“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
โดยทั่วไปแล้ว สถานที่ที่มีสัตว์ประหลาดคอยเฝ้าอยู่ มักจะมีสมบัติและดูจากแผนที่แล้ว ที่นี่เป็นเพียงทางเข้าสุสานใต้ดินเท่านั้น ยังไปไม่ถึงส่วนลึกของสุสานใต้ดินเลยด้วยซ้ำในเมื่อได้แผนที่มาแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ไม่มีทางกลับไปมือเปล่าแน่นอน ด้วยนิสัยของนางแล้ว จะต้องกวาดล้างสมบัติในสุสานใต้ดินแห่งนี้ให้หมดเกลี้ยงถึงจะพอใจ“ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้า”ซูจิ่งสิงไม่ได้ปฏิเสธเพราะเขารู้สึกได้ว่า นับตั้งแต่เข้ามาในสุสานใต้ดิน ความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังเรียกหาเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีเมื่อเดินไปถึงส่วนลึกของสุสานใต้ดิน เขาอาจจะไขปริศนานี้ได้หนานหยางอ๋องไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ตนพูดไปมากมายขนาดนั้น สองสามีภรรยาคู่นี้ยังจะคิดเข้าไปตายอีก ทำเอาเกือบจะกระอักเลือดออกมา“ท่านอ๋อง พระชายา ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าข้างในนั้นมีสัตว์ประหลาด พวกท่านเข้าไป จะพบกับอันตราย”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “วางใจเถอะ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหน ข้าก็ไม่กลัวหรอก และต่อหน้าข้า พวกมันก็เทียบข้าไม่ติด”ล้อเล่นน่า สัตว์ประหลาดอะไรจะน่ากลัวเท่านางกันล่ะ?ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดพวกนั้น เมื่อเห็นน
อีกอย่างพวกเขาหนีออกมาโดยไม่ได้นำเงินติดตัวมาด้วยสักแดงเดียวในขณะที่ทั้งสามคนกำลังโต้แย้งกันอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเงาดำสองร่างกระโดดลงมาจากหลังคาเจี่ยฮูหยินและเจี่ยอวิ๋นเคยเจอกับโจรในเมืองเหยามาแล้ว จึงยังคงหวาดกลัว คิดว่าเป็นโจรกลุ่มนั้น จึงพากันตื่นตกใจในขณะที่กำลังจะตะโกนเสียงดังนั้น หลิ่วเพียวเพียวที่อยู่ถัดไปก็เห็นโฉมหน้าของกู้หว่านเยว่เสียงก่อน“ช้าก่อน อย่าเพิ่งส่งเสียงดัง นั้นคือลูกพี่ลูกน้องของข้าเอง!”นางรีบขวางสองคนนั้นไว้ จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าของกู้หว่านเยว่“หว่านเยว่? ไม่เจอกันนานเลย”กู้หว่านเยว่คว้ามือของหลิ่วเพียวเพียวมาจับชีพจรให้นาง อื้อ ดีขึ้นมากแล้ว จังหวะการเต้นของชีพจรคงที่ ดูท่าทางเจี่ยอวิ๋นจะดูแลพี่หญิงคนนี้เป็นอย่างดี“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้ายังคิดว่าข้าตาฝาดอยู่เลย”ครั้นได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่ หลิ่วเพียวเพียวก็เชื่อสนิทใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือน้องหญิงของนาง!ครั้นนึกย้อนกลับไปตอนที่อยู่บนเตียงในช่วงแรก หลิ่วเพียวเพียวและคนในตระกูลหลิ่วต่เคยให้สิ่งของกับกู้หว่านเยว่แต่นางมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?อีกทั้งยังกระโดดลงมาจากหลังคาด
“อวิ๋นเอ๋อร์”เจี่ยฮูหยินเป็นคนขี้ขลาด ยามอยู่ต่อหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ที่มีอำนาจกลับพูดไม่ออกครั้นเห็นบุตรชายและลูกสะใภ้ ก็ราวกับเห็นเทพบุตรขี่ม้าขาวมาช่วย“พวกท่านสองคนทำอะไรกันขอรับ?”เจี่ยอวิ๋นเดินรุดขึ้นหน้า จากนั้นก็ลากคนรับใช้ของเจี่ยฮูหยินออกไป ก่อนจะจ้องมองคนตระกูลหลี่ด้วยสายตาโกรธเคือง “อวิ๋นเอ๋อร์ รังนกชิ้นนี้เป็นรังนกที่พี่หญิงของเจ้าให้ข้า ข้าเห็นว่าสุขภาพร่างกายของท่านพ่อในช่วงสองสามวันนี้ไม่ค่อยดีนัก จึงนำรังนกไปให้ในครัวตุ๋ยยาให้เขาดื่ม ปรากฏว่าท่านแม่เข้าใจผิดคิดว่าข้าขโมยรังนกชิ้นนี้มาจากนาง”เจี่ยฮูหยินพยายามรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองทันทีที่เจี่ยอวิ๋นและหลิ่วเพียวเพียวได้ยินเช่นนี้ ก็นึกสงสัยว่ายังมีสิ่งใดที่พวกเขายังไม่รู้อีกหรือ?คนในตระกูลหลี่มองพวกเขาราวกับญาติยาจกที่มาพึ่งพาพวกเขา จึงมักจะพูดจาถากถางให้พวกเขาได้ยินอยู่บ่อย ๆ บัดนี้พวกเขาชักจะเหิมเกินเกินไป กล่าวหาว่าท่านแม่ของเขาเป็นหัวขโมย!เจี่ยฮูหยินรักหลิ่วเพียวเพียวมาก ออกโรงช่วยพูดแทนแม่สามีทันที“ป้าหลี่ รังนกของท่านหายไปใช่หรือไม่?”ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ชำเลืองมองหลิ่วเพียวเพียวแวบหนึ่ง ก่อนจ
กู้หว่านเยว่หยิบเศษตำลึงเงินออกมาจากอกเสื้อและวางลงบนมือของเสี่ยวเอ้อร์“เก็บไว้กินเหล้านะ ลำบากเจ้าแล้วล่ะ กลับไปก่อนเถอะ ต่อไปข้าไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าแล้ว”“ขอบคุณฮูหยินขอรับ”เสี่ยวเอ้อร์เป็นเด็กที่ฉลาดมาก เขารับตำลึงเงินและรีบจากไปทันทีจนกระทั่งแผ่นหลังของเสี่ยวเอ้อร์หายลับไปจากถนน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ลอยตัวเข้าไปในจวนหลี่“ระบบ ช่วยข้าล็อกตำแหน่งที่อยู่ของพี่หญิงหน่อยสิ”กู้หว่านเยว่เคยเจอกับหลิ่วเพียวเพียวแล้ว ดังนั้นระบบจึงสามารถหาตำแหน่งของนางภายในขอบเขตขนาดเล็กได้“นายหญิง คุณหนูหลิ่วอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้”ภายในจวนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจวนหลี่ในเวลานี้ เจียอวิ๋นกำลังประคองหลิ่วเพียวเพียวนั่งลง“ไม่รู้ว่าท่านตา ท่านยาย ท่านพ่อ ท่านแม่และน้องชายของข้าจะเป็นอย่างไรบ้าง จากข่าวของเมืองฉูโจว ได้ยินมาว่าอุตสาหกรรมทั้งหมดของตระกูลพวกเขาล้มละลาย ตระกูลหลิ่วเองก็หายตัวไปอย่างไร้วี่แวว”หลิ่วเพียวเพียวเช็ดน้ำตา สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลเจี่ยอวิ๋นเห็นภรรยาเป็นกังวลเช่นนี้ ก็ทอดถอนใจเขาไร้อำนาจ ทำได้เพียงแค่ให้คำแนะนำเท่านั้น “เจ้าอย่าเพิ่งกังวลเกินไป วางใจเถอะ
ทิวทัศน์จากกำแพงเมืองช่างงดงามยิ่งนัก หากศัตรูคิดจะลอบโจมตี ทหารที่เฝ้าประจำการอยู่บนกำแพงจะเห็นเป็นคนแรกกองทัพที่อยู่ด้านล่างไม่สามารถเล็ดลอดสายตาของทหารเหล่านี้ไปได้“มิน่าล่ะหนานหยางอ๋องถึงได้เป็นกังวลยิ่งนัก”กู้หว่านเยว่หันไปมองซูจิ่งสิง “เราไปตามหาพี่หญิงของข้าก่อนหรือจะไปตามหาหลิวชวี่ก่อนดีเจ้าคะ?”นางรู้ว่าเหตุผลหลักที่ซูจิ่งสิงมายังเมืองจางโจวก็เพื่อตามหาสหายเก่า คาดว่าคงอยากเจอกับอีกฝ่ายสักครั้ง แล้วดูว่าแม่ทัพหลิวผู้นี้จะมีท่าทีอย่างไรหากสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามได้ ก็คงจะดียิ่งนักสามารถแก้ไขปัญหาโดยปราศจากการนองเลือดได้ ราษฎรในเมืองจางโจก็จะได้รับความลำบากจากสงครามน้อยลง“ไปตามหาพี่หญิงของเจ้าก่อนเถิด”ซูจิ่งสิงกล่าวเพียงประโยคเดียวเขาไม่ได้รีบออกตามหาหลิวชวี่ขนาดนั้น ไปตามหาหลิ่วเพียวเพียวก่อน กู้หว่านเยว่จะได้วางใจ“ก็ดี เช่นนั้นก็ออกตามหาพี่หญิงของข้าก่อน”“ไปกันเถอะ เราเข้าเมืองก่อนแล้วค่อยว่ากัน”ซูจิ่งสิงกระซิบข้างหูของกู้หว่านเยว่เบา ๆ เพียงพริบตาเดียวก็พบว่าทั้งสองคนได้เข้ามาอยู่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว เวลานี้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนถนนมีจำนวนน้
กู้หวย่านเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วเพียวเพียวกำลังตั้งครรภ์ คนในตระกูลเจี่ยจะต้องไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ จะต้องพานางไปด้วยอย่างแน่นอนอีกอย่างในตอนที่นางสอบถามพวกโจร นางไม่เคยได้ยินเรื่องที่หัวหน้าตระกูลถูกฆ่าตายอยู่ในจวนเจี่ยจากปากของพวกเขาเลย“ท่านพี่ ข้าอยากสำรวจเมืองจางโจวในเวลากลางคืน”หลังจากที่ลงหลักปักฐานแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปปรึกษากับซูจิ่งสิงในเมื่อมีเบาะแสของหลิ่วเพียวเพียวแล้ว นางจึงตัดสินใจว่าจะไปดูด้วยของตัวเอง ถึงอย่างไรพี่หญิงก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งเป็นช่วงที่อันตรายมากหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องตลก นางจะต้องมั่นใจที่อยู่ของอีกฝ่าย ถึงจะกล้าวางใจหากได้กลับไป ก็ไม่ถึงกับพูดไม่ออกต่อหน้าท่านลุงและท่านป้า“ข้าจะไปกับเจ้า” ซูจิ่งสิงเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ แต่เขาไม่วางใจให้กู้หว่านเยว่ไปเพียงลำพัง ไม่ว่าอย่างไรเขาจะตามนางไปด้วย“เจ้ายังต้องอยู่ในค่าย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจะได้รับมือได้ทันท่วงที”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางกลัวว่าท่านแม่ทัพจางโจวจะจู่โจมในเวลากลางคืนโดยไม่ทันตั้งตัว หากซูจิ่งสิงไม่อยู่ที่นี่ สถานการณ์อาจจะเลวร้ายกว่านี้ก
“ไม่ได้” เฉิงฮูหยินกอดร่างอวบอ้วนของเฉิงซินไว้ในอ้อมกอด “นี่คือบุตรชายเพียงคนเดียวของเรานะ ท่านส่งเขาออกบวชเช่นนี้ ท่านจะฆ่าข้าด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ?”นางเช็ดน้ำตาด้วยความเสียใจ“หากหวนเอ๋อร์ยังมีชีวิติอยาละก็ ต่อให้ท่านเฆี่ยนเขาจนตาย ข้าก็จะไม่ขวางท่าน แต่นี่หวนเอ๋อร์ก็ตายไปแล้ว ข้ามีบุตรชายเพียงคนเดียว ท่านจะไม่เห็นแก่หน้าของข้าบ้างอย่างนั้นหรือ?”ครั้นเฉิงทั่วนึกถึงบุตรชายคนโตที่มีความเชี่ยวชาญด้านบทกวีและมีทักษะการต่อสู้ก็อดเศร้าใจขึ้นมาไม่ได้ ที่แท้เหนือกว่าเฉิงซินขึ้นไปก็ยังมีพี่ชายอีกหนึ่งคนที่มีความเฉลียวฉลาดยิ่งกว่านี่เองเพียงเพราะเป็นบุตรชายคนโต เฉิงฮูหยินจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เขา เข้มงวดด้านกฎระเบียบปรากฏว่ากลับเข้มงวดมากเกินไป จนทำให้บุตรชายผู้นี้ต้องตายในที่สุด“หลังจากนั้นเป็นต้นมา ท่านแม่ของข้าก็มักจะหวาดกลัวอยู่เสมอ”เฉิงเหลียนชำเลืองมองกู้หว่านเยว่แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ“กลัวว่าข้าจะเจริญรอยตามพี่ใหญ่ จึงไม่กล้าอบรมสั่งสอนพี่รอง ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องฆ่าคนและวางเพลิง นางก็มักจะตามใจเขาอยู่เสมอ”กู้หว่านเยว่ประหลาดใจมาก ยังใช้เหตุผลนี้กันอยู่อีกหร
“เพียงแต่เราต้องตกลงกันให้ชัดเจนก่อน ท่านตามข้าได้ แต่ท่านห้ามเข้าเมืองหลวงพร้อมกับข้า เมื่อเข้าเขตเมืองหลวง ข้าจะให้ท่านไปพักในโรงเตี๊ยมที่ปลอดภัย ถึงยามนั้นข้าจะเข้าไปเพียงลำพัง หากข้ากลับออกมาอย่างปลอดภัย ข้าค่อยพาท่านกลับเจดีย์หนิงกู่ เพื่อกราบขอโทษท่านอ๋องและพระชายา แต่หากข้าไม่กลับออกมา คนของข้าจะคุ้มกันท่านกลับบ้านอย่างปลอดภัย”มู่หรงฉางเล่อหลุดหัวเราะออกมา“เหอะ ๆ พูดไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย หมายความว่าอย่างไรไม่กลับออกมา? ไม่ว่าอย่างไรท่านต้องกลับออกมาเจ้าค่ะ”อวิ๋นมู่มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง ครั้งนี้เจ้าจะไม่ให้นางบิดพลิ้วง่าย ๆ อีก“ได้โปรดท่านหญิงจงรับปากข้า มิเช่นนั้นข้าจะเลี้ยวหัวกลับเดี๋ยวนี้ พาท่านกลับไปส่งเมืองซุ่ยโจว”มู่หรงฉางเล่อถอนหายใจ“ก็ได้ ๆ ข้ารับปากท่าน”ตอนนี้นางยอมรับปากส่งเดชไปก่อน แต่เมื่อถึงที่หมายแล้วจะทำอย่างไรนั้นก็ค่อยว่ากันกู้หว่านเยว่เดาออกว่าเรื่องของแม่นางตั่วไม่มีทางจบในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ในเช้าวันต่อมาก็เกิดเรื่องขึ้น หลังจากที่เฉิงฮูหยินตื่นนอน ก็ส่งตัวแม่นางตั่วออกไปและโน้มน้าวไม่ให้เฉิงซินบอกเขาเดิมทีเ
เสียงนี้เป็นเสียงของผู้หญิงอย่างชัดเจน อวิ๋นมู่รู้สึกถึงบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงรีบเปิดม่านและชะโงกหน้าออกไปดู“ท่าน...”คนของอวิ๋นมู่โง่เขลาไปชั่วขณะในตอนที่เขาโผล่หน้าออกมานั้น ก็เจอกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มหวานของคนผู้นั้นพอดีเจ้าของรอยยิ้มผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นมู่หรงฉางเล่อนั้นเอง“ท่านหญิง ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”อวิ๋นมู่รีบมองไปรอบ ๆ หน้าผากเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดพราย คิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่กระทั่งเห็นว่าบนทางหลวงที่ค่อนข้างคับแคบแห่งนี้มีเพียงรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เพียงคันเดียวแต่มู่หรงฉางเล่อนั่งอยู่บนที่นั่งที่ประกอบด้วยไม้บริเวณด้านหน้าของรถม้า มือข้างหนึ่งจับเชือกบังเหียน แต่งกายเป็นคนขับรถม้าแล้วอวิ๋นมู่จะรู้ได้อย่างไร ว่าสตรีผู้นี้แต่งกายเป็นคนบังคับม้า และแอบขึ้นมาบนรถม้าของเขา ออกเดินทางไปเมืองซุ่ยโจวกับเขามาไกลถึงเพียงนี้!“คุณชายอวิ๋น ทำไมพอเจอข้าแล้วถึงนิ่งงันไปเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ?”มู่หรงฉางเล่อเอียงคอคลี่ยิ้มนัยน์ตาของนางฉายแววเฉลียวฉลาดที่ชวนหลงใหลออกมา จากนั้นก็โยนเชือกบังเหียนไปให้กับคนบังคับม้าที่อยู่ข้างกาย จากนั้นก็
นางออกคำสั่งเป็นปกติ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายทำได้แต่เพียงฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดจะออกความคิดเห็นแต่อย่างใดเฉิงเหลียนรู้ว่านางเชื่อถือได้ “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”ตอนจากไป นางย่างก้าวราวกับเหาะออกไปเลยทีเดียว“พระชายาช่างใจดียิ่งนัก” ชิงเหลียนอดทอดถอนใจไม่ได้แน่นอนว่าครั้นแม่นางเฉิงเหลียนได้รับความไม่ยุติธรรมจากตระกูลเฉิง นางจึงอยากพาอีกฝ่ายไปด้วย“นางสมควรได้รับ”กู้หว่านเยว่เห็นฝีมือและประสบการณ์ด้านการนำทัพของเฉิงเหลียนแล้ว นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งเพียงแต่น่าเสียดายที่นางเป็นสตรี จึงได้รับข้อจำกัดทุกด้านแต่หากนางได้อยู่ที่นี่ ก็ไม่ต้องกังวลมากนักนางให้โอกาสเฉิงเหลียนได้แสดงความสามารถของตัวเองอย่างอิสระ“ท่านพี่ เรากลับกันเถอะ”หลังจากเสียเวลามาตลอดครึ่งเช้า ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปกินมื้อเที่ยงแล้วกู้หว่านเยว่จูงมือของซูจิ่งสิงกลับมาถึงจวน กระทั่งเห็นสาวใช้วิ่งออกมาอย่างกระวนกระวายใจ“ท่านอ๋อง พระชายา แย่แล้ว ท่านหญิงฉางเล่อหายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”นี่คือสาวใช้ของมู่หรงฉางเล่อ ชื่อว่ากู๋อวี่กู๋อวี่ถือจดหมายฉบับหนึ่ง ด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้“ข้าน้อยไป