กู้หว่านเยว่ค่อนข้างประหลาดใจมาก “ท่านไม่กลัวว่าหากเราฆ่าท่านแล้ว อวี้ไท่เฟยอาจจะไม่ได้รับผลต้นเกล็ดหิมะก็ได้นะ?“ข้า ข้าเชื่อในตัวของเจิ้นเป่ยอ๋อง”หากเป็นผู้อื่นก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ซูจิ่งสิงไม่ใช่คนขาดจิตสำนึกได้ เสด็จแม่ของเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้“ก็ได้”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มพราวเสน่ห์ ทำให้อ๋องหกต้องชำเลืองตามอง “หากท่านกล่าวเช่นนี้ ข้าจะยอมให้โอกาสท่านสักครั้ง แต่ข้ามีเงื่อนไขอยู่สามข้อ”“ว่ามา” อ๋องหกพยักหน้ากู้หว่านเยว่ค่อย ๆ กล่าวออกไป “หนึ่ง บอกเราว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือใคร สอง นำแผนที่สมบัติมาให้ข้า สาม ข้าจะช่วยหลอมผลต้นเกล็ดหิมะเป็นยาให้ท่าน ข้าให้เวลาท่านครึ่งเดือน ท่านต้องพาเสด็จแม่ของของท่านมาหาข้าที่เจดีย์หนิงกู่ จากนั้นก็หลงหลักปักฐานที่เจดีย์หนิงกู่”เพื่อเป็นการเก็บอ๋องหกไว้ใต้จมูก ง่ายต่อการจับตามองหากเขาตั้งใจจะกบฏจริง ๆ พวกเขาจะได้ไหวตัวทัน และฆ่าเขาเสียหากเป็นเมื่อก่อน อ๋องหกต้องคิดให้ดี ๆ แต่ตอนนี้เจดีย์หนิงกู่เป็นดินแดนในอุดมคติของใคร ๆ ไปแล้ว อิสระกว่าเมืองหลวง“ข้าตกลง”อ๋องหกรีบกล่าวทันทีแต่ทว่าเขาก็ยังนึกประหลาดใจ “พวกเจ้าไม่ฆ่าข
“คงไม่ได้เป็นโรคน้ำกัดเท้าหรอกนะ?”นางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือและคลี่เปิดแผนที่สมบัติ อ๋องหกถึงกับหน้าแดงก่ำ “ข้าไม่ได้เป็นน้ำกัดเท้า วันนี้เกิดเรื่องไม่คาดคิด ข้ายังไม่ได้อาบน้ำ ครั้นอาบน้ำแล้วคงไม่เหม็นแล้วล่ะ”“ไม่มีก็ดี”กู้หว่านเยว่หยิบแว่นขยายออกมา แล้วส่องดูแผนที่สมบัติอย่างละเอียด “เป็นอย่างไรบ้าง?”ซูจิ่งสิงกระซิบข้างหูของนางเบา ๆ “เป็นแผนที่สมบัติจริง ๆ และยังผลิตจากหนังสัตว์ ปิดผนึกด้วยน้ำผึ้ง น่าจะเป็นแผนที่สมบัติที่มีมูลค่ามากใบหนึ่ง”“พอจะมองเห็นถึงที่อยู่คร่าว ๆ หรือไม่?”ซูจิ่งสิงถูนิ้วด้วยความกังวล หากรู้ที่อยู่คร่าว ๆ เขาจะได้ส่งคนไประเบิดพื้นที่ตรงนั้นจนราบคาบแล้วค้นหาสมบัติเหล่านั้นน่าเสียดายที่คำกล่าวของกู้หว่านเยว่ทำให้เขาต้องรีบยกเลิกความคิดนี้ “มองไม่ออก ถ้ำสมบัติแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะมหาสมุทร”มหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลถึงเพียงนี้ เกาะก็มีมากมาย หากไม่มีตำแหน่งที่แน่นอน ก็ยากจะหาเจอ“ดูท่า ต้องหาแผนที่สมบัติอีกครึ่งหนึ่งให้เจอแล้ว”ซูจิ่งสิงเก็บแผนที่สมบัติไว้ในใจ ก่อนจะกล่าวปลอบใจกู้หว่านเยว่“ไม่เป็นไร วันข้างหน้าข้าจะออกตามหาอีกครึ่งแทนเจ้าเอง”
ถึงอย่างไรผู้ลึกลับผู้นั้นก็เป็นคนทูเจวี๋ย หากไม่ใช่เพื่อเสด็จแม่ เขาไม่มีทางร่วมมือกับคนทูจวี๋ยแน่นอนส่วนเสด็จพี่ เห็น ๆ อยู่ว่าเขาไม่มีอำนาจทางการทหารและไม่มีเงิน แต่กลับหวาดระแวงเขา ไม่แน่อาจจะฆ่าเขาในสักวันหนึ่งครั้นคิดดูแล้ว ไม่สู้ไว้ใจซูจิ่งสิงดีกว่าครั้นเด็กรับใช้เห็นมู่หรงฝูระมัดระวังตัวเช่นนี้ จึงเปลี่ยนมาคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “มาเจดีย์หนิงกู่ก็ดีแล้ว ตลอดการเดินทางข้าน้อยเห็นด้านนอกของเมืองอวี้เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ อากาศก็ไม่ได้หนาวเหน็บอย่างที่เป็นข่าวลือ เสียงนกร้องระงม ดอกไม้เบ่งบานตามฤดูกาล ไท่เฟยผู้เฒ่าจะต้องทรงโปรดปรานอย่างแน่นอน”“ใช่”นัยน์ตาของมู่หรงฝูว่างเปล่า เขาเองก็ตกใจกับบรรยากาศในเจดีย์หนิงกู่“ท่านพี่ เราไปกินบะหมี่ตรงแผงลอยกันเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเดินออกจากโรงเตี๊ยม ครั้นเห็นว่าท้องฟ้ายังไม่มืด จึงเดินมานั่งในบริเวณแผงลอยขายของข้างทาง“เจ้าสองคนอยากกินอะไร?”ทันทีที่ทั้งสองคนนั่งลง เจ้าของร้านก็ออกมาต้อนรับ“บะหมี่หยางชุนสองชาม”ซูจิ่งสิงล้วงหยิบตำลึงเงินออกมา ทันทีที่เถ้าแก่ร้านจากไป ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันระลอกหนึ่งด
“เจ้าหูหนวกหรือไร? ข้าพูดกับเจ้าอยู่!”หลัวจือฉิงอยากจะง้างมือตบกู้หว่านเยว่ แต่ครั้นสายตามเหลือบไปเห็นซูจิ่งสิงบุรุษร่างสูงใหญ่ก็ตะลึงงันในทันที“พ่อหนุ่ม เจ้าช่างรูปงามยิ่งนัก”“ไสหัวออกไป”นัยน์ตาของซูจิ่งสิงฉายแววรังเกียจ ก่อนจะตวาดอย่างไม่ปรานี“พ่อหนุ่ม เจ้าเองก็ควรมาเป็นสามีของข้านะ เจ้าโตแล้ว ส่วนเขายังเด็กนัก”หลัวจือฉิงชี้ไปทางหร่านถิง ท่าทางดูวางมาดนั้นทำให้คนที่เห็นอยากตบนางยิ่งนักหร่านถิงหมดความอดทน ในที่สุดก็ยกเท้าเตะนางจนกระเด็นออกไป“ไสหัวไป นังบ้า!”ครานี้ไม่มีใครคุยกับหลัวจือฉิงอีก ถึงอย่างไรวิธีการของนางก็น่าประหลาดเกินไป“เจ้า เจ้ากล้าเตะข้า!”เด็กรับใช้รีบพุ่งเข้าไป แต่ก็ถูกซูจิ่งสิงเตะกลับไปกองบนพื้นตามเดิมจู่ ๆ หลัวจือฉิงก็รู้สึกว่าไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ จึงพาคนเหล่านั้นวิ่งหนีกระเจิงแต่ก่อนจะไปนั้น ก็ยังตะโกนว่า “พวกเจ้า พวกเจ้ารอก่อนเถอะ จะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้กับข้า!”“ได้ เราจะรอ เจ้าอย่าขี้ขลาดก็แล้วกัน”กู้หว่านเยว่หัวเราะเยาะเสียงดัง หลัวจือฉิงเดินโซซัดโซเซด้วยความโกรธ สตรีผู้นี้โหดร้ายมากครั้นเห็นหลัวจือฉิงจากไปไกลแล้ว หร่านถิงก็หัน
เวลานี้ตลาดประมูลค่อนข้างเงียบสงบ ไม่มีความผิดปกติใด บริเวณด้านนอกของตลาดประมูลมีทหารเฝ้าอยู่หลายกลุ่ม กู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงพาเข้าไปภายในงานประมูล “ตลาดประมูลดูคึกคักมาก”พ่อบ้านเฉียนกำลังตั้งใจนับตั๋วเงินอยู่ในห้อง เขายิ้มไม่หุบเลย การประมูลในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สร้างเงินได้มหาศาลแล้ว ทั้งยังแอบวางยาซูจิ่งสิงอย่างเงียบ ๆ ได้อีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว“ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของเจ้า นำยาพิษไปวางไว้ในกระถางธูป ทำให้ซูจิ่งสิงโดนวางยาอย่างเงียบ ๆ”ลี่จีควงแขนของพ่อบ้านเฉียนออกมาและกล่าวด้วยสีหน้าคาดหวัง “แค่คิดว่าซูจิ่งสิงจะกลายเป็นคนโง่ ข้าก็มีความสุขมากแล้ว”“หลังจากนี้จะยิ่งมีความสุขมากกว่านี้” พ่อบ้านเฉียนทำปากจู๋และจุ๊บหน้าผากของลี่จีราวกับไม่มีใครเห็นเวลานี้ ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ที่นั่งอยู่ในโรงไม้ก็ได้กระโดดลงมากู้หว่านเยว่พ่นยาพิษออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อทำให้คนอื่นหมดสติ ส่วนซูจิ่งสิงก็รัดคอของพ่อบ้านเฉียนและจี่ลีไว้ จากนั้นก็กระชากพวกเขาออกมาอย่างรวดเร็วกู้หว่านเยว่โบกมือไปมา ก่อนจะพาพวกเขาเข้าไปในห้วงมิติครั้นเห็นทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปรอบ ๆ ตัว พ่อ
“สัตว์น้ำแข็ง?!”กู้หว่านเยว่ไม่กล้าเชื่อ กระทั่งโพล่งพูดออกมาซูจิ่งสิงกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ “สัตว์น้ำแข็ง เป็นสัตว์แบบไหน?”“เป็นสัตว์ตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในเขตน้ำแข็งตัวหนึ่ง ลำตัวขาวโพลนดุจหิมะ มีลักษณะคล้ายกับน้ำแข็ง ดังนั้นจึงเรียกว่าสัตว์น้ำแข็ง”กู้หว่านเยว่หยิบตำราเล่มหนึ่งออกมา แล้วพลิกเปิดไปหน้าหนึ่งและยื่นให้ซูจิ่งสิง“สัตว์น้ำแข็ง กินดอกไม้น้ำแข็งเป็นอาหาร ตามตำนาน ต่อให้เขาทั้งสองข้างของพวกเขาจะหัก ก็ยังสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง หากได้เขามาบดเป็นผง สามารถช่วยคนที่กำลังจะตายให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งได้”แต่แน่นอนว่าเป็นแค่ตำนาน ความจริงอาจจะไม่ได้น่าตกใจถึงเพียงนั้นแต่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วถึงความล่ำค่าของสัตว์น้ำแข็งตัวนี้ ชักอยากรู้จริง ๆ ว่ายังมีสิ่งใดในโลกใบนี้ที่กล้าบอกว่าช่วยคนตายให้ฟื้นคืนชีพได้?ครั้นพ่อบ้านเฉียนเห็นกู้หว่านเยว่หยิบของจากในอากาศได้ ก็พลันตื่นตกใจจนตัวสั่นระริก“สัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาด!”หากมองดี ๆจะเห็นคราบสกปรกที่ไหลออกมาจากกางเกงของเขา นั้นคือปัสสาวะกู้หว่านเยว่แสดงสีหน้ารังเกียจ “ครั้งต่อไปอย่าพาใครเข้ามาสอบสวนในนี้อีก เปื้อนบ้าน
พูดได้ว่าท่อนบนของบทเพลง กู้หว่านเยว่เป่าจนชินมือแล้ว ครั้นนางเห็นท่อนล่างของบทเพลง หัวคิ้วก็เริ่มขมวดมุ่น ท่อนล่างของเพลงควบคุมสัตว์ร้าย นั้นยากกว่าแต่ก่อน ไม่เพียงแต่เนื้อหาที่เข้าใจยากแล้ว แม้แต่ทำนองก็ยังซับซ้อนอีกด้วยกู้หว่านเยว่หยิบขลุ่ยออกมา และทดลองเป่าสองสามท่อนของบทเพลง ผลปรากฏว่าเป่าติดขัด ไม่สามารถเป่าอย่างราบรื่นได้“ดูท่าทางถ้าหากจะเรียนรู้บทเพลงท่อนหลัง ยังต้องฝึกฝนอยู่บ่อยครัังถึงจะเป่าได้”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ได้ท้อใจ ถึงอย่างไรนางก็มีเวลา ตราบใดที่ยังว่าง ก็ยังเข้ามาฝึกฝนอยู่ในห้วงมิติได้ในขณะเดียวกัน นางเองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย บทเพลงควบคุมสัตว์ร้ายท่อนล่างใช้ทำอะไรได้บ้างกู้หว่านเยว่ฝึกฝนอยู่ครู่หนึ่ง ทางฝั่งของซูจิ่งสิงก็สอบสวนเสร็จพอดี“เป็นอย่างไรบ้าง พวกเขาสองคนเล่นตุกติกหรือไหม?”กู้หว่านเยว่กล่าวถามอย่างประหลาดใจ ซูจิ่งสิงพยักหน้า “จี่ลีเองก็ไม่รู้ว่าเหยลวี่เจิงอยู่ที่ไหน แต่นางบอกว่านางมีสหายคนหนึ่งในในหอร้อยบุปผา และอยู่ในเจดีย์หนิงกู่ อีกฝ่ายกำลังดำเนินตามแผนที่สองของเหยลวี่เจิง”“แผนที่สอง คือใช้การประมูลมาลอบทำร้ายพวกเรา แผนที่สองนั้นคื
ซูจิ่งสิงรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงกล่าวอย่างอ่อนโยน “เจ้าเก็บตั๋วเงินเหล่านี้ไปเถอะ”หลังจากสิ้นสุดการประมูล ปรมาจารย์แพทย์และผู้ฝากขายสมบัติคนอื่น ๆ ต่างก็ได้กำไรไปหมดแล้วดังนั้นตั๋วเงินในนี้ล้วนแต่เป็นตำลึงเงินที่ประมูลมาจากอินซานทั้งสิ้น“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”ครั้นนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาสมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย กู้หว่านเยว่ก็ไม่ยั้งมือแต่อย่างใด เพียงโบกมือเดียวก็กวาดเอากล่องตั๋วเงินจำนวนหนึ่งภายในห้องเข้าไปในห้วงมิติในเวลาเดียว นางเดินเข้ามาในมุมหนึ่งของห้อง รวบรวมสมบัติที่มากองไว้ตรงมุมหนึ่งของห้องเกรงว่าคงจะไม่มีใครรู้ เงินทั้งหมดที่ประมูลได้ในวันนี้ได้เข้ามาอยู่ในกระเป๋าของกู้หว่านเยว่เรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่านางคือผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด“ท่านพี่ เราไปกันเถอะ”สิ่งที่ควรถามก็ถามไปหมดแล้ว อยู่ในตลาดประมูลต่อก็ไม่มีประโยชน์อะไรกู้หว่านเยว่หยิบน้ำมันเชื้อเพลิงถังหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ แล้วลาดทั่วห้อง จากนั้นก็หยิบคบเพลิงหนึ่งอันมาจุดไฟเผาบ้านจนวอดวาย ก่อนจะพาซูจิ่งสิงกระโดดออกไปจากที่นี่ทั้งสองคนลอยตัวออกไปจากตลาดประมูล กระทั่งมาถึงยอดเขาที่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเม
“ผ่อนคลายไปทั้งตัว”เยียนอวิ๋นชูยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า แม้ว่าตอนนี้เขายังเดินเหมือนคนปกติไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายรู้สึกสบายตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ถูกพิษ ไม่รู้สึกกระสับกระส่ายและกดดันอีกต่อไป แม้แต่จิตใจก็ยังเบิกบานขึ้นมาก“ดี เดี๋ยวข้าจะเขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุงร่างกายให้ท่าน”หลังจากตื่นแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของซูจิ่งสิงเขามุ่งหน้าไปส่งจดหมายที่เมืองอูถ่านตามลำพัง และไม่รู้ว่าได้พบกับเยียนสือซานหรือไม่เช่นเดียวกับกู้หว่านเยว่ เยียนอวิ๋นชูก็เป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายของตัวเองเช่นกัน กลัวว่าเขาจะตกหลุมพรางของเหยลวี่เจิงทั้งสองตัดสินใจทันทีว่าจะรับประทานอาหารกลางวันบนรถม้า ตอนนี้พวกเขาจะไปเก็บสัมภาระ มุ่งหน้าไปยังเมืองอูถ่านทันที“ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ใหญ่จะเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเป็นกังวล เสี่ยวถ่านจับจ้องไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาจนทั่วหล้าต้องขุ่นเคืองของเขา พลางถามอย่างอ่อนแรง“พี่รอง ควรอำพรางตัวให้พี่รองเยียนด้วยหรือไม่?ท่านดูสิเขาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ออกไปเดินบนท้องถนนต้องดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายเป็นแน่ ทัน
เยียนอวิ๋นชูน่าสงสารนัก กู้หว่านเยว่ก็ใจอ่อนในชั่วพริบตา“เชื่อข้าเถอะ พิษในร่างกายของท่านจะถูกขับออกมาแน่นอน ต่อไปท่านจะไม่สูญเสียการควบคุมอีกแล้วแต่ขาของท่าน เนื่องจากไม่ได้เดินมานานเกินไป อาจต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี จึงจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ”“นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ”เยียนอวิ๋นชูก็ไม่ได้คาดหวังว่าขาของเขาจะหายดีได้ในชั่วข้ามคืนพิการมานานสิบกว่าปี ได้มีความหวังที่จะยืนขึ้นได้อีกครั้ง สำหรับเขาก็เป็นพรอันยิ่งใหญ่แล้วเขาดื่มยาหม้อหมดในคราเดียวในไม่ช้า ความไม่สบายก็เข้ามาภายในร่างกาย“ยาหม้อนี้มีสรรพคุณในการล้างพิษ ต่อไปท่านอาจจะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย อาจถึงขั้นมีไข้สูง แต่ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน”กู้หว่านเยว่หยิบเข็มเงินออกมาอย่างเป็นระเบียบขั้นตอน ราวกับว่ามองเห็นเหตุการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้วน้ำเสียงสุขุมของนาง ทำให้จิตใจที่ไม่เป็นสุขของเยียนอวิ๋นชูสงบลงมากร่างกายเจ็บปวดมากเกินไป เขาจึงพยายามหลับตาทั้งสอง ข่มความเจ็บปวดนี้เอาไว้เหงื่อเย็นเยียบพรั่งพรูออกมาจากร่างกายของเขาดั่งสายฝนกู้หว่านเยว่ถือผ้าขนหนูไว้ คอยเช็ดเหงื่อให้เขาอย่างอดทน เมื่อพบว่าเขาทนไม่ไ
ความคิดของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปโดยพลัน เขาไม่คิดว่ากู้หว่านเยว่ จะหลอกลวงเขาในเรื่องแบบนี้ แสดงว่าร่างกายของเขาถูกวางยาพิษจริง ๆ และพิษนี้เริ่มตั้งแต่ขาทั้งสองของเขายืนไม่ได้ อย่างน้อยก็สิบกว่าปีแล้วเยียนอวิ๋นชูนึกย้อนกลับไปในหัวใครกันที่สามารถวางยาพิษเขาได้ในช่วงเวลานั้น แต่กลับไม่ได้อะไรเลย เวลามันเนิ่นนานเกินไปแล้วเขารู้ว่า ในขณะนี้สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การตามหาคนที่วางยาพิษ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการล้างพิษในร่างกายของเขา“เจ้า เจ้าล้างพิษในร่างกายของข้าได้ไหม?”“ตอนนี้รู้จักขอร้องข้าแล้วหรือ เมื่อครู่ยังหน้าซีดรีบร้อนขับไล่ข้าออกไปมิใช่หรือ?”กู้หว่านเยว่กะพริบตายั่วเย้า ใช้น้ำเสียงหยอกล้อ ทำให้เยียนอวิ๋นชูหน้าแดง แทบจะพาลโกรธเอาดื้อ ๆ อีกครั้ง“เจ้า...”เมื่อเห็นเขากัดริมฝีปาก กู้หว่านเยว่ก็หัวเราะคิกคัก“เอาล่ะ ข้าแค่หยอกล้อท่านเฉย ๆ ข้าสามารถล้างพิษได้ วางใจเถิด”นางปลอมตัวเป็นผู้ชาย ใบหน้าหล่อเหลาอยู่แล้ว ในเวลานี้ได้เผยรอยยิ้มที่น่าหลงใหลออกมาอย่างฉับพลันเยียนอวิ๋นชูตกตะลึงไปชั่วขณะ มองดูใบหน้าที่เปล่งประกายของนาง รู้สึกว่าหัวใจนั้นเต้นแรงเขารีบกุมหัวใจเอาไว้ แล
เซียวหลิ่นหลีกทางให้โดยจิตใต้สำนึก กู้หว่านเยว่กำลังจะจับมือของเยียนอวิ๋นชู แต่ฝ่ายหลังกลับดันรถเข็นถอยหลังอย่างไม่คาดคิดปากก็ยังด่าทอเสียงดัง“ไปให้พ้น ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสงสารข้า เจ้าเป็นอะไรกับข้าหรือ ปล่อยข้าไว้คนเดียวให้สงบสติอารมณ์สักพัก รีบออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”เยียนอวิ๋นชูคำรามลั่น ใบหน้าหล่อเหยเกเล็กน้อย คำพูดที่เอ่ยออกมาแย่มากจนทำให้มุมปากของเซียวหลิ่นกระตุก“คุณชายรอง!”คุณชายรองเกิดลมบ้าหมูอะไรขึ้นมา จอมยุทธหนุ่มท่านนี้เมื่อครู่สามารถใช้เข็มเงินนั่นฆ่าใครก็ได้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่านี่คือบุคคลที่มีทักษะทางการแพทย์สูงมาก หวังดีจะช่วยชีวิตเขา เหตุใดเขาถึงยังด่าทออย่างรุนแรง?“จอมยุทธหนุ่ม ขอโทษด้วยจริง ๆ”เซียวหลิ่นรีบขอโทษกู้หว่านเยว่ หวังว่านางจะใจกว้างไม่ถือสาคนต่ำทรามและกู้หว่านเยว่ก็มองดูท่าทางต่อต้านของเยียนอวิ๋นชู ครุ่นคิดเล็กน้อยก็รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร“ท่านผู้นี้ ช่างดื้อรั้นเสียจริง!”เขาคงกลัวว่าจะสูญเสียการควบคุมและทำร้ายนาง ดังนั้นเขาจึงพูดจาดุดันเพราะต้องการขับไล่นางออกไป ทั้ง ๆ ที่นัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ยังดึงดันที่จะแสร้ง
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ