กู้หว่านเยว่ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำต่อกับซวนลู่ จึงปฏิเสธโดยตรง “จวนของเราไม่มีห้องว่างแล้วจริง ๆ หากท่านแม่ทัพซวนไม่มีที่พัก ข้าจัดให้เจ้าพักที่สถานีพักม้าได้นะ”“ในจวนไม่ได้มีห้องมากขนาดนั้นหรือ....”ซูจิ้งอยากกล่าวบางอย่าง แต่ถูกนางหยางเหยียบเท้า จนเขาต้องรีบหุบปากครั้นกล่าวถึงตรงนี้ ต่อให้ซวนลู่ไร้ยางอายแค่ไหน ก็คงหาข้ออ้างไม่ได้อีกแล้ว“ไม่ต้องหรอก ข้าไม่ใช่สตรีอ่อนแอเพียงนั้น หาโรงเตี๊ยมพักอ้างแรมเองได้”สีหน้าของนางดูแย่ลง ทำให้ซูจิ้งปวดใจยิ่งนัก ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรของสหายเก่า“จริงสิ พรุ่งนี้ข้าต้องไปล่าสัตว์ที่ภูเขาฉางไป๋ พวกเจ้าไปด้วยกันเถอะ”ซวนลู่เชิญชวน ไม่ปล่อยให้โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับซูจิ่งสิงหลุดลอยไปแต่อย่างใด “น้องหญิง เจ้าอยากไปหรือไม่?” ซูจิ่งสิงมองไปกู้หว่านเยว่ หากภรรยาไป เขาก็ไป ภรรยาไม่ไป เขาก็ขี้เกียจไป“ไปเถอะ”กู้หว่านเยว่จำได้ว่าหุบเขาราชาโอสถอยู่ในภูเขาฉางไป๋ นางนัดกับปรมาจารย์แพทย์ไปหายาที่หุบเขาราชาโอสถพอดี จะไปดูว่ามีสมุนไพรเก็บได้บ้าง“พระชายา อย่าไปเลยเจ้าค่ะ”ซวนลู่ไม่ได้จะชวนนาง จึงแสร้งทำเป็นหวังดี“ล่าสัตว์ต้องขี่ม้า ร่างกายของพระช
“ฮูหยิน ข้าเชื่อฟังท่าน”ซูจิ้งกล่าวอย่างว่านอนสอนง่าย นางหยางพยักหน้าอย่างพอใจ หลังจากกินอาหารมื้อค่ำเสร็จ ก็ลงมือทำของว่างไปส่งให้ที่ห้องของกู้หว่านเยว่ ทำให้นางตื่นตระหนก “ท่านแม่ ท่านเข้าครัวดึกเพียงนี้เลยหรือ?”“หว่านเยว่” นางหยางคว้ามือของกู้หว่านเยว่ และกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจ “แม่อยากบอกเจ้าว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่จะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”กู้หว่านเยว่เข้าใจความหมายของนางทันที จึงรู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ”“ขอบคุณอะไร เจ้าเป็นบุตรที่ดีของแม่ เป็นเสมือนบุตรสาวของแม่ แม่ไม่มีทางให้คนอื่นมารังแกเจ้าได้”นางหยางวางของกินเล่นลง จากนั้นก็กำชับให้นางรีบพักผ่อน ก่อนจะหมุนตัวและเดินจากไปหลังจากที่นางหยางไปแล้ว กู้หว่านเยว่ก็นึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้ต้องไปล่าสัตว์ที่ภูเขาฉางไป๋ จึงเข้าไปเลือกธนูที่จับถนัดมือในห้วงมิติ ทั้งยังเลือกแส้หนังเล็กอีกหนึ่งเส้นด้วยเช้าวันรุ่งขึ้น นางเปลี่ยนเป็นกระโปรงยาว แต่งกายด้วยชุดจิ้นจวงที่ดูทะมัดทะแมงโดยมีแส้หนังพันอยู่รอบเอว ส่วนธนูปล่อยให้ชิงเหลียนถือซูจิ่งสิงเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน เป็นสีเดียวกับนางพอดี เพียงแวบเดียวคนนอกก็ดู
“หากจะตกจากหลังม้า อาจจะบาดเจ็บถึงขั้นพิการได้เลยนะเจ้าคะ”สตรีผู้นี้ตั้งใจจะขู่นาง กู้หว่านเยว่ไม่มีทางตกใจกลัวแน่นอน ซูจิ่นเอ๋อร์จึงอดกล่าวไม่ได้“พี่หญิงซวนลู่ พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าไม่เพียงแต่ขี่ม้าเป็น ยังขี่ม้าได้ดีด้วยเจ้าค่ะ”“ใช่ ทักษะการขี่ม้าของพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษเลย”ซูจื่อชิงเองก็ชมอีกหนึ่งเสียง ทำให้สีหน้าของซวนลู่เริ่มบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ“อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่รู้มาก่อนว่าทักษะการขี่ม้าของพระชายาจะดีเพียงนี้ ลองทดสอบกันหน่อยหรือไหม?”ครั้งนี้ทุกคนมองนางราวกับมองคนโง่เขลาอย่างไรอย่างนั้น“พี่หญิงซวนลู่ ท่านแน่ใจใช่หรือไม่?” ซูจิ่นเอ๋อร์กล่าวเตือนด้วยความหวังดีหรือว่านางดูไม่ออก ว่าม้าที่พี่สะใภ้ใหญ่ขี่อยู่นั้นเป็นม้ากระต่ายแดง?คิดจะแข่งกับม้ากระต่ายแดง ประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว“วางใจเถอะ ข้าจะยั้งมือ”ซวนลู่คุยโวโอ้อวดอย่างไม่เกรงใจ แทนที่จะทะนงตน ไม่สู้บอกว่านางไม่เคยเห็นกู้หว่านเยว่ในสายตาเลยดีกว่านางไม่เชื่อว่าสตรีผู้อ่อนแอคนหนึ่งจะขี่ม้าได้ ทักษะม้าจะเก่งแค่ไหนกันเชียว?สำหรับม้ากระต่ายแดง ม้าพันธุ์นี้มีราคามาก ซวนลู่เคยได้ยินผู้อื่นพูดก
ซูจิ่นเอ๋อร์ถอนหายใจแรง และกล่าวอย่างจนปัญญา“ว่าอย่างไรนะ กระต่ายแดง?!”นัยน์ตาของซวนลู่ฉายแววโกรธเคืองละคนอิจฉาอยู่ไม่น้อย“จิ่งสิง ท่านนำม้าที่ดีเพียงนี้ให้นางเชียวหรือ”นางเป็นเพียงหญิงแม่บ้านคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องออกศึกสงคราม ต้องใช้ม้าที่ดีขนาดนี้ไปทำไม เช่นนี้ก็เสียของดีแย่นะสินางยิ่งมั่นใจว่าซูจิ่งสิงช่วยนาง ซวนลู่ขมวดคิ้วมุ่นพลางกล่าวว่า“แม้ว่าข้าจะแพ้แล้ว แต่ท่านก็อย่าลำพองใจไป หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องยกม้าพันธุ์นี้ให้ท่าน ท่านไม่มีทางชนะข้าได้”กู้หว่านเยว่หัวเราะเยาะ ซูจิ่งสิงซ้ำเติมอย่างเงียบ ๆ “ม้าตัวนี้เป็นของหว่านเยว่”“เป็นไปไม่ได้!”ซวนลู่ไม่อยากเชื่อ“ม้าตัวนี้เป็นม้าที่หายากและมีราคาที่สุดในใต้หล้า เหตุใดถึงตกมาอยู่ในมือของนาง ท่านอ๋อง ท่านทำเพื่อนาง ไม่ต้องโป้ปดข้าหรอก”ซวนลู่ปวดใจมาก มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาโหดเหี้ยมแวบหนึ่งสตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ก่อนหน้านั้นท่านอ๋องไม่เคยโป้ปดเลยสักครั้ง บัดนี้เพื่อปกป้องนาง เขายอมโป้ปดเช่นนี้“ข้าไม่ได้โป้ปด ม้าตัวนี้เป็นของนาง”สีหน้าของซูจิ่งสิงเคร่งขรึมลง สตรีผู้นี้ฟังไม่รู้ความนักใช่หรือไม่?ความหมดความอ
นางอยากเห็นกู้หว่านเยว่ลุกลี้ลุกลนอย่างร้อนใจ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมักจะสงบนิ่งทุกครั้ง ตรงกันข้ามกลับเป็นนางที่โกรธแทน“จื่อชิง เจ้าไปเก็บกระต่ายกลับมาเถอะ”ซวนลู่ออกคำสั่งกับซูจื่อชิง ทำให้เขาไม่พอใจ“พี่หญิงซวน ในภูเขาแห่งนี้มีกระต่ายอีกมากมาย ทำไมท่านต้องแย่งกระต่ายของพี่สะใภ้ใหญ่ด้วย? เมื่อครู่กระต่ายตัวนั้นพี่สะใภ้เป็นฝ่ายเจอก่อน”ซูจื่อชิงเองก็ทนไม่ไหว เขาเป็นสหายกับซวนลู่ ถึงได้พูดตรงเช่นนี้“เขาไม่อยากให้พี่หญิงซวนลู่ทำผิดอีก“ก็แค่กระต่ายตัวเดียว จะอะไรกันนักหนา? ในสนามรบต้องแยกด้วยหรือไม่ว่าหัวไหนของเจ้า หัวไหนของข้า?”ซวนลู่หนี่ตาลงอย่างไม่สบายใจ “พวกเราทั้งสองคนสนิทกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ ไม่เหมือนกับคนอื่น เจ้าถามข้าเช่นนี้เพื่อนกู้หว่านเยว่หรือ?”“ข้าเปล่า”ซูจื่อชิงหมดคำพูด ได้แต่ทอดถอนใจ ช่างเถอะ โน้มน้าวไปก็เท่านั้น คงจะโน้มน้าวสตรีเอาแต่ใจผู้นี้ไม่ได้ เดินไปอย่างยอมรับชะตากรรม เก็บกระต่ายแล้วโยนเข้าไปในตะกร้าเขาคิดว่าทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทำให้เรื่องเล็กให้กลายเป็นไม่มีซวนลู่ที่อยู่ด้านนั้นยกยิ้มเย็นยะเยือก ไม่คิดว่าตัวเองทำผิดอะไร ถือคันธนูวิ่ง
“ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ ฝีมือของข้าดีมาก เมื่อครู่เป็นเพราะกวางลายจุดตัวนั้นมันตื่นตัวเกินไป”ซวนลู่มองไปทางซูจิ่งสิง แล้วกล่าวอธิบาย“ท่านอ๋อง ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่น่าทำให้มันตกใจจนหนีไปเลย รอจนกว่าจะเจอกวางลายจุดตัวอื่นแล้ว ข้าจะยิงให้เจ้าใหม่ดีหรือไม่?”ทันทีที่สิ้นเสียง ก็มีเสียงพรึ่บดังขึ้นจากข้าง ๆต่อมา กวางลายจุดที่กำลังวิ่งหนีก็ล้มลงกับพื้น กู้หว่านเยว่เผยรอยยิ้มสดใส “ข้ายิงโดนแล้ว!”ภาพตรงหน้าทำให้ซวนลู่แทบไม่อยากจะเชื่อ“เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดเจ้าถึงยิงธนูเป็น?”แต่ลูกธนูที่ปักอยู่บนตัวของกวางลายจุด เป็นลูกธนูที่ยิงออกมาจากมือของกู้หว่านเยว่จริง ๆ นางยังคงอยู่ในท่าง้างธนูเอาไว้“ท่านพี่ เราไปหยิบกัน”กู้หว่านเยว่ดูสดใสร่าเริง รีบขี่ม้าเข้าไปเก็บเกี่ยวผลงาน ส่วนซูจิ่งสิงก็ไล่ตามนางไปด้วยสีหน้าเอ็นดู“นายหญิง ริมลำธารทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือมีสิ่งที่น่าประหลาดใจขอรับ”เสียงของระบบดังขึ้น ดวงตาของกู้หว่านเยว่เป็นประกาย หลังจากเก็บกวางลายจุดตัวนั้นแล้ว ก็รีบวิ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือทั้งสองคนหายวับไปต่อหน้าต่อตา เมื่อเห็นสามีภรรยาคู่นั้นจากไปไกลแล้ว บนใบหน้าของซวน
คำพูดนี้ช่างทิ่มแทงใจเสียจริง หางตาของซวนลู่กระตุกอย่างหนัก นางจะพลาดเป็นครั้งที่สองเพราะความลังเลไม่ได้“ข้าตกลง”ซวนลู่คว้ายาลูกกลอนมา หัวใจเต้นโครมคราม ข้าจะร่วมมือกับเจ้า”“หึ ๆ ” คนชุดดำหัวเราะอย่างชั่วร้าย “แบบนี้สิถูกต้องแล้ว”กู้หว่านเยว่เดินตามระบบมาจนถึงริมลำธาร “เจ้าระบบ เจ้าบอกว่าทางนี้มีสิ่งที่น่าประหลาดใจ ขอให้มีสิ่งที่น่าประหลาดใจจริง ๆ นะ!”“นายหญิงดูในลำธารเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ก้มศีรษะลง แล้วเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง “นี่มันคือ?”นางรีบร้อนเดินเข้าไปข้างหน้า จากนั้นก้มลงมองพืชน้ำต้นหนึ่งในลำธาร“นี่มันใช่ปลาหรือไม่?” ซูจิ่งสิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย สิ่งนี้มีสีขาวใส เมื่ออยู่ภายใต้แสงอาทิตย์สามารถสะท้อนแสงสีรุ้งออกมาได้“ข้าช่วยเจ้าเอาขึ้นมาเอง” เขาดูออกว่ากู้หว่านเยว่ชอบสิ่งนี้มากไหนเลยจะรู้ว่ากู้หว่านเยว่จะรีบห้ามไว้ “อย่าเอามือไปแตะเด็ดขาด!”นางคว้ามือของซูจิ่งสิง แล้วกล่าวอธิบาย“นี่มิใช่ปลา แต่เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีชื่อเรียกว่าแมงกะพรุนฝันสู่สวรรค์ของเหลวจากสมุนไพรชนิดนี้มีพิษหลอนประสาท หากสัมผัสโดนจะทำให้คนตกอยู่ในภวังค์แห่งความสุข”ของแบบนี้พบเห
กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หมีแพนด้ากินเหล็กไม่ค่อยพบเห็นได้ทั่วไป ดูท่าจะมีวาสนากับซูจิ่นเอ๋อร์“เจ้าลองวางหมีแพนด้ากินเหล็กลงบนพื้นก่อน ข้าจะตรวจดูสักหน่อย”ซูจิ่นเอ๋อร์หาใบไม้ใบใหญ่มาวางรอง แล้ววางหมีแพนด้ากินเหล็กไว้บนใบไม้นั้น กู้หว่านเยว่ตรวจดูอาการครู่หนึ่ง พบว่าที่ท้องของหมีแพนด้ากินเหล็กมีแผลใหญ่ อวัยวะภายในเกือบจะทะลักออกมาแล้ว ดูท่าจะรักษายาก“บรู๊วววว”หมีแพนด้ากินเหล็กส่งเสียงร้องเบา ๆ คงจะเจ็บมาก ดวงตาของมันมีน้ำตาคลอ“ช่วยได้หรือไม่?” ซูจิ่นเอ๋อร์เอ่ยถาม หมีแพนด้ากินเหล็กตัวน้อยดูน่าสงสารมาก“ได้” กู้หว่านเยว่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก หยิบกล่องยาลงมาจากหลังม้า จากนั้นทำความสะอาดแผล เย็บแผล และทายาให้เมื่อพี่สะใภ้บอกว่าได้ ซูจิ่นเอ๋อร์ก็มั่นใจมาก“หมีแพนด้ากินเหล็กตัวน้อย เจ้าต้องเชื่อฟังนะ รอจนกว่าเจ้าจะหายดี ข้าจะพาเจ้ากลับบ้านไปเลี้ยง พี่สะใภ้ต้องรักษาเจ้าได้แน่ ๆ เจ้าอย่าดิ้นนะ”ดูไม่ออกเลยว่า เด็กสาวคนนี้จะปลอบเก่งเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหมีแพนด้ากินเหล็กก็เชื่อฟังและไม่ดิ้นแล้วจริง ๆ“พี่สะใภ้ ท่านดูสิ มันฟังข้าพูดรู้เรื่องด้วย” ซูจิ่นเอ๋อร์ตื่น
นางออกคำสั่งเป็นปกติ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายทำได้แต่เพียงฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดจะออกความคิดเห็นแต่อย่างใดเฉิงเหลียนรู้ว่านางเชื่อถือได้ “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”ตอนจากไป นางย่างก้าวราวกับเหาะออกไปเลยทีเดียว“พระชายาช่างใจดียิ่งนัก” ชิงเหลียนอดทอดถอนใจไม่ได้แน่นอนว่าครั้นแม่นางเฉิงเหลียนได้รับความไม่ยุติธรรมจากตระกูลเฉิง นางจึงอยากพาอีกฝ่ายไปด้วย“นางสมควรได้รับ”กู้หว่านเยว่เห็นฝีมือและประสบการณ์ด้านการนำทัพของเฉิงเหลียนแล้ว นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งเพียงแต่น่าเสียดายที่นางเป็นสตรี จึงได้รับข้อจำกัดทุกด้านแต่หากนางได้อยู่ที่นี่ ก็ไม่ต้องกังวลมากนักนางให้โอกาสเฉิงเหลียนได้แสดงความสามารถของตัวเองอย่างอิสระ“ท่านพี่ เรากลับกันเถอะ”หลังจากเสียเวลามาตลอดครึ่งเช้า ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปกินมื้อเที่ยงแล้วกู้หว่านเยว่จูงมือของซูจิ่งสิงกลับมาถึงจวน กระทั่งเห็นสาวใช้วิ่งออกมาอย่างกระวนกระวายใจ“ท่านอ๋อง พระชายา แย่แล้ว ท่านหญิงฉางเล่อหายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”นี่คือสาวใช้ของมู่หรงฉางเล่อ ชื่อว่ากู๋อวี่กู๋อวี่ถือจดหมายฉบับหนึ่ง ด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้“ข้าน้อยไป
กู้หว่านเยว่กุมขมับ ไม่มีใครปากหนักได้เหมือนเฉิงซิน หวังว่านางจะจำมันไว้เป็นบทเรียน “โธ่ ๆ ท่านพี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!” แม่นางตั่วล้มลงไปกองบนพื้น พลางยกมือกุมอกด้วยท่าทางยั่วสวาท ความจริงแล้วนางมีรูปโฉมงดงามมาก แม้จะไม่ได้บอกว่านางงดงามยิ่งกว่าใครในปฐพี แต่ก็มั่นใจได้ว่าเป็นสตรีวัยกลางคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดมากและเย้ายวนเก่งมากทีเดียว ไม่แปลกใจที่เฉิงซินจะชื่นชอบ“ฮูหยิน ก่อนหน้านั้นแม่นางผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดในหอนางโลมซุ่ยโจวเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนกระซิบนินทาเสียงเบาข้างหูของกู้หว่านเยว่ นางรู้ว่าพระชายาของตัวเองชอบฟังเรื่องเหล่านี้เป็นที่สุด“ต่อมาครั้นถึงวัยออกเรือน นางก็ได้แต่งงานกับคนขี่ม้าผู้หนึ่ง ทว่าแม้ว่านางจะมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่กลับยังออกไปรับแขกเฉกเช่นเดิม...”กู้หว่านเยว่มีคำว่า ‘ให้ตายเถอะ’ ผุดขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ว่าควรโพล่งหรือไม่ควรโพล่งออกมา “แม่นางตั่ว เจ้าเป็นอะไรไป?”ครั้นเฉิงซินได้ยินเสียงของแม่นางตั่วก็รีบวิ่งออกมาทันที ท่าทางนั้นของเขาดูร้อนใจกว่าตอนที่แม่เขาเป็นลมเสียอีก“ท่านอ๋อง ข้าเจ็บเจ้าค่ะ....” แม่นางตั่วถูเข่าของตัวเอง“ไปกันเถอะ”
“พระชายา ท่านอ่อง เรื่องนี้...”ซูจิ่งสิงโบกมือเบาๆ “เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว เจ้าจัดการเองเถอะ”ตอนเฉิงฮูหยินเพิ่งฟื้นขึ้น เอาแต่เป็นห่วงลูกชายที่ถูกแขวนไว้ด้านนอก ตอนนี้ถึงได้หันมาสนใจกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อรู้ว่ากู้หว่านเยว่ช่วยนางไว้ จึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพอีกฝ่าย“ชีวิตอันต่ำต้อยของข้าน้อยจะให้พระชายามาเองได้อย่างไร รบกวนพระชายาเกินไปแล้ว”นอกจากรักลูกชายมากเกินไปแล้ว ด้านอื่นๆ ของเฉิงฮูหยินก็ยังถือว่าปกติดีกู้หว่านเยว่โบกมือ“เฉิงฮูหยินไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น รีบลุกเถอะ สุขภาพของท่านไม่ค่อยดี”“ถูกต้องท่านแม่ ท่านรีบลุกขึ้นมาเถอะ”เฉิงซินเข้าไปประคองเฉิงฮูหยินอย่างกระตือรือร้น สายตาเหลือบมองกู้หว่านเยว่ เขายังรู้สึกกลัวกู้หว่านเยว่อยู่บ้างช่วงเวลาที่ถูกมู่หรงฉางเล่อจับตัวไป เขาถูกทรมานมาไม่น้อยในมือกู้หว่านเยว่มียาพิษมากมาย มียาพิษหลายชนิดที่เขาได้ลิ้มลองด้วยตัวเอง“รีบสั่งให้แม่นางตั่วของเจ้าไปซะ” เฉิงฮูหยินด่าทออย่างไม่สบอารมณ์“เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ได้เวลากลับตัวกลับใจได้แล้ว”ที่ลูกชายออกไปทำตัวสำมะเลเทเมาอยู่ข้างนอก ต้อง
“รีบให้คนไปปล่อยซินเอ๋อร์ลงมาเดี๋ยวนี้!”เมื่อเฉิงฮูหยินลุกขึ้น หัวใจพลันปวดแปลบ นางจึงต้องเชื่อฟังและนอนลงแต่โดยดีทว่าก็ยังชะเง้อคอ อยากจะมองดูลูกรักที่อยู่ตรงลานบ้าน“เหลียนเอ๋อร์อยู่ข้างนอกหรือ? เหลียนเอ๋อร์ รีบปล่อยตัวพี่ใหญ่เจ้าเร็วสิ!”“ฮูหยิน!”เฉิงทั่วไม่เห็นด้วยกับวิธีการของนาง“เจ้าลูกอกตัญญูทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าขนาดนี้ หากไม่ลงโทษให้ดี ต่อไปเขาจะใจกล้ามากยิ่งกว่านี้”เขาอยากถือโอกาสนี้ ลงโทษเฉิงซินให้เข็ดหลาบ“เพราะหญิงสำส่อนนั่นให้ท่า เกี่ยวอะไรกับลูกด้วย?” แต่เห็นได้ชัดว่าเฉิงฮูหยินลำเอียงคนลำเอียงมักพบได้ทั่วไป แต่ผู้ที่ลำเอียงขนาดนี้พบได้ไม่บ่อยนักกู้หว่านเยว่จับมือซูจิ่งสิงยืนสอดรู้อยู่ด้านข้างอย่างมีความสุขแม้แต่เฉิงทั่วเองก็ทนฟังต่อไปไม่ได้ สั่งสอนเฉิงฮูหยินด้วยใบหน้าแดงเถือก“ฮูหยิน หากไม่ใช่เพราะลูกชายของเราทำตัวเละเทะเอง ออกไปลักลอบได้เสียกับแม่นางตั่วอะไรนั่น หนำซ้ำยังพานางกลับมาที่บ้าน เจ้าจะหมดสติได้อย่างไร?”เฉิงทั่วโกรธที่ลูกชายไม่เอาไหนเจ้าลูกชายทำตัวเละเทะก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสจัดการลูกชายสักที วันนี้จะต้องสั่งสอ
ข้าเป็นคนไร้ชื่อเสียงย่อมไม่กลัว แต่ต่อไปจวนแม่ทัพของพวกเจ้ายังจะมีหน้าอยู่ในซุ่ยโจวอีกหรือ”ระหว่างที่พูด แม่นางตั่วเดินไปใต้ต้นไม้อีกครั้ง แล้วกอดเฉิงซินที่ถูกมัดแขวนไว้“คุณชายน้อย ท่านหลอกบ่าวให้หลงเชื่อสนิทใจ ท่านบอกว่าจะพาบ่าวไปอยู่อย่างสุขสบาย บ่าวจึงได้ทิ้งผัวที่บ้านตามท่านมา แต่สุดท้าย ทุกคนในบ้านท่านกลับรังแกบ่าว ฮือฮือฮือ...”อย่าเห็นว่าแม่นางตั่วแต่งงานแล้ว กลับหน้าตาเย้ายวน ทั่วทั้งตัวมีจริตจะก้านแผ่ซ่านออกมาสวมกระโปรงเกาะอกรัดเอวตัวยาว ภายนอกมีเสื้อคลุมสีชมพูสวมทับ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง ทำให้เฉิงซินมองดูจนไม่อาจละสายตา“เฉิงเหลียน เจ้า เจ้าตะโกนโหวกเหวกใส่คนของข้า หากจะวางอำนาจก็กลับไปที่ค่ายทหารของเจ้า อย่ามาวางอำนาจให้ข้าดู”เฉินซินเห็นแม่นางตั่วถูกรังแกไม่ได้ จึงรีบตะโกนใส่เฉิงเหลียน“เจ้านี่มันกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ ท่านแม่หมดสติเพราะโกรธเจ้าเรื่องหญิงคนนี้ แต่เจ้ากลับปกป้องนางหรือ”ทำไมถึงได้มีคนที่โง่ขนาดนี้?เฉิงเหลียนกำหมัดแน่นช่างเป็นลูกชายที่แน่จริง ทำให้พ่อแม่ลำเอียงรักแต่เขา“ก็เพราะท่านแม่โกรธข้าจนหมดสตินะสิ หากข้าไล่ให้นางไป ท่านแม่ไม่หมดสติเส
เมื่อหมอหลายคนได้ยินว่ากู้หว่านเยว่มาตรวจอาการของเฉิงฮูหยิน ทำให้โล่งอกทันทีรีบแจ้งข้อสรุปในการตรวจอาการให้กู้หว่านเยว่ส่วนข้อสรุปนั้นก็คือ...เอ่อ ไม่มีข้อสรุปกู้หว่านเยว่เองก็เป็นหมอเมื่อเห็นท่าทางเหงื่อแตกพลั่กของทุกคน นางก็เข้าใจทันทีพวกเขาไม่มีวิธีแต่ก็กลัวเฉิงทั่วลงโทษดูท่าอาการของเฉิงฮูหยินค่อนข้างอันตรายกู้หว่านเยว่มาถึงข้างเตียง แล้วเริ่มตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยิน ดูจากการเต้นของชีพจร นางวินิจฉัยว่าอาการหมดสติของเฉิงฮูหยินมีสาเหตุมาจากหัวใจแต่ความจริงจะใช่หรือไม่ คงต้องตรวจให้ลึกลงไปอีกขั้นกู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วให้เฉิงทั่วกับหมอหลายคนออกไป ส่วนนางอยู่ในห้องแล้วพาเฉิงฮูหยินเข้าไปตรวจในมิติหลังจากตรวจดู กู้หว่านเยว่แน่ใจว่าเฉิงฮูหยินมีปัญหาหัวใจแต่กำเนิดโชคดี ที่เรื่องนี้ยังไม่ถือว่าร้ายแรงมากนักหมอหลายคนสลับกันรักษา แม้จะไม่ทำให้เฉิงฮูหยินฟื้นขึ้นมา แต่อย่างไรก็ทำให้อาการของนางทรงตัวกู้หว่านเยว่พาเฉิงฮูหยินออกมาจากมิติ แล้วให้ซูจิ่งสิงปล่อยพวกเขาเข้ามา“พระชายา ฮูหยินของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“แม่ข้าจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือไม่?”เฉิงทั่วกับเฉิงเหลียนเข้ามาถึ
ไฟแห่งความอยากรู้อยากเห็นในใจของผู้ชมอย่างนาง ลุกโชนโชติช่วงตกลงเจ้าเฉิงซินพาสตรีแบบใดกลับมา ถึงได้ทำให้เฉิงฮูหยินโกรธจนหมดสติไป อีกทั้งแม่ทัพเฉิงยังด่าทอต่อว่าได้น่าเกลียดเช่นนี้หลังจากหันมองดูภายในเรือนหนึ่งรอบ เหมือนจะไม่เห็นสตรีผู้นั้น“ท่านพี่ พวกเขาเอาสตรีนางนั้นไปไว้ที่ใดหรือ?”กู้หว่านเยว่แอบกระซิบข้างหูซูจิ่งสิง อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างระอาเรื่องอย่างนี้ เขาจะสนใจได้อย่างไร?“ไปเถอะ เข้าไปดูข้างในก่อน”ช่วยคนสำคัญกว่า กู้หว่านเยว่ตามเฉิงทั่วเข้าไปในห้องขณะนี้ภายในห้องมีหมออีกสามคนกำลังรักษา หมอคนหนึ่งตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยินอยู่ข้างเตียง ส่วนหมออีกสองคนยืนสีหน้าร้อนใจอยู่ด้านหลัง“เป็นอย่างไร?”หมอคนหนึ่งแอบกระซิบถามหมอที่ตรวจชีพจรส่ายหน้าเบาๆ“นี่จะทำเช่นไรดี หากรักษาเฉิงฮูหยินไม่ได้ ด้วยนิสัยของท่านแม่ทัพ คงได้กุดหัวพวกเราจนหลุดแน่”หนึ่งในหมอเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนรน ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของเฉิงฮูหยินสำหรับเฉิงทั่ว“พวกเจ้าถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้”“หมอโจว ที่นี่ทักษะวิชาแพทย์ของท่านสูงกว่าใคร ประสบการณ์โชกโชน ท่านลองดูสิว่าอาการของฮูหยินควรทำอย่างไร?”หมอสองคนมองด
เฉิงทั่วเป็นคนที่เย่อหยิ่งมากพอเจอหน้ากันก็ทำความเคารพอย่างเป็นทางการ พอเห็นได้ว่าเรื่องร้ายแรงเพียงใดกู้หว่านเยว่นึกถึงรองแม่ทัพที่เข้ามาอย่างเร่งรีบ แล้วเชิญเฉิงทั่วออกไปหรือว่าผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว เฉิงฮูหยินยังไม่ฟื้นอีก?“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน”“ข้าน้อยไม่ลุก นอกจากพระชายาจะรับปาก”เฉิงทั่วทำหน้าดื้อดึง เมื่อมองให้ละเอียดขอบตาของเขาแดง“เอาละ เจ้านำทางไปเถอะ แล้วบอกมาด้วยว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเลือก ดูท่าคงกลับไปนอนต่อไม่ได้แล้วเฉิงทั่วถึงได้เช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นจากพื้น อย่าว่าไป ท่าทางเช่นนั้นน่าสงสารเหลือเกินตาเฒ่าผู้นี้คงเป็นห่วงภรรยาของเขาจริงๆ“เมื่อคืนตั้งแต่ฮูหยินหมดสติไป ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย นอนอยู่บนเตียงไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ว่าหมอจะใช้วิธีใด ก็ไม่ได้ผลทั้งสิ้น”เฉิงทั่วพูดไปด้วย ขอบตาพลันแดงไปด้วยเขากับเฉิงฮูหยินแต่งงานกันตั้งแต่หนุ่มสาว ประคับประคองกันมาตลอดในอดีตยามออกศึกที่ชายแดน เฉิงฮูหยินติดตามเขาไปด้วย ต่อมาย้ายมารักษาการที่ซุ่ยโจว เฉิงฮูหยินก็ตามมาอีกคลอดบุตธิดาให้เขาสองคน ทั้งสองคนรักใคร่กันมากถ้าเฉิงฮูหยินเกิดเรื่องอะไ
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป