกู่อีก จึงได้เขียน
กู้หว่านเยว่ดีใจกับพวกเขา กว่าทั้งสองคนจะเดินมาถึงวันนี้มันไม่ง่ายเลย“ถึงตอนนั้นค่อยให้ซองแดงกับพวกเจ้าก็แล้วกัน”“ขอบคุณ พระชายาเจ้าค่ะ”เฉินจื่อหวังและเจียงอวิ๋นจิ่นอดยิ้มไม่ได้ ทั้งสองคนไม่มีเรื่องอะไรแล้ว จึงขอตัวไปดูร้านขายชาดกับหงเจาหลังจากที่ทั้งสองคนจากไป กู้หว่านเยว่ได้เจียดเวลาไปเยี่ยมซ่งเสวี่ยที่บ้านสกุลโจว อาการป่วยของนางดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่นางยังไม่ค่อยร่าเริงนักกู้หว่านเยว่ก็ไม่กล่าวสิ่งใด ได้เพียงแค่ปลอบใจนาง“ได้ยินว่ามีอารามเต๋าแห่งหนึ่งตั้งอยู่นอกเมือง ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก พรุ่งนี้ข้าอยากไปผ่อนคลายอารมณ์เสียหน่อย”“อารามอะไรหรือ?” เหตุใดกู้หว่านเยว่ไม่เคยได้ยินมาก่อนซ่งเสวี่ยกล่าว “ดูเหมือนจะเป็นอารามไว้ขอบุตร วันนั้นข้าได้ยินคนในตลาดบอกว่าขอได้จริง ข้าจะไปขอเครื่องรางแคล้วคลาดให้นานนาน”กู้หว่านเยว่เป็นห่วงว่านางจะเกิดเรื่อง หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “ข้าไปกับท่านด้วย ข้าเองก็อยากซื้อให้จ้านจ้านเช่นกัน”เรื่องของโจวเซิง ยังไม่ได้ผลในเวลานี้กู้หว่านเยว่เองก็ไม่รู้จะเอ่ยเรื่องนี้อย่างไร วันที่สองทั้งสองคนนั่งรถม้าไปกราบไหว้อารามเต๋านอกเมือง เน
“ฮูหยินคงจะมีบุตรยาก สือจีเหนียงเหนียงของเราศักดิ์สิทธิ์มากนะ”“ไม่จำเป็น”กู้หว่านเยว่มีเสี่ยวจ้านจ้านแล้ว ครั้นหมุนตัวไปก็พบกับสายตาที่ไม่ชอบมาพากลของนักพรตเต๋าผู้นั้น นางหรี่ตามอง แล้วรีบหาข้ออ้าง“หากข้าอยากมาของบุตร จะต้องทำอย่างไร?”นักพรตเต๋ารีบกล่าวทันที “สามีของฮูหยินมาด้วยกันหรือไม่ หากสามีของท่านอยู่ที่นี่ ท่านทั้งสองจะต้องจ่ายค่าห้องหนึ่งคืน พวกเจ้าจะได้อยู่ในห้องถัดไปจากห้องโถงใหญ่ เพื่อขอบุตรต่อหน้ารูปปั้นสือจีเหนียงเหนียง ความปรารถนาจะเป็นจริง แต่จงจำไว้ ต้องมีใจศรัทธาเท่านั้น หากไม่เชื่อ สือจีเหนียงเหนียงไม่มีวันคุ้มครองอย่างแน่นอน”“พี่หญิงกู้ ท่านจะขอบุตรหรือ ไม่ใช่ว่าท่านมี...”เนี่ยชิงหลานโพล่งออกไป แต่ถูกกู้หว่านเยว่ตัดบทเสียก่อน“สามีของข้าไม่อยู่ ออกราชการไม่ได้หยุดหย่อน ข้าอยู่เพียงลำพังได้หรือไม่?”“นี่...” นักพรตเต๋าลังเลครู่หนึ่ง “โดยทั่วไปแล้วจะต้องมาพร้อมกับสามี หากท่านขอบุตรกับสือจีเหนียงเหนียงเพียงผู้เดียวแรงปรารถนาคงจะไม่มากพอ อีกอย่างท่านอยู่ขอบุตรเพียงผู้เดียว หากเกิดอะไรขึ้นมา อารามเต๋าของเราไม่รับผิดชอบนะ”ครั้นเห็นนักพรตเต๋าจริงจัง กู้หว่านเย
“อื้อ”เนี่ยชิงหลานพยักหน้า ใบหน้าเปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น “พี่หญิงกู้ ข้าไปหาท่านพี่แล้วนะ”“ไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กลับไปอาบน้ำ แล้วเข้าไปฝึกฝนเพลงควบคุมสัตว์ร้ายในห้วงมิติต่อ หลังจากที่ซูจิ่งสิงกลับมา ก็เล่าเรื่องอารามเต๋าเมื่อตอนกลางวันให้เขาฟัง“ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอิทธิพลของคุณหนูใหญ่สกุลหลัวหรืออย่างไร ข้าเห็นคนกลุ่มนั้นไม่ชอบมาพากล ท่านจะให้ส่งคนไปตรวจหรือไม่?”ซูจิ่งสิงพยักหน้า “เรื่องนี้ข้าเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน และส่งคนไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว”สองวันมานี้เขากำลังเตรียมตัวเรื่องที่ต้องเดินทางไปชายแดน“พระชายา!”จู่ ๆ ก็มีเสียงร้อนใจของเฉิงเซวียนดังขยายมาจากด้านนอก กู้หว่านเยว่จึงให้คนเรียกเขาเข้ามาทันทีที่เฉิงเซวียนเข้ามาก็กล่าวถามว่า “เห็นชิงหลานหรือไม่?”“นางไม่ได้ไปหาเจ้าหรอกหรือ?”กู้หว่านเยว่เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นในใจ เฉิงเซวียนเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ“ไม่ได้ไปหาข้าขอรับ สาวใช้ที่ดูแลนางบอกว่าหลังจากที่นางกลับไปก็หยิบกระบี่หนึ่งเล่มออกมา ทั้งยังเกล้าผมสูงและควบม้าออกไปทันที”“เด็กคนนี้ชักจะบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว”จู่ ๆ กู้หว่านเยว่ก็นึกขึ้นได้ว่านางจะไปไห
ระบบเงียบไปพักใหญ่ หนึ่งนาทีผ่านก็กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน ข้าตามหาสหายของท่านได้จากในห้องบนชั้นสองของตึกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ”“เด็กคนนี้อยู่ที่นี่จริง ๆ”กู้หว่านเยว่ไม่แปลกใจ นางพอจะเดาเอาไว้แล้ว“ท่านพี่ เราไปชั้นสองของตึกทิศตะวันตกเฉียงเหนือกันเถอะ”“ได้”ซูจิ่งสิงเองก็ไม่ถามมากความ โอบเอวกู้หว่านเยว่ลอยตัวขึ้นบนหลังคาของห้องนั้นทันทีจากนั้น ทั้งสองคนก็เกาะอยู่บนหลังคานั้น ค่อย ๆ หยิบกระเบื้องหลังคาออกหนึ่งแผ่น แล้วมองเข้าไปข้างในด้วยกันภายในห้องขนาดเล็ก ชายหญิงคู่หนึ่งนอนหมดสติอยู่บนเบาะทรงกลม ส่วนข้างกายของพวกเขามีนักพรตยืนอยู่สองคน“ชิงหลาน” กู้หว่านเยว่จำเด็กผู้หญิงผู้นั้นได้“ชู่ว์” ซูจิ่งสิงส่งสัญญาณให้นางมองดูเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ ดูว่านักพรตสองคนนั้นจะทำอะไรกู้หว่านเยว่พยักหน้า อดทนดูทุกอย่างภายในห้อง กระทั่งเห็นนักพรตสองคนนั้นอุ้มเนี่ยชิงหลานขึ้นมา แล้ววางลงบนเตียงจากนั้นก็ยืนอยู่ข้างเตียงเพียงลำพัง ก่อนจะคลี่ยิ้มพลางลูบคางของตัวเอง“ฮูหยินที่มาวันนี้งดงามยิ่งนัก”นักพรตอีกคนกล่าวว่า “ข้าเห็นท่าทางของแม่นางผู้นั้นแล้วเหมือนสาวแรกแย้มอย่างไรอย่างนั้น?”“เจ
“พี่หญิงกู้”เนี่ยชิงหลานเหมือนได้เห็นผู้ช่วยชีวิต อย่าว่าแต่จะซาบซึ้งเพียงใดเลย กระทั่งโผเข้ากอดเอวของกู้หว่านเยว่ด้วย“เจ้าเองก็มาทันเวลาเกินไป”กู้หว่านเยว่ออกแรงดีดหน้าผากของนาง “เจ้าช่างกล้าหาญชาญชัยยิ่งนัก ตอนกลางวันข้าพูดกับเจ้าแล้วมิใช่หรือ ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ เหตุใดถึงได้เข้ามาเสี่ยงเองเช่นนี้?”เนี่ยชิงหลานรู้สึกผิด “ข้าแปลกใจ ทนไม่ไหว ก็เลยตั้งใจมาดูก่อน”นางกัดฟันกรอด“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่านักพรตเต๋าของอารามเต๋าแห่งนี้จะเลวทรามยิ่งนัก ข้ารอดพ้นกลิ่นธูปกองแรกของพวกเขามาได้ แต่สุดท้ายก็ตกหลุมพราง เกือบถูกพวกเขาวางยา”นางกล่าวพลางเดินไปตรงหน้าของนักพรตเต๋าผู้นั้นอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นกระทืบคนผู้นั้นอย่างแรงสองครั้ง“พี่หญิงกู้ ท่านรู้หรือไม่ คนที่อยู่ในอารามแห่งนี้ไม่ใช่คนดีนัก พวกเขาใช้กลิ่นธูปทำให้สตรีหมดสติแล้วทำอนาจารพวกเขา มิน่าล่ะสตรีที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ หลังจากกลับไปก็ตั้งครรภ์โดยไม่ทราบสาเหตุ”เนี่ยชิงหลานทอดถอนใจ “น่าสงสารก็แต่พวกเขาที่ต่างคิดว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กที่สือจีเหนียงเหนียงประทานให้พวกเขา ใครจะคิดว่าจะเป็นฝีมือของสัตว์เดรัจฉานกลุ่มนี้?!”นางยิ่ง
“ช่วยไม่ได้ ข้าทำได้แค่ต้องออกไปจ้างบุรุษข้างนอกมาแกล้งเป็นสามีของข้า....”ยิ่งนางพูด น้ำเสียงก็ยิ่งเบาลงทุกที เฉิงเซวียนหลุดหัวเราออกมา“เยี่ยม น้องหญิง เจ้าช่างฉลาดปราดเปรียวยิ่งนัก”ในตอนนี้เองบุรุษผู้นั้นตื่นขึ้นมาพอดี ครั้นเห็นผู้คนยืนออกันมากมายที่นี่ อีกทั้งสถานที่ตรงหน้าก็กระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็รีบคุกเข่าด้วยความตื่นตระหนกทันที“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ?”เขารีบกล่าว “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับข้าน้อยนะขอรับ ข้าน้อยแค่ทำตามคำสั่ง....”ซูจิ่งสิงโบกมือไปมา “ไปศาลาว่าการก่อนเถอะ”หลังจากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น คนที่อยู่ในที่เหตุการณ์วันนี้จะต้องไปให้ความจริงที่ศาลาว่าการก่อนแล้วค่อยกลับบุรุษผู้นั้นไม่กล้ากล่าวสิ่งใด มองเนี่ยชิงหลานอย่างหมดแรง “แม่นาง ห้าตำลึง เจ้าจะให้ข้าได้หรือไม่”เฉิงเซวียนล้วงหยิบเงินจำนวนสิบตำลึงออกมา แล้วโยนใส่เขา “ไม่ต้องถามหา ต่อไปอย่าเสนอหน้าไปเป็นสามีของใครอีก อย่างน้อยก็ถามให้ชัดเจนก่อน”เขาหึงหวงอย่างมาก เนี่ยชิงหลานไม่กล้ากล่าวสิ่งใด“ไปกันเถอะ กลับบ้านกันก่อน”โกรธก็ส่วนโกรธ เฉิงเซวียนเป็นห่วงนาง น้ำ
กว่ารถม้ากลับมาถึงจวนกู้ เวลานี้ก็ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว“น้องหญิง ข้าจะอยู่จนกว่าเจ้าจะเข้าไปข้างในแล้ว”ซูจิ่งสิงเปิดม่านออก กู้หว่านเยว่กำชับด้วยความเป็นห่วง“ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ”เรื่องอารามเต๋านี้เกรงว่าคงจะทำให้สบายใจไม่ได้ในตอนนี้ นางกลัวว่าซูจิ่งสิงจะทุ่มเทมากเกินไป“วางใจเถอะ” ซูจิ่งสิงบรรจงจูบหน้าผากของนางอย่างอ่อนโยน ดูท่าทางจะไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด กู้หว่านเยว่ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในจวน“ฮูหยิน ข้าน้อยจะไปเตรียมน้ำร้อนให้อาบน้ำเจ้าคะ ฮูหยินอาบน้ำก่อน แล้วค่อยเข้านอน”หงเจาโรยน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบลงในอ่างน้ำอย่างใส่ใจ และเตรียมชุดสำหรับนอนให้กู้หว่านเยว่อย่างดีจากนั้นก็เริ่มรายงานเรื่องการทำงานในร้านขายชาดเมื่อช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ของเจียงอวิ๋นจิ่นให้นางฟัง“แม่นางเจียงตั้งใจทำงานมาก จัดการบัญชีของสาขาได้อย่างเป็นระเบียบ ต้อนรับลูกค้าอย่างอบอุ่น ไม่ได้แสดงกิริยาเอาแต่ใจแต่อย่างใด”หงเจากล่าวชื่นชม “ข้าน้อยเห็นว่าเวลานางว่าง นางแค่หยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านอย่างเงียบ ๆ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “หากนางไม่มีปัญหา ต่อไปข้าจะยกสาขาให้นางดูแล
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก