“ข้าไปช่วยเจ้า” เมี่ยชิงหว่านวางชามและตะเกียบลง แล้วจูงมือซูจื่อชิงไปด้วยกัน“ปรมาจารย์แพทย์เฒ่า ท่านกลับไปกับพวกเราด้วยสิ ข้าจะได้เอาผลต้นเกล็ดหิมะให้ท่านด้วย”แม้ว่าทิวทัศน์ของหุบเขาราชาโอสถจะงดงาม แต่ตอนนี้หุบเขาราชาโอสถยังไม่มีศิษย์มากนัก ทั้งหุบเขาราชาโอสถดูว่างเปล่า ไร้ผู้คน ไม่มีแม้แต่เงา ปรมาจารย์แพทย์เองก็ไม่ชอบอยู่ที่นี่ จะมาดูแลแปลงสมุนไพรของเขาก็แค่นาน ๆ ครั้งเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เชิญ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ จึงรีบพยักหน้าตอบรับทันที“ดีเลย ๆ นางหนู เช่นนั้นข้าจะไปพักที่จวนเจ้าก็แล้วกันพอดีช่วงนี้ข้ากำลังจะรับศิษย์สองสามคนในเมืองอวี้ ถึงตอนนั้นต้องทดสอบพวกเขา การเดินทางไป ๆ มา ๆ แบบนี้ก็ไม่สะดวก”กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ “ท่านรับหมอหลินแล้วมิใช่หรือ?”“ใช่แล้ว”ปรมาจารย์แพทย์พยักหน้า“แต่คนพวกนี้เป็นเพียงศิษย์ของหุบเขาราชาโอสถ ไม่ใช่ศิษย์ของข้า ศิษย์ของข้าไม่ใช่ว่าใครจะเป็นก็ได้ ต้องมีพรสวรรค์ด้วย”นี่เป็นข้อกำหนดของปรมาจารย์แพทย์ ถึงแม้ว่าเขาต้องการสร้างหุบเขาราชาโอสถ แต่เขาก็ไม่ได้รับศิษย์ง่าย ๆ แน่นอนว่าบรรดาหมอที่เข้าร่วมหุบเขาราชาโอสถ โดยปกติแล้วเขาก็จะสอนทุ
ทว่าในตอนที่ทุกคนกำลังจะก้าวเข้าไปในประตู ก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามา“จิ่งสิง หว่านเยว่ ช่วยข้าด้วย!”เมื่อเห็นผู้หญิงผมเผ้ารุงรัง เนื้อตัวมอมแมมเหมือนขอทานตัวเหม็น ๆ ผู้นั้น ซูจิ่นเอ๋อร์ก็ตกใจ รีบเข้ามาขวางหน้ากู้หว่านเยว่อย่างไม่รู้ตัวแต่กลับตกตะลึงกับรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย “ท่านป้าสี่!”คนผู้นี้คือนางหลิวที่หายตัวไปนาน ทุกคนจ้องมองนางด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เห็นเพียงเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้ารุงรัง ทั้งคนดูน่าเวทนาอย่างยิ่ง“ป้าสี่ ท่านเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?”“จิ่นยา เห็นแก่ที่เมื่อก่อนข้าดีกับเจ้า ช่วยข้าด้วย”นางหลิวคิดจะเข้ามาจับมือของซูจิ่นเอ๋อร์ แต่กู้หว่านเยว่รีบดึงตัวนางออกไปอย่างรวดเร็ว“พี่สะใภ้?”“อย่าไปแตะนาง นางเป็นกามโรค”แม้ว่ากามโรคจะไม่ได้ติดต่อกันง่าย ๆ เพียงแค่สัมผัส แต่ถ้าทั้งสองคนมีบาดแผลตามร่างกาย ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อได้“กามโรคหรือ?”ทุกคนต่างตกตะลึง สายตาจับจ้องไปที่นางหลิว ก็เห็นว่าบนร่างกายของนางมีจุดแดง ๆ บางจุดถึงกับเป็นแผลเน่าเปื่อยนางหลิวแสดงสีหน้าลำบากใจ “ข้า ข้าจะไม่แพร่เชื้อให้พวกเจ้าหรอก จิ่งสิง ขอเจ้าเห็นแก่ที่เคยเป็นญาติกัน ช่วยข้
“คอของเจ้า...”“โรคของข้ามันรุนแรงมากแล้ว ข้าไปหาหมอมา หมอบอกว่ารักษาไม่ได้แล้ว” นางหลิวรีบพันผ้าขาด ๆ นั้นกลับไปที่คออย่างรวดเร็ว“ข้าจำเป็นต้องคิดถึงอนาคตของตัวตัว นางเพิ่งจะอายุห้าขวบ หากข้าตายไปแล้วจริง ๆ แล้วชีวิตของนางจะเป็นอย่างไรต่อไป นางคงอยู่ไม่ได้แน่”กู้หว่านเยว่เงียบ นางไม่ใช่แม่พระ แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็กต้องระหกระเหินเร่ร่อนอยู่ข้างถนน“โรคของเจ้า เหตุใดถึงร้ายแรงขนาดนั้น?”“นางจำได้ว่าตอนที่อยู่ที่เมืองตู้เปียน คนผู้นี้ไปอยู่กับใต้เท้าสวี ต่อให้ใต้เท้าสวีตายไปแล้ว นางก็ไม่น่าจะตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาขนาดนี้กระมัง?นางหลิวแสดงสีหน้าโกรธแค้น “ใต้เท้าสวีมีอนุภรรยาคนหนึ่ง นางเกลียดข้าที่ช่วงนั้นข้าแย่งความโปรดปรานของนางไป หลังจากที่ใต้เท้าสวีตาย นางไม่เพียงแต่ไล่ข้าออกจากสกุลสวี ยังยึดเอาของมีค่าทั้งหมดของข้าไปด้วย ไม่เหลือเงินให้ข้าสักอีแปะ ข้าพาลูกโดยไม่มีที่จะไป เพื่อความอยู่รอด จึงจำเป็นต้องเช่าเรือนหลังเล็ก ๆ แล้วรับแขก...”นางก็ไม่ใช่หญิงงามอะไร เป็นแค่ผู้หญิงอายุสามสิบกว่า ๆ ที่มีลูกแล้วแขกที่รับก็เป็นพวกกรรมกร พ่อค้าหาบเร่แผงลอย คนที่มาเยอะแยะมากมาย ปะปนกัน
นางหลิวขอแค่ให้พวกเขารับเลี้ยงตัวตัว ไหนเลยจะกล้าขอให้ตัวเองได้เข้าจวนไปด้วยเพราะกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะเปลี่ยนใจ นางจึงรีบลุกขึ้น“ข้าจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ จัดการตัวตัวให้เรียบร้อย จากนั้นก็จะพานางมาส่ง”นางทั้งดีใจทั้งปาดน้ำตา พยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้ แล้วรีบจากไป“นางหลิว เลือกผู้ชายผิดคนแล้ว”หากมิใช่เพราะซูเหล่าซื่อไร้ประโยชน์ นางคงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้“น้องหญิง ข้าจะปกป้องเจ้าอย่างดีตลอดไป”ซูจิ่งสิงจับมือของนางเอาไว้ แม้ว่าเขาจะตาย ก็จะหาทางรอดไว้ให้กู้หว่านเยว่และลูก“ยี้ ๆ ๆ พูดอะไรอัปมงคลแบบนี้ทำไม พวกเราเข้าไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ยิ้มน้อย ๆ บทสนทนาของทั้งสองคนก็กลับมาที่เรื่องของซวนลู่“ให้องครักษ์จันทราปิดล้อมจวนไว้ก่อน อย่าให้แมลงวันบินเข้ามาได้แม้แต่ตัวเดียว”กู้หว่านเยว่กำชับหนึ่งประโยค ก็พาซูจิ่งสิงตรงไปที่ห้องหนังสือทันที จากนั้นปิดประตู แล้วเข้าไปในมิติด้วยกันนางหยิบน้ำแกงซานเจินที่เก็บเข้ามาเมื่อครู่ออกมาเวลานี้ บนผิวของน้ำแกงซานเจินชามนี้มีวัตถุดิบชั้นเลิศลอยอยู่ เป็นสีใส ๆ ของน้ำแกงสามสหายธรรมดา ๆ“น้องหญิง น้ำแกงชามนี้มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”“ข้าขอด
ซวนลู่ยิ้มอย่างเขินอาย “ยังเลยเจ้าค่ะ ท่านพ่อให้ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง”นางคิดว่าอย่างไรเสียก็ถึงโอกาสที่เหมาะสมแล้ว จึงเอ่ยขึ้นมา “ที่จริงแล้วข้ามีใจ... ”“แค่ก ๆ !”ซูจิ้งรีบขัดจังหวะนาง หลังจากได้รับคำใบ้จากนางหยาง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าซวนลู่คิดอะไรอยู่เขาหวังว่าลูกสะใภ้และลูกชายจะรักกันดี ๆ ถึงแม้ซวนลู่จะดี แต่จะทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้!“ซวนลู่ จริง ๆ แล้วหากเจ้ายังไม่มีคนที่ชอบ อามีคนที่เหมาะสมอยู่บ้าง สามารถแนะนำให้เจ้าได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าเอง”ซูจิ้งแสดงออกมาให้เห็นว่า เขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นพ่อสื่อให้ใคร แล้วจับคู่ให้มั่ว ๆ แต่ใครใช้ให้ซวนลู่มาชอบลูกชายของเขากันล่ะ?“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ท่านอา ข้าไม่ชอบใครทั้งนั้น”สองคนนี้กำลังขัดจังหวะนาง ซวนลู่เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยนางด้อยกว่ากู้หว่านเยว่ตรงไหน เหตุใดท่านทั้งสองถึงไม่ชอบนาง?“ในใจข้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”กลัวว่าทั้งสองคนจะขัดจังหวะขึ้นมาอีก คราวนี้นางจึงเอ่ยปากก่อน“จริง ๆ แล้วข้าชอบจิ่งสิงมาตลอด หากมิใช่เพราะฝ่าบาทพระราชทานสมรสกระทันหัน ไม่แน่ว่าสุดท้ายแล้วคนที่จะได้ครองคู่กันอาจจะเป็นเราสอ
“กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ สิ่งที่เจ้าใส่ลงในน้ำแกงซานเจินไม่ใช่ดอกฉิงฮวาหรอกหรือ?”กู้หว่านเยว่พูดตรงประเด็นมากขึ้นอีกหน่อย หลายคนที่ฟังเข้าใจได้ในที่สุดก็หน้าถอดสี ซูจื่อชิงแทบจะกระโดดขึ้นมา“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านบอกว่าพี่หญิงซวนใส่ของบางอย่างลงในน้ำแกงซานเจินหรือ?เขามองไปยังซวนลู่ด้วยความโกรธเกรี้ยว สาเหตุหลักเป็นเพราะถูกหลอกเข้าแล้ว“พี่หญิงซวน ไหนท่านบอกว่าจะไม่ทำมิใช่หรือ?”“ท่านบอกว่าท่านดูถูกเรื่องแบบนี้ ทำไมท่านถึงยังใส่ยาลงไปอีก?”ซูจื่อชิงเรียกได้ว่าสงสัยในชีวิตแล้ว ในเวลานั้นเขายังรู้สึกว่าถ้าพี่หญิงซวนลู่ปล่อยวางไม่ได้จริง ๆ อย่างมากที่สุดก็วางยาพี่สะใภ้ใหญ่ ดังนั้นเขาจึงยกน้ำแกงของพี่สะใภ้ใหญ่ออกไปก่อน ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่านางถึงขั้นลงมือกับพี่ใหญ่เชียวหรือ?“สมองของท่านเลอะเลือนไปแล้วใช่ไหม?” เขาอดไม่ได้ที่จะระเบิดคำด่าหยาบคาย ซูจิ่นเอ๋อร์เองก็ไม่อยากจะเชื่อพวกเขาเคยเล่นด้วยกันตอนเด็ก ๆ สัญญาว่าจะเป็นเพื่อนเล่นกันไปตลอดชีวิตเพราะเหตุใดหลังจากเติบโตและไม่ได้เจอกันนานหลายปี พี่หญิงซวนลู่ถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?วางยาพี่ใหญ่ พระเจ้า เรื่องแบบนี้นางทำได้อย่างไร?“ดอกฉิงฮ
ซูจิ่งสิงเอ่ยขึ้นมาโดยพลัน “ข้าเชื่อทุกอย่างที่น้องหญิงของข้าพูด”คำพูดของเขาทำให้เศษหัวใจของซวนลู่กลายเป็นเศษแก้วทันที“ไม่ว่านางพูดอะไร ข้าก็เชื่อ ไม่ต้องการหลักฐานใด ๆ”“จิ่งสิ่ง ท่าน...” ซวนลู่แปลกใจ นัยน์ตามีแววริษยาพาดผ่าน “นางทำอะไรไว้กันแน่ สามารถทำให้ท่านรักอย่างสุดหัวใจขนาดนี้?”คำพูดนี้ทำให้นางใจสลายจริง ๆ“เจ้าไม่เข้าใจหรอก”ซูจิ่งสิงจับมือกู้หว่านเยว่ขึ้นมา แววตาเปี่ยมไปด้วยความรักอันลึกซึ้ง “ถ้าไม่มีน้องหญิง ก็คงไม่มีข้าในวันนี้”“พวกข้าก็เชื่อมั่นในตัวพี่สะใภ้ใหญ่เช่นกัน” ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อร์เอ่ยขึ้นพร้อมกัน นางหยางถอนหายใจ “ชีวิตของข้า หว่านเยว่ได้ช่วยไว้ ซวนลู่ เจ้าเข้าใจไหมว่ามันหมายถึงอะไร?”ซวนลู่พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว เพราะนางช่วยเหลือพวกท่านระหว่างทางที่ถูกเนรเทศ พวกท่านจึงเชื่อมั่นในตัวนางขนาดนี้”แต่ แต่ว่าเป็นเพราะข้าไม่ได้รับข่าวคราวการถูกเนรเทศของท่าน ดังนั้นจึงไม่ได้รีบรุดมา”นางค่อนข้างรู้สึกผิด ความจริงนางได้รับข่าว เพียงแต่ในขณะที่ได้รับข่าวคราวนั้น ได้ยินว่าสกุลซูทั้งหมดถูกเนรเทศ และซูจิ่งสิงเป็นอัมพาตทั้งสองขา อยู่เหมือนตายทั้งเป็นนางจึ
“ข้าต้องการเพียงจิ่งสิงเท่านั้น”ซวนลู่ทำหูทวนลม จ้องมองซูจิ่งสิงอย่างลุ่มหลง สายตานั้นทำให้ทุกคนอดเบือนสายตาหนีไม่ได้ซูจิ่งสิงคิดว่าต่อไปยังมีเรื่องอื่นต้องสอบถามซวนลู่อีก เลยถือโอกาสพูดกับพวกเขาว่า“ท่านพ่อท่านแม่ออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะไต่สวนนางสักหน่อย”คำว่า “ไต่สวน” ทำให้ซวนลู่ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นใบหน้าไร้ความรู้สึกของซูจิ่งสิง นางก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันใด“ท่านคิดจะทำอะไร” ซวนลู่กัดฟัน จิ่งสิง ข้าโตมากับเจ้านะ”ซูจิ่งสิงเบื่อจะมองนางแล้ว“ท่านอาซู ท่านจะเพิกเฉยต่อข้ามิได้ ท่านต้องชี้แจ้งให้ท่านพ่อของข้าฟัง”ซวนลู่พูดจาคุกคาม ยั่วให้เจ้ารองกระอักเลือดในเวลานี้ถือว่าพวกเขารู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของซวนลู่แล้ว“เรื่องนี้พวกเราจะชี้แจงให้พ่อของเจ้าทราบอย่างชัดเจนอยู่แล้ว หากท่านแม่ทัพโกรธจริง ๆ มิตรภาพระหว่างสองครอบครัวของเราคงต้องจบลงเพียงเท่านี้”ซูจิ้งเอ่ยเสียงขรึมการวางยา ได้แตะขีดจำกัดของเขาแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงสถานะของซูจิ่งสิง หากเขาถูกพิษดอกฉิงฮวาจริง ๆ ความหวังของซื่อจื่อองค์ก่อน ความหวังของพวกเขานี้ก็จะสูญสิ้นไปเขาเชื่อว่าแม่ทัพซวนเห
นางออกคำสั่งเป็นปกติ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายทำได้แต่เพียงฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดจะออกความคิดเห็นแต่อย่างใดเฉิงเหลียนรู้ว่านางเชื่อถือได้ “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”ตอนจากไป นางย่างก้าวราวกับเหาะออกไปเลยทีเดียว“พระชายาช่างใจดียิ่งนัก” ชิงเหลียนอดทอดถอนใจไม่ได้แน่นอนว่าครั้นแม่นางเฉิงเหลียนได้รับความไม่ยุติธรรมจากตระกูลเฉิง นางจึงอยากพาอีกฝ่ายไปด้วย“นางสมควรได้รับ”กู้หว่านเยว่เห็นฝีมือและประสบการณ์ด้านการนำทัพของเฉิงเหลียนแล้ว นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งเพียงแต่น่าเสียดายที่นางเป็นสตรี จึงได้รับข้อจำกัดทุกด้านแต่หากนางได้อยู่ที่นี่ ก็ไม่ต้องกังวลมากนักนางให้โอกาสเฉิงเหลียนได้แสดงความสามารถของตัวเองอย่างอิสระ“ท่านพี่ เรากลับกันเถอะ”หลังจากเสียเวลามาตลอดครึ่งเช้า ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปกินมื้อเที่ยงแล้วกู้หว่านเยว่จูงมือของซูจิ่งสิงกลับมาถึงจวน กระทั่งเห็นสาวใช้วิ่งออกมาอย่างกระวนกระวายใจ“ท่านอ๋อง พระชายา แย่แล้ว ท่านหญิงฉางเล่อหายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”นี่คือสาวใช้ของมู่หรงฉางเล่อ ชื่อว่ากู๋อวี่กู๋อวี่ถือจดหมายฉบับหนึ่ง ด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้“ข้าน้อยไป
กู้หว่านเยว่กุมขมับ ไม่มีใครปากหนักได้เหมือนเฉิงซิน หวังว่านางจะจำมันไว้เป็นบทเรียน “โธ่ ๆ ท่านพี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!” แม่นางตั่วล้มลงไปกองบนพื้น พลางยกมือกุมอกด้วยท่าทางยั่วสวาท ความจริงแล้วนางมีรูปโฉมงดงามมาก แม้จะไม่ได้บอกว่านางงดงามยิ่งกว่าใครในปฐพี แต่ก็มั่นใจได้ว่าเป็นสตรีวัยกลางคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดมากและเย้ายวนเก่งมากทีเดียว ไม่แปลกใจที่เฉิงซินจะชื่นชอบ“ฮูหยิน ก่อนหน้านั้นแม่นางผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดในหอนางโลมซุ่ยโจวเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนกระซิบนินทาเสียงเบาข้างหูของกู้หว่านเยว่ นางรู้ว่าพระชายาของตัวเองชอบฟังเรื่องเหล่านี้เป็นที่สุด“ต่อมาครั้นถึงวัยออกเรือน นางก็ได้แต่งงานกับคนขี่ม้าผู้หนึ่ง ทว่าแม้ว่านางจะมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่กลับยังออกไปรับแขกเฉกเช่นเดิม...”กู้หว่านเยว่มีคำว่า ‘ให้ตายเถอะ’ ผุดขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ว่าควรโพล่งหรือไม่ควรโพล่งออกมา “แม่นางตั่ว เจ้าเป็นอะไรไป?”ครั้นเฉิงซินได้ยินเสียงของแม่นางตั่วก็รีบวิ่งออกมาทันที ท่าทางนั้นของเขาดูร้อนใจกว่าตอนที่แม่เขาเป็นลมเสียอีก“ท่านอ๋อง ข้าเจ็บเจ้าค่ะ....” แม่นางตั่วถูเข่าของตัวเอง“ไปกันเถอะ”
“พระชายา ท่านอ่อง เรื่องนี้...”ซูจิ่งสิงโบกมือเบาๆ “เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว เจ้าจัดการเองเถอะ”ตอนเฉิงฮูหยินเพิ่งฟื้นขึ้น เอาแต่เป็นห่วงลูกชายที่ถูกแขวนไว้ด้านนอก ตอนนี้ถึงได้หันมาสนใจกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อรู้ว่ากู้หว่านเยว่ช่วยนางไว้ จึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพอีกฝ่าย“ชีวิตอันต่ำต้อยของข้าน้อยจะให้พระชายามาเองได้อย่างไร รบกวนพระชายาเกินไปแล้ว”นอกจากรักลูกชายมากเกินไปแล้ว ด้านอื่นๆ ของเฉิงฮูหยินก็ยังถือว่าปกติดีกู้หว่านเยว่โบกมือ“เฉิงฮูหยินไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น รีบลุกเถอะ สุขภาพของท่านไม่ค่อยดี”“ถูกต้องท่านแม่ ท่านรีบลุกขึ้นมาเถอะ”เฉิงซินเข้าไปประคองเฉิงฮูหยินอย่างกระตือรือร้น สายตาเหลือบมองกู้หว่านเยว่ เขายังรู้สึกกลัวกู้หว่านเยว่อยู่บ้างช่วงเวลาที่ถูกมู่หรงฉางเล่อจับตัวไป เขาถูกทรมานมาไม่น้อยในมือกู้หว่านเยว่มียาพิษมากมาย มียาพิษหลายชนิดที่เขาได้ลิ้มลองด้วยตัวเอง“รีบสั่งให้แม่นางตั่วของเจ้าไปซะ” เฉิงฮูหยินด่าทออย่างไม่สบอารมณ์“เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ได้เวลากลับตัวกลับใจได้แล้ว”ที่ลูกชายออกไปทำตัวสำมะเลเทเมาอยู่ข้างนอก ต้อง
“รีบให้คนไปปล่อยซินเอ๋อร์ลงมาเดี๋ยวนี้!”เมื่อเฉิงฮูหยินลุกขึ้น หัวใจพลันปวดแปลบ นางจึงต้องเชื่อฟังและนอนลงแต่โดยดีทว่าก็ยังชะเง้อคอ อยากจะมองดูลูกรักที่อยู่ตรงลานบ้าน“เหลียนเอ๋อร์อยู่ข้างนอกหรือ? เหลียนเอ๋อร์ รีบปล่อยตัวพี่ใหญ่เจ้าเร็วสิ!”“ฮูหยิน!”เฉิงทั่วไม่เห็นด้วยกับวิธีการของนาง“เจ้าลูกอกตัญญูทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าขนาดนี้ หากไม่ลงโทษให้ดี ต่อไปเขาจะใจกล้ามากยิ่งกว่านี้”เขาอยากถือโอกาสนี้ ลงโทษเฉิงซินให้เข็ดหลาบ“เพราะหญิงสำส่อนนั่นให้ท่า เกี่ยวอะไรกับลูกด้วย?” แต่เห็นได้ชัดว่าเฉิงฮูหยินลำเอียงคนลำเอียงมักพบได้ทั่วไป แต่ผู้ที่ลำเอียงขนาดนี้พบได้ไม่บ่อยนักกู้หว่านเยว่จับมือซูจิ่งสิงยืนสอดรู้อยู่ด้านข้างอย่างมีความสุขแม้แต่เฉิงทั่วเองก็ทนฟังต่อไปไม่ได้ สั่งสอนเฉิงฮูหยินด้วยใบหน้าแดงเถือก“ฮูหยิน หากไม่ใช่เพราะลูกชายของเราทำตัวเละเทะเอง ออกไปลักลอบได้เสียกับแม่นางตั่วอะไรนั่น หนำซ้ำยังพานางกลับมาที่บ้าน เจ้าจะหมดสติได้อย่างไร?”เฉิงทั่วโกรธที่ลูกชายไม่เอาไหนเจ้าลูกชายทำตัวเละเทะก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสจัดการลูกชายสักที วันนี้จะต้องสั่งสอ
ข้าเป็นคนไร้ชื่อเสียงย่อมไม่กลัว แต่ต่อไปจวนแม่ทัพของพวกเจ้ายังจะมีหน้าอยู่ในซุ่ยโจวอีกหรือ”ระหว่างที่พูด แม่นางตั่วเดินไปใต้ต้นไม้อีกครั้ง แล้วกอดเฉิงซินที่ถูกมัดแขวนไว้“คุณชายน้อย ท่านหลอกบ่าวให้หลงเชื่อสนิทใจ ท่านบอกว่าจะพาบ่าวไปอยู่อย่างสุขสบาย บ่าวจึงได้ทิ้งผัวที่บ้านตามท่านมา แต่สุดท้าย ทุกคนในบ้านท่านกลับรังแกบ่าว ฮือฮือฮือ...”อย่าเห็นว่าแม่นางตั่วแต่งงานแล้ว กลับหน้าตาเย้ายวน ทั่วทั้งตัวมีจริตจะก้านแผ่ซ่านออกมาสวมกระโปรงเกาะอกรัดเอวตัวยาว ภายนอกมีเสื้อคลุมสีชมพูสวมทับ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง ทำให้เฉิงซินมองดูจนไม่อาจละสายตา“เฉิงเหลียน เจ้า เจ้าตะโกนโหวกเหวกใส่คนของข้า หากจะวางอำนาจก็กลับไปที่ค่ายทหารของเจ้า อย่ามาวางอำนาจให้ข้าดู”เฉินซินเห็นแม่นางตั่วถูกรังแกไม่ได้ จึงรีบตะโกนใส่เฉิงเหลียน“เจ้านี่มันกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ ท่านแม่หมดสติเพราะโกรธเจ้าเรื่องหญิงคนนี้ แต่เจ้ากลับปกป้องนางหรือ”ทำไมถึงได้มีคนที่โง่ขนาดนี้?เฉิงเหลียนกำหมัดแน่นช่างเป็นลูกชายที่แน่จริง ทำให้พ่อแม่ลำเอียงรักแต่เขา“ก็เพราะท่านแม่โกรธข้าจนหมดสตินะสิ หากข้าไล่ให้นางไป ท่านแม่ไม่หมดสติเส
เมื่อหมอหลายคนได้ยินว่ากู้หว่านเยว่มาตรวจอาการของเฉิงฮูหยิน ทำให้โล่งอกทันทีรีบแจ้งข้อสรุปในการตรวจอาการให้กู้หว่านเยว่ส่วนข้อสรุปนั้นก็คือ...เอ่อ ไม่มีข้อสรุปกู้หว่านเยว่เองก็เป็นหมอเมื่อเห็นท่าทางเหงื่อแตกพลั่กของทุกคน นางก็เข้าใจทันทีพวกเขาไม่มีวิธีแต่ก็กลัวเฉิงทั่วลงโทษดูท่าอาการของเฉิงฮูหยินค่อนข้างอันตรายกู้หว่านเยว่มาถึงข้างเตียง แล้วเริ่มตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยิน ดูจากการเต้นของชีพจร นางวินิจฉัยว่าอาการหมดสติของเฉิงฮูหยินมีสาเหตุมาจากหัวใจแต่ความจริงจะใช่หรือไม่ คงต้องตรวจให้ลึกลงไปอีกขั้นกู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วให้เฉิงทั่วกับหมอหลายคนออกไป ส่วนนางอยู่ในห้องแล้วพาเฉิงฮูหยินเข้าไปตรวจในมิติหลังจากตรวจดู กู้หว่านเยว่แน่ใจว่าเฉิงฮูหยินมีปัญหาหัวใจแต่กำเนิดโชคดี ที่เรื่องนี้ยังไม่ถือว่าร้ายแรงมากนักหมอหลายคนสลับกันรักษา แม้จะไม่ทำให้เฉิงฮูหยินฟื้นขึ้นมา แต่อย่างไรก็ทำให้อาการของนางทรงตัวกู้หว่านเยว่พาเฉิงฮูหยินออกมาจากมิติ แล้วให้ซูจิ่งสิงปล่อยพวกเขาเข้ามา“พระชายา ฮูหยินของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“แม่ข้าจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือไม่?”เฉิงทั่วกับเฉิงเหลียนเข้ามาถึ
ไฟแห่งความอยากรู้อยากเห็นในใจของผู้ชมอย่างนาง ลุกโชนโชติช่วงตกลงเจ้าเฉิงซินพาสตรีแบบใดกลับมา ถึงได้ทำให้เฉิงฮูหยินโกรธจนหมดสติไป อีกทั้งแม่ทัพเฉิงยังด่าทอต่อว่าได้น่าเกลียดเช่นนี้หลังจากหันมองดูภายในเรือนหนึ่งรอบ เหมือนจะไม่เห็นสตรีผู้นั้น“ท่านพี่ พวกเขาเอาสตรีนางนั้นไปไว้ที่ใดหรือ?”กู้หว่านเยว่แอบกระซิบข้างหูซูจิ่งสิง อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างระอาเรื่องอย่างนี้ เขาจะสนใจได้อย่างไร?“ไปเถอะ เข้าไปดูข้างในก่อน”ช่วยคนสำคัญกว่า กู้หว่านเยว่ตามเฉิงทั่วเข้าไปในห้องขณะนี้ภายในห้องมีหมออีกสามคนกำลังรักษา หมอคนหนึ่งตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยินอยู่ข้างเตียง ส่วนหมออีกสองคนยืนสีหน้าร้อนใจอยู่ด้านหลัง“เป็นอย่างไร?”หมอคนหนึ่งแอบกระซิบถามหมอที่ตรวจชีพจรส่ายหน้าเบาๆ“นี่จะทำเช่นไรดี หากรักษาเฉิงฮูหยินไม่ได้ ด้วยนิสัยของท่านแม่ทัพ คงได้กุดหัวพวกเราจนหลุดแน่”หนึ่งในหมอเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนรน ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของเฉิงฮูหยินสำหรับเฉิงทั่ว“พวกเจ้าถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้”“หมอโจว ที่นี่ทักษะวิชาแพทย์ของท่านสูงกว่าใคร ประสบการณ์โชกโชน ท่านลองดูสิว่าอาการของฮูหยินควรทำอย่างไร?”หมอสองคนมองด
เฉิงทั่วเป็นคนที่เย่อหยิ่งมากพอเจอหน้ากันก็ทำความเคารพอย่างเป็นทางการ พอเห็นได้ว่าเรื่องร้ายแรงเพียงใดกู้หว่านเยว่นึกถึงรองแม่ทัพที่เข้ามาอย่างเร่งรีบ แล้วเชิญเฉิงทั่วออกไปหรือว่าผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว เฉิงฮูหยินยังไม่ฟื้นอีก?“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน”“ข้าน้อยไม่ลุก นอกจากพระชายาจะรับปาก”เฉิงทั่วทำหน้าดื้อดึง เมื่อมองให้ละเอียดขอบตาของเขาแดง“เอาละ เจ้านำทางไปเถอะ แล้วบอกมาด้วยว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเลือก ดูท่าคงกลับไปนอนต่อไม่ได้แล้วเฉิงทั่วถึงได้เช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นจากพื้น อย่าว่าไป ท่าทางเช่นนั้นน่าสงสารเหลือเกินตาเฒ่าผู้นี้คงเป็นห่วงภรรยาของเขาจริงๆ“เมื่อคืนตั้งแต่ฮูหยินหมดสติไป ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย นอนอยู่บนเตียงไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ว่าหมอจะใช้วิธีใด ก็ไม่ได้ผลทั้งสิ้น”เฉิงทั่วพูดไปด้วย ขอบตาพลันแดงไปด้วยเขากับเฉิงฮูหยินแต่งงานกันตั้งแต่หนุ่มสาว ประคับประคองกันมาตลอดในอดีตยามออกศึกที่ชายแดน เฉิงฮูหยินติดตามเขาไปด้วย ต่อมาย้ายมารักษาการที่ซุ่ยโจว เฉิงฮูหยินก็ตามมาอีกคลอดบุตธิดาให้เขาสองคน ทั้งสองคนรักใคร่กันมากถ้าเฉิงฮูหยินเกิดเรื่องอะไ
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป